Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 299 คุณชายต้องบำรุงร่างกายสักหน่อย

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

รถพยาบาลเปิดสัญญาณเตือนภัย แล้วเคลื่อนตัวออกไป

มุมนี้ของห้างสรรพสินค้า เงียบสงัดลงทันที

สายตาที่ทุกคนจ้องมองเฉินตง เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวและประหลาดใจ

ใครจะไปคิดว่า เด็กหนุ่มที่นั่งกินบะหมี่เย็นอยู่บนเก้าอี้ริมทางเดิน จะเป็นเจ้าของบริษัทไท่ติ่ง ?

เสียงสัญญาณเตือนภัยของรถพยาบาลที่ดังขึ้น ทำให้ทุกคนรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง

ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาคงจะจินตนาการไม่ออกเลยว่า บนโลกนี้จะมีคนที่ถูกต่อยจนเละเป็นโจ๊กอยู่จริงๆ

แต่กลัวก็ส่วนกลัว เพราะทุกคนในที่เกิดเหตุ กลับไม่มีใครรู้สึกเห็นใจชายวัยกลางคนแม้แต่คนเดียว

เศรษฐีหน้าใหม่ ดูหมิ่นภรรยาของเจ้าของบริษัทไท่ติ่งต่อหน้าสาธารณชน ตอนกลางวันแสกๆ ?

เรื่องนี้ใครจะไปทนไหว ?

อย่าว่าแต่คนระดับเฉินตงเลย แม้แต่คนธรรมดา ก็ไม่มีใครที่จะข่มความโกรธเช่นนี้เอาไว้ได้แน่นอน

จะให้ภรรยาอับอายไม่ได้ !

ถ้าปล่อยให้ชายอื่นมาดูหมิ่นภรรยาของจนเองได้ เช่นนั้นจะถือว่าเป็นผู้ชายแบบไหนกัน ?

สิ่งที่ผู้ชายต้องปกป้องดูแล ไม่ได้มีเพียงแค่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเท่านั้น แต่ยังมีพี่น้องที่อยู่ข้างกาย และหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยไม่ใช่หรือ ?

“ไปกันเถอะ”

เฉินตงหันไปพูดกับกู้ชิงหยิ่งอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงค่อยๆ หยิบถุงทั้งใบเล็กใบใหญ่ที่วางอยู่ขึ้นมาอย่างมีความสุข

และท่าทีในการเคลื่อนไหว ก็ไม่หลงเหลือเจตนาฆ่าอันรุนแรงเมื่อครู่อยู่อีกเลย

ภาพที่เกิดขึ้น สร้างความประหลาดใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มองดูกู้ชิงหยิ่งด้วยความรู้สึกอิจฉา

มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากมีแฟนแบบนี้บ้าง ?

กู้ชิงหยิ่งยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน แล้วคล้องแขนเฉินตง : “กลับบ้านเถอะค่ะ”

“ยังเดินเล่นไม่เสร็จเลยนี่”

เฉินตงชี้ขึ้นไปที่ชั้นบน แล้วกล่าวขอโทษ : “ขอโทษด้วยนะ เรื่องเมื่อกี้อาจจะกระทบจิตใจของคุณ แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”

“โธ่ ฉันชอบท่าทางของคุณเมื่อกี้จะตายไป เดินมาตั้งครึ่งวันแล้ว ฉันเองก็เหนื่อยแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ”

กู้ชิงหยิ่งโอดครวญและกะพริบตาปริบๆ : “ที่รัก เมื่อกี้คุณหล่อมากเลยนะ ฉันจะให้รางวัลคุณ !”

เฉินตงผงะไป จากนั้นเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

เมื่อกลับถึงบ้าน

ท่านหลง คุนหลุน และฟ่านลู่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

โทรทัศน์กำลังเสนอข่าวของวงการบันเทิง เป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉินหยู่เฟย

ในขณะที่ท่านหลงและคุนหลุนกำลังง่วนอยู่กับการจัดระเบียบข้อมูล ฟ่านลู่เองก็คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ

ข่าวบันเทิงที่นำเสนออยู่ในโทรทัศน์ เป็นสิ่งที่ไม่สลักสำคัญอีกต่อไป

ในสายตาของพวกเขา เฉินหยู่เฟยในตอนนี้ ก็เป็นเพียงแค่ตัวตลกเท่านั้น

ต้องการเอาเปรียบผู้อื่นแต่กลับขาดทุนเสียเอง เป็นสิ่งที่ใช้อธิบายสถานการณ์ของเฉินหยู่เฟยได้ดีที่สุด

“คุณชาย คุณผู้หญิง ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะครับ ?”

ท่านหลงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเห็นเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งแนบซบกันไปมา เธอพิงฉัน ฉันพิงเธอ

ท่านหลงก็พอเข้าใจได้ในทันที

เขากระแอมเบาๆ : “เอ่อ คุนหลุนกับฟ่านลู่ยุ่งกันมาตลอดทั้งเช้าแล้ว ไปพักผ่อนกันสักเดี๋ยวเถอะ ออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

เมื่อเห็นทั้งสามคนเดินออกไปแล้ว กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

เธอบ่นพึมพำออกมาเบาๆ : “แหม ทำไมท่านหลงถึงรู้ทันไปหมดเลยนะ ?”

“คนอายุมากขนาดนั้นแล้ว ถ้าเป็นขิงก็คงจะเผ็ดน่าดู”

เฉินตงยิ้มอย่างเบิกบาน : “ไปกันเถอะ ต้องรีบผลิตเฉินตงน้อยแล้ว”

“คนบ้า !”

กู้ชิงหยิ่งมองอย่างตำหนิ

ตอนเที่ยงที่ร้อนจ้า

ปล่อยอารมณ์ไปตามอำเภอใจ

หลังจากที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มมาทั้งคืน ความอัดอั้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา ก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น

พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกซึ่งกันและกัน แสดงออกถึงความโหยหาซึ่งกันและกัน

ครั้งแล้ว……ครั้งเล่า……อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย……

จนกระทั่งถึงพระอาทิตย์ตกดิน และพระจันทร์ลอยเคลื่อนเข้ามาแทนที่

เฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า และเดินลงมาชั้นล่าง

ในห้องอาหาร ฟ่านลู่ได้จัดเตรียมอาหารอันโอชะเอาไว้เต็มโต๊ะเรียบร้อยแล้ว กลิ่นหอมลอยตลบอบอวลไปทั่ว

เฉินตงที่ทำภารกิจมาตลอดทั้งบ่าย เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร ก็น้ำลายไหลทันที

“พี่ฟ่านลู่ วันนี้ทำของอร่อยอะไรหรือครับ ?”

เฉินตงจูงกู้ชิงหยิ่งเดินไปที่ห้องอาหาร

ท่านหลงกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ ส่วนคุนหลุนและฟ่านลู่ยังคงง่วนอยู่ในห้องครัว

แต่เมื่อเฉินตงได้เห็นอาหารอันโอชะที่จัดวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ก็ผงะไปทันที

ตะพาบน้ำตุ๋นโสม

หอยนางรมสดตัวอวบอิ่ม

……

นี่ดูเหมือนจะบำรุงมากเกินไปหรือเปล่า ?

เฉินตงรู้สึกตกใจมาก

ส่วนกู้ชิงหยิ่งกลับมีสีหน้างงงวย

ท่านหลงค่อยๆ วางหนังสือพิมพ์ลง แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย : “คุณชายต้องบำรุงร่างกายสักหน่อยนะครับ”

เฉินตง : “……”

กู้ชิงหยิ่ง : “……”

พอดีกับที่คุนหลุนและฟ่านลู่เดินออกมาจากห้องครัวพอดี

หลังจากที่วางผัดกุยช่ายจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ ฟ่านลู่ก็ไม่ลืมที่จะเอาเก๋ากี๋ออกมาโรยตกแต่งบนจานอย่างพิถีพิถันอีกด้วย

ให้ตายเถอะ……นี่มันบำรุงกันเกินไปแล้ว !

จะพูดว่ามากเกินไปก็ได้ !

“คุณชาย ทานข้าวได้แล้วครับ” คุนหลุนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมเหรอ ?” กู้ชิงหยิ่งหันไปมองเฉินตงด้วยความสงสัย

เฉินตงลูบจมูก แล้วยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วจึงนั่งลงทานอาหารพร้อมกับกู้ชิงหยิ่ง

กู้ชิงหยิ่งไม่รู้ถึงความหมายของอาหารมื้อนี้

เขาจึงไม่กล้าที่จะพูดออกมาตรงๆ

เพียงแต่อาหารมื้อนี้ เฉินตงไม่เพียงรู้สึกเก้อเขินที่จะต้องรับประทานเท่านั้น ต่อให้มีอาหารรสเลิศวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ เขากลับรู้สึกตกตะลึงจนแทบจะกินไม่ลง

การบำรุงเช่นนี้ ดูจะโจ่งแจ้งเกินไปหน่อย

หลังจากทานอาหารมื้อนี้เสร็จ

เฉินตงรู้สึกอึดอัดใจมาก เขารีบจูงกู้ชิงหยิ่งออกจากวิลล่าไปเดินเล่นอยู่ด้านนอก

ท่านหลงมองดูคนทั้งสอง ที่เหมือนกับกำลังพยายามเดินหนี ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและเอ็นดู

กลับเป็นคุนหลุนที่ไม่อาจทนได้ : “ท่านหลง คุณให้เสี่ยวลู่ทำของบำรุงให้คุณชายขนาดนี้ จะเป็นการบำรุงคุณชายมากเกินไปจนเกิดผลเสียหรือเปล่า ?”

“พูดเหลวไหล !”

ท่านหลงเหลือบมอง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม : “นี่เป็นความประสงค์ของนายท่าน ของอยากจะอุ้มหลานจนเต็มแก่แล้ว”

“เฮ้อ~”

คุนหลุนและฟ่านลู่หันมองหน้ากัน แล้วจึงถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

อากาศยามค่ำคืนเย็นเยือกราวกับน้ำ

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งเดินจูงมือกัน แล้วค่อยๆ เดินไปบนทางเดินอย่างช้าๆ มีสายลมยามค่ำคืนโชยพัดมา และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สงบ

เฉินตงไม่ได้สัมผัสกับชีวิตที่ผ่อนคลายเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว

การปรากฏตัวของท่านหลง ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ทำให้เขาได้ครอบครองโอกาสที่จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

เพื่อโอกาสครั้งนี้ เขาแทบจะยุ่งอยู่กับงานตลอดทั้งวันทั้งคืน

แต่ในช่วงที่ผ่านมานี้ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากมาย ทำให้เขารู้สึกเครียดอยู่ตลอดเวลา

ตอนนี้ได้ซึมซับกับบรรยากาศที่สงบเช่นนี้ โดยไม่ต้องรับรู้อะไร

เวลาครึ่งเดือนหลังจากนี้

จะเป็นวันเวลาที่ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายและสบาย

ทุกวันที่เฉินตงคอยอยู่เป็นเพื่อนกู้ชิงหยิ่ง ก็จะจัดการกับงานของบริษัทที่อยู่ในมือไปด้วยในเวลาเดียวกัน

หลังจากที่เฉินหยู่เฟยลาออกจากวงการบันเทิง ความคิดเห็นของผู้คนที่มีต่อเฉินตง ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

บนโลกอินเทอร์เน็ตก็เช่นเดียวกัน ความคิดเห็นของผู้คนมาเร็วก็ไปเร็ว

ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ สามารถทำให้คนลืมเรื่องราวได้มากมาย

หลังจากที่ความคิดเห็นของผู้คนเบาบางลง บริษัทขนาดใหญ่ต่างๆ ที่อยู่ในมือของเฉินตง ก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาสู่ภาวะปกติ

บริษัทการเงินของฉินเย่และฉินเสี่ยวเชียน บริษัทด้านความบันเทิงของฉู่เจียนเจีย ต่างก็เริ่มดำเนินธุรกิจอย่างรวดเร็วเช่นกัน

มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ก็คือ

เป็นเพราะเรื่องความคิดเห็นของประชาชนเรื่องนี้ ทำให้ตระกูลจางต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างจางหยู่หลันและฉินเย่

เฉินตงจึงได้รับปากกับจางหยู่หลันและฉู่เจียนเจียว่า จะร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทด้านบันเทิงขึ้น แต่ผู้นำยังคงต้องเป็นฉู่เจียนเจียอยู่

เขารู้ดีว่า ในตลาดการแข่งขันทางธุรกิจ ฉู่เจียนเจียและจางหยู่หลันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยด้วยซ้ำ

เช้าตรู่วันนี้ หลังจากที่เฉินตงส่งกู้ชิงหยิ่งไปทำงานที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่แล้ว เขาก็ขับรถปอร์เช่ 911 ของกู้ชิงหยิ่งมุ่งหน้าไปยังไท่ติ่ง

เขาไม่ได้เข้ามาที่ไท่ติ่งหลายวันแล้ว มีเพียงแค่เสี่ยวหม่าและกูหลังคอยอยู่ดูแล

ตอนนี้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ถึงเวลาที่จะต้องออกเดินทางใหม่อีกครั้งเสียที

แต่ทว่า เมื่อเฉินตงมาถึงชั้นล่างของไท่ติ่ง

มีโทรศัพท์สายหนึ่งดังขึ้น ซึ่งทำให้เขาต้องเหยียบเบรก และจอดรถที่ถนนด้านหน้าตึกใหญ่ของบริษัททันที

จากนั้น เขาก็เลี้ยวหัวกลับอย่างรวดเร็ว และขับออกจากบริษัทไป……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset