Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 301 เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถปกป้องตระกูลหลี่ได้

ปึง!

ประตูถูกกระแทกเสียงดังสนั่น

ภายในบ้านยังคงอยู่ในความเงียบงัน

คุณท่านใหญ่หลี่กับหลี่เต๋อซานยืนนิ่งค้างอยู่กับที่

หอบรรพชนตระกูลหลี่ ไม่คู่ควรแก่การบูชาหลี่หลานอย่างนั้นรึ?

คำพูดแบบนี้ ไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยรึไง?

หากเทียบกันระหว่างตระกูลหลี่กับตระกูลเฉิน อาจไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ก็จริง แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่คนรุ่นหลังจะมาดูหมิ่น หรือเหยียดหยามได้ตามอำเภอใจแบบนี้หรอกนะ!

นี่ถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามบรรพบุรุษตระกูลหลี่ไปด้วยเลยทีเดียว!

คำพูดอันทรงพลัง น้ำเสียงก้องกังวานที่ดังเหมือนโลหะฟาดกระทบกับเหล็กนั้น ติดค้างวนเวียนอยู่ในหูของเขาซ้ำ ๆ

โหดร้าย เผด็จการ เหยียดหยาม…..

เสมือนผู้ยิ่งใหญ่ที่ยืนสูงอยู่เหนือก้อนเมฆ แล้วปรายหางตามองตระกูลหลี่ ว่าเป็นแค่มดตัวจ้อยที่จะเหยียบย่ำเมื่อไหร่ก็ได้

“พ่อ! กับคนที่โหดร้ายบ้าคลั่งเกินทนประเภทนี้ ผมไม่รู้จริง ๆ นะว่าทำไมพ่อถึงยังต้องไปเลียแข้งเลียขา ประจบเอาใจอย่างไร้ประโยชน์แบบนี้ด้วย ?”

หลี่เต๋อซานโกรธจัดจนใบหน้าแดงก่ำ คำพูดนี้ เป็นเสมือนเข็มอันแหลมคมที่ทิ่มแทงเข้าใส่ความภูมิใจในตนเองของเขาอย่างโหดเหี้ยม : “ตระกูลหลี่อันทรงเกียรติของเรา ตระกูลที่ร่ำรวยติดอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวง หอบรรพชนตระกูลหลี่เป็นสถานที่ที่คนตระกูลหลี่ทุกคนต่างเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง ถวิลหาแม้ในยามฝันมานับร้อย ๆ ปี เขาอาศัยอะไรมาใช้ความเห็นส่วนตัวของคนเป็น มาผลักไสเจตจำนงของคนตายไปแล้วอย่างหลี่หลานกันล่ะ?”

เพิ่งสิ้นเสียงพูด

คุณท่านใหญ่หลี่ซึ่งเดิมทีนั่งตัวตรงอยู่ก็มีอาการตัวสั่นโอนเอนขึ้นมาอย่างกะทันหัน

จู่ ๆ ริ้วสีแดงดูแปลกตา ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่แก่ชราและซีดเผือดของเขา

ลำคอขยับเพียงครั้งเดียว

ในชั่วขณะที่รอบด้านเงียบงันไร้เสียง ที่มุมปากของคุณท่านใหญ่หลี่ก็มีเลือดสด ๆ ไหลทะลักออกมา

อารมณ์โกรธเกินขีดจำกัด ส่งผลให้จิตใจกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง!

“พ่อ!”

หลี่เต๋อซานตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบวิ่งไปคุกเข่าตรงหน้าคุณท่านใหญ่หลี่: “พ่อ! อย่าทำให้ผมตกใจสิ พ่อ ! พ่ออย่าเป็นอะไรนะ!”

“ฉัน ฉันไม่เป็นไร….”

คุณท่านใหญ่หลี่ยกมือขวาที่สั่นน้อยๆ ขึ้น ยกยิ้มอย่างฝืดฝืน: “เต๋อซานเอ๊ย! แกไม่เข้าใจ ตอนนี้ในเมืองหลวงกระแสคลื่นลมโหมซัดสาด ตระกูลหลี่ของเราก็พลอยถูกคลื่นลมนี้พัดจนง่อนแง่นไปด้วย มีคนนับไม่ถ้วนแอบจ้องมองรอโอกาสจู่โจมตระกูลหลี่ของเราตาเป็นมัน อยากจะกำจัดพวกเราให้เร็วที่สุด เฉินตงก็ไม่นับว่าจะสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหลี่”

“แต่ถ้าพวกเราสามารถเชิญหลานเอ๋อกลับไปสักการะที่หอบรรพชนตระกูลหลี่ได้ ด้วยความเกี่ยวพันกันในรูปแบบนี้ ตระกูลหลี่ของเราจะต้องประสบหายนะเข้าจริง ๆ แน่ ในอนาคตเฉินตงไม่มีทางเพิกเฉยกับเรื่องนี้ เพราะแม่ของเขายังอยู่ในหอบรรพชนตระกูลหลี่ยังไงล่ะ”

คำอธิบายที่ชัดเจนทุกคำทุกประโยค ทำให้หลี่เต๋อซานหน้าซีด จนต้องทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น

“ดังนั้น นี่ก็คือเหตุผลที่พ่อหลบหูหลบตาผู้คน แล้วพาผมมาที่นี่เพื่อพบกับเฉินตงอย่างเงียบ ๆเองน่ะเหรอ?”

ก่อนที่จะมาที่นี่กับพ่อของเขา เขาเข้าใจจุดประสงค์ของพ่อว่า เป็นการเชิญหลี่หลานไปยังหอบรรพชนก็เท่านั้น

ถ้านี่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกผิดในครอบครัว ก็เป็นอะไรที่สมเหตุสมผลดี

แต่เรื่องที่จะปกป้องตระกูลหลี่นั้น เขากลับไม่เคยคิดมาก่อน

“ไม่งั้นล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ข้าจะร้อนรนเป็นหมูโดนน้ำมันจนทำผิดกฎของตระกูลหลี่ เชิญลูกสาวเข้าไปบูชาในหอบรรพชนแบบนี้หรอกรึ ?” รอยยิ้มที่มุมปากของคุณท่านใหญ่หลี่เต็มไปด้วยความจนใจอย่างยิ่ง

หอบรรพชนตระกูลหลี่ ถ้าไม่ใช่ผู้ชาย ก็ไม่มีสิทธิ์ผ่านเข้าไปได้!

นี่คือกฎข้อที่สามของหอบรรพชน!

หลี่เต๋อซานเหมือนตกอยู่ในภวังค์ แววตาสั่นไหวไร้ประกาย

ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็มองไปที่คุณท่านใหญ่หลี่ด้วยความปวดใจ

เขากัดฟันกรอด แล้วพูดว่า: “พ่อ เราไม่ขอร้องคนดื้อรั้นอกตัญญูนี้เลย มีพ่ออยู่ มีพี่น้องของเราอยู่ ทั้งยังมีลูกหลานที่สืบสายเลือดของตระกูลหลี่อยู่ ตระกูลหลี่ย่อมไม่มีวันล่มสลาย ท่านไม่เห็นจำเป็นต้องรับความน้อยเนื้อต่ำใจ แล้ววางตัวทำท่าต่ำด้อยต่อหน้าคนอกตัญญู ขายหน้าตระกูลหลี่เราไปหมดสิ้นเลย”

เพี๊ยะ!

จู่ ๆ เสียงฝ่ามือที่ตบลงบนใบหน้าแรง ๆ ก็ดังสนั่นขึ้น

ถึงกับทำให้หลี่เต๋อซานมึนงง ตกตะลึงอึ้งค้างไปทั้งอย่างนั้น

คุณท่านใหญ่หลี่ยกมือขวาที่สั่นสะท้านอย่าหนักขึ้นช้า ๆ ราวกับพญาราชสีห์ที่ระเบิดพลังอันดุดันเป็นครั้งสุดท้าย

เขาจ้องหลี่เต๋อซานอย่างโกรธเคือง: “แกมันช่างเป็นคนที่ตาไร้แววสิ้นดี กระทั่งสถานการณ์ในเมืองหลวงตอนนี้ แกก็ยังมองไม่ทะลุอีกเรอะ?”

“พ่อ…” หลี่เต๋อซานยกมือขึ้นกุมแก้ม เริ่มฟื้นคืนสติ

คุณท่านใหญ่หลี่ไม่ให้โอกาสเขาโต้แย้งแม้แต่น้อย กัดฟันพลางพูดว่า: “ฉันกำลังเป็นไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกที คงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ตอนนี้ที่ตระกูลหลี่มีอิทธิพลโลดแล่นอยู่ในเมืองหลวงได้ ต่างก็พึ่งพาอาศัยการค้ำยันจากฉันทั้งนั้น ถ้าวันใดวันหนึ่งฉันล้มหายตายจากไปจริง ๆ ไม่ช้าก็เร็วตระกูลหลี่คงต้องล่มสลาย ด้วยน้ำมือของพวกไร้ประโยชน์อย่างพวกแกนี่แหละ!”

คำพูดที่แฝงโทสะนั้น ยังเป็นการวิจารณ์ความไม่เอาไหนของพวกพี่น้องหลี่เต๋อซานไปด้วยในตัว

“ความสามารถนิสัยใจคอของเฉินตง ล้วนเหมาะกับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหลี่ทั้งนั้น ต่อให้เขาจะเป็นคนตระกูลหลี่ไม่ได้ แต่ถ้าได้รับคำสัญญาจากเขาเพียงหนึ่งข้อ ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ที่เขามี แล้วก็ตระกูลเฉินที่อยู่เบื้องหลังเขา เพียงพอแล้วที่จะคงตำแหน่งตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งของเมืองหลวงของตระกูลหลี่เรา”

“มีเขาอยู่ ยักษ์ใหญ่ในเมืองหลวงหน้าไหนจะกล้ายื่นมือมาแตะต้องตระกูลหลี่กัน ? เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถปกป้องตระกูลหลี่ได้!”

น้ำเสียงที่พูดแผดสูง เรียกได้ว่า เขาแทบจะต้องตะเบ็งเสียงทั้งหมดที่มีออกมาเลยทีเดียว

แต่เพราะใช้อารมณ์มากเกินไป ทำให้ร่างกายของคุณท่านใหญ่หลี่สั่นโอนเอนอีกครั้ง

ใบหน้าของเขาคล้ำจนเปลี่ยนเป็นสีตับหมูแล้ว

“อั๊ก!”

เลือดสด ๆ คำใหญ่พลันพุ่งทะลักออกมาในทันที

เลือดสาดกระจายราวกลีบดอกเหมย โปรยปรายกระเด็นไปจนทั่วใบหน้าของหลี่เต๋อซาน

หลี่เต๋อซานตกใจราวถูกฟ้าผ่ากลางแดด เริ่มร้องไห้ฟูมฟาย: “พ่อ ท่านอย่าโกรธเลย! ท่านอย่าโกรธอีกเลยนะครับ! ผมเข้าใจแล้ว ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วจริง ๆ ต่อจากนี้ไป ผมไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของท่านอีกแล้ว!”

เลือดเปื้อนที่หน้าอกของเขา

คุณท่านใหญ่หลี่ยิ้มอย่างหมองเศร้า ค่อย ๆ พูดออกมาช้า ๆ ว่า: “พา พาฉัน…ไปโรงพยาบาลที”

ฮวบ!

พูดจบ เขาก็ทรุดล้มลงไปบนตัวหลี่เต๋อซานทันที

“พ่อ!”

หลี่เต๋อซานตื่นตระหนกจนสติเตลิด โทสะเดือดพล่าน กัดฟันพูดด้วยขอบตาแดงก่ำว่า “เฉินตง ไอ้มารหัวขน ถ้าวันนี้พ่อฉันเป็นอะไรไป ฉันจะขอแลกชีวิตกับแกเลยคอยดู!”

……………

เฉินตงที่ออกจาก โรงแรมคาร์ลตัน ไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาออกมาแล้ว

ในใจของเขา วิธีการของตระกูลหลี่

ช่างไร้ยางอายสิ้นดี

มันทำให้รู้สึกว่าช่างไร้สาระ ทั้งยังน่าขำที่สุด!

ทำทุกอย่างแบบไม่เลือกวิธีการ สร้างเรื่องสลดจนมีคนประสบเคราะห์ร้าย แล้วยังมีหน้ามาเฉไฉอย่างไร้ยางอายอีก พอถึงเวลาน้ำลดตอผุด กลับคิดจะปัดสวะให้พ้นตัวไปง่าย ๆ แบบนี้?

กับคำว่าเชิญไปสักการะที่หอบรรพชนเพีนงคำเดียว ก็คิดจะลบล้างทุกสิ่งที่เกิดในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมางั้นเหรอ?

กะอีแค่หอบรรพชนเล็กๆตระกูลหลี่ ก็คู่ควรกับการสักการะคุณแม่ด้วยเหรอ?

น่าขำเป็นบ้า!

ถ้าในใจแม่ให้ความสำคัญกับตระกูลหลี่จริง จะเกิดเรื่องพวกนั้นที่ตระกูลหลี่เหรอ?

ตระกูลหลี่ ได้ทำร้ายคุณแม่จนลึกล้ำจนเกินจะทานทนไปตั้งนานแล้ว!

ถ้าเขายอมรับปาก ว่าจะให้คุณแม่เข้าไปตั้งบูชาที่หอบรรพชนของตระกูลหลี่ มันก็เท่ากับว่าจะให้แม่นอนตายตาไม่หลับหรอกเหรอ?

ในฐานะลูกคนหนึ่ง นี่ต่างหากคือความไม่กตัญญูอย่างที่สุด!

ความรุ่งโรจน์ของตระกูลเฉินต่างหาก คือสิ่งที่คุณแม่ควรได้รับ

ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีชีวิตอยู่ หรือหลังตายจากไปก็ตาม คุณแม่ควรจะได้รับเกียรติจากตระกูลเฉิน ได้อยู่เหนือคนนับหมื่น!

แทนที่จะเป็นพวกต่ำช้า ทำตัวไม่ต่างจากหมากับแมลงวัน ( หมายถึง คนที่สามารถทําทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงลาภยศอย่างไร้ยางอาย ) อย่างตระกูลหลี่นั่น

ไฟโทสะสุมในหัวใจเขา จนมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง

ตลอดเส้นทางที่เฉินตงขับรถไป เขาหักเลี้ยวอย่างรวดเร็วรุนแรง ราวกับกำลังระบายไฟโทสะในใจออกไป

หลังจากมาถึงบริษัทไท่ติ่ง ความโกรธของเขาก็ยังไม่สงบ

แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา และเขาก็ไม่สมควรนำความคับข้องใจนี้มาปะปนกับงาน

เขาหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ฝืนระงับความโกรธไว้ในใจ

เฉินตงเพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในบริษัท

หลังจากทักทายพนักงานในบริษัทแล้ว เขาก็กลับไปที่ออฟฟิศเพียงลำพัง

เสี่ยวหม่ากับกูหลังรีบไปรายงานเรื่องความคืบหน้าของงานทันที

ทุกวันนี้เกือบทั้งบริษัท ล้วนเป็นพวกเขาสองคนช่วยทำหน้าที่เป็นผู้ชี้นำ

พูดให้ถูกก็คือ เสี่ยวหม่าผู้ที่เป็นลูกมือซึ่งมีความสามารถมาก ๆ ของเฉินตงคอยทำหน้าที่เป็นผู้นำ ส่วนกูหลังก็คอยช่วยเหลือสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ

ตอนนี้เฉินตงกลับมาแล้ว จึงสมควรจะส่งมอบงานต่อให้ดีที่สุด

การส่งถ่ายภาระงานทั้งหมด ใช้เวลานานและซับซ้อนไม่น้อย จนกระทั่งจัดการธุระเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปถึงบ่ายสองโมงกว่า ๆ แล้ว

ทั้งสามคนยุ่งมาก จนกระทั่งลืมกินข้าวเลยทีเดียว

“ทั้งสองคนไปกินข้าวก่อนเถอะ ลำบากพวกนายแล้ว”

เฉินตงเรียกให้เสี่ยวหม่ากับกูหลังออกไปก่อน ในใจยังคงอึดอัดคับข้องใจไม่หาย เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ พลางบีบคลึงจมูกที่บวมน้อย ๆ

คุณแม่เป็นต่อมโมโหของเขา

แต่ตระกูลหลี่ กลับคิดจะแตะต่อมโมโหของเขามาหลายต่อหลายครั้ง

แล้วแบบนี้ จะให้เขาจะระงับความโกรธเกรี้ยวในใจลงไปได้โดยเร็วได้ยังไงล่ะ?

ในขณะนั้นเอง ก็มีโทรศัพท์มาจากฉินเย่

เฉินตงรับโทรศัพท์: “ฮัลโหล กลับมาแล้วเหรอ?”

“กลับมาแล้ว ตอนนี้นายอยู่ไหน ? ฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้เลย ฉันมีทั้งข่าวดีแล้วก็มีทั้งข่าวร้ายมาบอกนายด้วยล่ะ” เสียงหัวเราะของฉินเย่ ฟังดูแปลกประหลาดไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset