Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 302 ข่าวดี ข่าวร้าย

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

เฉินตงกับฉินเย่พบกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณชั้นล่างของบริษัทไท่ติ่ง

“ อยากฟังข่าวดีก่อน หรือข่าวร้ายก่อน? ” ฉินเย่จิบกาแฟพลางยกยิ้มประหลาด

“ข่าวร้ายก่อนละกัน”

เฉินตงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ฉินเย่เลิกคิ้ว: “โอ๊ะโอ! ฉันยังนึกว่านายจะอยากฟังข่าวดีก่อนซะอีก”

“ร้ายก่อนแล้วค่อยดีถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ ถ้าดีก่อนแล้วค่อยร้าย นั่นจะกลายเป็นเรื่องน่าผิดหวังซะมากกว่า” เฉินตงยิ้มน้อยๆ

“เอางั้นก็ได้ “

ฉินเย่ถูมือ แล้วยกกาแฟขึ้นมาจิบอีก

เห็นได้ว่าเขาเร่งรีบเดินทางมาที่นี่อย่างมาก ที่หน้าผากยังมีเหงื่อเกาะพราวจนเต็ม น่าจะเป็นเพราะทันทีที่ลงจากเครื่องบินก็ตรงมาที่นี่เลย

หลังจากวางถ้วยกาแฟลง

ฉินเย่ยิ้มเล็กน้อย: “ข่าวร้ายก็คือ เฉินหยู่เฟยไม่ได้ออกจากวงการบันเทิงจริง ๆ หรอก หลังจากที่เธอกลับไปตระกูลเฉิน ด้วยการสนับสนุนจากตระกูล เธอเลยได้เปิดบริษัทบันเทิงในเมืองหลวงขึ้นมาบริษัทหนึ่ง เปลี่ยนไปอยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริง “

พูดพลาง ฉินเย่ก็กะพริบตาวิ้ง ๆ พลางพูดด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ ว่า “นอกจากนี้ ฉันกับฉู่เจียนเจียก็วิเคราะห์กันว่า ที่เฉินหยู่เฟยทำแบบนี้ เป็นไปได้ว่าเธอทำเพื่อบริษัทบันเทิงที่นายร่วมหุ้นกันกับตระกูลจางและตระกูลฉู่นั้นแน่ๆ เลย”

“ในสงครามคอมเม้นท์บนโลกโซเชียลเมื่อครั้งก่อน เธอล้มเหลวแบบพังไม่เป็นท่าไปในตอนสุดท้าย แถมความช่วยเหลือสำคัญ คือผลงานที่เป็นการแนะนำแบบลับ ๆ ของตระกูลจางกับตระกูลฉู่ซะด้วย เธออาจจะอยากสะสางบัญชีแค้นนี้ก็ได้ล่ะนะ”

ยังไม่ยอมแพ้อีก?

เฉินตงขมวดคิ้ว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

สงครามคอมเม้นท์บนโลกโซเชียลคราวนั้น ได้บีบคอจนความเป็นไปได้ที่จะอยู่รอดต่อไปในวงการบันเทิงของเฉินหยู่เฟย ต้องปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ลากเอาตระกูลเฉินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างเขากับเฉินหยู่เฟยอีกต่อไป แต่กลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันไปถึงทั้งตระกูลแล้ว

การออกจากวงการบันเทิงอย่างถาวร จึงเป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องไม่ให้คำวิจารณ์บนโซเชียลแพร่กระจายไปถึงตระกูลเฉินทั้งตระกูลได้

แต่ทั้ง ๆ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแท้ ๆ เฉินหยู่เฟยก็ยังคงได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเฉิน ให้เริ่มเปิดบริษัทบันเทิงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเรื่องไม่คาดฝันสำหรับเฉินตงอย่างมาก

ผู้หญิงที่ร้ายกาจไม่ต่างจากอสรพิษคนนี้ ช่างเป็นอัญมณีอันแสนมีค่าในฝ่ามือของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินซะจริงเชียว !

“เพราะงั้น ผู้หญิงถึงเป็นอะไรที่ยุ่งยากใช่มั้ยล่ะ?” เมื่อเห็นเฉินตงขมวดคิ้วมุ่น ฉินเย่ก็ยกยิ้มพลางพูดติดตลก

เฉินตงเลิกคิ้ว แสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “นายหมายถึงจางหยู่หลันงั้นเหรอ?”

“แม่งเอ๊ย..…” รอยยิ้มของฉินเย่หายวับไปทันที ไม่ลืมยกนิ้วกลางให้เฉินตงไปหนึ่งดอก

เฉินตงยิ้มสัพยอกแล้วถามต่อว่า: “แล้วข่าวดีล่ะ?”

เฉินหยู่เฟยไม่ยอมแพ้ ทั้งยังคิดจะหวนคืนวงการอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้สนใจกับมันมากนัก

สูญเสียที่ยืนในวงการบันเทิง ภายใต้ความคิดเห็นของผู้คนที่กำลังดุเดือด ณ ขณะนั้น ยังทำการเผยแพร่วิดีโอขอโทษต่อสาธารณชนออกไปด้วย

สิ่งนี้นับเป็นการฆ่าบรรดาแฟนคลับ ที่เธอเฝ้าสะสมมาทิ้งไปจนหมดในคราวเดียวอย่างแท้จริง

แม้ว่าเธอจะได้อยู่ในวงการบันเทิงต่อ แต่ถ้าคิดจะสร้างคลื่นลูกมหึมาแบบครั้งก่อนขึ้นมาอีก ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ คือการชี้ปลายดาบไปที่บริษัทบันเทิงของฉู่เจียนเจีย แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่เขาเตือนให้ตระกูลจาง ไปเข้าร่วมบริษัทบันเทิงกับตระกูลฉู่ไว้ล่วงหน้าแล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิงหลัก ๆ สองแห่ง ผนึกขุมกำลังทั้งอำนาจเก่าและอำนาจใหม่เข้าไว้ด้วยกัน เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเฉินหยู่เฟยจะพลิกแผ่นฟ้าผืนนี้ยังไง?

ถ้าหากว่าตระกูลจางยังคงอยู่โดดเดี่ยวลำพังล่ะก็ เมื่อเฉินหยู่เฟยไปเข้าร่วมกับตระกูลจาง เฉินตงก็คงมีนึกหวั่น ๆ อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ต่างก็เป็นคนตระกูลเฉินแล้วทั้งนั้น ใครจะเป็นฝ่ายรังแกใคร มันก็ไม่แน่แล้วทีนี้

ฉินเย่ปัด ๆ มือ แล้วพูดอย่างมีนัย: “เป็นเรื่องแม่ของนายที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่!”

“ตระกูลหลี่?”

เฉินตงขมวดคิ้วจนพันกันเป็นปม

ก่อนหน้านี้เพิ่งได้เจอสองพ่อลูกตระกูลหลี่ไม่ทันไร ตอนนี้ฉินเย่ก็มาพูดถึงตระกูลหลี่ตามหลังมาติด ๆ อีก

เรื่องพวกนี้ มันมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันอะไรต่อกันรึเปล่านะ?

“ใช่ ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง!”

ในดวงตาของฉินเย่ทอประกายวิบวับ พูดด้วยท่าทีตื่นเต้น: “ไม่ใช่ว่านายเกลียดตระกูลหลี่หรอกเหรอ ? ตอนนี้ผลกรรมของตระกูลหลี่กำลังมาถึงแล้วนะ ครั้งก่อนที่นายกับพ่อพยายามจะช่วยแม่ของนาย เลยไปทะเลาะเอะอะกับตระกูลหลี่ซะจนวุ่นวาย ทำเอาตำแหน่งมหาเศรษฐีของตระกูลหลี่ตกไปอยู่ในสถานภาพสั่นคลอน กระแสคลื่นโหมซัดสาดเมืองหลวงจนโกลาหลกันไปหมด”

“ในเมืองหลวงที่มีทั้งบรรดามังกรหมอบ พยัคฆ์ซ่อนอยู่ดาษดื่นนั่น พวกนั้นก็เริ่มกางเขี้ยวกางเล็บ ฉวยเอาโอกาสนี้วางแผนเตรียมยักยอกทั้งทรัพยากร ทั้งยึดครองกิจการทั้งหลายที่อยู่ภายใต้อุ้งมือของตระกูลหลี่กันครึกครื้นเลยเชียวล่ะ”

พูดไปพลาง ฉินเย่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ประสานมือทั้งสองข้างไว้ที่ท้ายทอย แสดงท่าทีเหมือนปลงอนิจจัง

“ทุกวันนี้ ตระกูลหลี่ถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าหิวโซอย่างแท้จริง ทุกคนต่างก็กำลังลับมีด เตรียมรอกินเนื้ออันโอชะ จากตระกูลมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในเมืองหลวงกันทั้งนั้น เวลานี้ ตระกูลหลี่ก็ต้องตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อกันอยู่แล้วล่ะ”

เสียงถอนหายใจดังเฮือกนั้น ไม่ได้ทำให้เฉินตงรู้สึกมีความสุขเลยสักนิด

ตรงกันข้าม สีหน้าของเขากลับยิ่งคล้ำทะมึนขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาก็มืดมนหม่นแสง

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าตระกูลหลี่ ไม่มีทางจะมีความเมตตากรุณาอะไรแบบนี้มาก่อนแน่ ๆ !”

เฉินตงพึมพำเบา ๆ ความสงสัยในใจได้รับการไขจนกระจ่างขึ้นมาทันที

“นายหมายความว่ายังไงน่ะ?” ฉินเย่ถามอย่างสงสัย

“ตอนนี้ตาเฒ่าหลี่ กับหลี่เต๋อซานอยู่ในเมืองนี้ ฉันเพิ่งได้เจอพวกเขาทั้งคู่เมื่อกี้นี้เอง ตาเฒ่าหลี่นั่นอยากเชิญแม่ของฉันไปตั้งบูชาที่หอบรรพชนตระกูลหลี่ จะได้ไปรับอานิสงส์จากกลิ่นธูปบูชาของตระกูลหลี่ที่มีมาหลายชั่วอายุคน ถือซะว่าเป็นการชดใช้ให้ฉันกับแม่ตลอดช่วงเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา”

เฉินตงแค่นยิ้มเย็นชาพลางยักไหล่ แล้วพูดว่า : “นายว่าพวกนั้นต้องหยิ่งยโสถึงขั้นไหนเหรอ?ถึงได้มีความคิดว่า แค่เชิญป้ายวิญญาณของแม่ฉันไปตั้งบูชาในหอบรรพชนตระกูลหลี่ ก็จะสามารถชดเชยเรื่องเลวร้ายทั้งหลาย ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาได้หมดน่ะ?”

ม่านตาของฉินเย่หดตัวลงไปชั่วขณะ

อึดใจต่อมา ถึงเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง

“เชี่ย! การชดเชยเฮงซวยอะไรแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ใส่ใจ แต่จริง ๆ แล้วมีเจตนาไม่ดีแอบแฝง ทำเป็นเชิญคุณป้ากลับไปหอบรรพชน นี่ไม่เท่ากับว่าคิดจะมัดมือชกนายหรอกเรอะ ? นี่มันก็แค่การหาเครื่องช่วยชีวิตให้ตระกูลหลี่ชัด ๆ!”

“อาศัยยืมมือของฉัน อาศัยชื่อเสียงของตระกูลเฉิน มาเป็นเครื่องป้องกันตระกูลหลี่ที่กำลังจะจบสิ้น จะได้ไม่ถูกดึงทึ้งแยกชิ้นส่วนสินะ จุ๊ ๆ ๆ…”

สีหน้าเฉินตง เต็มไปด้วยความชิงชังรังเกียจและเย็นชา: ” ตระกูลหลี่ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังในแง่ของความไร้ยางอาย ทำได้ทุกอย่างแบบไม่สนวิธีการซะจริง ๆ เลยนะเนี่ย”

“แล้วนายคิดจะทำยังไงต่อไปล่ะ?” ฉินเย่ถามด้วยความสนใจใคร่รู้

“ถ้าให้แม่ของฉันเข้าไปในหอบรรพชนตระกูลหลี่ นั่นคือการดูถูกแม่ของฉันอย่างร้ายกาจที่สุด”

เฉินตงส่ายหน้าด้วยความรังเกียจ: “ในเมื่อตระกูลหลี่ไร้ยางอายถึงขั้นนี้ ฉันก็ได้แต่อวยพรให้พวกเขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ซะก็แล้วกัน”

ฉินเย่ตะลึงค้างไปชั่วขณะ จากนั้นจึงหลุดหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่

เฉินตงลูบจมูก ไม่ว่าจะข่าวดีหรือข่าวร้าย ล้วนไม่ส่งผลให้เขาสะดุ้งสะเทือนอะไรมากนัก

ครั้งนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่า การได้มองทะลุความคิด ความปรารถนาของคุณท่านใหญ่หลี่ก็เท่านั้น

แต่การได้เห็นตระกูลหลี่ล่มสลายลงด้วยตาตัวเอง ก็นับว่าเป็นข่าวดีจริง ๆ นั่นแหละ

ความคับข้องใจของแม่ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ท้ายที่สุดก็ได้รับการตอบแทนสักที เขารู้สึกเหมือนบ่งหนามที่มันยอกในอกมานานออกไปได้ในที่สุด

เมื่อมองไปที่ฉินเย่ที่ยังคงหัวเราะไม่หยุด เฉินตงก็ถามขึ้นทันทีว่า ” นายกับจางหยู่หลันเป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ? “

ทันใดนั้น ฉินเย่ก็หัวเราะไม่ออกซะแล้ว

“ไม่พูดเรื่องนี้ เรายังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน”

“ก็เพราะเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันไง ฉันเลยต้องถามสักหน่อย” เฉินตงย้อน

ฉินเย่เกาหัวอย่างหงุดหงิด: “ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของนาย ให้ตายฉันก็ไม่คิดจะไปเมืองหลวงจริง ๆ นะ ยัยจางหยู่หลันนั่นไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้อนใจเป็นหมูโดนน้ำมันรึยังไง ช่วงสองสามวันที่ฉันอยู่เมืองหลวง เธอเอาแต่ตามติดฉันอย่างกับตังเมเลย ตอนกลางคืน ยังไปค้างอยู่ที่ห้องพักฉันในโรงแรมไม่ยอมไปไหนอีก ถ้าไม่ใช่เพราะฉันฉลาดมีไหวพริบ วางยาสลบเจ้าหล่อนแล้วโยนไปไว้ห้องข้าง ๆ นะ ฉันคงถูกลอกคราบไม่มีเหลือแน่!”

“ ก็ทีแรก ใครให้นายจงใจหลอกล่อให้พวกเราช่วยนายตื๊อจีบคนอื่นเขาล่ะ? ” เฉินตงกลอกตา “จริง ๆ แล้วนายก็ถึงวัยที่น่าจะแต่งงานได้แล้ว เอาแต่อยู่คนเดียวเป็นโสดก็ไม่ใช่เรื่องดีนะ”

“เพ้อเจ้อ! เป็นเหมือนกับท่านหลงนั่นก็ดีจะตายไม่ใช่เหรอ ? คนอย่างฉันไม่คุ้มกับการแต่งงานหรอกน่า”

ฉินเย่ทำคอแข็ง สายตาหลุกหลิกไม่นิ่ง มีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยพูดอย่างหนักแน่นว่า “ใช่! ก็คือไม่คุ้มนั่นแหละ!”

เฉินตงถูจมูก ยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

ในเวลาเดียวกัน.

ภายในโรงพยาบาล

คุณท่านใหญ่หลี่ฟื้นขึ้นมาในที่สุด เขานอนสีหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงโรงพยาบาล

หลี่เต๋อซานยินดีอย่างมาก “พ่อ ในที่สุดพ่อก็ฟื้นซะที เมื่อกี้พ่อทำให้ผมตกใจแทบตาย”

“ที่นี่ที่ไหน?” ดวงตาของคุณท่านใหญ่หลี่ดูเลื่อนลอยเล็กน้อย สีหน้าก็ยังมึนงงสับสน

“ที่นี่คือโรงพยาบาลครับ”

หลี่เต๋อซานพูดอย่างรีบร้อน “ แต่พ่อวางใจเถอะ ผมจัดการทุกอย่างให้แล้ว เดี๋ยวผมจะพาพ่อกลับเมืองหลวง กลับไปแล้วพักผ่อนให้เยอะ ๆ เรื่องของเฉินตงพ่อไม่ต้องไปใส่ใจแล้วนะครับ”

“เจ้าลูกชั่ว!”

สีหน้าคุณท่านใหญ่หลี่ พลันปรากฏแววเป็นปรปักษ์ขึ้นมาทันควัน หลังจากด่าด้วยความโกรธจัด ก็พยายามจะลุกขึ้น: “ฉัน ฉันจะออกจากโรงพยาบาล! ครั้งนี้ ต่อให้ฉันต้องคุกเข่าให้เฉินตง ก็ต้องขอให้เขาปกป้องตระกูลหลี่ของฉันให้ได้!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset