Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 303 คนแก่ไม่น่าเคารพ พูดจาไม่อายปาก

หลี่เต๋อซานไม่เข้าใจ

แม้แต่คนในตระกูลหลี่ทั้งหมดก็ไม่เข้าใจ

การที่คุ้นเคยอยู่กับความเย่อหยิ่งจองหองมานาน ทำให้ทุกคนเอาแต่คิดว่า ตระกูลหลี่นั้นยิ่งใหญ่เทียมฟ้า ต่อให้สิ่งปลูกสร้างจะพังทลายลงมา แต่เศษซากที่เหลืออยู่ก็ยังสามารถใช้เป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาราวอยู่เหนือกว่าใครต่อใครได้ไม่เปลี่ยน

แต่คุณท่านใหญ่หลี่รู้ดีว่า กระแสคลื่นพายุในเมืองหลวงมันรุนแรงเชี่ยวกรากแค่ไหน ใคร ๆ ต่างก็ชี้ดาบมาที่ตระกูลหลี่ ฉากหน้าอาจดูสงบนิ่ง แต่ในความเป็นจริง กลับเต็มไปด้วยฝูงหมาป่าที่ลับดาบรอการโจมตีอยู่นานแล้วต่างหาก

ในเมืองหลวงที่ซึ่งเต็มไปด้วยมังกรหมอบพยัคฆ์ซ่อนเช่นนี้ ก็มีบางคนที่เป็นสัตว์ประหลาด

เมื่อไหร่ก็ตามที่ตระกูลหลี่แสดงอาการอ่อนล้า พวกนั้นก็จะจู่โจมเข้ามาจากทุกด้าน เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลหลี่ก็ไม่ต่างอะไรกับไก่ที่ถูกเชือดถูกถอนขนจนเกลื่อนกลาด อูฐที่ผอมแห้งใกล้ตาย ไม่มีทางจะตัวใหญ่ไปกว่าม้าที่อ้วนพี

ตระกูลหลี่ทุกวันนี้ ไม่มีใครในตระกูลที่สามารถหยุด “ฝันร้าย” ฉากนี้ลงได้

มีเพียงเฉินตงเท่านั้น!

ความสามารถและนิสัยใจคอของเฉินตง เป็นอะไรได้รับการยืนยันมานานแล้ว

กุญแจที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เฉินเต้าหลินที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเฉินตง

หากสามารถใช้เฉินตงเป็นทางผ่าน เข้าไปพึ่งพาภูเขาอันยิ่งใหญ่แบบตระกูลเฉินได้ วิกฤตที่ตระกูลหลี่เผชิญอยู่ในตอนนี้ ก็เท่ากับได้รับการแก้ไขได้ทันที

หากเทียบว่าในเมืองหลวงมีมังกรหมอบพยัคฆ์ซ่อน ตระกูลเฉินก็คือสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาอย่างแท้จริง แค่เพียงลืมตาแล้วพ่นลมหายใจออกมา ก็สามารถกดดันบีบบังคับมังกรและพยัคฆ์ ด้วยกรงเล็บขนาดมหึมานั้นได้ในพริบตา

ฟ้ามืดไปทุกที

คุณท่านใหญ่หลี่เพิกเฉยต่อคำทัดทานของหลี่เต๋อซาน ฝืนออกจากโรงพยาบาลจนได้

หลังจากที่ทั้งสองเช็กอินที่โรงแรมไท่ซาน คุณท่านใหญ่หลี่ก็ทำตัวหน้าด้าน ติดต่อเฉินตงไปอีกครั้ง

แต่ความเด็ดขาดของเฉินตง ทำให้คุณท่านใหญ่หลี่เครียด จนเกือบจะกระอักเอาเลือดเก่าออกมาจนกบปากอีกครั้งเลยทีเดียว

อีกด้านหนึ่ง

วิลล่าเขาเทียนซาน แสงไฟสว่างไสว

เนื่องจากเพดานราคาบ้านในเมืองระดับนี้ แม้จะเป็นยามค่ำคืนอันมืดมิด วิลล่าเขาเทียนซานก็ยังส่องสว่างไปด้วยแสงไฟอันเป็นเอกลักษณ์ งดงามตระการตาเหนือกว่าที่อื่น

เฉินตงจูงมือกู้ชิงหยิ่ง เดินไปตามถนนอย่างเงียบ ๆ สายลมยามค่ำคืนพัดโชยแผ่วพลิ้ว

กู้ชิงหยิ่งแอบชำเลืองตามองเฉินตง ท่าทางครุ่นคิด

“เธออยากจะถามอะไรฉันรึเปล่า?”

ในที่สุด เฉินตงก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้น

“หา?”

กู้ชิงหยิ่งไม่ได้มีท่าทางร้อนใจอะไร แต่ก็พูดขึ้นในที่สุดว่า “เรื่องของตระกูลหลี่”

“หืม?”

เฉินตงหยุดเดิน หันไปมองกู้ชิงหยิ่งอย่างนุ่มนวล

กู้ชิงหยิ่งพูดขึ้นช้า ๆ ว่า: “ฉันคิดว่าด้วยขนาดของตระกูลหลี่ ถ้าคุณยอมรับคุณท่านใหญ่หลี่ได้ นั่นจะเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง สำหรับการเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฉินให้กับคุณได้นะ”

ความเด็ดขาดของเฉินตงตอนที่รับสายจากคุณท่านใหญ่หลี่เมื่อครู่นี้ ถูกกู้ชิงหยิ่งทำให้เกิดอาการสะดุดขึ้นมาเสียแล้ว

เธอไม่ค่อยเห็นความมุ่งมั่นเช่นนี้ ในตัวของเฉินตงบ่อยนัก

มันเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง ที่เกือบจะเรียกว่าใกล้เคียงเจตนาฆ่า ไม่ก็ความโหดเหี้ยมเย็นชาอย่างถึงที่สุด

เฉินตงรู้ว่ากู้ชิงหยิ่งกำลังคิดเพื่อตัวเขาอยู่ จึงไม่รู้สึกโกรธเลย

เขายิ้มเล็กน้อย บีบจมูกโด่งรั้งของกู้ชิงหยิ่งเบา ๆ : “เด็กโง่ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ แต่ฉันแค่ไม่อยากทำเฉย ๆ น่ะ”

กู้ชิงหยิ่งงงงันไปชั่วขณะ

เฉินตงจับมือกู้ชิงหยิ่งแล้วเดินต่อไป เดินไปพลางก็พูดไปพลางว่า: “ฉันไม่มีวันลืมสิ่งที่แม่ของฉันได้รับตอนที่เธอถูกลักพาตัวไปที่บ้านตระกูลหลี่ แล้วก็ไม่มีวันลืมความขุ่นเคืองใจของแม่ที่มีต่อตระกูลหลี่ได้ไปตลอดกาล เรื่องอะไรที่แม่ไม่อยากทำ ฉันจะทำได้ยังไงกันล่ะ?”

สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งอึดอัดคล้ายหายใจไม่สะดวก ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย

เธอไม่รู้เลยว่า ในทุกคำพูดของเฉินตงนั้น ได้รวมเรื่องราวเลวร้าย หรือต้องก้าวผ่านประสบการณ์แย่ ๆ มามากมายแค่ไหน

แต่เธอก็ยังกระชับมือของเฉินตงไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว เหมือนเป็นการปลอบโยนจิตใจ

“วางใจเถอะ ต่อให้ฉันไม่ยอมรับตระกูลหลี่ ฉันก็ยังมีความสามารถพอที่จะได้รับตำแหน่งเจ้าบ้านคนต่อไปแน่นอน”

เฉินตงยิ้มอย่างมั่นใจ ดวงตาเปล่งประกายสดใส: “บริษัทไท่ติ่งของฉัน บริษัทบันเทิงของฉู่เจียนเจีย ทั้งยังมีบริษัทของโจวจุนหลง รวมถึงหุ้น 50% ในบริษัทการเงินของตระกูลฉินที่ฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียนบริหารอยู่ ทั้งหมดนี้คือหมากตัวสำคัญของฉัน ในการใช้เป็นสิ่งต่อรองเพื่อตำแหน่งเจ้าบ้าน”

“แล้วก็มีตระกูลกู้ของเราด้วย!” กู้ชิงหยิ่งขึ้นเสียงสูงปรี้ดอย่างร้อนรน

เฉินตงผงะ เผยรอยยิ้มอ่อนโยน: “ใช่เลย แล้วก็ยังมีผลงานของตระกูลกู้ของเธอด้วย คุณนายหญิงของท่านเจ้าบ้าน”

ไม่เหมือนคำพูดที่ใช้บอกรักหวานซึ้ง แต่กลับทำให้หัวใจของกู้ชิงหยิ่งสั่นไหวได้อย่างรุนแรง

เธอไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นหรือไม่เป็นเจ้าบ้าน เธอสนใจแค่คำว่า “คุณนาย”สองคำนั้นต่างหาก

นี่คือสิ่งที่เธอเฝ้ารอมานานถึงสามปี สิ่งที่ต้องการที่สุดของที่สุด

แค่ได้จับมืออีกฝ่ายไว้ แล้วแก่เฒ่าไปด้วยกัน

“กลับบ้านกันเถอะ” เฉินตงจูงมือกู้ชิงหยิ่งพาเธอเดินกลับบ้านช้า ๆ

เมื่อทั้งสองใกล้จะถึงประตูหน้าบ้านแล้ว กลับเห็นคุนหลุนที่รีบวิ่งออกมาหาอย่างเร่งรีบ

“คุณชาย แย่แล้วครับ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เฉินตงถาม

คุนหลุนตอบกลับว่า “ ส่วนกลางแจ้งมาว่า มีรถหรูมาจอดคาอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าวิลล่าครับ เขาระบุชื่อมาเลยว่าต้องการจะพบคุณ ถ้าไม่ได้พบจะไม่ยอมย้ายรถออกไปครับ!

เฉินตงพูดติดตลกว่า “บริษัทดูแลส่วนกลางของโจวเย่นชิว กลายเป็นพวกไก่อ่อนขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย?”

เขายังจำได้ว่า ตอนที่หวางเห้าขับรถออดี้ A4 บุกเข้ามาในวิลล่า เพื่อที่จะหยุดหวางเห้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวิลล่าถึงกับขับรถอีกคันพุ่งเข้าชนออดี้ A4 ของหวางเห้าตรง ๆ แรงชนนั้นมากพอจะทำให้รถพังยับ จนเกือบจะกลายเป็นเศษเหล็กไปเลยทีเดียว

แต่เฉินตงเข้าใจดีว่า คนระดับที่ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ ไม่กล้าลงมือทำอะไรรุนแรงได้ น่ากลัวว่าบารมีของอีกฝ่าย ต้องมากพอที่จะกดดันโจวเย่นชิวได้แบบอยู่หมัดแน่นอน

ลูบ ๆ จมูกเสร็จเฉินตงก็พูดกับกู้ชิงหยิ่งว่า: “เธอกลับบ้านไปก่อนเถอะ ตอนกลางคืนลมมันเย็น รักษาสุขภาพให้ดี ให้คุนหลุนไปกับฉันก็พอแล้ว”

“ได้” กู้ชิงหยิ่งไม่ถามอะไรมาก เดินตรงกลับบ้านไปทันที

เฉินตงกับคุนหลุนเดินไปที่ประตูทางเข้าวิลล่า

ในเวลานี้

รถเบนท์ลีย์สีดำคันหนึ่ง จอดขวางทางเข้าวิลล่าอยู่

รปภ.หลายสิบคนมองหน้ากัน ไม่กล้าลงมือทำอะไรบุ่มบ่าม

ครั้งแรกที่รถมาถึง พวกเขาก็เข้าไปสอบถาม

แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือคำว่า – ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง

เมื่อพวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ก็ส่งผลให้โจวเย่นชิวตื่นตระหนกจนต้องออกคำสั่งด้วยตัวเองเลยว่า ไม่ให้กระทำการอะไรโดยพลการ แล้วรีบแจ้งให้เฉินตงรับทราบโดยทันที

รปภ.ไม่รู้หรอกว่า “ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง” คืออะไร แต่พวกเขาไม่ใช่คนโง่ คนที่ทำให้โจวเย่นชิวมีปฏิกิริยาเช่นนี้ได้ แปลว่าคนในรถจะต้องเป็นพวกคนใหญ่คนโตที่มีอิทธิพลอย่างแน่นอน

“ดูสิ คุณเฉินมาแล้ว!”

รปภ.ร้องออกมาอย่างโล่งอก

รปภ.ที่เหลือต่างก็หันไปตามเสียงเรียกนั้น สีหน้าของแต่ละคนดูผ่อนคลายลงไปได้บ้างเล็กน้อย

ในเวลาเดียวกัน.

เฉินตงและคุนหลุนมาปรากฏตัวที่ประตูวิลล่า

ประตูรถเบนท์ลีย์คันนั้น ก็เปิดออกมาติด ๆ เช่นกัน

สีหน้าของหลี่เต๋อซานดูมืดทะมึน ก้าวลงจากรถก่อนแล้วไปเปิดประตูรถอีกด้านหนึ่ง ช่วยประคองคุณท่านใหญ่หลี่ลงจากรถ

เขาไม่เข้าใจอย่างมาก ทั้งไม่พอใจมากด้วย ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าในอกเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

แต่เขาก็ไม่กล้าคัดค้านคำพูดของพ่อ

เพราะหากว่าคุณท่านใหญ่หลี่ยังมีชีวิตอยู่หนึ่งวัน เขาก็คือท้องฟ้าที่คุ้มหัวคนตระกูลหลี่หนึ่งวัน!

คุณท่านใหญ่หลี่อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก มือหนึ่งถือไม้เท้า มือหนึ่งต้องมีคนคอยพยุง

ถึงกระนั้น ร่างของเขาก็ยังสั่นงันงก ราวกับว่าพร้อมจะล้มลงไปกับพื้นได้ทุกเมื่อ

ผิวซีดเซียว เต็มไปด้วยความน่าหดหู่ใจ ราวกับไม้แห้งที่กำลังจะตาย พร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่

“ท่าทีของฉันมันชัดเจนแน่วแน่เพียงพอแล้ว คุณก็อายุตั้งขนาดนี้แล้วนะ ยังจะหน้าด้านไร้ยางอายจนถึงขั้นนี้เลยเชียวเหรอ?”

น้ำเสียงเย็นชาแฝงความขยะแขยง ดังออกมาจากปากของเฉินตง

เขาเดินไปหยุดที่หน้าประตู มองไปที่คุณท่านใหญ่กับหลี่เต๋อซานด้วยแววตาลุ่มลึกเย็นชา

หลี่เต๋อซานตัวเกร็ง เตรียมจะเปิดปากเพื่อโต้กลับ

ทันใดนั้น

คุณท่านใหญ่หลี่ก็ปล่อยมือหลี่เต๋อซาน เดินโซเซไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็โยนไม้เท้าในมือทิ้งไปด้วย

ตึง

คุกเข่าลงบนพื้นตรง ๆ ทั้งอย่างนั้น

ภาพฉากนี้ ถึงกับทำให้ทุกคนตรงนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปตาม ๆ กัน

คุณท่านใหญ่หลี่ร้องไห้น้ำตาไหลอาบหน้า ยกมือขึ้นแล้วค่อยๆ โขกคำนับลงกับพื้น

ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงแหบแห้งเจือเสียงสะอื้นดังขึ้นในลำคอของเขา

“ตงเอ๋อ ตาผิดไปแล้ว…”

บึ้ม!

หลี่เต๋อซานราวกับร่างทั้งร่างถูกฟ้าผ่า ช็อกจนแทบสติหลุด

ชั่วเวลานั้น ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน แต่ไม่ว่าความคับข้องใจของเขาจะมากไปกว่านี้อีกสักเท่าไหร่ ก็ยังต้องคุกเข่าตามคุณท่านใหญ่หลี่อยู่ดี เขาจึงคุกเข่าลงกับพื้นตามพ่อไปอีกคน

รปภ.หลายสิบคนได้แต่เบิกตากว้าง คนแก่อายุปูนนี้ถึงกับมาคุกเข่าให้คุณเฉินจริงๆ เหรอเนี่ย?

อย่างไรก็ตาม

ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่าทีของเฉินตงยังคงเยือกเย็น ไม่แสดงคลื่นอารมณ์ใด ๆ ออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย

“คนแก่ไม่น่าเคารพ พูดจาไม่อายปาก!”

เฉินตงพูดทิ้งท้ายประโยคหนึ่ง ก็หันหลังแล้วเดินจากไป

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset