Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 304 ลอบฆ่า!

คำตอบที่เย็นชาไม่แยแส ทำให้คุณท่านใหญ่หลี่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นถึงกับตะลึงค้าง

เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉินตงที่กำลังเดินห่างออกไปทุกที ๆ พลางร้องไห้: “ตงเอ๋อ ตาเป็นถึงขนาดนี้แล้ว หลานไม่คิดว่าเราเป็นสายเลือดเดียวกันบ้างเลยเหรอ ? ฉันเป็นพ่อของแม่เธอ เป็นตาของเธอนะ! ตระกูลหลี่ในเวลานี้ มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นแล้วที่จะช่วยได้!”

“หุบปาก!”

เฉินตงพลันบังเกิดจิตสังหาร หันหน้ากลับมาแบบกะทันหัน: “เป็นสายเลือดเดียวกันงั้นเหรอ! ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา คุณเคยคิดถึงมันบ้างมั้ยล่ะ ? หรือลืมไปแล้วว่าแม่ต้องลำบาก ต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน จากน้ำมือของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแท้ ๆ น่ะหา?!”

“ถ้าฉันไม่คิดถึงไอ้คำว่าสายเลือดเดียวกันนี่ล่ะก็ ฉันคงอดใจไม่ไหว แล้วฆ่าคุณให้ตายกับมือตัวเองไปนานแล้ว!”

“รีบไสหัวกลับไปเมืองหลวงให้พ้น ๆ หน้าฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าขืนยังมารบกวนฉันอีกล่ะก็ กะอีแค่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดกระจิริดแค่นี้ ฉันก็จะไม่นับมันแล้ว!”

เฉินตงหันกลับไปอย่างแน่วแน่ แล้วก้าวเดินยาว ๆ จากไป

เมื่อตอนที่พ่อกลับไปตระกูลเฉิน เขาทิ้งทุนไว้มากมายให้กับแม่ ด้วยความสามารถของแม่ ไม่ต้องพูดถึงการทำให้บริษัทมีความเจริญรุ่งโรจน์มากขึ้น แค่การรักษาธุรกิจเอาไว้ก็ยังถือได้ว่ามากเพียงพอแล้วด้วยซ้ำ

แล้วตระกูลหลี่ล่ะ?

แค่บังคับแย่งชิงไปไม่ว่า ถึงขั้นที่ไม่ต้องการให้แม่ทำอะไรได้สำเร็จ จึงวางแผนการล้อมโจมตีแบบลับ ๆ ชนิดไม่เหลือที่ให้หายใจ

บีบบังคับพวกเขาสองคนแม่ลูก ให้ตกลงไปในห้วงเหวลึกอย่างโหดร้าย

ยี่สิบปีที่แล้ว ตระกูลหลี่ไม่เคยสนใจว่าแม่จะเป็นตายร้ายดียังไง ยี่สิบปีต่อมา เขาได้กลายเป็นตัวตนที่ตระกูลหลี่ไม่สามารถปีนป่ายไขว่คว้าถึงได้ไปแล้ว!

เหตุในอดีต ผลของวันนี้ นี่แหละคือผลกรรมที่สาสมที่สุด!

“ตงเอ๋อ ตงเอ๋อ….”

คุณท่านใหญ่หลี่ร้องไห้ฟูมฟาย คลานเข่ากระเสือกกระสนพยายามไล่ตามเฉินตงไป

“พ่อ พ่อใจเย็น ๆ ก่อน พ่อใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ”

หลี่เต๋อซานรีบลุกขึ้น พยายามประคองคุณท่านใหญ่หลี่อย่างสุดความสามารถ จ้องมองเฉินตงที่กำลังเดินห่างออกไป: “เจ้าเดรัจฉานอกตัญญูนี่ มันถึงกับคิดจะฆ่าพ่อแล้วด้วยซ้ำ ทำไมพ่อถึงยังต้องไปก้มหัวขอร้องมันขนาดนี้ด้วย?”

“กลับบ้าน พวกเรากลับบ้านเถอะ!” หลี่เต๋อซานรู้สึกเจ็บปวดใจ ขณะที่เห็นพ่อร้องไห้อย่างสิ้นหวัง

แม้ว่าเขาจะโกรธมาก แต่เขาก็รู้ดีว่า พ่อของเขากำลังทำเช่นนี้เพื่อปูเส้นทางในอนาคต รวมไปถึงพยายามหาที่พักพิงสำหรับคนตระกูลหลี่ทั้งตระกูล!

แต่ในฐานะคนเป็นลูก เขาทนรับมันไม่ได้จริง ๆ

“พรุ่งนี้เรากลับเมืองหลวงกัน ต่อให้ตระกูลหลี่ต้องจบสิ้นลง ก็จะไม่ยอมให้พ่อต้องมาโดนดูถูกขนาดนี้แล้ว!”

หลี่เต๋อซานช่วยพยุงคุณท่านใหญ่หลี่ขึ้นรถ แล้วตามขึ้นรถไปทีหลัง

เบนท์ลีย์หันหัวหลังกลับ พุ่งทะยานลงจากภูเขาไป

“คุณชาย พวกนั้นไปแล้วครับ” คุนหลุนหันกลับไปมองแวบหนึ่ง

เฉินตงพยักหน้าอย่างเฉยเมย: “ทำฉันคลื่นไส้เป็นบ้า”

คุนหลุนนิ่งเงียบไม่พูดจา แค่เดินตามหลังไปอย่างใกล้ชิด

ตกดึกสงัด

กลับไปยังห้องเพรสซิเดนสูทของโรงแรมไท่ซาน

ตาของคุณท่านใหญ่หลี่เป็นสีแดงก่ำ นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางเหม่อลอย

หลี่เต๋อซานนั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าง่วงงุนเต็มที่ แม้ว่าเปลือกตาของเขาแทบจะปิดเพราะความง่วงมากแค่ไหน เขาก็ยังไม่กล้าไปนอนก่อน

หลังกลับมาจากเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

คุณท่านใหญ่หลี่ก็นั่งอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา

เจ้าบ้านตระกูลหลี่ผู้สง่างาม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นยักษ์ใหญ่ในเมืองหลวง

จวบจนอายุมากขนาดนี้แล้ว ถึงกับยอมทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมด แล้วคุกเข่าให้เด็กรุ่นหลัง

นี่ถือเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่โจมตีความภาคภูมิใจของเขา!

หลี่เต๋อซานกังวลว่าพ่อของเขาจะทนรับไม่ไหว จนทำเรื่องโง่ ๆ ลงไป เขาจึงอยู่ข้าง ๆ พ่อตลอด

อาการง่วงนอน จู่โจมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า

เปลือกตาเริ่มหนักเหมือนมีเหล็กมากดทับ เอาแต่จะปิดเองอย่างควบคุมไม่ได้

หลี่เต๋อซานหยิกต้นขาตัวเองแรง ๆ ความเจ็บปวดนั้นทำให้เขารู้สึกมีสติขึ้นมาหลายส่วน

มองดูเวลาตอนนี้ ก็ปาเข้าไปตีสองแล้ว

เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “พ่อ พักผ่อนเถอะครับ”

ท่านใหญ่หลี่ไม่ขยับ เพียงฝืนกะพริบเปลือกตาที่บวมช้ำเบา ๆ

หลี่เต๋อซานจนใจทำอะไรไม่ถูก ทั้งเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ได้แต่ถูใบหน้าเพื่อทำให้ตัวเองมีสติ

เขาไม่กล้านอนจริงๆ

เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และความง่วงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

แม้แต่การหยิกต้นขากับถูใบหน้า ก็ไม่สามารถหยุดอาการง่วงนอนได้

ในที่สุด เปลือกตาของหลี่เต๋อซานก็ปิดลงโดยไม่รู้ตัว ความง่วงเข้าจู่โจมโหมกระหน่ำ

คร่อก!

เสียงเบา ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น

ในห้องที่เงียบสงัด เป็นเหมือนดั่งเสียงฟ้าร้องอันดุดันกัมปนาท

หลี่เต๋อซานตัวสั่น ลืมตาตื่นขึ้นมาในทันใด

ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมา เขาก็จ้องไปที่คุณท่านใหญ่หลี่ที่อยู่ตรงหน้าเขา

แต่เมื่อมองไปเห็น ในหัวก็เกิดเสียงระเบิดดัง “บึ้ม” ขึ้นมาอย่างน่ากลัว การเคลื่อนไหวพลันกลายเป็นดุร้ายเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที

“พ่อ!”

เสียงร้องไห้อันเศร้าโศกชวนเวทนา ดังขึ้นอย่างฉับพลัน

ในเวลานี้ คุณท่านใหญ่หลี่ได้ล้มลงบนเก้าอี้ไปแล้ว ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นเบิกกว้าง

มีกริชเล่มหนึ่งปักคาอยู่ที่ตำแหน่งหัวใจของเขา เลือดสด ๆ ไหลพุ่งออกมาเหมือนกับน้ำพุตามร่องเลือดที่กริชปักลงไป

อาบย้อมไปทั่วพื้น รวมถึงทุกสิ่งรอบตัวคุณท่านใหญ่หลี่จนเป็นสีแดงฉาน

เป็นฉากนองเลือดที่น่าสะพรึงกลัวมากฉากหนึ่ง

แทบจะทำให้หลี่เต๋อซานเป็นลมไป

แต่สัมปชัญญะที่ยังเหลืออยู่ ทำให้เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

ด้วยสายตาที่ดุดันกราดเกรี้ยว เขารีบมองค้นหาไปรอบ ๆ

เขาแน่ใจว่าตัวเองตื่นทันทีที่ได้ยินเสียง ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้ ฆาตกรต้องยังอยู่ที่นี่แน่!

“หยุดนะ!”

ทันใดนั้น หลี่เต๋อซานก็ตะโกนอย่างโกรธจัด

ประตูห้องกลับถูกเปิดค้างไว้ครึ่งหนึ่ง เขาเห็นเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกไป

หลี่เต๋อซานรีบไล่ตามออกไปด้วยความโกรธแค้น ความแค้นที่ฆ่าพ่อไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ในเวลานี้ ไม่ว่าอะไรเขาก็ไม่กลัวทั้งนั้น

แต่เมื่อเขาตามไปจนถึงประตูหน้า

ทันใดนั้น ตรงหน้าก็พลันมืดลงอย่างทันหัน

พลั่ก!

ฝ่าเท้าหนัก ๆ ข้างหนึ่ง เตะเข้าที่กลางหน้าอกของเขาอย่างดุดัน ทำให้เขาถึงกับกระเด็นกลิ้งกลับเข้าห้องไปตรง ๆ

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง น้ำเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ไม่ยอมไสหัวกลับเมืองหลวง งั้นก็สมควรตาย ๆ ไปซะ!”

หลี่เต๋อซานล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง แต่เจ้าตัวไม่สนใจความเจ็บปวด รีบเงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไปที่ด้านนอกประตู

แต่แม้กระทั่งเงาผีสางที่ไหน ก็หายไปจนหมดไม่มีเหลือแล้ว

แต่เสียงเมื่อครู่นี้ เป็นเสมือนเสียงฟ้าร้องกึกก้องกัมปนาท ฟาดเข้ากลางใจจนทำให้เขาอกสั่นขวัญหาย

“ไอ้สารเลวเอ้ย…ไอ้สารเลวน่าตายนั่น….”

หลี่เต๋อซานกัดฟันกรอด พยายามฝืนลุกขึ้นแล้ววิ่งตามไปที่ประตู

ทางเดินที่เปิดไฟสว่างจ้า กลับว่างเปล่าไม่เห็นแม้แต่เงาของใครแม้แต่คนเดียว

เป็นความหวาดกลัวที่จมดิ่งยาวนาน บาดลึกแทรกซึมในใจอย่างเงียบงัน

หลี่เต๋อซานตะลึงค้างอยู่ในภวังค์ คำพูดนั้นยังดังก้องวนเวียนซ้ำ ๆ อยู่ในสมองไม่หยุด

เขาหันกลับมาอย่างเชื่องช้า ก้าวเดินโซซัดโซเซไปตรงหน้าคุณท่านใหญ่หลี่ ผู้ที่หมดลมหายใจไปนานแล้ว

ตึง!

หลี่เต๋อซานคุกเข่าลงกับพื้น พาดสองมือลงบนหัวเข่าของร่างไร้วิญญาณของคุณท่านใหญ่หลี่ แล้วเริ่มร้องไห้โฮอย่างหมดท่า: “พ่อ … “

เสียงร้องไห้นั้นดังสะท้านสะเทือน สะท้อนโศกนาฏกรรมอันน่าสลดหดหู่

ในห้องสวีทหรู อาบย้อมไปด้วยเลือดเจิ่งนอง

ศพของคุณท่านใหญ่หลี่เย็นลงอย่างรวดเร็ว ยกเว้นเพียงดวงตาแดงก่ำคู่นั้นที่ยังคงเบิกกว้าง มองค้างไปที่เพดาน ปากอ้าเปิดเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่เต็มใจรับความตายนี้

เพียงไม่นาน เสียงร้องไห้ก็ดึงดูดผู้คนภายในโรงแรมทั้งหมด

หลังเสียงหวีดร้องด้วยความแตกตื่นตกใจดังต่อเนื่องกัน ไม่นานในห้องก็เต็มไปด้วยผู้คน

ทุกสายตาต่างจ้องมองไปที่หลี่เต๋อซานด้วยความแตกตื่น

หลี่เต๋อซานตัวสั่นเทิ้ม ร้องไห้โฮไม่ต่างจากเด็กเล็ก ๆ เป็นภาพที่น่าอนาถชวนสังเวชใจอย่างยิ่ง

เขาคิดไม่ถึงเลยสักนิด ทั้งที่ป้องกันอย่างเต็มที่ แค่เพราะความง่วงเพียงชั่วขณะ สุดท้ายกลับยังปล่อยให้เรื่องร้ายแรงแบบนี้เกิดขึ้นจนได้

สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือ พ่อไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่เป็นการถูกคนอื่นลอบฆ่าจนตาย!

หลี่เต๋อซานเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง เจ็บปวดใจเหลือจะเอ่ย

เขาร้องไห้ไปพลางพร่ำเพ้อไม่หยุดว่า: “พ่อ… พวกเราไม่น่ามาที่นี่เลย ไม่น่ามาที่นี่เลย. … ความแค้นนี้! ต่อให้ตระกูลหลี่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมากเท่าไหร่ ผมก็จะแก้แค้นให้พ่อให้ได้! “

เขาปาดน้ำตาบนใบหน้าอย่างรุนแรง

เพียงชั่วพริบตา หลี่เต๋อซานก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นดุร้ายเกรี้ยวกราด

“ไม่ยอมไสหัวกลับเมืองหลวง งั้นก็สมควรตาย ? จะมีสักกี่คนที่พูดอะไรแบบนี้ได้?”

“ชั่วร้ายเลวทราม! ถึงกับฆ่าญาติผู้ใหญ่! แกช่างขวัญกล้าบังอาจซะจริงนะ! ไม่กลัวบาปกลัวกรรมสักนิดเลยรึไง? แกไม่กลัวถูกฟ้าผ่าบ้างเลยรึไง!?”

หลี่เต๋อซานค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า ประโยคอันคุ้นหูเมื่อครู่ เป็นประโยคที่เขาเพิ่งได้ยินกับหูเมื่อไม่นานมานี้ ที่เฉินตงได้พูดตรงหน้าบ้านพักเขตวิลล่าเขาเทียนซานนั่นเอง

เดิมทีเขาคิดว่ามันคงเป็นแค่คำขู่ แต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าแค่ผ่านไปคืนเดียว มันจะกลายเป็นความจริงไปซะแล้ว

ที่เมื่อครู่เฉินตงกล้าพูดแบบนั้นออกมา ย่อมไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยอีกต่อไป

ใช่แน่!

เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย เมืองนี้เป็นที่ถิ่นของเขา เป็นเหมือนสวนหลังบ้านด้วยซ้ำ เขายังต้องกังวลอะไรอีกล่ะ?

หลี่เต๋อซานกัดฟันกรอด ชั่วขณะนั้น ในใจก็บังเกิดจิตสังหารพุ่งทะยานขึ้นมา ใบหน้าปรากฏร่องรอยความบ้าคลั่งกระหายเลือด

“ต่อให้ต้องใช้ทุกอย่างของตระกูลหลี่ทุ่มลงไปจนหมดตัว ฉันก็จะฆ่าแกให้จงได้ จะถลกหนังป่นกระดูกแกให้แหลกเป็นผุยผง!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset