Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 335 นักฆ่าระดับพระกาฬ เฉินเต้าจูน

ภาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ทำให้เฉินตงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

พวกของท่านหลงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก รู้สึกราวกับมีศัตรูตัวฉกาจ

ฟ่านลู่รีบพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตรงเข้าไปที่พุ่มไม้ทันที

ไม่ช้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามนายก็ดึงร่างๆ ของคนคนหนึ่งออกมาจากพุ่มไม้

“ฮะ~”

ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกัน

และต่างก็หันมองเฉินเต้าจูนด้วยความตกตะลึง

ตลอดทางที่มา มีคนนับพันคอยคุ้มกันอยู่ กลับปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น

แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่า มีนักฆ่ามาดักรออยู่ที่หลุมฝังศพนานแล้ว

หากไม่ใช่เพราะเฉินเจ้าจูนชิงลงมือเสียก่อน จุดจบคงไม่ต้องพูดถึง !

ฟ่านลู่หันมองเฉินเต้าจูนด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง มีความกลัวแอบซ่อนอยู่ภายในแววตาของเธอ

นี่เป็นการรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวขนาดไหนกัน ?

“คุณลุง……”

เฉินตงตั้งสติได้ จึงหันมองเฉินเต้าจูนอย่างซาบซึ้ง

ยังไม่ทันจะพูดจบ เฉินเต้าจูนก็หัวเราะเยาะออกมา : “ในเมื่อเรียกฉันว่าลุง ถ้าเช่นนั้นก็จงเป็นเหมือนฉัน มานี่ ลุงจะสอนวิธีฆ่าคนให้นาย !”

อะไรนะ ? !

เฉินตงอึ้งไปทันที

หรือว่ายังมีนักฆ่าอยู่อีก ?

ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว มือขวาก็ถูกเฉินเต้าจูนจับขึ้นมาเสียแล้ว เป็นแรงที่มหาศาลราวกับคีมเหล็ก

เฉินเต้าจูนค่อยๆ จูงเฉินตงเดินไปอีกด้านหนึ่ง

“คุณชาย!”

ท่านหลงหน้าถอดสี รีบตะโกนเรียกทันที

“หุบปาก!”

เฉินเต้าจูนหันกลับมาจ้องตาเขม็ง เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง ทำให้ท่านหลงตกใจจนหน้าซีด และก้มหน้าก้มตา จนไม่กล้าสบตาอีก

เมื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท่านหลงก็รีบหันไปส่งสายตาให้กับฟ่านลู่และกูหลัง

ฟ่านลู่และกูหลังรีบตามเฉินตงและเฉินเต้าจูนไปในทันที

ส่วนฉินเย่และจูเก่งชิงที่อยู่ในฝูงชน ก็รีบตามไปด้วยเช่นกัน

คำพูดของเฉินเต้าจูนแสดงให้เห็นว่า บริเวณโดยรอบสุสานนี้ ยังมีนักฆ่าแอบซ่อนตัวอยู่ !

อีกทั้งตอนนี้ สิ่งที่เฉินเต้าจูนทำ ก็คือการพาเฉินตงเข้าไปใกล้นักฆ่า นี่ไม่เท่ากับเป็นการส่งเนื้อเข้าปากเสือหรอกเหรอ?

ไม่มีใครสงสัยความสามารถของเฉินเต้าจูน

แต่ก็ไม่มีใครกล้าปล่อยให้เฉินตงต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเพียงลำพังเช่นกัน

“ห่างออกไปด้านหน้าสิบก้าว มีนักฆ่าอยู่ นายไปฆ่าเขาให้ลุงดูหน่อยซิ”

เฉินเต้าจูนหยุดเดิน แล้วปล่อยมือของเฉินตง จากนั้นจึงยิ้มให้เฉินตงด้วยรอยยิ้มที่อำมหิต

ทั้งคำพูดและการกระทำ ล้วนแล้วแต่แสดงออกถึงความน่าเกรงขาม

ทำให้เฉินตงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“คุณลุง ผม……” เฉินตงลังเล

“ฆ่าคน ง่ายนิดเดียว!”

เฉินเต้าจูนถอนหายใจ จากนั้นจึงโน้มตัวลงไปหยิบก้อนหินขึ้นมาหนึ่งก้อน

ฟิ้ว !

ลอยทะลุอากาศไป

ก้อนหินลอยทะลุอากาศ ลงไปตกยังพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

ตุ๊บ !

มีเสียงดังเกิดขึ้น

จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

จากนั้น ในระหว่างที่เฉินตงกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ก็มีผู้ชายที่อำพรางใบหน้าอยู่ ล้มออกมาจากพุ่มไม้

อีกทั้งบนหน้าผากของคนคนนั้น ก็มีก้อนหินฝังอยู่ และเปียกชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด

“เฮ้ย!”

แทบจะในเวลาเดียวกัน จู่ๆ ก็มีเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นมาจากยอดไม้ที่อยู่ห่างออกไป

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงและหันมองตามเสียงนั้นไป จู่ๆ ก็มีคนคนหนึ่งกระโดดลงมาจากยอดไม้ แล้วรีบวิ่งหนีลงเขาไปในทันที

“จะไปไหน ตายซะเถอะ!”

เฉินเต้าจูนเตะก้อนหินลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทันใดนั้น มือขวาของเขาก็คว้าก้อนหินเอาไว้ แล้วเขวี้ยงออกไป

ฟิ้ว !

ลอยทะลุไปในอากาศ

ลมแรง จนทำให้เฉินตงรู้สึกราวกับผิวหนังถูกฉีกออก

ตุ๊บ !

นักฆ่าที่วิ่งหนีออกไปไกลส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา แล้วล้มลงไปบนพื้น

ภาพนี้ ทำให้เฉินตงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เขาหันมองเฉินเต้าจูนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง นี่สิถึงจะเรียกว่านักฆ่ามือพระกาฬที่แท้จริง !

ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า ยิ่งทำให้เฉินตงยิ่งเข้าใจชัดเจนว่า ตอนที่เขาต่อสู้กับเฉินเต้าจูนในคุกมืด เฉินเต้าจูนออมมือให้เขามากเพียงใด

ใช้เพียงก้อนหินเป็นอาวุธ ก็สามารถมีอานุภาพในการฆ่าที่น่ากลัวพอๆ กับอาวุธปืน

หากพูดแบบไม่เกรงใจก็คือ ตอนที่อยู่บนเวทีประลองในคุกมืดตอนนั้น หากเฉินเต้าจูนคิดที่จะฆ่าเขาจริงๆ ละก็ เขาคงกลายเป็นศพไปตั้งนานแล้ว

บรรยากาศภายในภูเขาเงียบสงัด

อุณหภูมิลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง

เจตนาฆ่าที่รุนแรงของเฉินเต้าจูนแผ่ซ่านออกไปทั่ว

แม้แต่ฟ่านลู่เองยังรู้สึกหวาดกลัว และไม่กล้าสบตาเฉินเต้าจูน

เพราะว่า สายตาของเฉินเต้าจูนในตอนนี้ สามารถฆ่าได้แม้กระทั่งเทพเจ้าจริงๆ !

“ใครกล้าแตะต้องสายเลือดตระกูลเฉินของฉัน ต้องตายทั้งหมด!”

เฉินเต้าจูนตะโกนออกมาเสียงดัง

เขาก้มลงไปหยิบหินขึ้นมากำหนึ่ง แล้วถือเล่นในมือ จากนั้นจึงค่อยๆ โยนก้อนหินทิ้งทีละก้อนๆ

ก้อนหินธรรมดาๆ เมื่อหลุดออกไปจากมือของเฉินเต้าจูน กลับมีความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดขึ้นในทันที ราวกับกระสุนปืนที่ทะลุอากาศไป

มีเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังก้องบนภูเขา

มีศพที่อาบไปด้วยเลือด ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากที่หลบซ่อนทีละศพๆ

และทั้งหมดเป็นการฆ่าภายในครั้งเดียว !

แม้แต่เฉินตง ก็ยังรู้สึกขนลุก และเกิดความกลัวสุดขีดขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจ

นี่มัน……อยู่ในระดับความสามารถที่มนุษย์สามารถไปถึงได้อย่างนั้นเหรอ?

แต่ไหนแต่ไรมา เฉินตงไม่เคยปล่อยอารมณ์ของตนเองตามอำเภอใจเลย เพราะเขารู้ดีว่า การที่จะขึ้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉินได้นั้น ไม่เพียงแต่จะต้องผ่านการทดสอบด้านธุรกิจด้วยคะแนนเต็มเท่านั้น แต่จะต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งและมีทักษะการต่อสู้ด้วย

ตระกูลมั่งคั่งที่แท้จริง แต่ไหนแต่ไรมาล้วนต้องการผู้นำมีที่ความสามารถรอบด้าน !

มิเช่นนั้นตระกูลเฉินคงไม่เข้มงวดกับคนรุ่นหลัง และให้เข้าสู่กระบวนการการศึกษาที่ยอดเยี่ยม

แต่ยิ่งรู้จักควบคุมอารมณ์ เฉินตงก็ยิ่งเข้าใจขีดจำกัดของมนุษย์ได้มากขึ้น

แต่การแสดงออกของเฉินเต้าจูน อยู่เหนือกว่าสิ่งที่เขาเข้าใจ!

ในชั่วพริบตาเดียว ก้อนหินสิบกว่าก้อนที่อยู่ในมือ ก็ถูกเฉินเต้าจูนโยนออกไปจนหมด

และผลลัพธ์ก็คือ มีร่างของนักฆ่าสิบกว่าศพหล่นลงบนพื้น

บรรยากาศภายในภูเขากลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง

มีสายตาของความหวาดกลัว มองมาที่เฉินเต้าจูนเป็นครั้งคราว

ไม่มีใครกล้าจ้องมองเฉินเต้าจูนนานนัก

เกรงว่าจะถูกนักฆ่ามือพระกาฬสังเกตเห็นเข้า

แม้กระทั่งนักฆ่าอันดับที่ 20 ในอันดับยมราชอย่างฟ่านลู่เอง ก็ยังไม่กล้า !

มีเพียงแค่เฉินตงคนเดียวเท่านั้น ที่จ้องมองเฉินเต้าจูนอยู่ตลอดเวลา

ไม่เพียงแต่มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินเต้าจูนเท่านั้น แต่ยังเหลือบมองทุกคนด้วยสายตาที่ต้องการให้ยอมจำนนต่อตนเอง

ยิ่งสังเกต เฉินตงก็ยิ่งรู้สึกสงสัย

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมในสมัยนั้น เขาถึงไม่อาจเอาชนะคุณพ่อได้ ?

“ยังมีอีกหนึ่งคน!”

จู่ๆ เฉินเต้าจูนก็พูดออกมา เขาขมวดคิ้ว แล้วหันมองไปทางด้านหนึ่งด้วยสายตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว : “แก มีเวลาให้หนีตั้งนาน ทำไมไม่หนี ?”

เฉินตงมองตามเสียงไป ทางด้านนั้น เป็นเนินดิน ไม่สิ จ้องพูดว่าเป็นหลุมศพที่รกร้างไร้เจ้าของ

ฟรึ่บ……

ขณะที่กำลังหันมองไป ดินที่อยู่บนหลุมศพ ก็ค่อยๆ ทรุดตัวลง

มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากหลุมศพ !

ถึงแม้จะเป็นกลางวันแสกๆ แต่ภาพที่ปรากฏขึ้น กลับทำให้เฉินตงรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง

ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างรู้สึกตกใจจนแทบจะหยุดหายใจพร้อมกัน

เมื่อหลุมศพถูกเปิดออกมา มีร่างที่ถูกพันเอาไว้ผ้าพันแผล เผยให้เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้างที่ดูมืดหม่น ค่อยๆ เดินออกมาจากหลุมศพ แล้วจ้องมองเฉินเต้าจูน จากนั้นคนที่พันผ้าเอาไว้ก็รีบพยักหน้า แล้วส่งเสียงของผู้ชายที่ฟังดูหนักแน่นออกมา : “จะไปเดี๋ยวนี้”

พูดจบ เขาก็เดินจากไปต่อหน้าทุกคน

นี่ ทำเหมือนกับไม่มีใครเห็น ?

ใบหน้าของเฉินตงเต็มไปด้วยความตกตะลึง และรู้สึกเหลือเชื่อ

วิธีการลงมือของเฉินเต้าจูนเมื่อครู่ สามารถฆ่าคนไปได้อย่างต่อเนื่องสิบกว่าคน นักฆ่าธรรมดาๆ ต่างกลัวจนหัวหด

แล้วนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในหลุมศพคนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉินเต้าจูน ทำไมถึงยังใจเย็นเช่นนี้อยู่ได้ ?

ฟิ้ว !

ในขณะที่เฉินตงกำลังตกตะลึงอยู่นั้น

เฉินเต้าจูนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ขว้างก่อนหินออกไปก้อนหนึ่ง

สายลมพัดผ่านใบหน้าของเฉินตงไปอย่างน่าสะพรึงกลัว

ความเจ็บที่เกิดขึ้น ทำให้คิ้วของเฉินตงขมวดเข้าหากันทันที เขายกมือขึ้นไปลูบใบหน้าด้านซ้าย และพบว่าใบหน้าของเขาถูกก้อนหินที่ลอยผ่านอากาศไปด้วยความเร็ว บาดเข้าเป็นรอยเล็กๆ !

การออกแรงในครั้งนี้ มากกว่าครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา

ทว่า

ตุ๊บ !

ในขณะที่ก้อนหินพุ่งเข้าใส่ชายที่กำลังพันผ้าอยู่นั้น

ชายที่พันผ้าอยู่ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เขายื่นมือขวาออกมาทันที ผ้าที่พันอยู่บนมือค่อยๆ ลอยออกมา เขาบีบก้อนหินจนแตกละเอียด แล้วโยนลงบนพื้นกระจัดกระจาย

แววตาของเฉินเต้าจูนเป็นประกาย แล้วหัวเราะออกมาเสียงดังพลางพูดว่า : “ดี แกไปได้ !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset