Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 340 ขัดขวาง

ทางตอนเหนือของเมืองหลวง

เป็นแนวเทือกเขา

ตั้งแต่สมัยโบราณ ภูเขาแห่งนี้ ถือเป็นแนวป้องกันที่ยิ่งใหญ่ของประชาชน

เมื่อเวลาผ่านไป

แนวแม่น้ำตามธรรมชาติ ก็ค่อยๆ หมดประโยชน์

ทิวเขาเต็มไปด้วยความเงียบสงบและสันโดษ ผืนป่าเขียวขจีที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปกคลุมภูเขาทั้งลูกเอาไว้ราวกับเป็นเสื้อคลุมที่ลึกลับ

ในช่วงเช้าตรู่จะมีหมอกหนาแน่น

มีไม่กี่คนที่รู้ว่า ภายในภูเขาใหญ่โตลูกนี้ มีพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้แอบซ่อนอยู่

ดูราวกับสรวงสวรรค์ที่แยกออกมาจากโลกมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็นที่ที่เหล่าบรรดาตระกูลมั่งคั่งต่างใฝ่หา

ทุกวัน จะมีเครื่องบินทะยานอยู่เหนือท้องฟ้าไม่ขาดสาย จะบินมาตามภูเขาและทำลายความเงียบสงบภายในภูเขา และลงจอดบนที่ราบนี้

อีกทั้งบนพื้นที่ราบ ยังมีคฤหาสน์ขนาดหนึ่งหมื่นเอเคอร์ตั้งอยู่ ซึ่งถือเป็นที่ใฝ่ฝันของเหล่าบรรดาตระกูลมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่

คฤหาสน์ที่ครอบคลุมพื้นที่หนึ่งหมื่นเอเคอร์ ตั้งอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่ก็ยังคงเปล่งประกายความงดงามออกมา ราวกับดวงจันทร์และดวงดาวที่ส่องแสงในยามค่ำคืน เผยให้เห็นถึงเอกลักษณ์และความสง่างามของคฤหาสน์

ด้านหน้าประตูคฤหาสน์ มีการสร้างซุ้มประตูที่มีโล่ประกาศเกียรติคุณประดับเอาไว้

มีตัวอักษรที่วิจิตรและประณีตงดงามสองตัวประดับเอาไว้อยู่อย่างสง่างาม——จวนเฉิน !

และด้านนอกคฤหาสน์ มีลานบินสามลู่สำหรับเครื่องบิน และมีพื้นที่ว่างสำหรับขึ้นและลงเฮลิคอปเตอร์ ดูราวกับสนามบินขนาดเล็ก

เครื่องบินลงจอด เบรก และหยุด

“คุณชาย ถึงตระกูลเฉินแล้วครับ”

เฉินตงถูกท่านหลงปลุกให้ตื่นจากความฝัน

เฉินตงค่อยๆ ลืมตาขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นในทันที แต่กลับมองผ่านหน้าต่างออกไปด้านนอก

ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก

นี่ทำให้เฉินตงใจลอยไปครู่หนึ่ง

ฟ่านลู่เองก็ตกตะลึงจนอึ้งไปเช่นเดียวกัน

คฤหาสน์และปราสาท ใช่ว่าไม่เคยเห็น

คฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่ในเมืองหลวง ตอนนั้นก็ทำให้เฉินตงรู้สึกตื่นตะลึงไม่น้อย

แต่คฤหาสน์พื้นที่หนึ่งหมื่นเอเคอร์ที่อยู่ตรงหน้า ปราสาทเก่าแก่ของตระกูลหลี่ไม่อาจเทียบได้เลย เรียกได้ว่าเป็นเหมือนยักษ์ใหญ่กับยักษ์เล็กจริงๆ

ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะสามารถจินตนาการได้ว่าตระกูลจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟูถึงเพียงนี้ ?

หลังจากนิ่งอึ้งไปเกือบหนึ่งนาที

เฉินตงก็ตั้งสติกลับมาได้ เขาลูบจมูก จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า : “ไปกันเถอะ”

ลงจากเครื่องบินแล้ว

มีรถคันหนึ่งมาจอดรอรับอยู่ด้านข้าง

ท่านหลงและคุนหลุนเดินนำไปก่อน

เด็กหนุ่มที่ขับรถมีความเคารพเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อเฉินตงและฟ่านลู่เดินไปจนเกือบจะถึง เด็กหนุ่มกลับมองเฉินตงด้วยแววตาที่แปลกประหลาด และมีท่าทีที่ดูซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย

ท่านหลงแสดงท่าทีเข้มงวดออกมา : “เป็นแค่คนรับใช้เล็กๆ เจอคุณชายยังไม่รู้จักทำความเคารพอีกเหรอ?”

เด็กหนุ่มผงะไป แล้วรีบโค้งคำนับ : “สวัสดีครับคุณชาย”

เฉินตงขานรับด้วยท่าทีที่สงบ จากนั้นจึงขึ้นรถพร้อมกับพวกท่านหลง

ถึงแม้ท่านหลงจะเป็นคนรับใช้ แต่เมื่อพบกับพวกเฉินเทียนเซิง ก็ไม่จำเป็นจะต้องแสดงความเคารพออกมามากนัก ดังนั้นการที่จะตำหนิคนรับใช้เล็กๆ สักคน จึงถือเป็นเรื่องปกติ

ตลอดทาง เฉินตงเห็นรถวิ่งไปมาระหว่างสนามบินและคฤหาสน์อยู่เป็นระยะๆ

แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ รถที่มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลเฉินนั้น ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ภายในรถ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

แต่รถที่แล่นออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเฉิน ใบหน้าของผู้คนกลับมีทั้งคนที่ตื่นเต้นยินดี และคนที่โศกเศร้า

“คุณชาย เมื่อก่อนพ่อตาของคุณก็ไม่ต่างกับคนเหล่านี้เลย”

ท่านหลงยิ้มแล้วชี้ไปที่รถโดยสาร แววตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง : “ที่นี่ถูกกำหนดขึ้นด้วยฐานะของตระกูลเฉิน และเป็นที่ที่สมาชิกทุกคนในตระกูลเฉินต่างภาคภูมิใจ แต่ทว่าความแตกต่างอยู่ตรงที่ คนบางคน แม้กระทั่งประตูใหญ่ของคฤหาสน์ก็ยังไม่มีโอกาสได้เหยียบเข้าไป ก็ถูกคนรับใช้ขับไล่ออกมาเสียแล้ว หรือไม่ ถ้าหากเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเฉินแล้ว ก็ถูกคนรับใช้ที่ฐานะสูงสักหน่อยขับไล่ออกมา”

“ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จ จะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกรุ่นเยาว์ที่เป็นหัวกะทิของตระกูล และตกลงในสิ่งที่พวกเขาร้องขอ

“ตามที่นายพูดมา คนที่จะสามารถเข้าพบผู้ที่มีอำนาจของตระกูลเฉินได้นั้น มีอยู่น้อยมาก ยิ่งโอกาสที่จะได้พบพ่อของฉันด้วยแล้ว คือหนึ่งในล้าน?” เฉินตงถาม

“ประมาณนี้ครับ”

ท่านหลงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แล้วพูดต่อว่า : “ส่วนพ่อตาของคุณ เมื่อก่อนกระผมเป็นคนต้อนรับ นี่ถือเป็นการต้อนรับระดับสูงจากตระกูลเฉินแล้ว ถึงว่าสูงกว่าการต้อนรับของสมาชิกหัวกะทิรุ่นเยาว์”

ต่อให้พ่อตาจะถือเป็นผู้นำของกลุ่มบริษัทข้ามชาติ หรือแม้แต่โจวเย่นชิวซึ่งถือเป็นผู้นำชั้นแนวหน้าของห้างสรรพสินค้า เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น

การได้รับการต้อนรับจากท่านหลง ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

เฉินตงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่กลับรู้สึกประหลาดใจกับลำดับชั้นที่เข้มงวดของตระกูลเฉิน

แม้แต่การต้อนรับแขกที่มาจากภายนอก ก็ยังมีการแบ่งระดับการต้อนรับอย่างเข้มงวด สิ่งนี้หากอยู่ในตระกูลมั่งคั่งตระกูลอื่น ต่อให้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งอย่างตระกูลหลี่และตระกูลฉิน ก็ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน

เมื่อมองดูคนที่นั่งอยู่บนรถที่แล่นผ่านไปคันแล้วคันเล่า เฉินตงก็รู้สึกหดหู่ขึ้นเล็กน้อย

นี่คงเป็นการยืนยันคำพูดที่ว่า “ของบางอย่างเพียงแค่เกิดมาก็มี หรือไม่ก็อาจไม่มีไปตลอดชีวิต” ?

คนเหล่านี้พยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อที่จะให้ได้เหยียบเข้าไปในตระกูลเฉิน แต่ฉันกลับสามารถเข้าไปได้ โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากใคร

เรื่องของชาติกำเนิด สามารถกดขี่คนได้จริงๆ !

ทว่า

เมื่อรถแล่นไปถึงใต้ซุ้มประตูทางเข้าของคฤหาสน์ตระกูลเฉิน กลับถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลเฉินกลุ่มหนึ่งเข้ามาขวางเอาไว้

“หลีกไป ใครกล้าขวางรถของฉัน?”

ท่านหลงพูดขึ้นเสียงดังด้วยความโมโห

คุนหลุนเองก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธเคือง : “แค่สุนัขรับใช้ฝูงหนึ่ง ยังไม่รีบหลีกทางไปอีก ?”

คนหนึ่งเป็นคนสนิทของเจ้าบ้าน ส่วนอีกคนเป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของเจ้าบ้าน และเป็นอาจารย์ของทายาทระดับหัวกะทิ

ด้วยฐานะแล้ว ถือว่าห่างไกลจากคนรับใช้มาก

ถึงแม้จะได้รับความยำเกรงจากทายาทระดับหัวกะทิ

แต่ทว่าตอนนี้ กลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้คนขวางเอาไว้ !

ใบหน้าของคนรับใช้วัยหนุ่มหลายคน แสดงความหวาดกลัวออกมา

หนึ่งในนั้นมีคนที่เป็นหัวหน้า เขารวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาว่า : “ท่านหลง พี่คุนหลุนสามารถเข้าไปได้ แต่คนนอกอีกสองคนที่มีฐานะไม่ชัดเจน ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้”

ใบหน้าของเฉินตงเคร่งขรึมลงทันที และรู้สึกขำขึ้นมา

คนนอกที่มีฐานะไม่ชัดเจน ไม่สามารถเข้าไปได้ ?

คำพูดเช่นนี้ ดูเหมือนจะเกินจริงไปหน่อย ?

“หลีกไป! คนที่ฉันกับคุนหลุนพามา จะเป็นคนนอกที่มีฐานะไม่ชัดเจนได้อย่างไร ?

ท่านหลงสีหน้าบึ้งตึง แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว : “ต่อให้ต้องสอบถาม ก็ควรให้คนในตระกูลเฉินมาสอบถาม จะให้พวกแกเข้ามาขวางง่ายๆ แบบนี้ได้เหรอ? ใครเป็นคนใช้ให้พวกแกทำเช่นนี้ ?”

น่าเกรงขาม

เอ่ยถามอย่างตรงประเด็น

แม้กระทั่งการต้อนรับแขกก็มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด ถ้าหากไม่ได้รับคำสั่งมา แค่คนรับใช้ที่เฝ้าประตูไม่กี่คน ไม่มีทางกล้าทำเรื่องที่อุกอาจเช่นนี้แน่นอน ?

สีหน้าของคนรับใช้วัยหนุ่มเหล่านี้เปลี่ยนไปพร้อมกันในทันที เพราะรู้สึกหวาดกลัวคำตำหนิที่รุนแรงของท่านหลง

เด็กหนุ่มที่เป็นหัวหน้าแววตาสั่นเครือ เขาเงียบไปสักพัก แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมามองท่านหลง

“ท่านหลง ต้องขออภัยด้วย เนื่องจากเจ้าบ้านถูกลอบทำร้ายเมื่อไม่นานมานี้ การรักษาความปลอดภัยในตระกูลเฉิน จึงมีการยกระดับไปถึงระดับสูงสุด ดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างเคร่งครัด”

เผียะ !

ท่านหลงตบหน้าของคนรับใช้หนุ่ม

“เหลวไหล! เป็นแค่สุนัขรับใช้ คิดที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับฉันอย่างนั้นเหรอ?”

น้ำเสียงโกรธเกรี้ยว ทำให้คนรับใช้วัยหนุ่มเหงื่อกาฬไหลชุ่มเต็มหน้าผาก และมีท่าทีหวาดกลัว

สิ่งนี้ทำให้บรรดาแขกที่อยู่รอบๆ ต่างแสดงความตกใจออกมา

ยังไม่มีใครกล้าอวดดีต่อหน้าคฤหาสน์ตระกูลเฉินเช่นนี้ !

ราวกับทุกสิ่งหยุดชะงักลงไปชั่วขณะ

เฉินตงยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ภายในรถ แล้วปล่อยให้ท่านหลงกับคุนหลุนเป็นคนจัดการ ส่วนตนเองก็มีเพียงแค่รอยยิ้มที่เย็นชาปรากฏขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าเท่านั้น

หากมีท่านหลงและคุนหลุนคอยนำทาง คนรับใช้ที่เฝ้าประตูเพียงแค่ไม่กี่คน ไม่มีทางขัดขวางได้สำเร็จอย่างแน่นอน

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า มีคนที่คอยแอบออกคำสั่งอยู่

“นี่เพิ่งจะมาถึงตระกูลเฉิน ก็ปล่อยสุนัขรับใช้วองสามตัวมากัดฉันแล้วเหรอ?”

เฉินตงแอบคิดอยู่ในใจ แล้วจู่ๆ เขาก็หรี่ตาลง

มองเห็นร่างร่างหนึ่ง กำลังเดินตรงมาจากซุ้มประตูของคฤหาสน์ตระกูลเฉิน

“เฉินเทียนหย่าง!”

จู่ๆ ใบหน้าเย็นชาของเฉินตง ก็รู้สึกราวกับถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งทันที

และในตอนนี้เอง

ใบหน้าอันชั่วร้ายของเฉินเทียนหย่าง ก็แสยะยิ้มออกมา

“มาตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าประตูตระกูลเฉิน ไม่รู้สึกว่าทำให้ตระกูลเฉินต้องขายหน้าหรือยังไง? ท่านหลง ในฐานะที่นายเป็นคนรับใช้ของตระกูลเฉิน นายไม่รู้กฎที่ว่า ลูกสวะ ไม่สามารถเข้ามาในตระกูลเฉินได้หรือยังไง ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset