Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 354 ให้เวลาหนึ่งปี

ภายในห้องอภิปราย

เสียงเงียบสงัด

เฉินเต้าหลินอยู่ในท่าทีที่น่าเกรงขาม

เฉินตงมองดูอย่างกระตือรือร้น คำพูดของพ่อ สามารถพลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือ

ความผิดแต่ละข้อที่กล่าวออกมา ราวกับเป็นสิ่งคุ้นเคยที่รู้กันดี

ถ้าหากทุกคนในที่นี้ต้องการลงโทษเขาตามกฎระเบียบ พวกเขาเองก็ไม่อาจรอดพ้นได้เช่นกัน!

นี่เป็นการทำเรื่องทุกอย่างให้ง่ายขึ้น และเป็นการยกสิทธิ์ในการตัดสินใจให้กับทุกคน

คนที่ทำตามฉันนั้นรอด ส่วนคนที่ขัดขวางฉันนั้นต้องตาย!

ง่ายๆ และตรงไปตรงมา

แต่กลับเป็นเหมือนภูเขาไท่ซานลูกใหญ่ ที่ทับทุกคนเอาไว้จนไม่อาจขัดขืนได้

ใบหน้าของทุกๆ คนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ เส้นเลือดบริเวณหางตากระตุก

ยิ่งไปกว่านั้นถึงขนาดเนื้อตัวสั่นเทา

ความหวาดกลัว ตื่นตระหนก และสิ้นหวังค่อยๆ เข้าครอบงำทุกคน

ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

ถ้าหากจะนับความผิดของทุกคน ทีละคนๆ จริงๆ ก็คงไม่อาจมีใครหนีรอดไปได้

ทุกๆ ความผิด หากลงโทษตามกฎของตระกูล สมาชิกระดับสูงทั้งหมดของตระกูลเฉินคงจะต้องถูกจัดการอย่างสิ้นซากทั้งหมด

เพราะว่า การกระทำผิดในทุกๆ ข้อ ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดขั้นร้ายแรงของกฎระเบียบตระกูลทั้งหมด

แสวงหาผลประโยชน์จากทั้งภายในและภายนอก มัวเมาโลกีย์ ยักยอกทรัพย์สินเข้ากระเป๋าตัวเอง

ข้อห้ามที่เคร่งครัดเหล่านี้ ถูกเขียนเอาไว้ในกฎระเบียบของตระกูลอย่างชัดเจน

“หือ?!”

จู่ๆ เฉินเต้าหลินก็ส่งเสียงออกมา

หลายคนในนั้นรู้สึกตกใจจนตัวสั่นเพราะเสียงนี้

“ฉัน ฉันขอคัดค้าน!”

เฉินเต้าชินเอ่ยปากขึ้นมาก่อนใคร “เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ทุกท่านไม่จำเป็นต้องติดใจเอาความ ใช่หรือไม่ล่ะ?”

“เฉินเต้าชิน!”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและเฉินเต้าผิง หันมองเฉินเต้าชินด้วยความโมโหพร้อมกัน สองแม่ลูกรู้สึกโกรธจนแทบอยากจะกินเฉินเต้าชินเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้

นี่มันคนไร้ประโยชน์ชัดๆ ช่างกลับกลอกสิ้นดี!

“ฉันเองก็คัดค้าน!”

“ฉันคัดค้าน!”

“คัดค้าน!”

…..

หลังจากที่เฉินเต้าชินเอ่ยปากพูด ดูราวกับประตูระบายน้ำถูกเปิดออก ค่อยๆ มีเสียงดังต่อเนื่องขึ้นมาไม่ขาดสาย

คนอื่นตายก็ไม่เป็นไร แต่ตนเองต้องรอด ทำลายคนอื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของทุกคน

แต่เมื่อคนอื่นตายแล้วตนเองต้องตายไปด้วย ทำร้ายคนอื่นพร้อมกับทำร้ายตัวเองในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสั่นคลอน

ล้วนแล้วแต่เป็นเหนือคนที่ถูกฝึกฝนมาอย่างยอดเยี่ยมทั้งนั้น จึงยังไม่เสียสติและเลือดร้อนถึงขนาดที่จะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเฉินเต้าหลินในเรื่องนี้!

เมื่อได้ยินเสียงคัดค้านของทุกคน

เฉินเต้าหลินก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขาค่อยๆ เหลือบมองคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและเฉินเต้าผิงด้วยแววตาที่เฉียบคม “ฉันขอขอบคุณความเห็นจากทุกคนมาก ตอนนี้ก็เหลือเพียงคุณน้าสามกับเต้าผิงแล้ว”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกับเฉินเต้าผิงหันมองหน้ากัน

สับสน ไม่เต็มใจ ลังเล

ในที่สุด คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ก้มหน้ากัดฟันแล้วพูดว่า “ขอคัดค้าน!”

“ขอคัดค้าน!” เฉินเต้าผิงพูดตามขึ้นมา

“ทุกคนมีความคิดเห็นเช่นนี้ ในฐานะเจ้าบ้าน ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

เฉินเต้าหลินยิ้มอย่างเบิกบาน เขาเหลือบมองทุกๆ คน “และขอให้ทุกท่านช่วยออกความคิดเห็นต่อ เพื่อเป็นการขอโทษต่อความใจกว้างที่เจ้าบ้านอย่างฉันมีให้ต่อพวกนาย”

คำพูดที่ออกไป ทำให้สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความอับอายอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าพูดออกมาอีก

ความผิดแต่ละอย่าง ดูเหมือนว่าเฉินเต้าหลินจะระบุความผิดของพวกเขาได้อย่างชัดเจนทั้งหมด

เพียงแค่ขยับเล็กน้อย ก็สามารถจัดการกับทุกคนได้อย่างราบคาบ

“ตงเอ๋อ ได้พบกับญาติผู้ใหญ่ของลูกเรียบร้อยแล้ว ก็เข็นพ่อกลับเถอะ”

เฉินเต้าหลินไม่คิดที่จะอยู่ต่อ เขาลูบศีรษะ และพูดด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ญาติผู้ใหญ่ของลูกพวกนี้ ตอนนั้นไม่มีใครสามารถเอาชนะได้สักคน คิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะได้อีก มีเพียงลุงเต้าจูนของลูกเท่านั้นที่พอจะเก่งกาจอยู่บ้าง”

คำพูดดูถูกเหยียดหยามและไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย

ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่ง

การประชุมของสมาชิกตระกูลที่เป็นการตั้งใจรวมหัวกันกดดัน และพ่อกลับสามารถพลิกสถานการณ์และควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้

ควบคุมสถานการณ์ได้จนถึงขั้นไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาอีก

นี่ต้องมีกลอุบายที่แยบยลแค่ไหน ต้องมีจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน?

“รอเดี๋ยว!”

จู่ๆ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

เฉินตงหยุดเดิน เฉินเต้าหลินหันกลับไปมองคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน แล้วยิ้มพลางพูดว่า “คุณน้าสาม คิดที่จะเปลี่ยนความเห็นหรือครับ?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา แต่เธอก็ตอบกลับไปว่า “ไม่เสียแรงที่เต้าหลินเป็นเจ้าบ้านของตระกูลเฉินเรา มีวิธีการที่น่าทึ่งนัก แต่ในฐานะที่ฉันเป็นผู้อาวุโส ก็ควรที่จะกล่าวเตือนนายสักหน่อย ว่าควรที่จะแยกแยะผู้สืบทอดมรดกที่แข็งแกร่งและอ่อนแอออกจากกันได้แล้ว และควรที่จะระบุให้ชัดเจนแล้วว่า ใครจะสืบทอดหน้าที่เจ้าบ้านคนต่อไป!”

“อ้อ? ถ้าเช่นนั้นคุณน้าสามเห็นว่าเวลาไหนจึงจะสมควรที่สุด?” เฉินเต้าหลินย้อนถาม

ทุกคนต่างตกใจ

แต่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกลับยังอยู่ในท่าทีเรียบเฉย “ในสมัยของเจ้าบ้านคนก่อน ได้มีการกำหนดผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านคนต่อไปเมื่อมีอายุครบห้าสิบปี เจ้าบ้านในอดีต ต่างถูกแต่งตั้งขึ้นในช่วงเวลาเช่นนี้ ฉันจึงคิดว่า นายเองก็สามารถตัดสินใจเช่นนี้ได้เช่นเดียวกัน!”

“อายุครบห้าสิบปี? ตอนนี้ผมอายุสี่สิบเก้าปีแล้ว อีกหนึ่งปีก็จะครบห้าสิบปี ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี คุณน้าสามจัดการเช่นนี้ ไม่เห็นว่าดูเป็นการเร่งรีบไปหน่อยหรือ?”

จู่ๆ ดวงตาของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็แดงก่ำ น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมา และพูดอ้อนวอนว่า “หรือนายไม่อยากให้ฉันได้อยู่เห็นหน้าเจ้าบ้านคนต่อไปหรืออย่างไร หากไม่ได้เห็นอนาคตและความหวังของตระกูลเฉิน จะนอนตายตาหลับได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนี้ เมื่อฉันตายไป จะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษได้อย่างไร?”

เสียงร้องห่มร้องไห้ที่ดังขึ้น

ทำให้ทุกคนกระหยิ่มใจ

หลายคนลุกขึ้นมาปลอบใจ

เฉินเต้าผิงรีบเข้าไปประคองคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน “แม่ครับ เรื่องนี้ควรจะให้เจ้าบ้านเป็นคนตัดสินใจ แม่อย่าใจร้อนจนถือฐานะของตัวเองไปเสียสิครับ”

“แม่จะไม่ใจร้อนได้อย่างไร? ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส ใครไม่อยากเห็นอนาคตที่รุ่งโรจน์ของตระกูลเฉินบ้าง? หากยังมัวรีรอ ไม่เลือกเจ้าบ้านคนต่อไปอีก หากวันไหนแม่ตายขึ้นมา ลูกจะให้แม่มีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษได้อย่างไร? หรือแม้แต่เรื่องนี้ แม่ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นห่วงอย่างนั้นหรือ?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินร้องไห้อย่างหนัก น้ำตาไหลรินลงมาเป็นสาย

คนที่ลุกขึ้นมาปลอบโยน ค่อยๆ แสดงสีหน้าจนใจออกมา

“ร่วมมือกันดีนี่”

เฉินเต้าหลินพูดออกมาอย่างเย็นชา เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉินตง แล้วกัดฟันพูดออกมาว่า “หนึ่งปีก็หนึ่งปี อีกหนึ่งปีให้หลัง ให้ผู้สืบทอดมรดกทุกคนส่งกระดาษคำตอบ ผู้ชนะจะได้ขึ้นเป็นพระราชา!”

เวลาหนึ่งปี?!

เฉินตงตกใจเป็นอย่างมาก

แต่ก็ยังคงเข็นเฉินเต้าหลินออกมา

หลังจากทั้งสองจากไปแล้ว

ภายในห้องอภิปราย สีหน้าของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ

ทุกคนค่อยๆ ออกจากห้องอภิปรายไป

เมื่อเหลือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและเฉินเต้าผิงเพียงแค่สองคน

“แม่ครับ ทำไมจู่ๆ แม่ถึงโต้กลับรวดเร็วขนาดนั้น?” เฉินเต้าผิงถามด้วยความสงสัย

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินแสยะยิ้มออกมา “ในเมื่อฆ่าเฉินตงไม่ได้ และยึดตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกคืนมาจากเขาไม่ได้ คิดหรือว่าฉันจะไม่สามารถอ้างถึงบรรพบุรุษ เพื่อกดดันเฉินเต้าหลิน ให้กำหนดขอบเขตเวลาหนึ่งปีนี้ขึ้นมาไม่ได้?”

เฉินเต้าผิงเข้าใจในทันที แล้วพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “แม่ครับ นี่เท่ากับเป็นการค่อยๆ เชือดนิ่มๆ ให้ลูกสวะเฉินตงนั่น ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวหลังจากหนึ่งปีให้หลัง? ลูกสวะนั่นเพิ่งก่อร่างสร้างตัวได้เพียงหนึ่งปี คะแนนระดับนี้ ไม่มีทางเอาชนะผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ ได้เลย!”

“ไม่เพียงเท่านี้ แม่ยังอยากใช้เรื่องนี้จัดการกับเฉินเต้าหลินด้วย”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ “เขามั่นใจนักไม่ใช่หรือว่าลูกชายของเขานั้นแข็งแกร่ง และเป็นสมบัติล้ำค่าที่อยู่ในมือ? ระยะเวลาหนึ่งปี เพียงปีเดียวนี้ ฉันจะรอดูซิว่า ลูกสวะเฉินตงนี่ จะสามารถส่งกระดาษคำตอบแบบไหนออกมาได้”

“อีกหนึ่งปีให้หลัง ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเฉินเต้าหลิน ผู้สืบทอดมรดกทุกคนต่างมาร่วมแสดงความยินดี และผู้สืบทอดมรดกจะได้รับการประเมินในเวลานั้น ถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่ลูกสวะเฉินตงนั่นจะต้องสิ้นเนื้อประดาตัว แม้แต่เฉินเต้าหลินเอง ก็ต้องอับอายจนแทรกแผ่นดินหนีเช่นกัน!”

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ! อย่างไรเสีย ฉันก็ยังเป็นขิงที่เผ็ดอยู่ดี!”

เฉินเต้าผิงตื่นเต้นดีใจ เขาอดไม่ได้ที่จะชูนิ้วโป้งขึ้นมา

“ระยะเวลาหนึ่งปี ต่อให้ลูกสวะเฉินตงนั่น จะเป็นเทพเจ้ามาจากไหน ก็ไม่มีทางเอาชนะความพยายามของผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ ที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายปี หลายสิบปีได้แน่นอน!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset