Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 366 ควบคุมสถานการณ์

อากาศยามค่ำคืนเย็นยะเยือกเหมือนสายน้ำ

ในที่สุดท่านหลงและคุนหลุนก็กลับมาถึงคลับสี่ยิ่น

เฉินตงไม่คิดที่จะปลุกกู้ชิงหยิ่งซึ่งกำลังนอนหลับใหลอยู่ เขาค่อยๆ ส่งสัญญาณให้ท่านหลงและคุนหลุนเดินเข้าไปในลาน

ใบหน้าของท่านหลงและคุนหลุนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา

“เล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

หลังจากนั่งลงแล้ว เฉินตงก็พูดออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง

ท่านหลงและคุนหลุนหันมองหน้ากัน จากนั้นท่านหลงก็ค่อยๆ อธิบายขึ้น

เพียงแต่ว่า เมื่อยิ่งฟัง คิ้วของเฉินตงก็ยิ่งขมวดมากยิ่งขึ้น

ไม่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดและไม่มีการนองเลือด

หรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือ ตอนที่ท่านหลงและคุนหลุนพาทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปถึงตระกูลเฉินนั้น การลอบสังหารได้สิ้นสุดลงแล้ว

ฆาตกรถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลเฉินยิงเสียชีวิต ส่วนพ่อได้หายตัวไป

ทุกอย่างดูเป็นปกติ ราวกับเป็นการลอบสังหารที่ธรรมดามากๆ ครั้งหนึ่งเท่านั้น

แต่การลอบสังหารที่ธรรมดานี้ พ่อกลับหายตัวไปภายในบ้านตระกูลเฉิน

หลังจากฟังจบ เฉินตงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ “พวกนายได้ตามหาพ่อรึยัง ?”

“ตามหาแล้วครับคุณชาย” แววตาของท่านหลงเต็มไปด้วยความงุนงง “แต่หาจนทั่วทั้งตระกูลเฉินแล้ว ก็ยังไม่พบร่องรอยของนายท่านเลยครับ”

คุนหลุนเองก็พูดเสริมขึ้นมา “ใช่แล้วครับ อีกทั้งตอนที่พวกเราไปถึง การลอบสังหารก็ได้จบลงแล้ว บรรดาผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเฉิน รวมไปถึงคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ได้จัดกำลังบรรดาคนรับใช้และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออกตามหาทั่วบริเวณโดยรอบแล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยของนายท่านเลยแม้แต่น้อย และไม่มีเบาะแสใดๆเลย”

หยุดนิ่งไปสักพัก คุนหลุนก็พูดขึ้นว่า “อีกทั้ง ฆาตกรที่ลงมือลอบสังหารมีเพียงคนเดียว ไม่ได้มีผู้สมรู้ร่วมคิด”

“น่าสนใจจริงๆ” เฉินตงแสยะยิ้มออกมา พร้อมด้วยแววตาที่ดูน่าหวาดกลัว

ท่านหลงและคุนหลุนขมวดคิ้วแน่น

การลอบสังหารในครั้งนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

การหายตัวไปของเฉินเต้าหลิน ช่างเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย

“คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินมีท่าทีผิดปกติอะไรหรือไม่ ?” จู่ๆ เฉินตงก็เลิกคิ้วและถามขึ้น

“ไม่มีครับ”

ท่านหลงส่ายหัว “ตอนนี้ตระกูลเฉินโกลาหลอย่างมาก คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินดูร้อนใจกว่าใครเพื่อน นายท่านหายตัวไป ตอนนี้ตระกูลเฉินก็เหมือนมังกรที่ขาดหัว เรื่องนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินใช้อำนาจที่มีในการปิดเอาไว้เป็นความลับ ถ้าหากแพร่งพรายออกไป คงจะเป็นผลเสียต่อตระกูลเฉินอย่างมาก”

ตระกูลเฉินเป็นผู้กุมความมั่งคั่งของโลกเอาไว้ แต่อยู่เหนือสิ่งทุกสิ่งในโลก

ถึงแม้จะเป็นตระกูลมั่งคั่ง ในสายตาของตระกูลเฉินแล้ว ก็เป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆ เท่านั้น

จู่ๆ เจ้าบ้านก็หายตัวไป หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะต้องเกิดความโกลาหลครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน และอาจถึงขั้นทำให้เกิดความกระทบกระเทือนที่เป็นเหมือนคลื่นลูกใหญ่ในระดับสากล

ความเสียหายขนาดนี้ ตระกูลเฉินไม่กล้าที่จะแบกรับเอาไว้ !

เฉินตงขมวดคิ้วแน่น ในสมองของเขาเต็มไปด้วยสิ่งวุ่นวายและคิดไม่ตก

พ่อหายตัวไป ถือว่าเป็นความโชคดีที่อยู่ในความโชคร้าย อย่างน้อยก็มั่นใจได้ชั่วขณะหนึ่งว่ายังคงปลอดภัยดี

แต่การหายตัวไป ก็ถือเป็นข่าวร้าย

สิ่งเดียวที่เขามั่นใจได้ก็คือ คนที่ลอบสังหารพ่อ กับคนที่สนับสนุนให้เกิดการลอบฆ่าเขานั้น เป็นคนคนเดียวกัน หรือจะพูดว่าเป็นกลุ่มพลังเดียวกันก็ได้

นอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีเบาะแสอื่นๆ !

“คุณชาย ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”

ท่านหลงพูดเตือนสติเบาๆ “ตระกูลเฉินจะต้องตามหานายท่านอย่างสุดความสามารถแน่นอนครับ เจ้าบ้านหายตัวไป พวกเขาร้อนใจกว่าใครๆ ไม่เพียงแต่ขายหน้าเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงผลประโยชน์มากมายมหาศาลอีกด้วย ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ คุณชายจัดการกับธุระที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดจะดีกว่าครับ เวลาหนึ่งปีนั้นสั้นนิดเดียว”

“ลำบากพวกนายแล้ว ไปพักผ่อนกันเถอะ”

เฉินตงพยักหน้า และเผยรอยยิ้มออกมา

เขามองดูท่านหลงและคุนหลุนเดินกลับไปที่ห้องด้วยความรู้สึกจนใจ

เฉินตงเกาหัวด้วยความหงุดหงิด และพยายามระงับความคิดที่ว้าวุ่นเอาไว้

ตอนนี้ได้แต่หวังว่า เรื่องนี่จะไม่ใช่การสมรู้ร่วมคิดกันของคนในตระกูลเฉิน

ขณะที่เฉินตงกำลังจะลุกขึ้นนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เป็นสายจากฉู่เจียนเจีย !

ในช่วงที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลอบสังหารอันน่าหวาดกลัวอยู่พักใหญ่ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลจางและตระกูลฉู่ไม่น้อย แค่เพียงการสกัดกั้นไม่ให้ภารกิจการลอบสังหารของดาร์กเว็บ หลุดรอดออกไปบนโลกอินเทอร์เน็ต ก็จำต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล

ตอนนี้หมอกควันจากลงแล้ว เฉินตงเองก็รู้สึกขอบคุณตระกูลจางและตระกูลฉู่ทั้งสองตระกูลไม่น้อย

เมื่อรับสายโทรศัพท์แล้ว ฉู่เจียนเจียก็หัวเราะพลางพูดว่า “ยินดีด้วยค่ะคุณเฉินที่รอดพ้นจากอันตราย”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย อันที่จริงแล้วเขารู้สึกชอบอุปนิสัยและการทำงานของฉู่เจียนเจียเป็นอย่างมาก

อย่างน้อย ในตอนแรกที่ทั้งสองตระกูลพยายามเข้ามาผูกมิตรกับเขา เขาก็เลือกที่จะอยู่ข้างฉู่เจียนเจีย

“ต้องขอบคุณพวกคุณมาก ผมยังไม่มีโอกาสได้กล่าวขอบคุณพวกคุณเลยสักครั้ง” เฉินตงกล่าว

“เรื่องเล็กน้อยค่ะ อย่าได้เก็บเอาไปใส่ใจเลย”

ฉู่เจียนเจียพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง ด้วยนิสัยที่ดูเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งอย่างที่เคยเป็นมา “แต่ตอนนี้มีเรื่องเรื่องหนึ่งที่จำเป็นจะต้องให้คุณเฉินช่วยออกหน้าแล้ว”

“ได้สิ”

เฉินตงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อฉู่เจียนเจียมาขอร้องเขา ก็เป็นไปได้สูงที่จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ลงทุนร่วมกัน

มิเช่นนั้นปัญหาธรรมดาๆ ทั่วไป ด้วยความสามารถของตระกูลฉู่แห่งเมืองหลวงแล้ว คงสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแน่นอน ทำไมจะต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขาอีก

“สามวันหลังจากนี้ เมืองหลวงจะจัดการประชุมแลกเปลี่ยนของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ขนาดเล็กขึ้น ตระกูลฉู่และตระกูลจางของพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณเฉินจะให้เกียรติไปร่วมงานได้”

ฉู่เจียนเจียเงียบไปสักครู่ แล้วพูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคว่า “แน่นอนว่า ข้อแรกเป็นเพราะคุณเฉินกับพวกเราเป็นหุ้นส่วนกัน ส่วนข้อที่สอง……ตระกูลหลี่ต้องส่งคนมาแน่นอน !”

เฉินตงพูดขึ้นทันที “นี่คุณกำลังช่วยตระกูลหลี่ล่อศัตรูออกไป เพื่อเตือนพวกเขาว่าหากจะแก้แค้นก็แก้แค้นให้ถูกคนอย่างนั้นหรือ ?”

“ที่ไหนกันคะ ให้คุณเฉินไปเพื่อควบคุมสถานการณ์ต่างหาก” ฉู่เจียนเจียพูดพลางหัวเราะ

เฉินตงเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ และตกปากรับคำทันที

เขากับตระกูลจางและตระกูลฉู่ทั้งสองตระกูล ก็เป็นเหมือนพันธมิตรที่ลงเรือลำเดียวกัน จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ

อีกทั้งพื้นฐานการทำธุรกิจของตระกูลหลี่เอง ก็ไม่ได้อยู่ในแวดวงของวงการบันเทิง การที่ไปเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ อีกทั้งฉู่เจียนเจียก็ตั้งใจโทรศัพท์มาหาเขาเช่นนี้ นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ตระกูลหลี่มาด้วยจุดประสงค์ร้าย

อย่างไรเสียตั้งแต่ต้นจนจบ ตระกูลหลี่ก็ยังคงปิดหูปิดตา ไม่สืบสาวราวเรื่องให้แน่ชัดว่าใครเป็นคนฆ่าคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่กันแน่ ประกอบกับที่ต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากให้กับองค์กร hidden killers ในภารกิจลอบฆ่า

ทั้งความแค้นครั้งเก่าและใหม่ คงเพียงพอที่จะทำให้ตระกูลหลี่ระเบิดอารมณ์ออกมา

“ตระกูลหลี่ พวกเขาก็เป็นแค่พวกไม่ได้เรื่อง การทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้ ต้องการที่จะให้คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ที่นอนอยู่ในโลง ต้องนอนตายตาไม่หลับหรือยังไง ?”

เฉินตงลูบจมูก และหัวเราะเยาะออกมา

สองวันต่อมา

ทุกอย่างยังอยู่ในความสงบ

ช่วงเวลาเลวร้ายในการลอบสังหารผ่านพ้นไปแล้ว

เฉินตงจัดการบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในมือ ให้ดำเนินการต่อไปตามปกติ

สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลก็คือเรื่องของพ่อ

ระยะเวลาสองวัน กับการค้นหาจนทั่วตระกูลเฉิน แต่ก็ยังคงไร้วี่แวว

ราวกับพ่อหายไปในอากาศ

เรื่องนี่เป็นเหมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของเฉินตงอยู่ ยากที่จะสงบจิตใจลงได้

เพียงชั่วพริบตา

ก็ถึงวันที่นัดหมายกับฉู่เจียนเจียเอาไว้

ช่วงเช้า

เฉินตงโดยสารเครื่องบินส่วนตัวไปยังเมืองหลวง

เมื่อเดินออกจากสนามบิน ฉู่เจียนเจียก็เตรียมรถมารอรับเรียบร้อยแล้ว

หลังจากขึ้นรถ ทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่ฉู่เจียนเจียจัดเตรียมเอาไว้ให้

เฉินตงหันมองฉินเย่ที่นั่งอยู่ข้างๆ “อย่างไรเสีย นายก็กำลังดูแลบริษัทการเงินมูลค่าหลายหมื่นล้านอยู่ ตอนนี้ก็ควรจะนั่งบริหารงานอยู่ที่บริษัทไม่ใช่หรือ จะตามพวกเรามาทำไม ?”

“การประชุมแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ต้องมีดาราสาวสวยมาร่วมงานด้วยแน่นอน ถือเป็นบุญตาจริงๆ !” ฉินเย่กะพริบตาปริบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

เฉินตงลูบจมูก “อ้อ ฉันคิดว่านายตั้งใจจะมาหาจางหยู่หลันเสียอีก”

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเย่จางหายไปทันที แล้วหัวเราะร่าออกมา “จะเป็นไปได้ยังไง เธอจะสวยเทียบกับดาราได้อย่างไร ?”

“คุณชายฉิน คุณลองดูท้องฟ้าของเมืองหลวงนั้นสิ เมฆหมอกอึมครึม เกรงว่าฟ้ากำลังจะผ่าแล้ว” ท่านหลงพูดเป็นนัย “คุณพูดโกหกเช่นนี้ ไม่กลัวจะถูกฟ้าผ่าเอาหรือยังไง ?”

ฉินเย่กำลังยืดคอจะเถียงกลับ

เปรี้ยง !

จู่ๆ ก็มีฟ้าผ่าลอดลงมาจากท้องฟ้าที่กำลังอึมครึมอยู่

ทำให้ฉินเย่ตกใจจนหัวหดและรีบหุบปาก

ส่วนเฉินตงเองก็หันหน้าออกไปมองท้องฟ้าเช่นกัน

เมฆหมอกปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าของเมืองหลวง

ถึงแม้จะเป็นเวลาเช้า แต่กลับมืดมิดเหมือนตอนกลางคืน

เขาลูบจมูก “สภาพอากาศในเมืองหลวงแปรปรวนอย่างรวดเร็ว มีเพียงตระกูลหลี่เท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset