Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 367 มาตามนัด

หลังจากเข้าพักในโรงแรมแล้ว

ฉินเย่ก็หาข้ออ้างออกไปข้างนอก

เฉินตงเองไม่ได้ใส่ใจ ทำเพียงแค่หันไปตอบรับด้วยรอยยิ้ม

ความคิดของฉินเย่ ถูกมองออกนานแล้ว

เพียงแต่ฉินเย่ยังคงปากแข็ง เขาจึงไม่จำเป็นต้องคาดคั้น

หลังจากวางกระเป๋าเดินทางลงเรียบร้อย

ท่านหลงกับคุนหลุนเองก็รีบตามมา

หลังจากรู้ว่าฉินเย่ออกไปแล้ว ท่านหลงก็ยิ้มออกมาอย่างติดตลก “ปากของฉินเย่บอกว่าไม่ต้องการ แต่ร่างกายของเขานั้นไม่อาจโกหกได้จริงๆ”

เฉินตงและคุนหลุนเหลือบมองท่านหลงพร้อมกัน

“ท่านหลง คุณขับรถอะไร ?” คุนหลุนถามด้วยความสงสัย

ท่านหลงตั้งสติได้ ใบหน้าก็แดงก่ำ จากนั้นจึงกระแอมออกมาสองครั้ง แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“คุณชาย การประชุมแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในคืนนี้ คุณวางแผนไว้ว่าอย่างไร ?”

เฉินตงยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร

จากนั้นจึงค่อยๆ พูดออกมาหนึ่งประโยค “ทั้งบทลงโทษและรางวัล ล้วนแล้วแต่เป็นของขวัญ คงต้องขึ้นอยู่กับตระกูลหลี่แล้วว่าจะเลือกอะไร”

“ตระกูลหลี่ต้องสูญเสียเงินไปกว่าพันล้านดอลลาร์ให้กับองค์กร hidden killers ในภารกิจลอบสังหาร เมื่อไม่มีเงินหมุนเวียนก้อนนี้ ตระกูลหลี่ที่กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ ก็ยิ่งเกิดความสั่นคลอนมากยิ่งขึ้น”

ท่านหลงส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “ต่อให้พวกเขาไม่หาเรื่องคุณชาย ไม่ช้าก็ต้องถูกตระกูลมั่งคั่งของเมืองหลวงกลืนกินไปอยู่ดี การทำเช่นนี้ในตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่กำลังติดกับดัก ต่อให้ต้องตาย ก็ขอให้ได้กัดคุณชายให้เลือดกระเซ็นก่อนสักครั้ง

“ตระกูลหลี่ นอกจากคุณท่านใหญ่แล้ว ที่เหลือก็เป็นพวกโง่ทั้งนั้น” เฉินตงไม่คิดที่จะปกปิดความดูหมิ่นที่อยู่ในใจของเขาเลยแม้แต่น้อย และเปล่งเสียงออกมาด้วยความเย็นชา

……

ในเวลาเดียวกันนี้

ภายในคฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่

ตอนนี้คฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองดังเดิมอีกต่อไปแล้ว

ดูเหมือนว่าการลักพาตัวหลี่หลานมา และถูกเฉินตงและเฉินเต้าหลินกดดันด้วยเครื่องบินรบในตอนนั้น จะเป็นจุดเปลี่ยนของตระกูลหลี่ที่แท้จริง

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ตระกูลหลี่ก็เริ่มพังทลายลง

ส่วนการลอบสังหาร กลับกลายเป็นเหมือนทางรอดสุดท้าย ในการมีชีวิตรอดของอูฐที่ผอมโซอย่างตระกูลหลี่ ที่สูญสลายไป

ทำให้ทั่วทั้งคฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่ เต็มไปด้วยบรรยากาศที่มัวหม่น ไร้ชีวิตชีวา

ไม่มีแขกเหรื่อมาเยี่ยมเยียนอีกแล้ว

ตระกูลมั่งคั่งในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่า เวลาของตระกูลหลี่เหลือไม่มากแล้ว

แขกเหรื่อในอดีต ตอนนี้ไม่แน่ว่าอาจกำลังแอบลับมีดรอเอาไว้แล้ว

ฟ้าร้องกระหน่ำ

ฝนตกโปรยปราย

ผสมผสานเข้ากับบรรยากาศมืดมิดที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้า

หลี่เต๋อซานนั่งนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง และมองดูสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักด้านนอกหน้าต่าง

“ฝน ตกหนักจริงๆ”

จู่ๆ หลี่เต๋อซานก็พึมพำขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ้างว้างและเหนื่อยล้า “เมืองหลวงนั้นดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวที่ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ก้าวแรกอาจจะมีแดด แต่ก้าวที่ตามมาอาจจะมีพายุฝนก็เป็นได้”

ก๊อกก๊อกก๊อก !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามา”

ท่าทีเหนื่อยล้าของหลี่เต๋อซานจางหายไปทันที แปรเปลี่ยนเป็นท่าทีที่น่าเกรงขามขึ้นมา

ประตูเปิดออก

ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา

มองไปยังหลี่เต๋อซานที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง “เจ้าบ้าน จะไปจริงๆ หรือครับ ?”

“หากไม่ได้แก้แค้น ใจของนายขะสงบได้หรือ ?” หลี่เต๋อซานถามออกมาอย่างเย็นชา “พ่อตายไปได้เพียงไม่นาน นายอยากให้เขาดูถูกเอาหรือยังไง ?”

“แต่ตระกูลหลี่ของพวกเรา……” ชายวัยกลางคนพูดด้วยท่าทีเศร้าสร้อย

หลี่เต๋อซานค่อยๆ ลุกขึ้น จากนั้นจึงยิ้มและด้วยท่าทีดุร้ายว่า “เป็นเพราะไม่มีอะไรจะเสีย จึงไม่จำเป็นต้องกลัวยังไงล่ะ คนที่ฉันให้นายไปเตรียม เรียบร้อยหรือยัง ?”

ชายวัยกลางคนหันไปเผชิญหน้ากับหลี่เต๋อซาน มีความหวาดกลัวฉายออกมาจากแววตา

หลายวันมานี้ เจ้าบ้านเปลี่ยนไปอย่างมากจริงๆ !

ตั้งแต่ที่โกรธอย่างสุดขีด และกระอักเลือดออกมาในวันนั้น หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

บ้าระห่ำและรุนแรง

มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงปรากฏออกมาอยู่บ่อยๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดหวั่น

“เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ” ชายวัยกลางคนพยักหน้า “แต่พวกเราทำเช่นนี้ จะเป็นการทำเกินกว่าเหตุไปหน่อยหรือไม่ ?”

“เกินไป ? !” หลี่เต๋อซานยักไหล่ “ฉันกลัวว่าจะน้อยเกินไปนะสิ การประชุมแลกเปลี่ยนที่มีตระกูลจางและตระกูลฉู่เป็นหัวเรือใหญ่ ต่อให้เป็นงานเล็กๆ ก็ถือเป็นงานแลกเปลี่ยนระดับสูงในวงการบันเทิงแล้ว ในเมื่อตระกูลหลี่ของพวกเราต้องการจะไป ตระกูลจางและตระกูลฉู่ต้องเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริง และเชิญเขามาร่วมงานอย่างแน่นอน”

“ถึงตอนนั้น ก็จะเป็นเวลาที่เราจะได้แก้แค้นให้กับพ่อ !”

แววตาของชายวัยกลางคนดูซับซ้อน ดวงตาของเขากลอกไปมา จากนั้นจึงกัดฟันแล้วพูดว่า “แต่พี่ใหญ่ทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ตระกูลหลี่ไม่ได้ตายดีแล้ว ยังเป็นการผลักตระกูลหลี่ลงนรกอีกด้วย ความแค้นเรื่องฆ่าพ่อระหว่างเฉินตงกับพวกเรานั้น ถึงแม้จะหยั่งรากลึกก็จริง แต่ถ้าหากลงมือในการประชุมแลกเปลี่ยนแล้วล่ะก็ ตระกูลหลี่ของพวกเราก็จะไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากอีกต่อไปแล้ว”

การแก้แค้นส่วนตัว ต้องปรากฏขึ้นต่อหน้าสาธารณชน

ผลกระทบที่จะตามมานั้น ชายวัยกลางคนไม่กล้าที่จะจินตนาการเลย

ปัง !

หลี่เต๋อซานเตะเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆ เขาจนล้ม แล้วตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า “ใครก็ห้ามขวางฉันทั้งนั้น ! คืนนี้ฉันจะทำให้เฉินตงต้องนอนตายอยู่ที่นั่นให้ได้ ให้เขาลงไปอยู่ในนรกเป็นเพื่อนพ่อ !”

เปรี้ยง !

มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง สายฟ้าฟาดผ่านท้องฟ้าลงมา

ฟ้าที่ผ่าลงมา ยิ่งเป็นการเพิ่มความน่าเกรงขามของหลี่เต๋อซาน

ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกตกใจจนตัวสั่น

ชายวัยกลางคนกัดฟัน แล้วขานรับ จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

หลี่เต๋อซานหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ดวงตาของเขาแดงก่ำ กัดฟันแล้วพูดว่า “ต่อให้ต้องตายก็ต้องลากเฉินตงไปด้วย ตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ เอาแต่ขอร้องอ้อนวอนเฉินตงขนาดนั้น แต่สุดท้ายแล้ว คนที่ฆ่าพ่อก็คือเจ้าสัตว์เดรัจฉานนั่น ทว่าตอนนี้ ก็ต้องให้คนไร้ค่าช่วยแก้แค้นให้พ่อไม่ใช่หรือยังไง ?”

ขณะที่พูด หลี่เต๋อซานก็หัวเราะขึ้นมา

เสียงหัวเราะเยือกเย็นและดังขึ้นเรื่อยๆ และก้องกังวานไปทั่วห้องนอน

เวลากลางคืนค่อยๆ คืบคลานเข้ามา

สายฝนไม่มีที่ท่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งตกกระหน่ำมากยิ่งขึ้น

เสียงฟ้าผ่าดังกระหึ่ม สายฝนตกกระหน่ำลงมา

ทำให้เมืองหลวงดูไร้ชีวิตชีวาไปไม่น้อย

ในเมืองที่สว่างไสว ผู้คนรีบวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อหลบฝน

แม้กระทั่งการจราจรบนท้องถนน ก็รวดเร็วขึ้นมาก

บนรถโรลส์-รอยซ์

เฉินตงมอออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ และไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

คุนหลุนนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านข้างคนขับ ส่วนท่านหลงนั่งอยู่ข้างๆ เฉินตง

“คุณชาย ไปตอนนี้น่าจะช้าไปสักหน่อยแล้ว” ท่านหลงพูด

“ฉู่เจียนเจียเชิญให้ฉันไปช่วยควบคุมสถานการณ์ แต่ไม่ได้บอกให้ฉันไปเร็วๆ นี่” เฉินตงตอบกลับมาหนึ่งประโยค แล้วเบะปากอย่างช่วยไม่ได้

เขารู้ดีว่าการตรงต่อเวลา การติดต่อกับผู้ร่วมธุรกิจ และการรักษาเวลาที่นัดกันไว้ ถือเป็นมารยาทขั้นพื้นฐาน

แต่เป็นเพราะเมื่อครู่ต้องรอฉินเย่มาพร้อมกัน เมื่อดูเวลาก็เห็นว่าไม่ทันการแล้ว สุดท้ายฉินเย่กลับโทรศัพท์มาบอกว่าเขาไปถึงจุดหมายพร้อมกัยจางหยู่หลันเรียบร้อยแล้ว

หากไม่ต้องเสียเวลาเพราะเจ้าสัตว์ร้ายนั่น จะมาสายได้อย่างไรกัน ?

“เจ้าฉินเย่นั่น จริงๆเลย เป็นผู้ชายที่ปากไม่ตรงกับใจเลยจริงๆ”

ท่านหลงเองก็รู้ดีว่าทำไมถึงมาสาย จึงอดไม่ได้ที่จะปริปากบ่นออกมา จากนั้นจึงยิ้ม “แต่ก็ดี เจ้าหมอนั่นจะได้ล่วงหน้าไปช่วยคุณชายควบคุมสถานการณ์เอาไว้ก่อน”

เฉินตงหัวเราะร่าออกมา

เขาขานรับออกมาอย่างสบายๆ จากนั้นจึงเปลี่ยนท่าทางให้ผ่อนคลายขึ้น และหลับตาพักผ่อน

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

“คุณชาย ถึงแล้วครับ !”

ท่านหลงปลุกเฉินตงเบาๆ

“ลงจากรถเถอะ”

เฉินตงลุกขึ้นลงจากรถ

เงยหน้าขึ้นมองโรงแรมที่อยู่ตรงหน้าหนึ่งครั้ง

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สายฝนตกกระหน่ำ แสงไฟของโรงแรมสูงตระหง่านสว่างไสว เต็มไปด้วยความทันสมัยและดึงดูดใจ

อีกทั้ง บริเวณประตูใหญ่ของโรงแรม ถูกปูพรมแดงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

โรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ หากจะว่ากันตามเหตุผลแล้ว ก็ควรที่จะมีผู้เข้าพักไม่ขาดสาย แต่คืนนี้ปริมาณรถในลานจอดรถกลับดูบางตา

“คุณชาย นี่คือหนึ่งในธุรกิจของตระกูลจาง วันนี้จึงเหมาทั้งโรงแรมแล้ว” ท่านหลงกล่าวแนะนำ

เฉินตงเข้าใจในทันที

จากนั้นจึงเดินตรงไปยังโรงแรม

คุนหลุนกางร่ม แล้วเดินตามไปติดๆ เพื่อกันฝนให้กับเฉินตง

ท่านหลงกางร่มเดินตามอยู่ข้างๆ

ฝีเท้าก้าวลงไปบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนอย่างช้าๆ

สีหน้าของเฉินตงค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น และพึมพำขึ้นมาอย่างติดตลกว่า “ตระกูลหลี่……คงไม่โง่ตั้งแต่ต้นจนจบหรอกนะ”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset