Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 374 ออกมา !

เมืองหลิ่งตง โรงแรมกั๋วจี้

ตอนที่เฉินตงพบกับโจวเย่นชิวและกูหลัง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ

ทั้งสองคนหน้าตามอมแมม ถึงขั้นที่บนใบหน้าของกูหลังมีรอยฟกช้ำอยู่หลายจุด และเต็มไปด้วยความอ่อนล้า

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

สีหน้าของเฉินตงเคร่งขรึมลง

อีกฝ่ายจะดูถูกเขาก็ไม่ว่า แต่ตอนนี้กลับลงไม่ลงมือกับคนของเขา เรื่องนี้คงพูดจากันดีๆ ไม่ได้แล้ว

โลดแล่นอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาหลายปี เฉินตงเข้าใจเรื่องจัดหาที่ดินดีกว่าใคร

ในตอนแรกที่เป็นรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เขาอาศัยชื่อของหลี่ต้าเป่าในการช่วยไท่ติ่งจัดหาที่ดินด้านนอก

ตอนนี้โจวเย่นชิวจัดหาที่ดินเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการนักผู้บริหารรายใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์มานั่งรวมกัน สูบซิการ์และดื่มไวน์ จากนั้นจึงปรึกษากันว่าใครจะได้ผืนดินผืนนี้ไป

ส่วนการประมูลก็เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น

โจวเย่นชิวไม่ได้เล่าเหตุการณ์ให้กระจ่างตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงหวังพึ่งพาไท่ติ่งเพื่อร่วมมือกันจัดหาที่ดินผืนนี้ให้ได้ อาการบาดเจ็บของกูหลังในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าการเจรจาล้มเหลวไม่เป็นท่า

“คุณเฉิน ขออภัยด้วย ผมดูแลกูหลังไม่ดีเอง” โจวเย่นชิวลูบมือ แล้วพูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิด

กูหลังเคยต่อสู้ในโรงยิมมวยใต้ดินของเขา หลังจากพบกับเฉินตง ก็ออกจากโรงยิมมวยใต้ดิน เมื่อมีความสัมพันธ์เช่นนี้ โจวเย่นชิวจึงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเฉินตงและกูหลังดี ว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่นายจ้างและลูกน้องเท่านั้น

เงียบไปสักพัก หลังจากสังเกตว่าเฉินตงไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไป

โจวเย่นชิวจึงพูดขึ้นต่อว่า “ครั้งนี้คนที่ต่อสู่แย่งชิงที่ดินกับเราบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลิ่งตง บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลิ่งตง เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพียงบริษัทเดียวและใหญ่ที่สุดในเมืองหลิ่งตง เป็นบริษัทแบบผูกขาด เจ้าของบริษัทคือ หลินหลิ่งตง เป็นราชาที่อยู่ใต้ดินของเมืองหลิ่งตง และมีหูตากว้างขวาง”

“เป็นเพราะที่ดินผืนนั้น เป็นศูนย์กลางของเมืองหลิ่งตง จึงมีราคาที่สูงมาก บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลิ่งตงจึงต้องการที่จะครอบครองที่ดินผืนนั้น เดิมทีผมตั้งใจที่จะต่อสู้อย่างสุดความสามารถสักครั้ง เผื่อนำผืนดินผืนนั้นมาให้ได้ แต่ท่าทีของพวกเขากลับแข็งกร้าวเป็นอย่างมาก”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ โจวเย่นชิวก็หัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิน “ขอบอกตามตรง การเจรจาสองครั้งที่ผ่านมา พวกเราไม่เคยพบกับหลินหลิ่งตง พบเพียงแค่ลูกน้องของเขาเท่านั้น ที่กูหลังได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นฝีมือของลูกน้องเขา”

“คำพูดลูกน้องของเขาก็เป็นคนพูดอย่างนั้นหรือ ?” เฉินตงถาม

ไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังของหลินหลิ่งตง เพียงแค่เรื่องที่ลูกน้องของเขาลงไม้ลงมือ ก็พอจะอธิบายได้ว่า เรื่องนี้ไม่อาจใช้วิธีสันติในการเจรจากันได้อีกต่อไป

“ครับ” โจวเย่นชิวพยักหน้า “เขาคนนั้นชื่ออู๋จุนหาว เป็นลูกน้องคนสนิทของหลินหลิ่งตง มีสมญานามว่าเทพนักรบแห่งหลิ่นตง จิตใจโหดเหี้ยม ฝีมือฉกาจ ปล่อยหมัดรุนแรง”

จู่ๆ เฉินตงก็หัวเราะออกมา

จากนั้นจึงบิดขี้เกียจ “ไปกันเถอะ พวกเราไปเจรจาด้วยตัวเองดู”

ในใจของโจวเย่นชิวรู้สึกยินดี เขารีบลุกยืนขึ้น “ตอนนี้อู๋จุนหาวอยู่ที่โรงแรมจุนหาว นั่นเป็นที่ของเขา”

“คุณเฉิน” กูหลังรู้สึกกังวลเล็กน้อย “หรือจะเรียกพี่คุนหลุนมาด้วยดี ?”

เฉินตงหยุดเดิน “นายสงสัยความสามารถในการต่อสู้ของฉันหรือยังไง ?”

กูหลังส่ายหัว “เรื่องแบบนี้ ให้พี่คุนหลุนจัดการน่าจะดีกว่า ไม่ต้องให้คุณเฉินลงมือด้วยตัวเอง”

“ทำร้ายพี่น้องของฉัน จะไม่ให้ฉันลงมือกลับด้วยตัวเองได้อย่างไร ?”

คำพูดเพียงประโยคเดียวของเฉินตง ทำให้กูหลังยอมปิดปาก

จากนั้น เฉินตงก็หันมองโจวเย่นชิว “ฉันไม่ต้องการที่อยู่ของอู๋จุนหาว ฉันต้องการที่อยู่ของหลินหลิ่งตง”

โจวเย่นชิวตะลึงไปชั่วครู่

จากนั้นจึงพูดอย่างจนใจว่า “อู๋จุนหาวจัดการธุระแทนหลินหลิ่งตงมาโดยตลอด ในเมืองหลิ่งตง คนที่รู้ว่าหลินหลิ่งตงอยู่ที่ไหน ก็เห็นจะมีแต่พวกของอู๋จุนหาวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปที่โรงแรมจุนหาว”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

เฉินตงพากูหลังและโจวเย่นชิวมาถึงโรงแรมจุนหาว

ที่นี่เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว

ในฐานะที่เป็นลูกน้องคนสนิทของหลินหลิ่งตง สามารถครอบครองโรงแรมขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้ พิสูจน์ถึงฐานะของเขาที่อยู่ต่อหน้าหลินหลิ่งตง และเป็นการพิสูจน์ฐานะของหลินหลิ่งตงในเมืองหลิ่งตง

“ไปกันเถอะ”

เฉินตงเดินเข้าไปในโรงแรมด้วยท่าทีเฉยเมย

โจวเย่นชิวมีท่าทีกังวลเล็กน้อย มีเหงื่อค่อยๆ ไหลอาบอยู่บนหน้าผากของเขา

เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา ถ้าหากเฉินตงคิดจะเอาผิดแล้วล่ะก็ เขาเองก็ไม่อาจรับไหว

ตอนนี้ จึงทำได้เพียงอยู่ในฐานะเบี้ยล่างเท่านั้น

เขาเดินนำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และหาผู้จัดการล็อบบี้ของโรงแรมจนเจอ “สวัสดีครับ พวกเราต้องการขอพบพี่จุนหาวสักครู่ครับ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้จัดการล็อบบี้หายไป

เขาเหลือบมองเฉินตงและกูหลัง

จากนั้นจึงวางมาดขึ้นมา “ผมจำได้แล้ว พวกคุณสองคนคือคนที่ถูกประธานอู๋จัดการเมื่อตอนบ่ายไหม ?”

คำพูดและการกระทำของเขา เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม

โจวเย่นชิวยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน “รบกวนคุณช่วยไปรายงานด้วย”

“กลับไปเถอะ ประธานอู๋มีธุระต้องสะสางมากมาย คิดว่าใครคิดก็เข้าพบก็เข้าพบได้ง่ายๆ หรือยังไง ?”

ผู้จัดการล็อบบี้ไม่คิดที่จะพูดให้เสียเวลา เขาโบกมือ “หรือจะพูดว่า พวกคุณยังถูกตีไม่พอ เลยอยากจะโดนอีกสักยก ?”

สีหน้าของโจวเย่นชิวหมองหม่นลง

ตอนนี้เขาต้องแสดงเป็นเพียงแค่เบี้ยล่างจริงๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นถึงยอดฝีมือของห้างสรรพสินค้าเลยนะ

เมื่อมีคนตบหน้าเขาด้วยคำพูดเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกโมโหขึ้นมา

แต่เมื่อนึกถึงเฉินตงที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาก็กัดฟัน และกำลังจะอ้าปากพูด

ทันใดนั้น

ก็เหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งกำลังเดินออกมา

“เจ้าสุนัขรับใช้ แกพูดบ้าอะไรกับเขา ?”

ตุ้บ !

จู่ๆ เฉินตงก็ต่อยลงไปที่ท้องของผู้จัดการล็อบบี้ในทันที

ทันใดนั้น ผู้จัดการล็อบบี้ก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาจุกจนหน้าเขียว เอามือกุมท้อง และทรุดตัวลงไปนั่งอยู่กับพื้น

ในขณะเดียวกันก็กัดฟันพูดด้วยความโมโห “แกกล้าต่อย……”

ยังไม่ทันจะพูดจบ เขาก็รู้สึกคอตีบตัน จนต้องกลืนคำพูดที่จะพูดออกมากลับลงท้องไป

เฉินตงบีบคอของผู้จัดการล็อบบี้แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่มีเวลามาเสียเวลากับสุนัขรับใช้ พาฉันไปพบกับอู๋จุนหาว”

ผู้จัดการล็อบบี้พยายามต่อสู้ดิ้นรน แต่มือขวาของเฉินตงนั้นแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกอย่างรวดเร็ว

การข่มขู่ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายรุนแรงขึ้น

เขาพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว

พรึบ !

เฉินตงปล่อยมือลงแล้วหันมองโจวเย่นชิว “ประธานโจวพูดคุยกับสุนัขรับใช้ด้วยเหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”

อีกทางด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสังเกตเห็นภาพที่เกิดขึ้น จึงรีบตรงเข้ามาทางนี้ทันที

ผู้จัดการล็อบบี้รีบยกมือขึ้นห้าม

จากนั้นจึงหันมองเฉินตงด้วยความหวาดกลัว

เขารู้ดีว่า นี่คือปีศาจ ซึ่งโหดเหี้ยมกว่าอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้า !

คนเช่นนี้ จะต้องให้ประธานอู๋เป็นคนจัดการเท่านั้น !

จากนั้น

ผู้จัดการล็อบบี้ก็ลุกขึ้น แล้วเดินนำทางไปด้วยความเคารพ ไม่หยิ่งยโสอย่างเช่นเมื่อครู่อีก

ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

แต่กลับทำให้โจวเย่นชิวต้องรู้สึกหม่นหมอง เมื่อเขาเห็นแววตาของเฉินตง ก็รู้สึกเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง

“ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น เฉินตงแต่ก่อน ไม่มีลักษณะนิสัยที่เด็ดขาดเช่นนี้ !”

นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของโจวเย่นชิว

ส่วนกูหลัง กลับเดินตามหลังไปด้วยความเคยชิน

ชั้นบนสุดของโรงแรมจุนหาว ทั้งชั้น เต็มไปด้วยสถานที่สำหรับอาบน้ำและพักผ่อนหย่อนใจ

พวกของเฉินตงเดินตามผู้จัดการล็อบบี้ออกจากลิฟต์

ในที่สุด ก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าห้องหมายเลข “99999”

ก๊อกก๊อกก๊อก !

ผู้จัดการล็อบบี้หันมองเฉินตง จากนั้นท่าทีหวาดกลัวของเขาก็ลดลงเล็กน้อย และแสยะยิ้มมุมปากออกมา

ทว่า

ตอนนี้เอง

จู่ๆ เฉินตงก็เดินขึ้นไปด้านหน้า

ปัง !

เขาใช้เท้าเตะประตูจนเปิดออก

ลงมือเด็ดขาดและน่าเกรงขาม

เสียงหัวเราะพูดคุยอย่างสนุกสนานภายในห้องหยุดลงทันที เหลือเพียงเสียงดนตรีที่ยังคงดังก้องอยู่

ทุกคนหันมามองหน้าของเฉินตงด้วยความโมโห

หญิงสาวที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นภายในห้อง รีบเดินไปรวมกันอยู่ที่มุมห้องอย่างมีไหวพริบ

เฉินตงลูบจมูก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ใครคืออู๋จุนหาว ? ออกมา !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset