Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 376 หลินหลิ่งตง

แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยเลือด แต่ภายใต้เลือดสีแดง ก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่ซีดขาวที่ราวกับศพเอาไว้ได้

สายตาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยแรงอาฆาตที่ไม่สิ้นสุด มองไม่เห็นความหวาดหวั่นแม้แต่นิดเดียว

เสมือน กำลังเผชิญกับสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด

ความรู้สึกแบบนี้ แม้แต่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหลินหลิ่งตง ก็ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน

หัวใจเต้นระทึก ราวกับว่ามันจะทะลุออกมาจากข้างใน

ในที่สุด อู๋จุนหาวก็เค้นเสียงที่มีทั้งหมด พูดออกมาเพียงคำเดียว

“ได้!”

……

หมู่ตึกหลิ่งตง

ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สวยงามในเขตชานเมืองของเมืองหลิ่งตง ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ

เป็นสโมสรระดับไฮคลาสของเมืองหลิ่งตง

คนที่สามารถเข้ามาได้ ไม่ใช่คนรวยก็ต้องเป็นคนที่สูงศักดิ์ คนธรรมดาทั่วไป ทำได้เพียงมองจากระยะไกล ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย

คืนนี้ที่หมู่ตึกหลิ่งตงครึกครื้นเป็นพิเศษ

ภายในหมู่ตึก ดวงไฟระยิบระยับ

ขบวนรถที่ตรวจตราอย่างแน่นหนา แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยในระดับสูง

และในห้องโถง กำลังร้องเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน

โต๊ะกลมขนาดใหญ่ นั่งเต็มไปด้วยผู้คน

“เจิ้งโก๋โส่วพูดอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว ขออนุญาตดื่มให้กับหลิ่งตงอีกหนึ่งแก้ว!”

หลินหลิ่งตงที่หน้าแดงเพราะความเมา ยกแก้วเหล้าขึ้นด้วยความดีใจ ยื่นแก้วไปทางเจิ้งโก๋โส่วที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ประธาน

เจิ้งโก๋โสว่เองก็เมาเล็กน้อยแล้ว สำหรับงานเลี้ยงที่กำลังเต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน ใครมาชนแก้วก็ไม่ปฏิเสธ

และทั้งสองคนก็ได้ดื่มเหล้าในแก้ว หมดในคราเดียว

คนที่อยู่ในงานเลี้ยง ต่างปกมืออย่างเฮฮาให้

คนที่อยู่ในงานเลี้ยง ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตาในเมืองหลิ่งตง แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นเพียงตัวประกอบในวงเหล้า

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่ไม่พอใจหรือบ่นเลย

สามารถเข้ามาในหมู่ตึกหลิ่งตง ก็ถือได้ว่าได้หน้าได้ตาแล้ว

ยิ่งกว่านั้น วันนี้แขกคนสำคัญที่หลินหลิ่งตงเชิญมา ยังเป็นเจิ้งโก๋โส่วที่เป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมจีน!

เป็นคนที่มีผลงานโดดเด่นที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ

สามารถมาเยือนเมืองหลิ่งตง ก็นับเป็นบุญของเมืองหลิ่งตงแล้ว

และทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็รู้ว่า มันก็คือเกียรติของหลินหลิ่งตง

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่ในงานเลี้ยง อย่าว่าแต่เชิญเจิ้งโก๋โส่วมาเยือนเมืองหลิ่งตงเลย คาดว่าแค่พูดคุยเขาก็คงไม่อยากจะคุยด้วยเลย

“ฮ่าๆ………….น้องหลิ่งตงนั้นเป็นคนที่เปิดเผยจริงใจจริงๆเลย”

เจิ้งโก๋โส่วหัวเราะแล้วเอามือไปพาดบนไหล่ของหลินหลิ่งตง โดยที่ไม่วางมาดอะไรเลย

“ท่านเจิ้ง ขอพูดตามตรงเลย ผมน่ะก็เป็นที่คนหยาบกระด้างคนหนึ่ง แต่ในความหยาบก็มีความละเอียดอยู่ โดยปกติก็มักจะชอบเขียนพู่กันและวาดภาพ ตอนแรกที่ได้เห็นภาพวาดของท่าน ผมนั้นตะลึงเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เลย จากนั้นก็หยุดชอบมันไม่ได้เลย”

คำชมของหลินหลิ่งตง ยิ่งทำให้เจิ้งโก๋โส่วอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่

“พี่หลิ่งตง ไม่งั้นเราก็อาศัยภาพเหตุการณ์คืนนี้ ขอให้ท่านเจิ้งวาดภาพสักภาพ?” มีคนเสนอแนะ

“ดี!”

ไม่ทันที่หลินหลิ่งตงจะเอ่ยปาก เจิ้งโก๋โส่วก็ตอบรับแล้ว

หลินหลิ่งตงตาสว่าง ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น

เขานั้นคือราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง เป็นคนที่มากไปด้วยอำนาจเงินทอง แต่เวลาว่าง กลับหลงใหลภาพวาดจีน สำหรับเจิ้งโก๋โส่วที่มีผลงานโดดเด่นน่าเคารพนับถืออย่างหาใครเทียบไม่ได้

หากสามารถอาศัยความเมา ได้ภาพที่ล้ำค่า ต่อไปในคฤหาสน์ของตัวเอง ก็จะมีสมบัติล้ำค่าให้ชื่นชมเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินหลิ่งตงก็ปลาบปลื้มดีใจเป็นอย่างมาก ลุกขึ้นไปฝนหมึกให้กับเจิ้งโก๋โส่วด้วยมือเขาเอง

ภาพนี้ ทำให้คนที่มองอยู่แอบแปลกใจ

เมื่อไหร่กันนะ ที่ราชาใต้ดินถึงกับได้ยอมลดฐานะของตัวเองให้ต่ำขนาดนี้?

“พี่หลิ่งตง ให้ผมฝนให้มั้ย?” มีคนเสนอ

หลินหลิ่งตงเหลือบมองด้วยหางตา “คุณมีคุณสมบัติอะไรถึงจะมาช่วยท่านเจิ้งฝนหมึก? ถึงแม้ว่าจะเป็นผม มันก็เป็นความเต็มใจที่ผมจะได้รับใช้ท่านเจิ้ง”

คนผู้นั้นหน้าเปลี่ยนสีไปทันที รีบถอยเข้าไปในกลุ่มคน

ตอนที่เจิ้งโก๋โส่วถือพู่กันจุ่มหมึก และกำลังจะลงมือวาดนั้น

ทันใดนั้น

“ประธานหลิน ประธานอู๋พาคนมาแล้ว”

ด้านนอกห้องโถง เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น

พู่กันในมือของเจิ้งโก๋โส่ว อดไม่ได้ที่หยุดไปครู่หนึ่ง

หลินหลิ่งตงก็โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นทันที ก็กล่าวขอโทษเจิ้งโก๋โส่ว “ท่านเจิ้งต้องขออภัยแล้ว เป็นน้องชายของผม ไม่มีมารยาท ผมจะไปสั่งสอนเขาตอนนี้เลย”

“ช่างเถอะ น้องชายตัวเอง ไม่ต้องหรอก เชิญพวกเขาเข้ามาเถอะ” เจิ้งโก๋โส่วโบกมือห้ามอย่างใจกว้าง

หลินหลิ่งตงจึงได้โล่งอกไปทันที รีบให้คนเรียกคนที่อยู่ข้างนอกเข้ามา

เมื่อเฉินตงพาอู๋จุนหาว เดินเข้ามาในห้องโถงนั้น

ด้านในห้องโถง ก็เต็มไปด้วยเสียงอุทานทันที

สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

“จุนหาว!”

หลินหลิ่งตงสีหน้าดุร้าย สร่างเมาไปไม่น้อย

“เจ้านาย………”

เดิมทีอู๋จุนหาวยังมีความตื่นตระหนกอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหลิ่งตง ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวทันที กล่าวอย่างน่าสงสาร “เป็นเขา เขาต้องการพบคุณ!”

“แม่งเอ๊ย!”

หลินหลิ่งตงโกรธอย่างมาก ถึงขั้นไม่สนใจว่าเจิ้งโก๋โส่วยังอยู่ในห้องโถง ก็ตะโกนด่าอย่างหยาบคาย

ส่วนคนอื่นๆ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ มองเฉินตงและโจวเย่นชิวกับกูหลังที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาที่โกรธเคือง

คนพวกนี้ ได้ซ้อมอู่จุนหาวจนมีสภาพแบบนี้ คืออยากจะให้หลินหลิ่งตงสอนพวกเขาคำว่าตายเขียนยังไงเหรอ?

และแล้ว

ใครก็ไม่ทันสังเกต

ตอนนี้เจิ้งโก๋โส่วที่กำลังจะยืนถือพู่กันอยู่หน้าโต๊ะ กลับตกตะลึง สายตาที่มึนเมาก็สว่างขึ้นมาทันที

ไอ้หมอนี่มาได้อย่างไร?

เฉินตงก็สังเกตเห็นเจิ้งโก๋โสว่ที่อยู่ในกลุ่มคน ก็ตกใจโดยธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม มันก็แค่นี้เท่านั้น

เพราะความสัมพันธ์ของกู้ชิงหยิ่ง เจิ้งโก๋โส่วตามศักดิ์ก็คือคุณอาของเขา สำหรับว่าอีกฝ่ายจะคบคนแบบไหน มันไม่เกี่ยวกับเขา

การที่เขามา ก็เพราะว่าจัดการเรื่องของเขา!

พรึบ!

สะบัดมือขวา เฉินตงก็ได้โยนอู๋จุนหาวลงบนพื้น

มองดูหลินหลิ่งคตงที่โกรธเหมือนสิงโตกำลังคลั่ง อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น ยิ้มกล่าว “คิดไม่ถึง ราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จะหนุ่มขนาดนี้”

หลินหลิ่งตงที่อยู่ตรงหน้า ดูแล้วอายุอานามก็น่าจะประมาณสามสิบปี

แบกฉายาราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง ไม่เพียงแต่ไม่เห็นถึงความหยาบคายเลยแม้แต่นิดเดียว กลับดูสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาทมาก

“เจ้านาย……..”

อู๋จุนหาวร้องห่มร้องไห้แล้วคลานไปทางหลินหลิ่งตง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด ยิ่งทำให้เขาดูน่าสังเวชนัก

พรึบ!

เฉินตงยกขาขึ้นมา เหยียบไปบนหลังของอู๋จุนหาว

ภาพนี้ ก็ทำให้หลินหลิ่งตงระเบิดทันที

เขาคือราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง อยู่ในเมืองหลิ่งตง มีใครที่ไม่ไว้หน้าเขาบ้าง?

มีใครบ้างที่ไม่รู้ อู๋จุนหาวเป็นลูกน้องของเขา?

ซ้อมอู๋จุนหาวจนมีสภาพเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการฉีกหน้าคนที่เป็นราชาใต้ดินอย่างเขา!

“จะตีหมา ก็ต้องดูเจ้าของ!” หลินหลิ่งตงได้บีบคำพูดออกมาจากซอกฟัน

เฉินตงเงยหน้าเล็กน้อย แล้วหัวเราะอย่างน่ากลัว “หมาของคุณกัดพี่น้องของผม ผมจะตีหมา ยังต้องดูเจ้าของอีกเหรอ?”

โครม!

คำพูดที่สั่นสะเทือน

ทุกคนที่อยู่ในนี้ตกตะลึงกันทุกคน

พระเจ้า!

ไอ้หมอนี่บ้าไปแล้วเหรอ?

กล้าพูดแบบนี้กับหลินหลิ่งตง?

บางคนเข้าใจว่าตัวเองฟังผิดไป ได้ยกมือขึ้นมาแคะหูอย่างแรง

“ดี ดีมาก! คุณเป็นคนแรกที่กล้าพูดแบบนี้กับผมหลินหลิ่งตง!”

หลินหลิ่งตงหัวเราะด้วยความโกรธ เสียงหัวเราะที่ไม่เกรงกลัวใครเลย

คนที่อยู่ในนี้ ต่างอกสั่นขวัญแขวน

ใครๆก็รู้ นี่คือสัญญาลักษณ์การหัวเราะของหลินหลิ่งตง การหัวเราะนี้ จะมีการเสียเลือดเสียเนื้อเกิดขึ้น!

และแล้ว

เฉินตงกลับใช้เท้าเหยียบอยู่บนหลังของอู๋จุนหาว ภายใต้การกรีดร้องของอู่จุนหาว ก็ข้ามผ่านตัวเขาไปโดยตรง ท้าทายสายตาของหลินหลิ่ง “ผมเฉินตงแต่ไหนแต่ไรก็พูดจาแบบนี้!”

ขิงก็ราข่าก็แรง

สถานการณ์ตึงเครียดอย่างมาก

กระจายเต็มไปด้วยแรงแห่งการฆ่า

ในขณะที่หลินหลิ่งตงกำลังจะโต้กลับนั้น

จู่ๆก็มีมือใหญ่ก็ได้มากดอยู่บนไหล่ของหลินหลิ่งตง

หลินหลิ่งตงหันหน้าไปมองมือของเจิ้งโก๋โส่วอย่างตกตะลึง “ท่านเจิ้ง ขออภัยด้วย คนชั้นต่ำพวกนี้ได้มารบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของคุณแล้ว ขอให้คุณโปรดขยับหน่อย ผม……..”

“ไม่ต้อง”

เจิ้งโก๋โส่วขัดจังหวะการพูดของหลินหลิ่งตง กล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “คุณจะให้ฉันวาดรูปไม่ใช่เหรอ มาวาดตอนนี้เถอะ”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา

หลินหลิ่งตงกับคนที่อยู่ในห้องโถงล้วนตกใจกันหมด

มันกำลังจะหลั่งเลือดกันแล้ว ยังจะวาดอีกเหรอ?

 

แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยเลือด แต่ภายใต้เลือดสีแดง ก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่ซีดขาวที่ราวกับศพเอาไว้ได้

สายตาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยแรงอาฆาตที่ไม่สิ้นสุด มองไม่เห็นความหวาดหวั่นแม้แต่นิดเดียว

เสมือน กำลังเผชิญกับสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด

ความรู้สึกแบบนี้ แม้แต่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหลินหลิ่งตง ก็ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน

หัวใจเต้นระทึก ราวกับว่ามันจะทะลุออกมาจากข้างใน

ในที่สุด อู๋จุนหาวก็เค้นเสียงที่มีทั้งหมด พูดออกมาเพียงคำเดียว

“ได้!”

……

หมู่ตึกหลิ่งตง

ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สวยงามในเขตชานเมืองของเมืองหลิ่งตง ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ

เป็นสโมสรระดับไฮคลาสของเมืองหลิ่งตง

คนที่สามารถเข้ามาได้ ไม่ใช่คนรวยก็ต้องเป็นคนที่สูงศักดิ์ คนธรรมดาทั่วไป ทำได้เพียงมองจากระยะไกล ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย

คืนนี้ที่หมู่ตึกหลิ่งตงครึกครื้นเป็นพิเศษ

ภายในหมู่ตึก ดวงไฟระยิบระยับ

ขบวนรถที่ตรวจตราอย่างแน่นหนา แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยในระดับสูง

และในห้องโถง กำลังร้องเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน

โต๊ะกลมขนาดใหญ่ นั่งเต็มไปด้วยผู้คน

“เจิ้งโก๋โส่วพูดอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว ขออนุญาตดื่มให้กับหลิ่งตงอีกหนึ่งแก้ว!”

หลินหลิ่งตงที่หน้าแดงเพราะความเมา ยกแก้วเหล้าขึ้นด้วยความดีใจ ยื่นแก้วไปทางเจิ้งโก๋โส่วที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ประธาน

เจิ้งโก๋โสว่เองก็เมาเล็กน้อยแล้ว สำหรับงานเลี้ยงที่กำลังเต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน ใครมาชนแก้วก็ไม่ปฏิเสธ

และทั้งสองคนก็ได้ดื่มเหล้าในแก้ว หมดในคราเดียว

คนที่อยู่ในงานเลี้ยง ต่างปกมืออย่างเฮฮาให้

คนที่อยู่ในงานเลี้ยง ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตาในเมืองหลิ่งตง แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นเพียงตัวประกอบในวงเหล้า

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่ไม่พอใจหรือบ่นเลย

สามารถเข้ามาในหมู่ตึกหลิ่งตง ก็ถือได้ว่าได้หน้าได้ตาแล้ว

ยิ่งกว่านั้น วันนี้แขกคนสำคัญที่หลินหลิ่งตงเชิญมา ยังเป็นเจิ้งโก๋โส่วที่เป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมจีน!

เป็นคนที่มีผลงานโดดเด่นที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ

สามารถมาเยือนเมืองหลิ่งตง ก็นับเป็นบุญของเมืองหลิ่งตงแล้ว

และทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็รู้ว่า มันก็คือเกียรติของหลินหลิ่งตง

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่ในงานเลี้ยง อย่าว่าแต่เชิญเจิ้งโก๋โส่วมาเยือนเมืองหลิ่งตงเลย คาดว่าแค่พูดคุยเขาก็คงไม่อยากจะคุยด้วยเลย

“ฮ่าๆ………….น้องหลิ่งตงนั้นเป็นคนที่เปิดเผยจริงใจจริงๆเลย”

เจิ้งโก๋โส่วหัวเราะแล้วเอามือไปพาดบนไหล่ของหลินหลิ่งตง โดยที่ไม่วางมาดอะไรเลย

“ท่านเจิ้ง ขอพูดตามตรงเลย ผมน่ะก็เป็นที่คนหยาบกระด้างคนหนึ่ง แต่ในความหยาบก็มีความละเอียดอยู่ โดยปกติก็มักจะชอบเขียนพู่กันและวาดภาพ ตอนแรกที่ได้เห็นภาพวาดของท่าน ผมนั้นตะลึงเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เลย จากนั้นก็หยุดชอบมันไม่ได้เลย”

คำชมของหลินหลิ่งตง ยิ่งทำให้เจิ้งโก๋โส่วอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่

“พี่หลิ่งตง ไม่งั้นเราก็อาศัยภาพเหตุการณ์คืนนี้ ขอให้ท่านเจิ้งวาดภาพสักภาพ?” มีคนเสนอแนะ

“ดี!”

ไม่ทันที่หลินหลิ่งตงจะเอ่ยปาก เจิ้งโก๋โส่วก็ตอบรับแล้ว

หลินหลิ่งตงตาสว่าง ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น

เขานั้นคือราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง เป็นคนที่มากไปด้วยอำนาจเงินทอง แต่เวลาว่าง กลับหลงใหลภาพวาดจีน สำหรับเจิ้งโก๋โส่วที่มีผลงานโดดเด่นน่าเคารพนับถืออย่างหาใครเทียบไม่ได้

หากสามารถอาศัยความเมา ได้ภาพที่ล้ำค่า ต่อไปในคฤหาสน์ของตัวเอง ก็จะมีสมบัติล้ำค่าให้ชื่นชมเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินหลิ่งตงก็ปลาบปลื้มดีใจเป็นอย่างมาก ลุกขึ้นไปฝนหมึกให้กับเจิ้งโก๋โส่วด้วยมือเขาเอง

ภาพนี้ ทำให้คนที่มองอยู่แอบแปลกใจ

เมื่อไหร่กันนะ ที่ราชาใต้ดินถึงกับได้ยอมลดฐานะของตัวเองให้ต่ำขนาดนี้?

“พี่หลิ่งตง ให้ผมฝนให้มั้ย?” มีคนเสนอ

หลินหลิ่งตงเหลือบมองด้วยหางตา “คุณมีคุณสมบัติอะไรถึงจะมาช่วยท่านเจิ้งฝนหมึก? ถึงแม้ว่าจะเป็นผม มันก็เป็นความเต็มใจที่ผมจะได้รับใช้ท่านเจิ้ง”

คนผู้นั้นหน้าเปลี่ยนสีไปทันที รีบถอยเข้าไปในกลุ่มคน

ตอนที่เจิ้งโก๋โส่วถือพู่กันจุ่มหมึก และกำลังจะลงมือวาดนั้น

ทันใดนั้น

“ประธานหลิน ประธานอู๋พาคนมาแล้ว”

ด้านนอกห้องโถง เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น

พู่กันในมือของเจิ้งโก๋โส่ว อดไม่ได้ที่หยุดไปครู่หนึ่ง

หลินหลิ่งตงก็โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นทันที ก็กล่าวขอโทษเจิ้งโก๋โส่ว “ท่านเจิ้งต้องขออภัยแล้ว เป็นน้องชายของผม ไม่มีมารยาท ผมจะไปสั่งสอนเขาตอนนี้เลย”

“ช่างเถอะ น้องชายตัวเอง ไม่ต้องหรอก เชิญพวกเขาเข้ามาเถอะ” เจิ้งโก๋โส่วโบกมือห้ามอย่างใจกว้าง

หลินหลิ่งตงจึงได้โล่งอกไปทันที รีบให้คนเรียกคนที่อยู่ข้างนอกเข้ามา

เมื่อเฉินตงพาอู๋จุนหาว เดินเข้ามาในห้องโถงนั้น

ด้านในห้องโถง ก็เต็มไปด้วยเสียงอุทานทันที

สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

“จุนหาว!”

หลินหลิ่งตงสีหน้าดุร้าย สร่างเมาไปไม่น้อย

“เจ้านาย………”

เดิมทีอู๋จุนหาวยังมีความตื่นตระหนกอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหลิ่งตง ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวทันที กล่าวอย่างน่าสงสาร “เป็นเขา เขาต้องการพบคุณ!”

“แม่งเอ๊ย!”

หลินหลิ่งตงโกรธอย่างมาก ถึงขั้นไม่สนใจว่าเจิ้งโก๋โส่วยังอยู่ในห้องโถง ก็ตะโกนด่าอย่างหยาบคาย

ส่วนคนอื่นๆ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ มองเฉินตงและโจวเย่นชิวกับกูหลังที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาที่โกรธเคือง

คนพวกนี้ ได้ซ้อมอู่จุนหาวจนมีสภาพแบบนี้ คืออยากจะให้หลินหลิ่งตงสอนพวกเขาคำว่าตายเขียนยังไงเหรอ?

และแล้ว

ใครก็ไม่ทันสังเกต

ตอนนี้เจิ้งโก๋โส่วที่กำลังจะยืนถือพู่กันอยู่หน้าโต๊ะ กลับตกตะลึง สายตาที่มึนเมาก็สว่างขึ้นมาทันที

ไอ้หมอนี่มาได้อย่างไร?

เฉินตงก็สังเกตเห็นเจิ้งโก๋โสว่ที่อยู่ในกลุ่มคน ก็ตกใจโดยธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม มันก็แค่นี้เท่านั้น

เพราะความสัมพันธ์ของกู้ชิงหยิ่ง เจิ้งโก๋โส่วตามศักดิ์ก็คือคุณอาของเขา สำหรับว่าอีกฝ่ายจะคบคนแบบไหน มันไม่เกี่ยวกับเขา

การที่เขามา ก็เพราะว่าจัดการเรื่องของเขา!

พรึบ!

สะบัดมือขวา เฉินตงก็ได้โยนอู๋จุนหาวลงบนพื้น

มองดูหลินหลิ่งคตงที่โกรธเหมือนสิงโตกำลังคลั่ง อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น ยิ้มกล่าว “คิดไม่ถึง ราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จะหนุ่มขนาดนี้”

หลินหลิ่งตงที่อยู่ตรงหน้า ดูแล้วอายุอานามก็น่าจะประมาณสามสิบปี

แบกฉายาราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง ไม่เพียงแต่ไม่เห็นถึงความหยาบคายเลยแม้แต่นิดเดียว กลับดูสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาทมาก

“เจ้านาย……..”

อู๋จุนหาวร้องห่มร้องไห้แล้วคลานไปทางหลินหลิ่งตง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด ยิ่งทำให้เขาดูน่าสังเวชนัก

พรึบ!

เฉินตงยกขาขึ้นมา เหยียบไปบนหลังของอู๋จุนหาว

ภาพนี้ ก็ทำให้หลินหลิ่งตงระเบิดทันที

เขาคือราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง อยู่ในเมืองหลิ่งตง มีใครที่ไม่ไว้หน้าเขาบ้าง?

มีใครบ้างที่ไม่รู้ อู๋จุนหาวเป็นลูกน้องของเขา?

ซ้อมอู๋จุนหาวจนมีสภาพเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการฉีกหน้าคนที่เป็นราชาใต้ดินอย่างเขา!

“จะตีหมา ก็ต้องดูเจ้าของ!” หลินหลิ่งตงได้บีบคำพูดออกมาจากซอกฟัน

เฉินตงเงยหน้าเล็กน้อย แล้วหัวเราะอย่างน่ากลัว “หมาของคุณกัดพี่น้องของผม ผมจะตีหมา ยังต้องดูเจ้าของอีกเหรอ?”

โครม!

คำพูดที่สั่นสะเทือน

ทุกคนที่อยู่ในนี้ตกตะลึงกันทุกคน

พระเจ้า!

ไอ้หมอนี่บ้าไปแล้วเหรอ?

กล้าพูดแบบนี้กับหลินหลิ่งตง?

บางคนเข้าใจว่าตัวเองฟังผิดไป ได้ยกมือขึ้นมาแคะหูอย่างแรง

“ดี ดีมาก! คุณเป็นคนแรกที่กล้าพูดแบบนี้กับผมหลินหลิ่งตง!”

หลินหลิ่งตงหัวเราะด้วยความโกรธ เสียงหัวเราะที่ไม่เกรงกลัวใครเลย

คนที่อยู่ในนี้ ต่างอกสั่นขวัญแขวน

ใครๆก็รู้ นี่คือสัญญาลักษณ์การหัวเราะของหลินหลิ่งตง การหัวเราะนี้ จะมีการเสียเลือดเสียเนื้อเกิดขึ้น!

และแล้ว

เฉินตงกลับใช้เท้าเหยียบอยู่บนหลังของอู๋จุนหาว ภายใต้การกรีดร้องของอู่จุนหาว ก็ข้ามผ่านตัวเขาไปโดยตรง ท้าทายสายตาของหลินหลิ่ง “ผมเฉินตงแต่ไหนแต่ไรก็พูดจาแบบนี้!”

ขิงก็ราข่าก็แรง

สถานการณ์ตึงเครียดอย่างมาก

กระจายเต็มไปด้วยแรงแห่งการฆ่า

ในขณะที่หลินหลิ่งตงกำลังจะโต้กลับนั้น

จู่ๆก็มีมือใหญ่ก็ได้มากดอยู่บนไหล่ของหลินหลิ่งตง

หลินหลิ่งตงหันหน้าไปมองมือของเจิ้งโก๋โส่วอย่างตกตะลึง “ท่านเจิ้ง ขออภัยด้วย คนชั้นต่ำพวกนี้ได้มารบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของคุณแล้ว ขอให้คุณโปรดขยับหน่อย ผม……..”

“ไม่ต้อง”

เจิ้งโก๋โส่วขัดจังหวะการพูดของหลินหลิ่งตง กล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “คุณจะให้ฉันวาดรูปไม่ใช่เหรอ มาวาดตอนนี้เถอะ”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา

หลินหลิ่งตงกับคนที่อยู่ในห้องโถงล้วนตกใจกันหมด

มันกำลังจะหลั่งเลือดกันแล้ว ยังจะวาดอีกเหรอ?

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset