Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 400 ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรม

บรรยากาศค่ำคืนอันหนักอึ้งน่าอึดอัด

เสียงฟ้าร้องเปรี้ยงปร้างไม่หยุดพัก ฝนห่าใหญ่กำลังจะกระหน่ำ ทำให้อากาศเริ่มอึดอัดจนทำให้รู้สึกคล้ายจะขาดอากาศหายใจ

ไฟหน้ารถโรลส์-รอยซ์  ส่องแสงสว่างเสียดแทงลูกตาได้ถูกขับลงมาถึงด้านล่างเขาแล้วอย่างรวดเร็ว

เอี๊ยด!

รถหยุดลง

เฉินตงเดินลงมาจากรถด้วยความเคียดแค้น

เขาแต่งกายด้วยสูท สวมรองเท้าหนังก้าวอาดๆ ไปข้างหน้า ราวกับจะลากเมฆดำบนท้องฟ้าให้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเขาด้วย

ความเคียดแค้นแผ่ซ่าน ท่าทางน่าหวาดหวั่น

ท่านหลงกับคุนหลุนเดินตามมาด้านหลังติดๆ ด้วยท่าทางระแวดระวัง

จากความรู้สึกของเขาทั้งสองคนในตอนนี้ ต่างรับรู้ได้ถึงความอาฆาตที่รุนแรงแผ่ออกมาจากร่างของเฉินตง

และความอาฆาตเช่นนี้ แม้คนที่อยู่กับเฉินตงมานานก็เพิ่งจะเคยเห็นเพียงครั้งเดียวตอนที่หลี่หลานถูกฆาตกรรมในพิธีแต่งงาน

ครั้งนั้น หากไม่ได้หลี่หลานสั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย รวมทั้งมีสายตาของเฉินเต้าหลินและคนอื่นๆ จับจ้องอยู่ รวมทั้งยังมีฉินเย่คอยเตือนสติอยู่ด้วยแล้ว

ตอนนั้นเฉินตง…คงจะคลุ้มคลั่งภายใต้ความนิ่งสงบไปแล้ว!

แต่เขาทั้งสองคนไม่ได้ห้าม

เพราะพวกเขารู้ดีว่าความแค้นครั้งนี้ ต่อให้ห้ามอย่างไรก็ไร้ความหมาย

คืนนี้หากไม่หลั่งเลือด เฉินตงไม่มีทางหยุดอย่างแน่นอน

ท่านหลงกับคุนหลุนสบตากันก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้น

ป่ากลางเขา หน้าหลุมศพของหลี่หลาน

จางซิ่วจือกอดโกศใส่กระดูกเอาไว้แน่น เธอนั่งยิ้มมุมปาก สายตาเลื่อนลอย ราวกับกำลังฝันหวานเห็นภาพตัวเองร่ำรวยอยู่เช่นเดิม

เธอรอได้ เพราะอย่างไรเฉินตงก็อยู่ระหว่างทางแล้ว

ขอแค่เงินร้อยล้านอยู่ในมือ ปัญหาทุกอย่างขอเธอในตอนนี้ก็จบสิ้นไปทั้งหมด

ถ้าไม่ทำเรื่องบ้าๆ เธอจะต้องตาย

แต่หากทำเรื่องบ้าๆ เธออาจจะรอด

คนที่อับจนไร้หนทางอย่างจางซิ่วจือ ย่อมต้องเลือกอย่างหลัง

แน่นอนว่าความเป็นไปได้ทั้งสองทาง เป็นสิ่งเธอคิดเอาเอง

จางซิ่วจือก้มหน้า มือขวาของเธอค่อยๆ ยื่นเข้าไปตรงมุมโกศที่ถูกจอบทุบแตกเป็นรูเมื่อครู่ แล้วหยิบเถ้ากระดูกออกมา

เมื่อเห็นเถ้ากระดูกสีขาวเทาในมือ จางซิ่วจือก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความเกลียดชัง

“แกมันชั้นต่ำจริงๆ ขนาดตายแล้วกลายเป็นขี้เถ้า ยังดูต่ำตมแบบนี้อีก”

ระหว่างพูด นิ้วมือขวาของเธอก็ค่อยๆ คลายออก

ลมราตรีพัดเอื่อย

ผุยผงเถ้ากระดูกก็ค่อยๆ ปลิวกระจายหายวับไปตามสายลมอย่างไร้ร่องรอย

จางซิ่วจือไม่ได้ใส่ใจ เธอยังคงก้มหน้าอย่างเลื่อนลอย แล้วถ่มน้ำลายใส่เถ้ากระดูกด้านในผ่านช่องว่างด้านบนที่เป็นรู

“นางแพศยา ถ้าฉันไม่มีความสุข ครอบครัวของพวกแกก็อย่าได้หวังจะมีความสุขเลย รอให้ฉันได้เงินก่อน คืนนี้ฉันจะยังไม่โปรยกระดูกของแกทิ้ง แต่จะต้องมีสักวันที่ฉันจะกลับมาจัดการแก เพราะแผนการแก้เผ็ดที่ร้ายกาจของพวกแกสองแม่ลูกที่ทำกับพวกฉัน ฉันจะทำให้แกนอนตายตาไม่หลับ”

จางซิ่วจือขมวดคิ้วแล้วมองเวลาบนมือถือ

“เวรเอ๊ย ไหนบอกว่าอยู่ระหว่างทางแล้ว ทำไมยังไม่ถึงอีก?”

สิ้นเสียงเอ่ย

พลันมีเสียงที่เต็มไปด้วยความเลือดเย็นดังมาจากที่ห่างไกลออกไป

“ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องรอนาน”

มาแล้ว!

จางซิ่วจือดีใจจนสติแทบหลุด ดวงตาของเธอสอดส่ายไปตามที่มาของเสียง

ค่ำคืนมืดมิด

เมื่อมองออกไป ก็จะเห็นเพียงแค่เงาร่างคนที่เลือนลางเท่านั้น

ระหว่างที่จางซิ่วจือกำลังดีใจอยู่นั้น ก็รีบคว้าไฟฉายที่อยู่ข้างตัวขึ้นมาแล้วส่องไปทิศทางนั้น

เมื่อใบหน้าแข็งกร้าวเย็นยะเยือกของเฉินตงปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ ฉับพลันใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส

“เงินมาแล้ว!”

นี่คือความคิดในใจของจางซิ่วจือ

และด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้ใส่ใจความอาฆาตแค้นที่แผ่ออกมาอย่างเข้มข้นจากร่างของเฉินตง

เธอพูดห้วนๆ ขึ้นมาว่า “เงินล่ะ?”

“เงินกำลังมา เงินตั้งร้อยล้าน ต้องใช้เวลาในการเตรียม”

เฉินตงหรี่ตา ความเคียดแค้นแผ่ซ่านออกมาจากเขา มือทั้งสองข้างของเขายังคงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ด้วยท่าทางสงบนิ่งไร้ความผิดปกติ

แต่สายตาของเขาในตอนนี้ไม่ได้มองไปที่จางซิ่วจืออีกต่อไปแต่จ้องเขม็งไปที่โกศใส่กระดูกของแม่ตน

รอยแตกตรงมุม ราวกับค้อนหนักๆ ที่ทุบเข้าไปในหัวใจของเขาอย่างอำมหิต

“กำลังมา? แกคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยรึ?”

จางซิ่วจือเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง เธอชูโกศใส่กระดูกแล้วลุกขึ้นยืน “แกคิดว่าครอบครัวของฉันจะโดนหลอกหรือโดนรังแกง่ายๆ งั้นหรือ คนห่วยแตกอย่างแกเตรียมเงินร้อยล้านต้องใช้เวลา แต่ถ้าโอนเงินร้อยล้าน แกแค่เอ่ยปากเพียงประโยคเดียวเท่านั้น!”

เฉินตงเงียบงัน

เมื่อจางซิ่วจือเห็นเฉินตงไม่ตอบโต้ ความโกรธของเธอก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

เธอจึงชูโกศใส่กระดูกขึ้นแล้วตวาดเสียงแหลม “ฉันต้องการให้โอนเงินหนึ่งร้อยล้านเข้าบัญชีของฉัน ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจดำเลยนะ ฉันรับประกันว่าจากสภาพลมคืนนี้ ผงเถ้ากระดูกของแม่แกจะต้องหาไม่เจอสักเศษเสี้ยวเดียวอย่างแน่นอน!”

เฉินตงหรี่ตาลง คมปลาบราวใบมีดที่แทงทีเดียวทะลุ

และในขณะเดียวกัน

เสียงต่อว่าที่แฝงไปด้วยความโกรธของท่านหลงก็ดังแทรกขึ้น “เธอไม่เคยเห็นเงินมาก่อนหรือ? คงจนมานานถึงได้คิดว่าคนมีเงินคือพระเจ้า?”

จางซิ่วจือชะงัก

ดวงตาที่เบิกกว้างของเธอจ้องเขม็งไปที่ท่านหลงกับคุนหลุนที่ตามเฉินตงมา “แกหมายความว่าไง?”

“เงินก้อนใหญ่ตั้งร้อยล้าน ต่อให้โอนผ่านบัญชีก็ต้องบอกธนาคารล่วงหน้าเอาไว้ก่อน คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของธนาคารหรือไง?” ท่านหลงเอ่ยหนักแน่นมีเหตุผล ในแววตาของเขาลุกโชนไปด้วยความโกรธ พร้อมกับจ้องไปที่โกศใส่กระดูกในมือของจางซิ่วจือ

จางซิ่วจือก้มหน้านิ่งไปสองสามวินาที ใบหน้าของเธอกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่

จากนั้นเธอจึงแผดเสียงออกมา “อย่างนั้นก็รีบไปโอนตอนนี้เลย!”

“ตอนนี้เตรียมเอาไว้แล้ว!” เฉินตงเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ

ส่วนท่านหลงกับคุนหลุนที่อยู่ข้างหลังหันมาสบตากันแล้วแสยะยิ้มในใจ

ดูท่าคงจะยากจนมานาน แม้แต่กฎระเบียบของธนาคารยังไม่เข้าใจ

แต่นี่ก็เป็นการถ่วงเวลาที่ดี ระหว่างรอให้หวางหนันหนันมาถึง

หากหลินหลิ่งตงยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยแล้วล่ะก็ ก็รอดูความโหดร้ายได้เลย หากดูเวลาแล้ว ตอนนี้ก็คงใกล้มาถึงเต็มที

ทว่า

ตอนนั้นสีหน้าของเฉินตง ท่านหลงและคุนหลุนเปลี่ยนไปพร้อมกัน พวกเขาเบิกตากว้าง ความเดือดดาลทะลักทะล้นออกมา

เพราะจู่ๆ จางซิ่วจือก็ยื่นมือล้วงเข้าไปในโกศ แล้วคว้าเถ้ากระดูกออกมาชูอยู่กลางอากาศ

“กล้าดียังไง!”

เฉินตงแผดเสียงตวาดลั่นราวกับสายฟ้าฟาด

จางซิ่วจือตกใจจนหน้าถอดสี แต่กลับยิ้มอย่างสะใจ

“ฉันต้องการให้แกคุกเข่าลง!”

“คุกเข่า?”

เฉินตงหรี่ตาแคบลงเป็นเส้นตรงอีกครั้ง มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหลังมือปูดโปน

ท่านหลงกับคุนหลุนต่างกัดฟันเดือดดาลไม่ต่างกัน

หยามเกียรติ!

นี่มันตั้งใจหยามเกียรติกันชัดๆ !

“คุกเข่าลงสิ!”

จางซิ่วจือตวาดลั่น “คุกเข่าลงแล้วขอโทษฉัน บอกว่าแกเสียใจกับเรื่องที่แกทำไว้กับตระกูลหวาง ไม่อย่างนั้น ฉันจะโปรยกระดูกของแม่แกทิ้งเดี๋ยวนี้!”

ประโยคนี้ร้ายกาจและสร้างความกดดันอย่างมาก

“คุณชาย…”

ท่านหลงเดือดดาล เรื่องเสียเกียรติเช่นนี้ เขาไม่มีทางยอมให้เฉินตงทำแน่

แต่คำว่า “คุณชาย” เพิ่งหลุดออกจากปากไป

ดวงตาของเขาพลันหรี่เล็กลงอย่างถึงที่สุด

เฉินตงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง งอขาและคุกเข่าลงอย่างไม่ลังเล

ตึ้ง!

เสียงเข่ากระทบลงบนพื้น คล้ายเสียงฟ้าผ่าที่ดังขึ้นข้างหูของท่านหลงกับคุนหลุน

“ถ้าแม้แต่กระดูกของแม่ตัวเองยังปกป้องไว้ไม่ได้ ฉันก็ละอายใจที่จะเป็นคนต่อไป!”

เสียงแหบพร่าราวกับเฉินตงพยายามเค้นเสียงนี้ออกมาจากลำคอของตน

ท่านหลงกับคุนหลุนเวลานี้โกรธจนแทบคลั่ง พวกเขาหันหน้าไปมองจางซิ่วจือด้วยความคิดที่อยากจะฆ่าหล่อนให้ตายไปเดี๋ยวนี้!

“ฮ่าๆๆ…”

จางซิ่วจือเงยหน้าหัวเราะอย่างสะใจ “แกมันคนห่วยแตก ตอนที่จัดการครอบครัวของฉัน เคยคิดเอาไว้บ้างไหมว่าจะต้องเจอกับเรื่องในวันนี้? ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรมอย่างนั้น ทั้งหมดในวันนี้คือเวลาที่แกต้องชดใช้!”

“ก้มหัวขอโทษฉัน! โขกหัวลงแรงๆ!”

จางซิ่วจือได้ใจจนลืมทุกอย่างไปสิ้น ในตอนนี้เธอต้องการที่จะระบายความแค้นทั้งหมดที่มีต่อเฉินตงออกมา

“คุณชาย…”

ตอนนั้นท่านหลงกับคุนหลุนก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกัน เตรียมจะเข้ามาขวางเฉินตง

แต่เฉินตงกลับยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้ด้วยดวงตาแดงก่ำ แล้วเอ่ยอย่างสงบว่า “ได้ ฉันจะก้ม…”

ยังไม่ทันจบประโยค

“แปะๆๆๆ…”

เสียงปรบมือดังขึ้นมาจากความมืดมิดด้านหลัง

จากนั้น

เสียงเย็นเฉียบราวใบมีดคมๆ ก็ลอยออกมา

“ถูกต้อง ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับกรรมอย่างนั้น”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset