Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 433 ค่าตัวแสนล้านต้องนั่งโต๊ะไหน

“นายรู้ได้ยังไง” เจิ้งจุนหลินที่ยังไม่ค่อยสร่างเมา มองเฉินตงอย่างประหลาดใจ

เฉินตงลูบจมูกแล้วอมยิ้ม “อันที่จริงผมก็ต่างกับคุณไม่มากนัก”

“จริงเหรอ”

ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเจิ้งจุนหลินปรากฏความยินดี

ความรู้สึกในการเผชิญหน้ากับเฉินตงตอนนี้เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกันขึ้นมา

เฉินตงหันไปมองเจิ้งจุนหลินแล้วยิ้มอ่อนๆ

“ใช่ แต่ผมเป็นฝั่งเครือญาติที่เอาชนะพวกสายเลือดตรงมาได้”

เจิ้งจุนหลินชะงัก ตอนนั้นรู้สึกราวกับร่างกายของตัวเองโหวงเหวง

คำพูดของเฉินตง ทำให้ความรู้สึกเป็นพวกเดียวกันหายไป แถมยังรู้สึกราวกับจะกระอักเลือดออกมา

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับงานเลี้ยงวันเกิดของพ่อนาย” เฉินตงถาม

เจิ้งจุนหลินถอนใจ “ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงรวมญาติ คุณชายใหญ่อย่างฉันมักจะกลายเป็นเป้าให้ทุกคนหัวเราะเยาะ นายว่าฉันจะแฮปปี้ได้ยังไง”

“พวกเครือญาติที่พยายามจนมีความสามารถโดดเด่น ไม่เคยเห็นคุณชายใหญ่อย่างฉันอยู่ในสายตาเลย ทุกครั้งฉันเลยโดนดูถูกตลอด”

เฉินตงรู้สึกเข้าอกเข้าใจทันที การเป็นที่รังเกียจของคนอื่นไม่ว่าใครเจอเรื่องนี้ต่างก็ยากจะรับได้

ยิ่งไปกว่านั้น เจิ้งจุนหลินยังเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้งที่คนภายนอกต่างจับตามอง

คนนอกยกย่องสรรเสริญ แต่เมื่อกลับถึงบ้านกลับกลายเป็นตัวตลกของครอบครัว

เมื่อสถานการณ์แตกต่างกันเช่นนี้ การที่เจิ้งจุนหลินมีสภาพแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

บรรยากาศในรถเงียบสงบลงอยู่สองสามวินาที

เฉินตงจึงค่อยๆ กล่าวออกมาว่า “พรุ่งนี้ผมขอไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านคุณด้วยได้ไหม”

“นาย?”

เจิ้งจุนหลินมองเฉินตงด้วยสายตาแปลกประหลาด “ฉันจำคนมีหน้ามีตาในเมืองนี้ได้หมด ฉันไม่คุ้นหน้านาย คงจะเป็นคนต่างเมืองล่ะสิ”

ก็ไม่ได้โง่จนเกินไป

เฉินตงยิ้มเย็น เขานึกว่าเจิ้งจุนหลินอายุน้อยแล้วจะพูดเออออไปตามน้ำ

“นายเป็นคนนอก แต่อยากจะมาร่วมงานวันเกิดของพ่อฉัน นายรู้ไหมว่าในเมืองนี้งานวันเกิดของพ่อฉันมันหมายถึงอะไร”

สายตาที่เจิ้งจุนหลินใช้มองเฉินตงเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้เขาสร่างเมาขึ้นพอสมควรแล้ว สติสัมปชัญญะของเขาจึงเริ่มฟื้นฟูกลับมา

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนี้ พอลองกลับมาคิดดีๆ จะเห็นว่ามีแต่ความแปลกประหลาด

คนแปลกหน้าคนหนึ่งต่อยเขาจนสลบ เพื่อที่จะชวนเขาคุย

แถมตอนนี้ยังอยากจะร่วมงานวันเกิดของพ่อตนอีก

แน่นอนว่าความสามารถของเขาอาจจะไม่ค่อยมี แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะโง่

“เป็นสถานที่ที่ทุกคนอยากไป?”

เฉินตงเอ่ยประโยคนี้ออกมา

“ใช่ ทุกคนอยากไปทั้งนั้น!”

เจิ้งจุนหลินพยักหน้าอย่างหนักแน่น และแอบวางท่าอวดเบ่ง “ในเมืองนี้ จุนหลิน กรุ๊ปของพวกเราร่ำรวยที่สุด บรรดาไฮโซที่นี่ต่างต้องเข้ามามีส่วนร่วม งานฉลองวันเกิดทุกปีของพ่อเป็นข่าวใหญ่ไปทั้งเมือง”

ร่ำรวยที่สุด?

ไฮโซของที่นี่?

เฉินตงฟังแล้วก็ยิ้มอย่างแข็งกร้าว ไฮโซของเมืองเล็กๆ แห่งนี้นับว่าเป็นไฮโซตัวจริงด้วยหรือ

จุนหลิน กรุ๊ปสามารถเอาตัวเข้ามาแทรกตอนที่ตัวท็อปของตลาดหุ้นกำลังแข่งขันกันและหอบกำไรกลับไปได้ จะไม่ให้บรรดาไฮโซในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ยกย่องสรรเสริญได้อย่างไร

นี่ไม่ใช่ความแตกต่างระหว่างชนชั้น

แต่เป็นระดับของเมืองที่แตกต่าง!

“ก็เพราะอย่างนี้ ผมถึงอยากไปร่วม”

เฉินตงยักไหล่ “ยังไงผมก็มาเที่ยวอยู่แล้ว พอได้ยินความยิ่งใหญ่ของจุนหลิน กรุ๊ปก็อดไม่ได้ที่อยากจะไปร่วมงานด้วย ดังนั้นผมขอเข้าร่วมงานในฐานะเพื่อนของคุณได้ไหม”

“เชอะ นายคิดว่าฉันโง่ล่ะมั้ง บ๊ายบาย”

เจิ้งจุนหลินหัวเราะเย้ยก่อนจะเปิดประตูและลงจากรถไป

คุนหลุนเตรียมจะเข้ามาขวางไว้โดยอัตโนมัติ แต่เฉินตงกลับเอ่ยอย่างสงบ “คุนหลุน ปล่อยเขาไป”

เมื่อเจิ้งจุนหลินเห็นว่าคุนหลุนปล่อยเขาไป เขาก็รู้สึกหายใจทั่วท้อง

จากนั้นจึงหันมาเหล่มองเฉินตง “ลืมคำพูดเมื่อครู่นี้ที่ฉันพูดกับแกไปซะ ไม่งั้นฉันไม่รับประกันสวัสดิภาพของแกแน่”

คำพูดนี้เอ่ยเพื่อตั้งใจข่มขู่อย่างชัดเจน

ทำให้คุนหลุนกำมือขวาเอาไว้แน่น พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้พลั้งหมัดออกไป

เฉินตงกลับอมยิ้มพลางพยักหน้า

เมื่อเจิ้งจุนหลินห่างออกไปแล้ว คุนหลุนจึงกลับขึ้นรถ “คุณชาย มันอวดดีขนาดนี้ ทำไมยังยิ้มอยู่อีก”

“เด็กน้อยอายุแค่ยี่สิบ ที่หยิ่งผยองจนเคยตัว พอโดนตบหน้าแบบนี้ จะไม่ให้พูดจาโหดๆ เพื่อกู้หน้าตัวเองกลับไปบ้างหรือ”

เฉินตงไม่ถือสาอะไร เขาลูบจมูกพลางยิ้ม “ยิ่งกว่านั้น ผมได้ข้อมูลที่อยากได้มาแล้ว”

“ข้อมูลอะไรหรือครับ” แววตาของคุนหลุนเป็นประกาย

“พรุ่งนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของเจ้าของจุนหลิน กรุ๊ป คนมีหน้ามีตาในเมืองนี้จะไปรวมตัวกันที่นั่น ถึงเวลานั้นฉันก็จะไปด้วย” เฉินตงกล่าว

“พวกเราจะไปกันได้ยังไงครับ” คุนหลุนไม่เข้าใจ

“ไปมอบของขวัญไง พวกเขาจะถึงขั้นไล่ผมออกมาเลยหรือ”

เฉินตงหยักไหล่ด้วยสายตาล้ำลึก “พี่ว่า ผมจะได้เจอพ่อที่งานเลี้ยงไหม”

คุนหลุนตะลึง และไม่ได้ตอบอะไรออกมา

เฉินตงกลับหัวเราะเบาๆ แล้วเอนตัวพิงเก้าอี้

เมื่อได้รู้ว่าตระกูลเจิ้งของจุนหลิน กรุ๊ปใช้วิธีการให้ผู้ชนะเป็นผู้สืบทอดเพื่อเลือกคนที่มาทำงานต่อนั้น การคาดเดาในหัวเขาก็ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น

ตระกูลเศรษฐีทั่วๆ ไปยากที่จะมีความกล้าหาญเลือกใช้วิธีการนี้ ไม่แต่งตั้งสายเลือดตรงแต่เลือกเครือญาติแทน

“ขับรถกลับโรงแรมกันเถอะ”

เฉินตงตบไหล่คุนหลุน

“แล้วท่านหลงล่ะครับ” คุนหลุนถามขึ้น

เฉินตงส่ายหัว “คืนนี้เขาคงจะยุ่งน่ะ”

……

วันต่อมา

เมื่อตะวันลับขอบฟ้า

บรรยากาศของเมืองทั้งเมืองก็เข้าสู่ความครื้นเครง

บรรดาไฮโซในเมืองนี้ต่างแห่แหนกันไปยังสถานที่เดียว

ทำให้เกิดขบวนรถยาวเหยียดที่มองลงมาจากบนฟากฟ้าก็ยังเห็นอย่างชัดเจน

ในคฤหาสน์นอกเมือง

คฤหาสน์ใหญ่โตโอ่อ่ามีเนื้อที่กว้างขวางทำให้ดูยิ่งใหญ่ตระการตา

เวลานี้โคมไฟถูกเปิดระยิบระยับ เต็มไปด้วยความรื่นเริง

คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ตั้งตระหง่านอยู่บนทะเลทรายกว้างใหญ่ ตัดกับทะเลทรายที่อยู่ห่างไกลอย่างชัดเจน

มีเส้นแบ่งแยกความอ้างว้างกับความคึกคักออกจากกันอย่างชัดเจน

ผู้คนเคลื่อนตัวกันมาที่ประตูใหญ่

พื้นที่ว่างด้านนอกมีรถหรูจอดเต็มพื้นที่ และยังมีขบวนรถที่มุ่งหน้าเข้ามาสู่ที่นี่อย่างไม่ขาดสาย

มีเสียงตามสายประกาศข่าวสารเป็นช่วงๆ

มีการต้อนรับแขกเข้าไปด้านในอย่างมีลำดับขั้นตอน โดยนำแขกทีละคนเข้าไปร่วมงานในคฤหาสน์

รถเบนซ์จีคลาสคันหนึ่งขับผ่านทะเลทรายเข้ามาจอดในลานจอดรถด้านนอกคฤหาสน์

หลังจากลงจากรถ

เฉินตงที่สวมใส่ชุดสูทกับรองเท้าหนังก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้าเช่นกัน

“งานยิ่งใหญ่ขนาดนี้ในเมืองอย่างโม่เป่ย คงจะยากที่จะได้เจอพวกผู้ดีตัวจริงแล้วล่ะมั้ง”

“เป็นเช่นนั้นล่ะครับ ได้ยินมาว่าตระกูลเจิ้งไม่ปฏิเสธแขกที่มา แค่เป็นคนที่ประสบความสำเร็จอยู่บ้างมาร่วมอวยพรก็คงจะต้อนรับไว้หมด” ท่านหลงหาววอดด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า

เฉินตงมองอย่างเอือมระอา “อายุเยอะขนาดนี้แล้ว รู้จักบริหารเวลาซะบ้าง”

จากนั้นจึงหันไปพูดกับคุนหลุนว่า “เตรียมของขวัญไว้แล้วรึยัง”

คุนหลุนพยักหน้า จากนั้นจึงถือของขวัญพลางเดินตามเฉินตงกับท่านหลงมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์

ไม่นานนัก พนักงานต้อนรับสาวก็เดินเข้ามา

“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงฉลองของตระกูลเจิ้งค่ะ”

เฉินตงพยักหน้านิ่งๆ แล้วหันไปส่งสัญญาณให้คุนหลุนมอบของขวัญ

พนักงานต้อนรับสาวรับของแล้วส่งต่อให้พนักงานอีกคน

จากนั้นจึงเชิญทั้งสามคนเดินเข้าไปด้านใน

เฉินตงแอบดีใจเพราะคิดว่างานฉลองวันเกิดของตระกูลเจิ้งน่าจะเข้ายาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะเข้าไปง่ายดายขนาดนี้

“คุณผู้ชายคะ ดูจากท่าทางของคุณแล้ว คุณไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหมคะ ไม่ทราบว่าทำธุรกิจอะไร ประสบความสำเร็จเรื่องไหน ค่าตัวเท่าไหร่คะ”

คำถามเช่นนี้ของพนักงานต้อนรับสาวทำเอาเฉินตงยิ้มไม่ออก

“พวกคุณถามกันตรงๆ แบบนี้เลยหรือ”

พนักงานต้อนรับสาวอมยิ้ม “พูดตามตรงนะคะ คุณท่านของพวกเราคบค้ากับคนกว้างขวาง ไม่เคยปฏิเสธผู้มาเยือน แม้ว่าคุณผู้ชายจะดูไม่ใช่คนที่นี่ แต่เมื่อมาร่วมอวยพรด้วยแล้ว พวกเราก็ควรต้อนรับ”

เมื่อเห็นเฉินตงและพวกยังคงขมวดคิ้ว พนักงานต้อนรับสาวจึงกล่าวต่อ “การถามถึงธุรกิจ ความสำเร็จและค่าตัว จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสียมารยาท แต่เป็นกฎของตระกูลเจิ้ง เรื่องนี้คนแถวนี้ต่างรู้ดี และจะได้ง่ายต่อการจัดที่นั่งให้ด้วยค่ะ”

เดินมาไม่กี่ก้าวก็เข้ามาด้านในของคฤหาสน์แล้ว

พนักงานต้อนรับสาวชี้ไปยังลานที่มีโต๊ะอาหารวางเต็มพื้นที่ “ตรงนี้คือโต๊ะด้านนอก เอาไว้ต้อนรับแขกเหรื่อทั่วๆ ไป ส่วนด้านในต่างหากถึงจะเป็นโต๊ะสำหรับผู้มาร่วมฉลองงานที่เป็นพวกไฮโซของเมืองนี้”

“อีกอย่าง ตำแหน่งที่นั่ง ยังจัดตามค่าตัวของแขกที่มาร่วมงานด้วยค่ะ”

คำพูดเรียบง่ายที่ถือว่าเป็นคำถามที่เสียมารยาท เมื่อหลุดออกมาจากปากของพนักงานต้อนรับสาวแล้วกลับดูเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

นี่คือจุนหลิน กรุ๊ป และยังถือเป็นสิ่งที่แสดงฐานะทรงเกียรติและเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเจิ้งในเมืองแห่งนี้

“ผมไม่ควรได้นั่งด้านนอก” เฉินตงตอบ

“ไม่มีปัญหา ไปดูด้านในก็ได้ค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวเดินนำไปข้างหน้า

เมื่อเดินเข้าไปยังโถงด้านใน จำนวนโต๊ะลดลงอย่างชัดเจน แถมรูปแบบยังดูหรูหรากว่าด้านนอกมาก

“คุณผู้ชายดูนี่สิคะ ตรงนี้ใกล้ประตูโถงด้านในมากที่สุดและเป็นที่สำหรับคนที่มีค่าตัวหนึ่งล้านขึ้นไป ส่วนด้านในเข้าไปอีกก็ขึ้นอยู่กับว่ามีค่าตัวเท่าไหร่ และยิ่งลึกเข้าไปค่าตัวก็ยิ่งแพง คนที่จะได้อยู่ใกล้กับประธานต้องเป็นคนที่มีค่าตัวร้อยล้านขึ้นไปค่ะ”

เมื่อเอ่ยจบพนักงานต้อนรับสาวก็หันมามองเฉินตง

“ยุ่งยากหน่อยนะคะ”

เฉินตงถูมือก่อนจะเข้าไปใกล้ๆ พนักงานต้อนรับสาวแล้วเอ่ยถามเบาๆ ว่า “ขอโทษนะครับ คนที่ค่าตัวแสนล้านต้องนั่งโต๊ะไหนครับ”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset