Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 436 ผู้สูงศักดิ์

เสียงของเขาดังราวฟ้าคำราม สะท้อนก้องไปทั่วทั้งโถงด้านใน

เรียกเสียงหัวเราะให้แขกที่มางาน

สีหน้าของท่านหลงกับคุนหลุนหมองคล้ำ

เฉินตงกลับยิ้มออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ไปเถอะ ไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ ประตู”

เจิ้งจุนหลินสีหน้าเขียวคล้ำ

เขารู้ว่าเฉินตงกำลังแนะนำบันไดขั้นสูงกว่าให้เขา แต่ท่าทางโอหังวางโตของพวกเจิ้งจุนเซี่ยน

ทำให้เขารู้สึกราวกับมีไฟลุกโชนสุมอยู่ในอก

เขากัดฟันอย่างโกรธแค้น เจิ้งจุนหลินผลักพวกของเจิ้งจุนเซี่ยนออก แล้วรีบเดินตามเฉินตงไปอย่างรวดเร็ว

“เจิ้งจุนหลิน งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว แกจะไปไหน”

ชายสูงวัยที่ถูกเรียกว่าคุณปู่สามกล่าวเสียงแข็ง

เจิ้งจุนเซี่ยนกลับยกมือขึ้นห้าม “คุณปู่สาม อย่าไปสนขยะไร้ประโยชน์เลย ท่านก็รู้นิสัยของเขาดี ปล่อยเขาไปเถอะ ตระกูลเจิ้งของพวกเราจะได้ไม่ต้องขายหน้า”

เมื่อเฉินตงและพวกนั่งลง ก็มีคนคนหนึ่งตามมานั่งข้างเฉินตงติดๆ

“พวกเขาไม่ได้ให้คุณมานั่งตรงนี้” เฉินตงมองเจิ้งจุนหลิน

เจิ้งจุนหลินยิ้ม “คนที่ชอบกดขี่คนอื่นแบบนั้น ฉันไม่อยากนั่งกับพวกมัน มานั่งโต๊ะเดียวกับนายยังสบายใจกว่า”

“ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยกลับไปนั่งโต๊ะวีไอพีด้วยกัน” เฉินตงตบไหล่เจิ้งจุนหลิน

“นายพูดไร้สาระอะไรน่ะ”

เจิ้งจุนหลินกลอกตาอย่างไม่ใส่ใจ

เขารู้สึกได้ว่าเฉินตงคือคนรวยจริงๆ

แต่เศรษฐีที่มาจากที่อื่น ไม่ส่งผลอะไรในเมืองนี้ได้มากนัก

ยกเว้นเศรษฐีที่มีค่าตัวแสนล้าน

แต่เจิ้งจุนหลินไม่คิดว่าเฉินตงจะมีเงินแสนล้านจริงๆ เขาไม่เคยเห็นมหาเศรษฐีอายุน้อยขนาดนี้

เฉินตงกลับยิ้มออกมาอย่างคลุมเครือ

แต่ท่านหลงกับคุนหลุนกลับมองเฉินตงอย่างสงสัย

ท่านหลงดึงเฉินตงเข้าไปหาแล้วกระซิบถามว่า “คุณชาย ไม่ทำตามแผนเดิมแล้วเหรอครับ”

เดิมทีการมาร่วมงานวันเกิดนี้ก็เพื่อสืบข่าวของเฉินเต้าหลิน

เขารู้จักนิสัยของเฉินตงดี การนั่งโต๊ะวีไอพีแล้วต้องเจอเรื่องเช่นเมื่อครู่นี้ เขาสามารถอดทนและทำไปตามแผนเดิมได้แน่

แต่จากท่าทางการพูดของเฉินตงตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

เฉินตงยิ้มพลางตบไหล่ของท่านหลงโดยไม่ได้กล่าวอะไร

ตอนแรกเขาก็คิดจะทำตามแผนเดิม

แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เจิ้งจุนหลินต้องเผชิญ เขาก็รู้สึกราวกับพบเพื่อนร่วมชะตากรรม

คนทั้งสองเผชิญเหตุการณ์แบบเดียวกัน เพียงแต่เลือกวิธีการในการตอบโต้ไม่เหมือนกัน

ในเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญนี้ การแสดงอำนาจสักนิดหน่อยก็คงจะไม่ส่งผลเสียอะไรมากนัก

ยิ่งกว่านั้น ในตระกูลเจิ้งนี้ เจิ้งจุนหลินสร้างความประทับใจให้เขาได้ไม่เลวทีเดียว

โต๊ะวีไอพีด้านหน้า

เจิ้งจุนเซี่ยนหันไปเหล่มองเจิ้งจุนหลิน

“พี่จุนเซี่ยน วันนี้ท่าทางของเจิ้งจุนหลินอย่างกับหมีกินผึ้ง กล้าขึ้นเสียงต่อหน้าพวกเรา”

“หมอนี่นอกจากใช้อารมณ์แล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ คิดจริงๆ หรือว่าใช้ฐานะของตัวเองที่เป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านแล้วจะได้ทุกอย่างตามต้องการ น่าเสียดายที่ตระกูลเจิ้งของพวกเรามีกฎไม่เหมือนอย่างครอบครัวเศรษฐีอื่น”

“จริงสิพี่จุนเซี่ยน คราวนี้พี่ไปกวาดเงินในตลาดหุ้นมาได้เท่าไหร่ เงินก้อนนี้ถือเป็นชัยชนะอย่างท่วมท้น เจ้าบ้านจะต้องเอ่ยชื่นชมเรื่องนี้ให้ทุกคนในงานนี้ฟังแน่ ความสำเร็จครั้งนี้จะต้องทำให้พี่จุนเซี่ยนขึ้นแท่นนั่งตำแหน่งเจ้าบ้านอย่างมั่นคงแน่นอน!”

เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เจิ้งจุนเซี่ยนก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

เขาเอ่ยเรียบๆ ว่า “ไม่เยอะเท่าไหร่ ก็แค่ไม่กี่หมื่นล้านเท่านั้น”

ไม่กี่หมื่นล้าน? ไม่เยอะ?

คนทั้งสามนิ่งงันไปพร้อมกัน

จากนั้นจึงต่างส่งเสียงเอ่ยขึ้นมาไล่ๆ กัน

“ไม่เสียดายเลยที่พี่จุนเซี่ยนเป็นอันดับหนึ่งของคนรุ่นเดียวกับพวกเราในตระกูลเจิ้ง เจ้าบ้านคนต่อไปจะต้องเป็นพี่จุนเซี่ยนแน่ๆ!”

เมื่อทั้งสามเอ่ยปากชมเช่นนี้ เจิ้งจุนเซี่ยนก็หน้าชื่นตาบาน

เขาชอบความรู้สึกเช่นนี้

ในฐานะที่เป็นเพียงเครือญาติ จึงไม่ได้รับความสนใจจากผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างหนักตั้งแต่เด็กที่จะเป็นเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งให้ได้ เพื่อจะได้รับการเคารพยกย่องจากคนอื่นๆ

การพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขากลายเป็นอันดับหนึ่งในคนที่มีอายุใกล้เคียงกัน

แต่เขาก็ไม่เคยย่อหย่อนให้กับตัวเอง เพราะเขารู้ดีว่า ตราบใดก็ตามที่ตำแหน่งเจ้าบ้านยังไม่ถูกแต่งตั้ง ทุกอย่างก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้

ทว่าการไปกวาดเงินหมื่นล้านในตลาดหุ้นครั้งนี้ ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้นมาก

ชัยชนะที่โดดเด่นครั้งนี้ มากพอที่จะรับประกันตำแหน่งเจ้าบ้านให้เขาได้อย่างมั่นคง!

แต่เจิ้งจุนเซี่ยนก็ยังแสร้งทำท่าโบกไม้โบกมืออย่างถ่อมตัว

“บอกพวกนายตามตรงก็แล้วกัน อันที่จริงครั้งนี้ฟ้าประทานให้ฉันมาอย่างบังเอิญ เลยได้โชคดีแบบเช่นนี้”

“โชคดีอะไร?”

คนทั้งสามอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นครั้งนี้มีน้อยคนมากที่รู้เรื่อง

แต่ในฐานะที่คนทั้งสามเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นของตระกูลจึงรู้เรื่องนี้ดี

ตั้งแต่เริ่ม เจ้าบ้านก็มอบหมายเจิ้งจุนเซี่ยนให้ไปเข้าตลาดหุ้นรายใหญ่

ส่วนเรื่องราวที่ลึกกว่านั้น พวกเขาก็ไม่รู้แน่ชัดอีก

เจิ้งจุนเซี่ยนยิ้มอย่างได้ใจ “อันที่จริงคราวนี้ที่ตระกูลเจิ้งของเราได้เงินมากว่าหมื่นล้านในตลาดหุ้นต้องขอบคุณผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง ดูเผินๆ อาจเหมือนว่าฉันเป็นคนจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่อันที่จริงผู้สูงศักดิ์คนนั้นต่างหากเป็นผู้ควบคุมอยู่”

“ผู้สูงศักดิ์?”

คนทั้งสามตาเป็นประกายขึ้นมาพร้อมๆ กัน พวกเขารู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น

หนึ่งในนั้นพยายามเอ่ยกระตุ้น “พี่จุนเซี่ยน พี่อย่าเล่าขาดตอนสิ บอกพวกเรามาตามตรงเถอะ พวกเราสนิทกันขนาดนี้ จะปิดบังกันไปทำไม”

เจิ้งจุนเซี่ยนอมยิ้ม และตัดสินใจเล่าต่อ

“ผู้สูงศักดิ์คนนั้นไม่ให้ฉันเล่า แต่ฉันจะบอกให้พวกนายฟัง ศึกในตลาดหุ้นครั้งนี้ อันที่จริงแล้วเจ้าบ้านเจิ้งกับผู้สูงศักดิ์คนนั้นปรึกษากันแล้วว่าจะให้ฉันเป็นคนเข้าไปในตลาดหุ้น ซึ่งมีความนัยต้องการให้ฉันได้คะแนนจากชัยชนะครั้งนี้ จะได้เป็นการสร้างคุณสมบัติให้เหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูล”

ระหว่างเล่าถึงตอนนี้ เจิ้งจุนเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะยืดตัวขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

สายตาของเขากลับมองไปยังเจิ้งจุนหลินที่นั่งอยู่ที่ประตูใหญ่ราวกับตัวประหลาด

จะมีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการที่คนภายในแอบกำหนดให้เขารับตำแหน่งเจ้าบ้านอีกหรือ

ถ้าหากมีก็คงจะเป็นเรื่องที่พ่อแท้ๆ ของเจิ้งจุนหลินไม่ช่วยลูกชายตัวเอง แต่กลับแอบมาช่วยเขาแทน

เมื่อได้ยินดังนั้น

คนทั้งสามพากันตกใจ

สายตาที่มองไปยังเจิ้งจุนเซี่ยน ยิ่งปรากฏความเลื่อมใสมากขึ้นไปอีก

เจิ้งจุนเซี่ยนชอบสายตาแบบนี้มาก เขาอมยิ้มพลางกวาดตามองไปรอบๆ

จากนั้นจึงลดเสียงต่ำลงกล่าวกับคนทั้งสาม

“อย่ามาหาว่าพี่ชายอย่างฉันไม่บอกเรื่องดีๆ กับพวกนายล่ะ ในงานฉลองวันเกิดคืนนี้ จะยังมีโชคดีอีกครั้ง พวกนายพยายามวางตัวให้ดีเข้า”

“ผู้สูงศักดิ์คนนั้นที่ช่วยฉันบอกว่า วันนี้ในงานเลี้ยงจะมีผู้สูงศักดิ์อีกคนหนึ่งมาปรากฏตัวที่นี่ด้วย ให้ฉันดูแลต้อนรับเขาให้ดี ฉันเลยตัดสินใจบอกพวกนายให้หูตาไวเข้าไว้ ถ้ามีโอกาสคบหากันได้ ในอนาคตจะเป็นประโยชน์กับพวกนาย”

“ผู้สูงศักดิ์? สูงศักดิ์ขนาดไหน” หนุ่มน้อยอีกคนถามขึ้น

“อย่างไรซะ ในสายตาของเจ้าบ้าน ผู้สูงศักดิ์คนนั้นเป็นผู้มีอำนาจมาก จนเจ้าบ้านให้ความเคารพเขามากราวฐานะต้อยต่ำกว่าเขา”

เจิ้งจุนเซี่ยนยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางกะพริบตาปริบๆ “ส่วนผู้สูงศักดิ์ที่ช่วยฉันไว้เวลาพูดถึงผู้สูงศักดิ์คนนั้นท่าทีของเขาจะเปลี่ยนไปจากเดิม ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนเจ้าบ้านเองก็จะสุขุมมากเวลาพูดกับผู้สูงศักดิ์คนที่กำลังจะปรากฏตัว ฐานะของผู้สูงศักดิ์ทั้งสองคงจะอยู่ในระดับเดียวกัน”

เปรี้ยง!

คำพูดประโยคนี้ ทำเอาสายตาของคนทั้งสามเกิดประกายไฟลุกโชน

ผู้สูงศักดิ์ที่ทำให้เจ้าบ้านเจิ้งก้มหัวให้ได้ ถ้าหากสามารถคบหากับคนผู้นั้นได้

แม้ว่าในอนาคตพวกเขาทั้งสามคนจะไม่สามารถขึ้นเป็นเจ้าบ้านเจิ้งได้ แต่อนาคตจะต้องไม่เจอทางตันอย่างแน่นอน!

ทันใดนั้น

คนทั้งสามต่างยกแก้วขึ้นแล้วชูแก้วไปยังเฉินตงอย่างเบิกบานใจ

“ขอบคุณพี่จุนเซี่ยนที่บอกข่าวนี้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราทั้งสามคนจะทำตามที่พี่จุนเซี่ยนบอกทุกอย่าง”

“พี่น้องบ้านเดียวกันแท้ๆ ทำไมต้องขอบคุณกันด้วย”

เจิ้งจุนเซี่ยนนั่งวางมาดอย่างสง่างามยกแก้วดื่มอย่างสบายใจ แต่สายตากลับมองไปที่เจิ้งจุนหลินที่นั่งอยู่ตรงประตูใหญ่ของโถงด้านใน

ใบหน้าดูถูกถากถางของเขายิ่งปรากฏขึ้นชัดเจน

จากนั้นจึงพึมพำว่า “คนบางคนเป็นถึงลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้าน แต่กลับเป็นแค่ขยะไร้ค่า แม้แต่เจ้าบ้านที่เป็นพ่อแท้ๆ ของตัวเองยังไม่อยากช่วย ข่าวเรื่องนี้ก็คงจะยังไม่รู้ด้วยเหมือนกันล่ะมั้ง เมื่อกี้ถึงได้โวยวายไม่รู้จักกฎระเบียบจะเอาคนนอกมานั่งที่โต๊ะวีไอพี ถ้าผู้สูงศักดิ์เห็นเหตุการณ์นี้เข้า จะต้องรู้สึกไม่ชอบใจแน่ๆ นายว่ามันน่าโมโหไหมล่ะ”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset