Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 437 หัดสำนึกบุญคุณเสียบ้าง

เมื่อเห็นพวกเจิ้งจุนเซี่ยนสี่คนกระซิบกระซาบแล้วมองมาทางตนอย่างดูแคลน

เจิ้งจุนหลินอดไม่ได้ที่จะหลุดด่าออกมา “พวกชั้นต่ำ!”

เฉินตงอมยิ้มแล้วมองไปทางพวกของเจิ้งจุนเซี่ยนทั้งสี่คน แววตาของเขาเย็นเฉียบ

งานเลี้ยงของตระกูลเจิ้งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ

แขกเหรื่อจำนวนมากพยายามมาที่นี่เพื่อร่วมอวยพร

ที่นั่งภายในโถงด้านในเต็มทุกที่อย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน

นอกคฤหาสน์ เสียงพลุดังสนั่นจนหูอื้ออึง

จากนั้นขั้นตอนสำคัญของพิธีก็เริ่มขึ้น มีเสียงประกาศเริ่มพิธี

เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้น

บนเวที ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งสวมเสื้อคอจีนสีแดงเดินขึ้นมาบนเวทีช้าๆ

แขกในงานทั้งหมดยืนขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความเลื่อมใส

“นั่นพ่อของคุณหรอ”เฉินตงถามขึ้น

“อืม” เจิ้งจุนหลินพยักหน้าอย่างสงบ

และในเวลาเดียวกันนั้น

ชายวัยกลางคนบนเวทีขมวดคิ้วแน่นจ้องมองมาทางนี้

เมื่อสายตามาหยุดอยู่ที่ร่างของเจิ้งจุนหลิน สายตาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความโมโห

เห็นได้ชัดเจนว่าการที่คุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งไม่ยอมนั่งโต๊ะวีไอพีร่วมกับพ่อ แต่กลับไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะตรงประตูของโถงด้านในที่ถือว่าเป็นตำแหน่งระดับต่ำนั้น ทำให้ชายวัยกลางคนผู้นั้นไม่พอใจอย่างยิ่ง

หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า ลูกชายคนนี้กำลังตบหน้าพ่อของตัวเอง!

“หึ! ตอนนี้รู้แล้วหรอว่าฉันเป็นลูกเขาอีกคนด้วย”

เจิ้งจุนหลินยิ้มอย่างไร้ความรู้สึกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ จึงยิ่งทำให้แปลกแยกออกจากคนที่อยู่บริเวณรอบๆ

ชายวัยกลางคนผู้นั้นยืนสง่างามอยู่บนเวที สีหน้าของเขายิ้มแย้มและกล่าวบทพูดด้วยคำพูดที่เข้าใจง่ายเพื่อนำไปสู่การเริ่มงานเลี้ยง

แขกทั้งหมดจึงนั่งลงและเริ่มรับประทานอาหาร

ด้านหน้าเวที โต๊ะวีไอพีทั้งสามโต๊ะกลายเป็นที่จดจ้องของคนทั้งงาน

แขกที่เดินมาขอชนแก้วกับโต๊ะวีไอพีทั้งสามมีมาอย่างไม่ขาดตอนราวกับสายน้ำไหล

คนที่นั่งโต๊ะวีไอพีทั้งสามล้วนเป็นคนที่ได้รับการนับหน้าถือตาในตระกูลเจิ้งและหนุ่มสาวที่มีความสามารถโดดเด่นในรุ่นต่างเข้ามาชนแก้วกับเจ้าบ้านเจิ้ง

ส่วนโต๊ะของเฉินตงกัยเจิ้งจุนหลินกลับไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไรนัก

และเพราะเจิ้งจุนหลิน ทำให้แขกคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้เริ่มรู้สึกเกร็งและหวาดระแวง

ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเจิ้งจุนหลินเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง แถมยังโดนจับตามองจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้

เมื่อคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย แค่พวกเขาคิดจะไปขอชนแก้วคารวะเจ้าบ้านเจิ้งยังเกิดความลังเลใจ

“ในโอกาสงานฉลองวันเกิดของเจ้าบ้าน กระผมจุนเซี่ยนขอมอบของเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ให้เป็นของขวัญแก่เจ้าบ้าน”

ในตอนนั้นเอง เจิ้งจุนเซี่ยนที่นั่งอยู่ข้างๆ เจ้าบ้านเจิ้งก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

และประโยคนี้ยังสามารถดึงดูดความสนใจสายตาของทุกคนได้

ริมฝีปากของเฉินตงปรากฏรอยยิ้มแข็งกร้าว พลางคิดในใจว่า “ดึงดูดความสนใจเก่งเสียจริงนะ”

งานวันเกิดของเจ้าบ้าน รายการของขวัญวันเกิดทุกชิ้นต่างทุกจดเอาไว้ในบันทึกตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว

เจิ้งจุนเซี่ยนนำของขวัญมามอบให้กลางโต๊ะอาหารเช่นนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการเป็นที่สนใจ

จากนั้นเฉินตงจึงเหลือบไปมองเจิ้งจุนหลินโดยอัตโนมัติ

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า

เจิ้งจุนหลินในเวลานี้สีหน้าเขียวคล้ำ และกัดฟันเอาไว้แน่น

ส่วนบริเวณโต๊ะวีไอพีด้านหน้า เจ้าบ้านเจิ้งกำลังยิ้มอย่างพออกพอใจโดยไม่ได้ขัดอะไร แถมยังมองเจิ้งจุนเซี่ยนด้วยสายตาชื่นชมอีกด้วย

จากนั้นจึงตามด้วยเสียงอ่านรายการของขวัญ

“พระพุทธรูปหยกหยกโฮตันหนึ่งองค์”

“หินทิเบต 3 ตาหนึ่งเม็ด”

“เจ้าแม่กวนอิมทองคำบริสุทธิ์99% หนึ่งองค์”

……

ในโถงด้านในมีเสียงฮือฮาดังขึ้น

บรรยากาศเต็มไปด้วยความโออ่า

“พระเจ้า ของขวัญพวกนี้มูลค่ารวมเกินหนึ่งล้านใช่ไหมน่ะ คุณชายจุนเซี่ยนใจกว้างมากเลย”

“ใจกว้างอะไรเล่า นี่คือการแสดงน้ำใจต่อเจ้าบ้านเจิ้ง เขามีน้ำใจเต็มเปี่ยมจริงๆ”

“ไม่เสียดายเลยที่คุณชายจุนเซี่ยนเป็นอันดับหนึ่งของคนรุ่นหนุ่มสาวตระกูลเจิ้ง จัดการทุกอย่างไม่เหมือนอย่างคนธรรมดา พอลองเทียบกันดูทำให้คนบางคนกลายเป็นคนอกตัญญูและใจแคบไปเลย!”

……

เสียงซุบซิบนินทาของแขกในงานดังระงม

ทำให้เฉินตงขมวดคิ้วเล็กน้อย และรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเจิ้งจุนหลินที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังตัวสั่น

โทสะที่กำลังเดือดดาลราวเปลวเพลิงที่ลุกโชน

“ดีๆๆ จุนเซี่ยน ไม่เสียแรงที่ฉันสั่งสอน เจ้าคือความภาคภูมิใจของคนในตระกูลเซี่ยน”

เจ้าบ้านเจิ้งหน้าตาเบิกบาน กล่าวชมออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้ทำให้คนที่กำลังวางแผนบางอย่างค่อยๆ เดาความหมายได้

ส่วนเจิ้งจุนเซี่ยนกับพวก เมื่อได้ยินคำกล่าวชมเช่นนี้ก็ดีใจจนหน้าบาน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดเช่นนี้เป็นการบอกทางอ้อมถึงคนที่จะรับตำแหน่งเจ้าบ้านคนต่อไป!

ทว่ากลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าระหว่างที่เจ้าบ้านเจิ้งกำลังกล่าวคำพูดเช่นนี้นั้น สายตาของเขาแอบเหลือบไปมองเจิ้งจุนหลินที่กำลังนั่งกัดฟันกรอดอยู่

เมื่อดื่มกินกันไปจนถึงช่วงท้ายของมื้ออาหารแล้ว

คนในงานก็เริ่มชนแก้วกับแขกคนอื่นๆ และพูดคุยกันอย่างครึกครื้น

เจ้าบ้านเจิ้งเป็นจุดสนใจตลอดงานเลี้ยงนี้ ทำให้เขาดื่มเข้าไปมากจนตอนนี้สายตาเริ่มพร่าจากอาการเมา

และด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นี้เองที่ทำให้เจ้าบ้านเจิ้งลุกขึ้นยืน

“จุนเซี่ยน พวกเธอคือความภาคภูมิใจของตระกูลเจิ้ง ดังนั้นไปชนแก้วกับแขกเหรื่อคนอื่นๆ ในงานด้วยกันเถอะ”

แขกภายในโถงด้านใน ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตาใหญ่โตในเมืองนี้

เดิมทีเจ้าบ้านเจิ้งก็เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ชอบนั่งอยู่กับที่เฉยๆ เพื่อรอให้คนอื่นมาอวยพรและขอดื่มคารวะด้วย นี่คือกฎของเขา

เจ้าบ้านเจิ้งเดินไปขอชนแก้วกับทุกโต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน

ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เขาก็พาพวกเจิ้งจุนเซี่ยนเดินมายังโต๊ะที่อยู่ตรงประตูใหญ่ และหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเฉินตง

ทว่ารอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเจ้าบ้านเจิ้งก็หายไปเป็นปลิดทิ้งด้วยเมื่อหันไปมองเจิ้งจุนหลิน

“ลูกเนรคุณ!”

จู่ๆ เจ้าบ้านเจิ้งก็กัดฟันและต่อว่าเจิ้งจุนหลิน “งานเลี้ยงวันเกิดของพ่อแกแท้ๆ แกไม่ใช้ฐานะคุณชายใหญ่ของตัวเองไปต้อนรับแขกในงานก็แย่แล้ว แต่นี่ยังไม่ยอมไปนั่งร่วมโต๊ะกับพ่อตัวเอง กลับมานั่งอยู่โต๊ะติดประตูแบบนี้อีก แกอยากทำให้ฉันปวดหัวใช่ไหม ได้ๆๆ ตอนนี้ในฐานะที่ฉันเป็นพ่อจะขอมาดื่มคารวะแกสักหน่อย!”

คำพูดประโยคนี้ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะเย็นยะเยือก

แขกคนอื่นๆ เกิดความหวาดหวั่นรู้สึกราวนั่งไม่ติดเก้าอี้

ส่วนพวกของเจิ้งจุนเซี่ยนกลับยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มยินดีที่เห็นคนเดือดร้อน

เจิ้งจุนหลินตัวสั่นระริก จู่ๆ ความโกรธบนใบหน้าของเขาพลันหายไป

แต่กลับนั่งเอนกายสบายๆ อยู่บนเก้าอี้ “ผมพอใจที่จะนั่งเป็นเพื่อนกับเพื่อนผม”

“เพื่อน?”

เจ้าบ้านเจิ้งขมวดคิ้วแน่น แล้วมองไปที่เฉินตง ท่านหลงและคุนหลุน

ในตอนนั้นเอง

เจิ้งจุนเซี่ยนพลันเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อมว่า “ท่านเจ้าบ้าน เป็นความผิดของผมเอง คนต่างถิ่นทั้งสามคนนี้เป็นเพื่อนกับจุนหลิน เมื่อครู่นี้คิดอยากจะนั่งกับจุนหลินที่โต๊ะวีไอพี จุนเซี่ยนรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ออกจะไร้มารยาทเกินไป จึงเชิญคนต่างถิ่นทั้งสามคนนี้มานั่งตรงนี้ จุนหลินไม่พอใจขึ้นมาก็เลยออกมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาตรงนี้”

“ไร้สาระ!”

ปัง!

เจิ้งจุนหลินโกรธจัดจนใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะ “เพื่อนผมนั่งโต๊ะวีไอพีด้วยมันไร้มารยาทตรงไหน เป็นเพราะผมไม่พอใจหรือว่าพวกแกที่พยายามรังแกเพื่อนของฉันกันแน่”

เพี๊ยะ!

เจ้าบ้านเจิ้งตบหน้าเจิ้งจุนหลิน

“แกมันลูกเนรคุณ แกทำแบบนี้ในงานเพราะต้องการจะทำลายงานวันเกิดของฉันใช่ไหม”

“พ่อ……”

ตอนนั้นเจิ้งจุนหลินอึดอัดใจอย่างถึงที่สุด เขาเอามือกุมใบหน้าอย่างโกรธแค้น

“เฮ้อ……”

เฉินตงถอนหายใจออกมาแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เขากดไหล่ของเจิ้งจุนหลินเอาไว้ “นายมันบ้าบิ่นเกินไป”

เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ หากเจิ้งจุนหลินใจเย็นสักหน่อย ทำตัวนอบน้อมต่อหน้าเจ้าบ้านเจิ้งก็คงจะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายถึงขั้นยากจะแก้ไขภายในชั่วเวลาพริบตาเดียวแบบนี้

ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อลูกกัน เจ้าบ้านเจิ้งคงจะปกป้องเขาบ้าง

เพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนของเจิ้งจุนหลินแท้ๆ ที่เอาความลำเอียงของเจ้าบ้านเจิ้งมาจุกอยู่ที่อก

“ฉัน…”

เจิ้งจุนหลินอ้าปากเตรียมจะตอบโต้

แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป

เจิ้งจุนเซี่ยนพลันก้าวออกมาด้านหน้า แล้วปัดมือของเฉินตงที่วางอยู่บนไหล่เจิ้งจุนหลินออก

จากนั้นเขาจึงหันไปจ้องหน้างเฉินตงอย่างเอาเรื่อง

แล้วเอ่ยเสียงแข็งว่า “พวกแกสามคนเป็นสุนัขต่างถิ่น คบกับจุนหลินเพื่อเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวกับเขาก็เท่านั้น คิดว่าพวกแกมีสิทธิ์ที่จะสอดปากเข้ามาพูดเรื่องนี้งั้นหรือ”

“เจ้าบ้านของพวกเราจะสั่งสอนลูกบ้าง มันเกี่ยวอะไรกับพวกแก ถ้าไม่ถือว่าพวกแกเป็นแขกของเจ้าบ้าน สุนัขต่างถิ่นอย่างพวกแกคงโดนลากตัวออกไปนานแล้ว ฉันขอเตือนให้พวกแกเจียมตัวหน่อย หัดสำนึกบุญคุณของคนอื่นเสียบ้าง!”

และตอนนั้นเอง

มือถือของเจ้าบ้านเจิ้งที่กำลังโกรธจัดส่งเสียงดังขึ้น

เขาหยิบมือถือออกมาด้วยอาการมึนเมา แต่เมื่อเห็นเบอร์มือถือท่าทางของเขาก็สำรวมขึ้นทันทีและรีบรับโทรศัพท์

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset