Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 440 ช่วยมังกรให้มีอำนาจ ทำได้แค่ขมขื่นอยู่ในใจ

อากาศยามราตรีเย็นสบายราวสายน้ำ

ในห้องโถงของตระกูลเจิ้ง มีแสงไฟสว่างไสว

ทุกคนก้มหน้า เงียบสงัดไร้สรรพเสียง

บรรยากาศในห้องมีเพียงความกดดันที่หนักอึ้ง

เจิ้งจุนเซี่ยนและพวกนั่งคุกเข่าอยู่กลางห้อง พวกเขาสีหน้าซีดขาวพร้อมกับมีสายตาที่ว่างเปล่า

เรื่องราวที่เกิดตั้งแต่หัวค่ำจนถึงตอนนี้ ทำให้พวกเขาไร้การตอบสนอง

โดยเฉพาะเจิ้งจุนเซี่ยน

การโดนปลดจากหน้าที่ทั้งหมด เท่ากับความทุ่มเททั้งหมดกว่ายี่สิบกว่าปีสูญเปล่า นี่มันทรมานยิ่งกว่าฆ่าเขาให้ตายเสียอีก

“เจ้าบ้าน ทำแบบนี้มันแรงเกินไปหน่อยหรือไม่”

ชายชราก้าวออกมาข้างหน้าแล้วกล่าวคำพูดที่ทำลายบรรยากาศเงียบสงัดในห้องโถง “ยังไงจุนเซี่ยนก็เป็นคนที่ท่านตั้งใจให้รับหน้าที่เจ้าบ้านคนต่อไป เรื่องราวที่เกิดเมื่อหัวค่ำกับการลงโทษที่จุนเซี่ยนได้รับ มันหนักเกินไปหรือไม่ นี่ไม่เท่ากับว่าตระกูลเจิ้งของเราต้องเอาคนเก่งขึ้นไปแขวนไว้บนหิ้งเฉยๆ หรือ”

ชายชราที่พยายามอ้อนวอนคือคุณปู่สามนั่นเอง

และบรรดาคนที่นั่งอยู่นั้นล้วนเป็นคนสำคัญของตระกูลเจิ้ง เป็นผู้ที่มีตำแหน่งในระดับสูง

ส่วนคุณปู่สามเป็นคนที่เป็นมีความอาวุโสสูงสุด

สายตาของจุนเซี่ยนปรากฏประกายวับไหวขึ้นมา ราวกับคนหมดหวังที่พยายามจะคว้าหมากตัวสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตตนเอง

หลังจากคุณปู่สามกล่าวออกมา คนที่เหลือต่างกล่าวสมทบเห็นด้วย

“ท่านเจ้าบ้าน คุณปู่สามพูดถูกต้อง ความสามารถของจุนเซี่ยนทุกคนต่างเห็นประจักษ์ การลงโทษเช่นนี้เหมือนบีบเขาให้ตายชัดๆ”

“ท่านเจ้าบ้านได้โปรดเมตตา คนมีความสามารถอย่างจุนเซี่ยน หากให้เป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่ง จะถือเป็นความสูญเสียของตระกูลเจิ้ง”

“จุนเซี่ยนและพวก ทำคุณประโยชน์ให้กับตระกูลมากมาย หากเห็นแก่ความดีของเขา ก็ไม่ควรได้รับโทษหนักเช่นนี้”

……

เมื่อได้ยินทุกคนต่างเห็นด้วยเช่นนี้

ความหวังในดวงตาของเจิ้งจุนเซี่ยนก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น เขาที่กำลังคุกเข่าอยู่ จึงประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน

ยังมีโอกาส ต้องมีหนทาง!

คนทั้งหมดกำลังพยายามช่วยเรา เจ้าบ้านจะต้องอนุโลมความผิดให้เราได้แน่!

ส่วนแววตาของอีกสามคนที่เหลือก็เป็นประกายออกมา

กฎหมายไม่สามารถสู้กฎหมู่ได้ ต่อให้วันนี้ทำเรื่องผิดร้ายแรงมากแค่ไหน แต่ผลงานที่พวกเขาทำเอาไว้แถมยังมีคนอื่นๆ คอยช่วยเหลือแบบนี้ เจ้าบ้านคงจะต้องกลับมาพิจารณาใหม่อีกแน่

ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเจิ้งจุนหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าบ้านเจิ้งเต็มไปด้วยความคับแค้น

เขาก้มหน้า กำหมัดแน่นจนเสียงกระดูกลั่น เส้นเลือดหลังมือปูดโปน

ในความทรงจำของเขา ภาพเหตุการณ์ตอนนี้เกิดขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!

เป็นเพราะความสามารถที่แตกต่างกัน

ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าจะถูกหรือผิด คนพวกนี้เข้าข้างเจิ้งพวกจุนเซี่ยนมาตลอด ส่วนเขาที่เป็นหนุ่มเพลย์บอยในสายตาทุกคนนั้นคือคู่แข่งที่พยายามจะเอาชนะพวกเขาให้ได้มาตลอด

ในฐานะที่เขาเป็นลูกแท้ๆ ของเจ้าบ้าน ทุกครั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เจิ้งจุนหลินรู้อยู่แก่ใจดีว่า พ่อของเขาจะต้องฟังคนรอบตัวด้วย

เจิ้งจุนหลินมองด้านหลังของเจ้าบ้านเจิ้งอย่างคับข้องใจ

ในตอนนั้น ต่อให้บิดาของเขาเปลี่ยนคำสั่ง ยกเลิกการลงโทษของเจิ้งจุนเซี่ยนและพวกเขาก็ไม่แปลกใจอะไร

เพราะความอยุติธรรมเช่นนี้ อยู่คู่กับเขามาถึงยี่สิบปีแล้ว!

ทว่า

ปั้ง!

เจ้าบ้านเจิ้งเอามีดฟาดลงบนโต๊ะอย่างแรง

เสียงดังสนั่นราวฟ้าผ่า ทำเอาทุกคนตกใจจนหน้าถอดสี

เจิ้งจุนหลินตัวสั่นแล้วมองไปทางเจ้าบ้านเจิ้งอย่างเหลือเชื่อ

หลังจากนั้น

เจ้าบ้านเจิ้งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “คุณปู่สาม ท่านกล่าวถูกต้อง ต่อให้อยู่ต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ผมก็กล้ากล่าวตามตรงว่า ก่อนหน้านี้ผมวางเจิ้งจุนเซี่ยนให้เป็นผู้ที่จะมารับหน้าที่เจ้าบ้านจริง”

น้ำเสียงเย็นเฉียบราวคมมีด

ทำให้ทุกคนต่างเกิดความหวาดหวั่นจนเม้มปากแน่นรอคำพูดประโยคถัดไป

“แต่เวลาเปลี่ยน คนก็ย่อมเปลี่ยน! แต่อย่าลืมว่าตระกูลเจิ้งเกิดขึ้นได้เพราะผม กฎการแข่งขันกันขึ้นเป็นเจ้าบ้าน ผมก็เป็นคนกำหนดเอง”

เจ้าบ้านเจิ้งขมวดคิ้วแน่น ร่างกายของเขาแผ่รังสีของความน่าเกรงขาม “แต่ผมจะบอกให้พวกคุณได้รู้ไว้ว่าการวางโตโอหังของพวกเจิ้งจุนเซี่ยนทั้งสี่คนนี้ ก่อนหน้านี้ผมได้บอกพวกเขาเอาไว้แล้วว่างานเลี้ยงคืนนี้จะพบกับผู้ให้โชค ขอให้พวกเขาคว้าโอกาสนั้นไว้ให้ดี เรื่องนี้แม้แต่จุนหลินลูกชายผม ผมยังไม่บอกเลย

พวกเขาทั้งสี่คนไม่เพียงคว้าตัวผู้ให้โชคคนนั้นไว้ไม่ได้ แต่กลับทำตัววางโตไร้มารยาท ไม่แยกแยะผิดถูก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้สั่งสอนพวกแกได้ยังไง”

พวกของเจิ้งจุนเซี่ยนสี่คน เมื่อได้ยินประโยคนี้พลันรู้สึกมวลท้องด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ

โดยเฉพาะเจิ้งจุนเซี่ยนที่ถึงกับยกมือขึ้นมาทุบตัวเองอย่างแรง

สายตาของเจิ้งจุนหลินที่ล่องลอยมองไปรอบๆ หันไปจ้องเจ้าบ้านเจิ้งอย่างยินดี

ในที่สุด…พ่อก็เข้าข้างเราบ้างแล้ว!

คุณปู่สามที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในที่นั่น มองเจิ้งจุนเซี่ยนอย่างเวทนาก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง

“พวกจุนเซี่ยนอายุยังน้อย พวกเขาเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นที่คิดจะช่วยปกป้องกฎระเบียบของตระกูลเราเท่านั้น อีกอย่างคุณเฉินที่ท่านนับถือว่าเป็นผู้ให้โชคนั้น เขาสำคัญกับพวกเราขนาดนั้นเชียวหรือ”

เท่านั้น?

สำคัญหรือ?

เจ้าบ้านเจิ้งอารมณ์พุ่งปี๊ดจนกัดฟันยิ้มออกมา “คุณปู่สาม ท่านคงแก่จนเลอะเลือนไปแล้ว ความเข้าใจของท่านที่มีเกี่ยวกับตระกูลเจิ้งมากเท่ากับเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งอย่างผมรึ”

“ท่าน……” คุณปู่สามร่างสะท้าน เข้าเบิกตากว้างพลางกัดฟันกรอด

เจ้าบ้านเจิ้งโบกมือ “หากเป็นความผิดทั่วไป พวกเจิ้งจุนเซี่ยนสามารถใช้ความดีหักล้างได้ แต่เรื่องที่เกิดในงานเลี้ยงวันนี้ ความดีของพวกเจิ้งจุนเซี่ยนไม่สามารถใช้หักล้างได้!”

“ผมจะบอกความจริงให้ทุกคนฟัง ผมเองเป็นคนช่วยให้เจิ้งจุนเซี่ยนประสบความสำเร็จจนกวาดเงินในตลาดหุ้นมาได้หลายพันล้าน แต่นั่นเป็นเพราะคุณเฉินต่างหาก แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ทุกคนที่อยู่ที่นี่มีใครยังคิดว่าผมลงโทษแรงเกินไปอีกหรือไม่”

เปรี้ยง!

คำพูดดั่งสายฟ้า

ทุกคนในที่นั่นต่างชะงักงัน

ส่วนเจิ้งจุนเซี่ยนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นเมื่อได้ยินดังนี้ก็ช็อกจนไม่สามารถสะกัดกั้นความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป

เขาร้องไห้โฮออกมาและคลานไปตรงหน้าเจ้าบ้านเจิ้งแล้วเกาะขาของเจ้าบ้านเจิ้งเอาไว้พร้อมร้องวิงวอน

“ท่านเจ้าบ้าน ผมสำนึกผิดแล้ว จุนเซี่ยนสำนึกผิดแล้วจริงๆ ได้โปรดให้อภัยจุนเซี่ยนด้วยเถิด ได้โปรดให้ผมได้มีโอกาสไปขอโทษคุณเฉินสักครั้ง”

เสียงร้องไห้โหยหวนน่าสังเวชใจ

เจิ้งจุนหลินเห็นเช่นนี้ความคิดเริ่มล่องลอย

ในฐานะที่เป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้าน เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้ด้วยตาตนเอง!

แต่กระนั้น

เจ้าบ้านกลับถีบเจิ้งจุนเซี่ยนกระเด็น แล้วตวาดเสียงแข็งว่า

“แกมันอวดดีดิบเถื่อนแบบนั้นใส่คุณเฉิน ทำโทษแค่นี้ก็นับว่าน้อยเกินไปแล้ว ขืนยังกล้าโอหังอีกล่ะก็ อย่าหาว่าเจ้าบ้านอย่างฉันไม่ไว้หน้าก็แล้วกัน!”

เจิ้งจุนเซี่ยนทำอะไรต่อไม่ถูก

แบบนี้…ยังเรียกว่าไว้หน้ากันอยู่อีกเหรอ

“ออกไปให้หมด!”

เจ้าบ้านเจิ้งโบกมือไล่

คุณปู่สามและคนอื่นๆ ไม่กล้ารีรออีกต่อไป รีบให้เด็กทั้งสามคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น พยุงเจิ้งจุนเซี่ยนออกไป

เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ในห้องโถงก็กลับมาสงบเงียบอีกครั้ง

เจิ้งจุนหลินเหม่อลอยอยู่ที่เดิม ราวกับคนไร้วิญญาณ

หลังจากเจ้าบ้านเจิ้งเอ่ยปากเรียกเขาว่า ลูกกิเลนแล้ว เขาถึงจะได้สติกลับมา

“พ่อ” ในดวงตาของเจิ้งจุนหลินเกิดประกายวับไหวมองไปที่เข้าบ้านเจิ้งอย่างตื้นตัน

“เด็กดี ไม่เสียแรงที่เป็นลูกกิเลนของพ่อ ตอนแรกพ่อก็คิดว่านิสัยอย่างลูกชีวิตนี้คงไม่มีทางทำเรื่องดีๆ ได้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า ลูกจะได้ใจจากคุณเฉินตง”

เจ้าบ้านเจิ้งยกมือของเจิ้งจุนหลินขึ้นมาอย่างทะนุถนอม “หลายปีมานี้ทำให้ลูกต้องลำบากใจ พ่อก็อยากเข้าข้างลูก แต่กฎถูกกำหนดขึ้นมาแล้ว พ่อเลยต้องพิจารณาทุกอย่างไปตามสถานการณ์โดยรวมที่เกิดขึ้น”

ในตอนนั้นอารมณ์ของเจิ้งจุนหลินปั่นป่วน

ราวกับมีหลายความรู้สึกผสมปนเปอยู่ด้วยกัน

แต่เมื่อนึกถึงเฉินตงเขาก็รีบร้อนเอ่ยขึ้นว่า “พ่อครับ เฉินตงสำคัญอย่างที่พ่อบอกจริงๆ หรือ”

ในดวงตาของเจ้าบ้านเจิ้งเริ่มร้อน เขาจึงกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ลูกต้องจำไว้ให้ดี บนโลกนี้หากคบถูกคน เดินถูกทาง ย่อมสำคัญกว่าความสามารถ! ระหว่างคนที่ช่วยมังกรให้ยิ่งใหญ่ กับคนที่พยายามจะเป็นมังกรเสียเอง ถ้าเทียบกันแล้วคนแรกย่อมมีโอกาสบินได้สูงกว่า!”

เมื่อกล่าวถึงประโยคสุดท้าย เขาก็เอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า “แค่ลูกได้รับความเชื่อใจจากคุณเฉิน พ่อก็พร้อมที่จะยกตำแหน่งเจ้าบ้านคนต่อไปให้อยู่ในมือของลูกอย่างสบายใจแล้ว”

ในหัวของเจิ้งจุนหลินเกิดเสียงดังราวฟ้าผ่า

แค่ได้พบกับเฉินตง ฉันเลยได้ตำแหน่งเจ้าบ้านอย่างง่ายดายแบบนี้เลยหรอ?

“พ่อ ผมจะไปหาเฉินตงเดี๋ยวนี้!” เจิ้งจุนหลานหันตัวขวับแล้ววิ่งออกไป

รอยยิ้มของเจ้าบ้านเจิ้งหายไป แต่เขาก็ไม่ได้ห้าม

เขามองเจิ้งจุนหลินที่ห่างออกไป ใบหน้าของเขาก็ปรากฏความอ่อนโยนที่พ่อใช้มองลูก จากนั้นจึงเอ่ยเบาๆ ว่า “คนโง่ก็มีโชคดีของตนเอง ถ้าลูกมีความสามารถ ทำไมพ่อต้องยกกิจการใหญ่โตนี้ให้คนอื่นด้วย? ในที่สุดตอนนี้ฉันก็รู้สึกว่าจัดการทุกอย่างได้สมเหตุสมผลเสียที!”

“ที่ตระกูลเจิ้งสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วในยุคของฉัน พวกคนแก่คร่ำครึในตระกูลคงคิดว่าฉันมีความสามารถสินะ แต่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะในตอนนั้นฉันได้ช่วยมังกรเอาไว้ ส่วนฉัน…ก็เป็นผู้ถูกบงการก็เท่านั้น”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset