Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 37 ผลาญทรัพย์สมบัติ

บทที่ 37 ผลาญทรัพย์สมบัติ

เช้าตรู่วันที่สอง

กู้ชิงหยิ่งออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้า เดินทางไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างของพ่อเพื่อทำการส่งมอบหน้าที่การงาน

กับธุรกิจครอบครัวของพ่อแล้ว บริษัทวัสดุก่อสร้างนี้ไม่มีอะไรจริงๆ

ถ้าที่นี่ไม่ใช่เป็นบริษัทแรกที่พ่อก่อตั้งและบริหารตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อจะเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ก็คงจะไม่เก็บบริษัทไว้พัฒนาต่อเรื่อยมา

เพราะเฉินตงทำงานอยู่ที่บริษัทไท่ติ่ง เธอจึงเข้าไปทำงานบริษัทที่มีธุรกิจคล้ายคลึงกัน จะได้ช่วยเหลือเฉินตงได้ง่ายขึ้น

ตอนที่เฉินตงไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลเสร็จแล้วกลับไปทำงานที่บริษัท

เสี่ยวหม่าก็รีบร้อนถือเอกสารเป็นปึกเดินเข้ามา

“พี่ตงครับ นี่มีเรื่องด่วนที่ต้องให้คุณตัดสินใจ”

วางเอกสารลง เสี่ยวหม่าก็พูดต่อ: “เพราะโครงการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ย่านสลัมเมืองภาคตะวันตกกว้างและใหญ่เกินไป ดังนั้นครั้งนี้พวกเราจึงหาบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้เพื่อซัพพลายวัสดุก่อสร้างให้กับทางเรา แต่ตอนนี้พวกเขายังลังเลไม่มีการตอบรับ เพราะคุณสมบัติของบริษัทไท่ติ่ง”

เฉินตงหยิบเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน ไม่แสดงกิริยาอาการที่ตกใจมากนัก

บริษัทไท่ติ่งเป็นแค่หนึ่งในบริษัทอสังหาที่มีเป็นร้อยเป็นพัน เป็นธุรกิจที่มีขนาดไม่ใหญ่ แม้แต่หนึ่งในสิบก็ยังเบียดเข้าไปไม่ได้

คุณสมบัติ เป็นบาดแผลใหญ่ของบริษัทไท่ติ่งมาโดยตลอด

พูดอย่างไม่เกรงใจเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ต้าเป่าเป็นประธานใหญ่ในช่วงก่อน ชอบดื่มเหล้าชอบสาวๆสวยๆ ยอมเซ็นสัญญาที่มีมูลค่ามากถึงสามสิบล้านอย่างไม่คิด บริษัทไท่ติ่งก็คงจะได้งานใหญ่ขนาดนี้ยาก

เพราะความผิดพลาดของเขาครั้งนั้น ทำให้เราได้โอกาสพลิกผันขนาดนี้ แต่ว่าโครงการใหญ่ขนาดนี้ ถ้ายังให้บริษัทวัสดุก่อสร้างมาซัพพลายสินค้าให้กับไท่ติ่งเหมือนเมื่อก่อน เห็นได้ชัดเจนว่าทำไม่ได้แน่นอน

พวกเขาไม่สามารถทำได้!

แต่การหาบริษัทวัสดุก่อสร้างมาร่วมมือด้วย ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง

“บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่?”

มองดูข้อมูลในเอกสารแล้ว เฉินตงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มอย่างขมขื่น: “นี่เป็นซัพพลายเออร์สำหรับบริษัทก่อสร้างโครงการใหญ่ของเมืองนี้เชียวนะ คุณสมบัติของบริษัทไท่ติ่งอย่างเรา แตกต่างกันเกินไปจริงๆ”

“ใช่ครับ สาเหตุก็เพราะคุณสมบัติบริษัท ดังนั้นถึงแม้จะรู้ว่าเราได้งานโครงการในภาคตะวันตกของเมืองแล้ว พวกเขาก็ยังลังเล”

เสี่ยวหม่าเครียดมาก: “ดังนั้นพี่ตงว่าพวกเราจะพยายามเข้าเจรจาด้วย หรือว่าเปลี่ยนบริษัทวัสดุก่อสร้างอื่นๆดี? หรือว่าจะใช้บริษัทวัสดุก่อสร้างที่เคยร่วมงานเมื่อก่อน?”

“บริษัทวัสดุก่อสร้างเมื่อก่อน พวกเขาซัพพลายสินค้าโครงการใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหวหรอก เมืองนี้ก็ไม่มีบริษัทไหนที่ใหญ่กว่าบริษัทยิงลี่แล้ว”

เฉินตงวางเอกสารลง ยิ้ม: “พอละ เข้าไปเจรจาอีกครั้ง บ่ายวันนี้ ผมจะไปขอพบประธานบริษัทของเขาด้วยตนเอง”

อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาสามปี เขาเข้าใจดีทุกอย่าง

สาเหตุเพราะคุณสมบัติของบริษัท มันก็แค่คำกล่าวอ้างเท่านั้น

อีกทั้ง ตอนนี้ไท่ติ่งมีโครงการในภาคตะวันตกของเมืองอยู่ในมือ หลังจากที่มีข่าวบริษัทยี่เคอเข้าร่วมลงทุนแล้ว ราคาบ้านของย่านสลัมภาคตะวันตกของเมืองสูงขึ้นเรื่อยๆ

ขอแค่ประธานของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ไม่โง่ ต้องยอมร่วมมือด้วยแน่นอน

ที่ยังลังเลอยู่ในตอนนี้ ก็แค่เรื่องการเงินและกำไรยังคุยไม่ถึงจุดสำคัญเท่านั้น

แต่ว่าครั้งนี้ บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เหมือนจะโลภมากไปหน่อย!

ที่สำนักงานใหญ่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่

กู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน กำลังเปิดอ่านเอกสารในด้านต่างๆนาๆ

ถึงแม้พ่อจะโทรเข้ามาสั่งการไว้ ทำให้เธอและประธานบริษัทคนเก่าส่งมอบงานกันอย่างราบรื่น อีกทั้งประธานคนเก่าจะยินดีฝึกอบรมเธอ

แต่ถ้าอยากจะถือครองบริษัทนี้อย่างเต็มที่ ลำดับแรกต้องเข้าใจสถานการณ์การบริหารงานของบริษัทและเรื่องอื่นๆอีกด้วย

เธอยากจะช่วยเหลือเฉินตง ก็ต้องรีบยืนหยัดอยู่ในบริษัทนี้ให้ได้

ตงตง

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

กู้ชิงหยิ่งไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง: “เข้ามาค่ะ”

มีหนุ่มอายุสามสิบกว่าๆ ใส่สูทเต็มยศเดินเข้ามา

เขาคือประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่จางเห้อหมิง สาเหตุเพราะกู้ชิงหยิ่ง ได้มาเป็นประธานอย่างราบรื่น

เรื่องนี้ จางเห้อหมิงไม่รู้สึกว่าไม่พอใจเลยสักนิด

กู้ชิงหยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้านายใหญ่ของเขา อาณาจักรธุรกิจของเจ้านายใหญ่ ให้ลูกสาวมาบริหารบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ นั่นคือการให้เกียรติบริษัทยิงลี่ ให้เกียรติเขา

ยิ่งไปกว่านั้น เขาชื่นชมในความสามารถของกู้ชิงหยิ่งมาก

ท่านนี้ ไม่ใช่ลูกหลานไฮโซที่เอาแต่ใช้เงินเที่ยวเตร่จริงๆ

อีกทั้ง เป็นเพราะอายุต่างกันไม่มาก ดังนั้นจางเห้อหมิงยังมีความคิดอย่างอื่นอีกด้วย

แต่ว่าทั้งหมดนี้ ยังแสดงออกมาไม่ได้ในตอนนี้

จางเห้อหมิงนำเอกสารชุดหนึ่งวางบนโต๊ะของกู้ชิงหยิ่ง ยิ้มอย่างสุภาพบุรุษและพูด: “เสี่ยวหยิ่งครับ คุณขยันเกินไปแล้วนะครับ พักผ่อนสักครู่หนึ่งเถอะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

กู้ชิงหยิ่งเห็นเอกสารบนโต๊ะแล้ว เงยหน้าขึ้นไปมองจางเห้อหมิง: “ประธานจางคะ นี่คือเอกสารอะไรคะ?”

จางเห้อหมิงมองดูใบหน้าที่สวยงามของกู้ชิงหยิ่งแล้ว เหม่อลอยไปสักพัก

จากนั้นตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบตอบกลับไปว่า: “นี่คือเอกสารข้อมูลรายละเอียดที่บริษัทไท่ติ่งอยากร่วมมือกับบริษัทเรา ตอนนี้เป็นงานที่เร่งรีบมากที่สุดในบริษัท”

“ไท่ติ่ง?”

กู้ชิงหยิ่งรีบหยิบเอกสารขึ้นมาดู เธอจำได้ว่าเฉินตงเป็นรองประธานอยู่ที่บริษัทนี้แหล่ะ

จางเห้อหมิงรายงานอยู่ข้างๆ: “เดือนก่อน บริษัทไท่ติ่งได้รับงานสัญญาโครงการปรับภูมิทัศน์ย่านสลัมภาคตะวันตกของเมือง โชคดีจริงๆ หลังจากที่พวกเขาได้เซ็นสัญญาไม่นาน บริษัทยี่เคอกรุ๊ปก็ประกาศเข้าร่วมโครงการของเมืองนี้ อีกทั้งยังเลือกสถานที่เมืองตะวันตกอีกด้วย ทำให้ราคาบ้านย่านเมืองตะวันตกสูงขึ้นมาทันที”

“งั้นก็ดีไม่ใช่หรือคะ?” กู้ชิงหยิ่งยักคิ้วและกล่าว: “อย่างนี้ สัญญานี้ของพวกเขาที่เซ็นไป ก็เท่ากับว่ากำไรเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว บริษัทเราร่วมมือกับพวกเขา ก็ได้กำไรไปด้วยสิ”

“ดีก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าคุณสมบัติของบริษัทไท่ติ่งไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่” จางเห้อหมิงแกล้งทำเป็นลำบากใจ

พอพูดคำนี้ออกไป

กู้ชิงหยิ่งเงียบไป สองมือกอดอก: “ประธานจาง อย่าเอาเรื่องคุณสมบัติมาอ้าง ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ3ขวบนะ อยากจะอัพราคาก็บอกตรงๆ”

“เหอะๆ เสี่ยวหยิ่งเข้าใจผมจริงๆ”

จางเห้อหมิงยิ้มอย่างเขินๆ: “ที่จริงตอนนี้บริษัทของเราก็ยังกำลังลังเลเรื่องการร่วมมือครั้งนี้ ก็เพื่ออยากจะยืดเยื้อบริษัทไท่ติ่ง แล้วเจรจาเรื่องราคาและวิธีการจ่ายเงิน ให้เราได้รับผลประโยชน์มากที่สุด”

“เป็นอย่างที่เสี่ยวหยิ่งพูดจริงๆ เรื่องของคุณสมบัติที่จริงก็ต้องพิจารณา แต่บริษัทไท่ติ่งมีโครงการภาคตะวันตกของเมืองที่ใหญ่ขนาดนี้อยู่ในมือ ก็เท่ากับว่าอุ้มไก่ที่สามารถออกไข่ทองอย่างนั้น พวกเราทำแบบนี้ ก็เพราะอยากจะพยายามให้บริษัทมีกำไรมากที่สุด”

ตั้งแต่ที่เขาบริหารบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่มาจนถึงตอนนี้ เขาพยายามทำงานเพื่อให้บริษัทได้กำไรให้มากที่สุด จุดนี้ทำให้เจ้านายใหญ่พอใจเป็นอย่างมาก

จางเห้อหมิงเข้าใจดี ในตอนที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่อยู่ในมือของเจ้านายใหญ่ก็เป็นที่หนึ่งของเมืองนี้แล้ว ส่วนเขาก็เป็นแค่คนที่ดำเนินการบริหารต่อเท่านั้น

แต่ถ้ามีผลงานที่ดีพอ เขาก็อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเรื่อยๆในอาณาจักรธุรกิจของเจ้านายใหญ่ นั่นถึงจะเป็นเวทีที่เขาอยากจะไปให้ถึง

“อย่างนี้ไม่ดี” กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วและส่ายหัว: “ทำธุรกิจ การร่วมมือจะเอากำไรให้มากที่สุดไม่ได้ แต่ควรจะเป็นต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ ทุกคนได้กำไร อย่างนี้ถึงจะเป็นการร่วมมือที่ยืนยาวต่อไปได้เรื่อยๆ”

จางเห้อหมิงตะลึงไปสักพัก รีบตอบกลับ: “เสี่ยวหยิ่งพูดได้ถูกต้อง งั้นคุณคิดว่าการร่วมมือครั้งนี้ ควรทำยังไง?”

“ก็ควรจะร่วมมือแน่นอนอยู่แล้ว อีกอย่างราคาสินค้าทั้งหมดนี้ต้องปรับใหม่ก่อน” กู้ชิงหยิ่งพูด

ในใจของจางเห้อหมิงรู้สึกผิดหวังนิดๆ ปรับราคาใหม่ หมายความว่าจะไม่ได้กำไรมากที่สุด

แต่คนที่ตัดสินใจคือกู้ชิงหยิ่ง เขาไม่สามารถคัดค้านได้ ได้กำไรน้อยก็ช่างมันเถอะ

จางเห้อหมิงยิ้มและถาม: “ปรับเท่าไหร่?”

กู้ชิงหยิ่งชี้ที่เอกสาร: “เอาอย่างนี้ วัสดุทุกอย่าง ตามราคาที่แจ้งในตอนนี้ ปรับลดลง3%ทั้งหมด”

เปรี้ยง!

จางเห้อหมิงเหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างนั้น ยิ้มไม่ออกทันที

แต่ใช้สายตาที่ตกตะลึงและแปลกใจจ้องมองหน้ากู้ชิงหยิ่ง

คุณหนูใหญ่มาสานต่อบริษัทคือมาฝึกงานจริงๆหรือ?

แน่ใจว่าไม่ได้มาผลาญทรัพย์สมบัติ?

ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ ยังไม่ทันยกมือขึ้นก็เอามีดหั่นมือตัวเองซะแล้ว?

“ตามนี้ ทำตามที่ฉันบอก รีบไปเซ็นสัญญาที่บริษัทไท่ติ่งทันที”

กู้ชิงหยิ่งพูดอย่างตั้งมั่นไม่ให้จางเห้อหมิงคัดค้านได้

จางเห้อหมิงรู้สึกมึนงง ถือเอกสารแล้วเดินออกไป จนถึงตรงหน้าประตู ด้านหลังมีเสียงของกู้ชิงหยิ่งดังขึ้นมากะทันหัน

“แล้วก็อีกอย่าง ประธานจางเรียกฉันว่าประธานกู้นะคะ ฉันไม่ชอบชื่อเสี่ยวหยิ่ง”

“ครับ ได้ครับประธานกู้” จางเห้อหมิงรู้สึกหน้าแตก

จนประตูปิดสนิท

กู้ชิงหยิ่งยิ้มดีใจขึ้นมาทันที: “เผอิญจริงๆ ช่วยเฉินตงได้เร็วขนาดนี้ ปรับราคาลง3เปอร์เซ็นต์ น้อยเกินไปรึเปล่า?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset