Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 450 ผมจะรีบไปยอมรับผิดกับภรรยา

เหตุการณ์สี่รุมหนึ่งแบบนี้ ทำการต่อสู้เปลี่ยนจากการเข่นฆ่าโต้ตอบเป็นการรุมอีกฝ่ายหนึ่ง

ฝีมือการต่อสู้ของหญิงสาวคนนี้เก่งกาจพอตัว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เฉินตงไม่อาจปฏิเสธได้

แต่ด้วยรูปร่างและจำนวนที่แตกต่าง ทำให้สตรีคนนี้เข้าสู่สถานการณ์ที่เป็นตายเท่ากัน

อุปกรณ์มีดพกหลายหัวที่เชื่อมเข้าด้วยกันแบบพิเศษ สะท้อนความรู้สึกหนาวสะท้านของป่าดงดิบ มันจ้วงแทงแหวกอากาศส่งเสียงอื้ออึง พุ่งตรงไปยังหญิงสาวผู้นั้น

หญิงสาวผู้นั้นเบี่ยงตัวหลบ แต่เธอเคลื่อนไหวช้าเกินไปหน่อยเดียว

ฉึก!

มีดจ้วงแทนเข้าที่แขนของเธอจนเห็นเลือดสาดกระเซ็น

สีหน้าของหญิงสาวเจ็บปวด เธอไม่มีโอกาสที่จะได้หยุดพัก

ส่วนโจรอีกสองคนที่เหลือก็รีบกระโจนเข้าใส่ทันที

เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้โดยสารที่เห็นต่างหมดหวัง

การตะโกนประกาศตัวของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ ทำให้พวกเขารู้สึกสงบใจ แต่เวลานี้ความสงบใจเหล่านั้นได้หายเข้าไปในกลีบเมฆ

บ้างร้องไห้ บ้างอ้อนวอนพระเจ้า และบางคนก็กรีดร้องตะโกน……

แอร์โฮสเตสสองคน ลังเลลุกลี้ลุกลนอย่างลังเล สติกระเจิดกระเจิง

มีเพียงเฉินตงเพียงผู้เดียวที่นั่งสงบอยู่บนเก้าอี้

เมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นตกอยู่ในอันตราย มือขวาของเขาพลันหยิบไพ่เอซโพธิ์ดำเมื่อครู่นี้ขึ้นมา

ทว่าเวลาเพียงไม่กี่สิบวินาที หญิงสาวผู้นั้นก็เข้าสู่ทางตัน

เธอโดนโจรทั้งสองทั้งต่อยทั้งเตะ แถมยังโดนมีดอีก

ตอนนี้หญิงสาวเป็นฝ่ายถูกรุมเพียงอย่างเดียว ทว่าใบหน้าซีดขาวของเธอ กลับยิ้มอย่างเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง

ตุบ!

โจรคนหนึ่งอาศัยตอนที่หญิงสาวหมดแรงถีบเข้าที่หน้าอกของหญิงสาวอย่างจัง

หญิงสาวกรีดร้องอย่างน่าเวทนา ตัวของเธอลอยกระเด็นมาหยุดอยู่ข้างตัวเฉินตง

ตุบ!

เฉินตงยกมือขึ้นพยุงหลังของหญิงสาวผู้นั้นเอาไว้เพื่อช่วยให้เธอไม่ต้องรับแรงกระแทก

เมื่อกระแทกลงบนพื้น หญิงสาวคนนั้นกระอักเลือดออกมา สีหน้าของเธอขาวซีด

“ขอบคุณ”

เธอมองเขาอย่างซาบซึ้ง

เฉินตงเลิกคิ้ว “ผมช่วยได้นะ”

“โปรดเชื่อมั่นในฝีมือของผู้เชี่ยวชาญ!”

หญิงสาวเอ่ยอย่างดื้อดึง เธอประคองตัวขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้ง

“อวดดีจัง”

เฉินตงยิ้มเฝื่อนๆ

หญิงสาวกล้าหาญ แต่เขากลับไม่คิดจะอดทนรอให้เกิดเหตุการณ์ต่อไป

และในตอนนั้นเอง

สายตาของเฉินตงแน่วแน่

เขาเห็นโจรทั้งสี่คนพุ่งโจมตีเข้าใส่หญิงสาวพร้อมๆ กัน มีดสองเล่มดักอยู่ทั้งหัวท้าย จ่อตรงดิ่งไปที่หญิงสาวผู้นั้น

“จบกัน!”

ใบหน้าของหญิงสาวที่ไร้เย็นชามาตลอด สุดท้ายก็เริ่มปรากฏความหมดหวังวุ่นวายใจขึ้นมา

สองมือยากที่จะต่อกรสี่มือ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มีถึงแปดมือ

หญิงสาวตะโกนร้อง เธอกำหมัดแน่นพร้อมพุ่งตัวไปยังโจรทั้งสองคน

ตุ้บ!

ตุ้บ!

โจรทั้งสองถูกเตะกระเด็น

แต่หลังจากนั้นติดๆ ก็มีกำปั้นหนักๆ ทุบเข้าที่หน้าอกของผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง

หญิงสาวเจ็บจนตัวงอ มีดยาวพุ่งตรงมายังที่คอของเธอในตอนนั้น

ความน่าขนหัวลุกนี้ทำให้หญิงสาวสีหน้าถอดสี จนถึงขั้นต้องหลับตาลงอย่างยอมจำนน

ฟิ้ว!

ในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง เสียงวัตถุแหวกผ่านลมดังแว่วขึ้น

ฉึก!

“โอ๊ย!”

เสียงเสียดแทงราวกับทะลุเข้าไปยังกระดูก และเสียงร้องโอดโอยของโจรดังสะท้อนเข้าไปในหูของหญิงสาว

สีหน้าของหญิงสาวแปรเปลี่ยน เมื่อลืมตาขึ้นจึงเห็นว่ามีดหยุดอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะของเธอ

ส่วนข้อมือด้านขวาที่กำมีดเอาไว้กลับมีไพ่เอซโพธิ์ดำปักลึกทะลุถึงกระดูกจนเลือดไหลนองออกมา

นี่มัน……

หญิงสาวงุนงง

นอกจากนี้เหตุการณ์นี้ยังทำให้ผู้โดยสารที่กกำลังหวาดกลัวสิ้นหวังตกตะลึง

ทว่าภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นรวดเร็วมากเสียจนทำให้ทุกคนไม่ได้สังเกตว่า เป็นฝีมือของใคร

โจรอีกสามคนที่เหลือก็ชะงักงันเช่นกัน สายตาของพวกเขากลอกลิ้งมองไปรอบๆ หาตัวผู้ลงมือ

ความประหลาดใจของหญิงสาวได้หายไปและกลับมาสู่ภาวะสงบนิ่งเช่นเดิม

และในชั่วขณะที่โจรทั้งสามมองไปรอบห้องโดยสารชั้นหนึ่ง เธอก็กัดฟันแน่นแล้วกระโจนเข้าใส่พวกเขา

ในเวลาเดียวกันโจรทั้งสามก็ส่งเสียงร้องและพุ่งตัวเข้าใส่หญิงสาว

และในห้วงเวลาที่โจรยกมีดขึ้นอีกครั้ง

ฟิ้ว!

เกิดเสียงการแหวกว่ายของวัตถุในอากาศขึ้นอีก

ไพ่ป๊อกอีกหนึ่งใบ พุ่งเข้าปักที่ข้อมือของโจรที่กำลังง้างมีดอยู่อย่างแม่นยำจนเลือดสาดกระเซ็น

“ไสหัวไป!”

หญิงสาวรู้สึกได้ใจ เธอยกเท้าถีบใส่โจรผู้นั้นจนกระเด็นออกไป

เฉินตงนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้ เขาใช้เวลาพักใหญ่ในการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อให้พลังกล้ามเนื้อและความแม่นยำของเขาเหนือกว่าคนทั่วไป

ไพ่แค่ใบเดียวหากอยู่ในมือของเขา สามารถกลายเป็นเครื่องมือในการปลิดชีพได้

เขาไม่เคยเห็นหัวโจรแค่สี่คนนี้เลยด้วยซ้ำ

สิ่งที่เดียวที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจคือ การจี้กลางอากาศนี้จะทำให้การเดินทางนี้วุ่นวายมากขึ้น

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

……

เฉินตงคอยจ้องมองการต่อสู้ระหว่างหญิงสาวและโจรกลุ่มนี้ ทุกครั้งที่หญิงสาวกำลังเพลี่ยงพล้ำ ก็จะเป็นเวลาที่เขาร่อนไพ่ออกไป

ความแม่นยำไม่มีผิดพลาด ความคมราวใบมีด

ภายในชั่วพริบตา ก็สามารถลดความร้ายแรงของเหตุการณ์ลงได้

ผู้โดยสารที่อยู่ในที่นั่งชั้นหนึ่งนี้ ต่างจดจ้องไปที่การต่อสู้ ในสายตาของพวกเขาความโหดร้ายรุนแรงในการต่อสู้ระหว่างหญิงสาวกับโจรเริ่มเปลี่ยนไปเป็นการต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อขึ้นมา

ในช่วงเวลาเป็นตายเท่ากัน ต่างไม่มีใครใส่ใจใคร

นี่เองที่ทำให้การลงมือของเฉินตงไม่มีคนสังเกต

มีเพียงหญิงสาวเพียงคนเดียว ที่รู้สึกประหลาดใจระหว่างที่ตนกำลังต่อสู้ แม้ว่าสีหน้าของเธอจะนิ่งเฉย แต่ในใจของเธอเกิดคลื่นลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น

ทุกครั้งที่คนผู้นี้เขวี้ยงไพ่ออกมา เป็นเวลาที่ช่วยหยุดยั้งความอันตรายของหญิงสาวได้พอดี

ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น

หญิงสาวผู้นั้นก็พิชิตโจรทั้งสี่ลงได้สำเร็จ

โจรทั้งสี่คนที่นอนห้องร้องโหยหวนอยู่บนพื้นด้วยสายตาหวาดผวา

ร่างกายของพวกเขาทั้งสี่คนแม้ว่าจะคนละตำแหน่งกันแต่ก็มีไพ่ใบสองใบเสียบลึกเข้าไปถึงกระดูก

พวกเขามั่นใจว่า ถ้าไม่มีคนทำไพ่บิน หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่

และในตอนนั้นเอง แอร์โฮสเตสกับผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มฮึกเหิมขึ้นมา จึงเข้าไปโจมตีโจรทั้งสี่คนและจับมัดมือมัดเท้าเอาไว้

หญิงสาวผู้นั้นกลายเป็นฮีโร่ในใจของทุกคนโดยอัตโนมัติ

เมื่อวิกฤตผ่านพ้น เสียงปรบมือและโห่ร้องอย่างดีใจจึงดังอื้ออึงขึ้น

ทว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนกลับคอยเหลือบมองมายังเฉินตงด้วยสายตาประหลาดใจและตื้นตัน

เมื่อช่วงวิกฤตผ่านพ้นไป เฉินตงก็กลับไปใส่ผ้าปิดตาอีกครั้งแล้วนอนพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้

เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน ที่สนามบินมีคนยัดเยียดเบียดเสียดออกันอยู่

ทางด้านหนึ่งต้องจัดการให้ผู้โดยสารเดินทางออกไปได้ ส่วนอีกทางด้านหนึ่งต้องคอยดูแลความสงบเรียบร้อย นักข่าวจำนวนมากมายมหาศาลมายืนรอกันอยู่ด้วยเรื่องนี้

เหตุการณ์จี้เครื่องบินถือเป็นข่าวใหญ่ที่ร้ายแรงเสมอมา

ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดต่างดึงดูดความสนใจของทุกคนได้

ส่วนหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นฮีโร่ก็ได้กลายเป็นจุดโฟกัสกล้องของนักข่าวทุกตัว

เมื่อมีนักข่าวและผู้โดยสารห้อมล้อมแน่นขนัดเช่นนี้ก็ยากที่จะขยับตัวไปไหน

ส่วนเฉินตงไม่ได้สนใจเหตุการณ์นี้แม้แต่น้อย เขาหยิบสัมภาระและดำเนินการบันทึกข้อมูลต่างๆ ก่อนจะเดินตามกลุ่มคนออกจากสนามบินไป

แต่เพียงก้าวออกสู่สนามบินไปได้ครู่เดียว ก็มีคนเรียกเขา

“นี่ เรื่องเมื่อกี้ขอบคุณคุณมากเลย”

รอยยิ้มของเฉินตงหายไป เขาหันกลับไปมองหญิงสาวที่วิ่งตามเขามา “คุณให้สัมภาษณ์เสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรอ”

“ขอบคุณคุณมากๆ ฉันชื่อเทียนอ้าย คุณชื่อว่าอะไรคะ” แววตาของหญิงสาวจ้องมองไปที่เฉินตงเป็นประกายแวววับ

ชายตรงหน้าดูลึกลับราวกับมีผ้าขาวบางผืนหนึ่งบังเอาไว้ ทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกใจจนรู้สึกอยากจะกระชากผ้าผืนนั้นออกดูให้รู้แล้วรู้รอด

“เฉินตง ตงจากคำว่าตงฟาง แปลว่าบูรพา”

เฉินตงยิ้มพลางโบกมือ “ผมยุ่งมาก ขอตัวก่อน”

เทียนอ้ายชะงักไป ก่อนจะรีบสาวเท้าตามเฉินตงไป เธอเดินถอยหลังไปข้างหน้าเพื่อจะได้จ้องหน้าและคุยกับเฉินตง “เห็นชัดๆ ว่าเมื่อกี้คุณมีฝีมือ ทำไมถึงต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ด้วย”

“ผมไม่อยากยุ่งยาก ที่ผมต้องลงมือเพราะมันทำให้ผมเสียเวลามากแล้ว” เฉินตงก้าวต่อไปไม่หยุด เขาเลิกคิ้วพลางยิ้มเสียดสี “คุณก็บอกเองนี่ว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผมก็เลือกที่จะเชื่อคุณ”

หน้าของเทียนอ้ายปรากฏสีแดงระเรื่อ เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์บนเครื่องบินเธอก็รู้สึกเขินอาย

เทียนอ้ายหยักไหล่แล้วเอ่ยว่า “งั้นคุณก็ควรให้สัมภาษณ์คู่กับฉันสิ ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จแน่ เครดิตครั้งนี้ควรเป็นของคุณ”

“ไม่ว่าง ผมรีบ” เฉินตงส่ายหน้า

เมื่อเทียนอ้ายผ่านการต่อสู้ดุเดือดเมื่อสักครู่นี้มาได้ เธอก็รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรง

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินตงจึงรู้สึกสงสัย เมื่อครู่นี้คือจี้เครื่องบินนะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังมีเรื่องอะไรสำคัญกว่านี้อีกหรือ

เธอกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ “คุณมีธุระอะไรถึงได้รีบขนาดนี้ บางทีฉันอาจช่วยคุณได้นะ เพราะฉันคุ้นเคยกับเมืองนี้ดี”

เฉินตงหยุดเดิน “ผมรีบไปยอมรับความผิดกับภรรยาผม คุณช่วยได้หรอ”

เทียนอ้าย “……”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset