Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 451 คุณไปซะเถอะ ฉันไม่อยากพบคุณ

ในขณะที่เฉินตงกำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านของกู้ชิงหยิ่ง

ข่าวการจี้เครื่องบิน กำลังเข้ายึดครองพื้นที่สื่อหลักอย่างรวดเร็ว

หลังจากเครื่องบินลงจอด เทียนอ้าย ซึ่งอยู่ในฐานะ “ผู้ช่วยให้รอด” ของเหตุการณ์นี้ ก็กลายเป็นจุดสนใจในการรายงานข่าวทันที

ภายในห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง

กู้ชิงหยิ่งกำลังนั่งเหม่อลอย และกดรีโมทคอนโทรลเพื่อเปลี่ยนช่องโทรทัศน์

กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงเดินออกมาจากห้องครัว และถือผลไม้ที่หั่นเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาในห้องรับแขก

เมื่อเห็นท่าทีเหม่อลอย ไร้ชีวิตชีวาของกู้ชิงหยิ่ง สองสามีภรรยาก็รู้สึกสงสารจับใจ และในขณะเดียวกันก็ก่นด่าสาปแช่งเฉินตงเสียยกใหญ่

โดยเฉพาะกู้โก๋ฮั๋ว ที่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

กู้ชิงหยิ่งเปรียบเสมือนไข่มุกเม็ดงามในมือของเขา ตั้งแต่เล็กจนโตคอยประคบประหงมไว้ในฝ่ามือ ด้วยกลัวว่าจะหล่นแตก กลืนกินเอาไว้ในปาก ด้วยกลัวว่าจะหายไป

เพื่อเฉินตงแล้ว ตลอดระยะเวลาสามปีภายหลังจบการศึกษา ก็ได้ปฏิเสธคู่ดูตัวที่เหมือนเทพบุตรจากสวรรค์ ที่เขาหามาให้ทั้งหมด

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่เฉินตงสิ้นเนื้อประดาตัว ก็กลับไปอยู่ข้างกายเฉินตงโดยไม่ลังเล

ฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามมาตลอดทาง แต่ตอนที่ลูกสาวของเขาท้อง เฉินตงกลับนอกใจ ?

กู๋โก๋ฮั๋วไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ลูกสาวสุดที่รักของเขา จะต้องมาเจอกับฝันร้ายเช่นนี้

ในสายตาของเขา ต่อให้เฉินตงจะเป็นผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉิน จะเป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน แต่เรื่องนี้ เฉินตงก็ยังคงเป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉานอยู่ดี !

หลายวันมานี้ กู้ชิงหยิ่งมีภาวะซึมเศร้าและร่างกายซูบผอม อีกทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการแพ้ท้อง กู้โก๋ฮั๋วเมื่อเห็น ก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก

หากไม่ใช่เพราะหลี่หวั่นชิงคอยห้ามปรามเอาไว้หลายครั้ง เขาถึงขั้นมีความคิดที่จะบินไปหาเฉินตงเพื่อจัดการกับเขาสักครั้ง

“ลูกรัก แม่เพิ่งปอกผลไม้เสร็จ ทานสักหน่อยเถอะนะ”

กู้โก๋ฮั๋วแสร้งทำสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วยื่นจานผลไม้ไปตรงหน้าของกู้ชิงหยิ่ง

“ไม่อยากกินค่ะ โธ่ พ่อคะ อย่ามารบกวนเวลาดูโทรทัศน์ของหนูได้ไหมคะ”

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางบ่นพึมพำ

กู้โก๋ฮั๋วย้ายไปอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยความโมโห จากนั้นจึงนั่งลง มองดูโทรทัศน์ที่เปลี่ยนช่องไม่หยุด และรู้สึกจนใจ

หลี่หวั่นชิงโอบกู้ชิงหยิ่ง แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า : “เสี่ยวหยิ่ง คืนนี้พ่อกับแม่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงส่วนตัว ลูกไปกับพวกเราด้วยดีไหม ? ถือว่าออกไปผ่อนคลายอารมณ์”

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว ส่ายหัวแล้วพูดว่า : “หนูไม่ไปค่ะ คนที่ร่วมทำธุรกิจกับพ่อแม่พวกนั้น หนูไม่อยากเจอ”

“ไม่ใช่คนที่ร่วมทำธุรกิจ แต่เป็นงานเลี้ยงภายในตระกูล”

หลี่หวั่นชิงยิ้มแล้วพูดอธิบาย : “ลูกยังจำเทียนอ้ายได้ไหม ? ตอนเด็กๆ เป็นเพื่อนสนิทกับเขาไม่ใช่หรือ ?”

“เทียนอ้าย ?”

แววตาที่มืดมนของกู้ชิงหยิ่ง เริ่มมีประกายขึ้นมาเล็กน้อย เธอบ่นพึมพำออกมา : “ไม่ได้ติดต่อกันหลายปีแล้ว ตอนนั้นเธอพูดทิ้งท้ายไว้ว่าจะไปตามหาความฝัน จากนั้นก็ไม่ติดต่อกับหนูอีกเลย”

“ฮ่าฮ่า เด็กคนนั้นก็มีนิสัยแบบนั้น ไม่ชอบแต่งกายสวยงามแต่ชอบอยู่ในเครื่องแบบ แต่ตอนนี้ดีแล้ว วันนี้เธอกลับมา ได้ยินคุณลุงกับคุณป้าพูดว่า ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าตอนนี้เด็กคนนั้นจะทำตามความฝันสำเร็จแล้ว”

หลี่หวั่นชิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “ดูเหมือนว่าจะได้เป็นตำรวจสากลแล้ว กลับมาครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสเหมาะที่ลูกทั้งสองจะได้พบหน้ากัน ตอนนั้นที่ลูกแต่งงาน เด็กคนนั้นก็ไม่มีเวลาว่างมาร่วมงาน”

เมื่อได้ยินคำว่า “แต่งงาน” สองคำ

จู่ๆ สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งก็มืดมนลง ประกายที่ปรากฏขึ้นมาในแววตาก็สูญหายไปอีกครั้ง

ภาพนี้ ปรากฏขึ้นในสายตาของหลี่หวั่นชิงและกู้โก๋ฮั๋ว

ทั้งสองรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที กู้โก๋ฮั๋วรีบผลักไหล่ของหลี่หวั่นชิง เพื่อส่งสัญญาณว่าเธอพูดผิดไปแล้ว

หลี่หวั่นชิงมองดูท่าทางของกู้ชิงหยิ่ง ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกทันที ไม่รู้ว่าควรแก้ไขสถานการณ์อย่างไร

ยังดีที่กู้โก๋ฮั๋วมีการตอบสนองที่เร็ว จึงได้รับรีโมทคอนโทรลที่อยู่ในมือของกู้ชิงหยิ่งมา

“โธ่ ลูกสาวสุดที่รัก ลูกเลิกเปลี่ยนช่องได้แล้ว พ่อดูจนตาลายไปหมดแล้ว”

ประจวบเหมาะที่ช่องโทรทัศน์ไปหยุดอยู่ที่สถานีข่าวท้องถิ่น

อีกทั้งการรายงานข่าว ก็นำเสนอเกี่ยวกับเหตุการณ์จี้เครื่องบินพอดี หลังจากเทียนอ้ายลงจากเครื่องบิน ก็ถูกสื่อมวลชนมากมายห้อมล้อมเข้าสัมภาษณ์

“เฮ้ย !” กู้โก๋ฮั๋วโพล่งคำอุทานออกมา

เขาขยี้ตาราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น : “ที่รัก ลูกรัก รีบดูเร็วเข้า นี่ใช่เทียนอ้ายหรือไม่ ?”

กู้ชิงหยิ่งกับหลี่หวั่นชิงหันมองหน้าจอโทรทัศน์

สองแม่ลูกนิ่งอึ้งไปพร้อมกัน

ถึงแม้กู้ชิงหยิ่งจะไม่ได้พบหน้าเทียนอ้ายมาหลายปี แต่เธอยังคงรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาจากใบหน้าที่ปรากฏให้เห็นได้

“ใช่จริงด้วย !” หลี่หวั่นชิงพยักหน้า และพูดออกมาด้วยไปหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ : “เหตุการณ์จี้เครื่องบิน ? ให้ตายเถอะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เทียนอ้ายสามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียวอย่างนั้นหรือ ?”

“เด็กคนนี้ เพิ่งจะกลับมาก็กลายเป็นฮีโร่ไปเสียแล้ว !” กู้โก๋ฮั๋วอุทานออกมา

สองสามีภรรยารีบหันไปดูข่าวด้วยความสนใจทันที

ทั้งสองคนไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่า กู้ชิงหยิ่งเองก็กำลังจ้องหน้าจอโทรทัศน์อย่างตั้งใจเช่นเดียวกัน

เพียงแต่สิ่งที่เธอให้ความสนใจนั้น แตกต่างออกไปจากพวกกู้โก๋ฮั๋ว สายตาของกู้ชิงหยิ่งเอาแต่จับจ้องอยู่ตรงมุมของหน้าจอโทรทัศน์ ตรงนั้นเป็นบันไดที่ใช้ลงจากเครื่องบิน

ผู้โดยสารแต่ละคนค่อยๆ เดินลงมาจากบันได และในฝูงชนก็มีร่างร่างหนึ่งที่ดูคุ้นเคยปะปนอยู่ด้วย กู้ชิงหยิ่งรู้สึกราวกับมีค้อนหนักๆ ทุบเข้าที่ดวงตาของเธออย่างแรง

เขา……มาแล้วหรือ ?

กู้ชิงหยิ่งจ้องหน้าจอโทรทัศน์ตาเขม็ง ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงและเร็ว

ในขณะที่กำลังตั้งตารอคอยด้วยความประหลาดใจ แต่กลับมีความโกรธผุดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

เขา เขายังมีหน้ามาอีกหรือ ?

เมื่อมองดูร่างที่ปะปนมากับฝูงชน ค่อยๆ เดินลงจากบันได และท้ายที่สุดก็หายลับตาไป

จู่ๆ ความรู้สึกของกู้ชิงหยิ่งก็เกิดความซับซ้อนขึ้นทันที

มือทั้งของข้างของเธอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

จู่ๆ เธอก็พูดขึ้นมาว่า : “พ่อคะ แม่คะ คืนนี้หนูจะไปด้วยนะคะ ไม่ได้เจอเทียนอ้ายมาหลายปีแล้ว”

“จริงหรือ ?”

กู้โก๋ฮั๋วหันมองกู้ชิงหยิ่งด้วยความประหลาดใจ

“ดี ดี วันนี้จะได้พูดคุยกับเทียนอ้าย เด็กคนนี้เพิ่งจะกลับมาก็กลายเป็นฮีโร่ไปเสียแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ”

หลี่หวั่นชิงเองก็ยิ้มพร้อมตบไหล่กู้ชิงหยิ่ง

กลับมาตั้งหลายวันแล้ว แต่กู้ชิงหยิ่งเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง สิ่งนี้ทำให้กู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยารู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก

ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งอยากจะออกไปเปิดหูเปิดตา ทำให้สองสามีภรรยารู้สึกสบายใจขึ้นมาก

หากคนเรามัวแต่กักขังตัวเอง สุดท้ายจะต้องเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน

ออกไปเปิดหูเปิดตา ผ่อนคลายความเครียด เชื่อว่าอารมณ์ของลูกสาวน่าจะดีขึ้นไม่น้อย

“ไปกันเถอะค่ะ พวกเรารีบไปกันเดี๋ยวนี้ นี่ถือเป็นเรื่องน่ายินดีของเทียนอ้าย พวกเราจะต้องเตรียมของขวัญไปสักหน่อย”

กู้ชิงหยิ่งยิ้ม พลางลุกขึ้นและพูดออกมา

กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงรู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย จากนั้นจึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม

ทั้งสามคนเตรียมตัวเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว และขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของเทียนอ้าย

……

“นี่คือบ้านของเสี่ยวหยิ่งหรือ ?”

หลังจากเฉินตงออกจากสนามบิน ก็นั่งรถมาเป็นเวลาสองชั่วโมง จึงในที่สุดก็มาถึงบ้านของกู้ชิงหยิ่ง

หากจะพูดว่าเป็นบ้าน ไม่สู้พูดว่าเป็นคฤหาสน์ปราสาทจะดีกว่า

ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า บ้านของกู้ชิงหยิ่งนั้นร่ำรวยขนาดไหน

ถึงแม้ในตอนแรกที่เขาและหวางหนันหนันหย่าร้างกัน และใช้ชีวิตร่วมกับกู้ชิงหยิ่ง เขาก็ยังไม่เคยเดินทางมาที่บ้านของกู้ชิงหยิ่งด้วยตัวเองมาก่อน

ถึงแม้ตอนนี้เฉินตงจะประสบความสำเร็จอย่างมากแล้วก็ตาม แต่ครั้งแรกที่มาบ้านของกู้ชิงหยิ่ง เขาก็ยังรู้สึกตกใจไม่น้อย

เมื่อมองตรงไปยังคฤหาสน์ปราสาท ก็พบว่ามีขนาดที่ใหญ่กว่าวิลล่าเขาเทียนซานเป็นอย่างมาก

ภายในคฤหาสน์มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยลาดตระเวนอยู่ และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมเป็นอย่างมาก

จู่ๆเสียงข้อความในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เขาหยุดเดิน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

ทันใดนั้น ม่านตาของเขาก็หดลงทันที ใจของเขาเต้นระส่ำ

เป็นข้อความที่ส่งมาจากกู้ชิงหยิ่ง

มีเนื้อหาว่า : คุณไปซะเถอะ ฉันไม่อยากพบคุณ

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset