Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 452 ฉันไม่ใช่ผู้กอบกู้โลกที่แท้จริง เป็นเขาต่างหาก !

ตอนนี้เอง

เฉินตงรู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งตัว ทั้งๆ ที่ยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์

ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ทำให้เขารู้สึกราวกับมีมีดมากรีดที่หัวใจ

“คุณรู้หรือว่าผมมาแล้ว ?”

เฉินตงพึมพำ : “แม้แต่พบหน้าผมสักครั้ง คุณก็ไม่ยินดีอย่างนั้นหรือ ?”

ขณะที่กำลังสับสน เฉินตงก็พยายามต่อสายโทรศัพท์หากู้ชิงหยิ่ง

แต่เมื่อเสียงเรียกสายดังขึ้นได้เพียงครั้งเดียว ก็ถูกกดตัดสาย

เขาไม่เต็มใจ ยังคงกดต่อสายอีกหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์กลับเหมือนเดิมทุกครั้ง

“รับโทรศัพท์ผมหน่อยได้ไหม ?”

เฉินตงส่งข้อความไปหากู้ชิงหยิ่ง

จากนั้น ก็รีบส่งอีกหนึ่งข้อความเสริมไปทันที : “ผมมาที่นี่ ก็เพื่อจะมาอธิบายทุกอย่างกับคุณ และพาคุณกลับบ้าน”

ในขณะที่กำลังส่งวีแชท เฉินตงมีความรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

ถึงขั้นว่ามือทั้งสองข้างที่กำลังพิมพ์ข้อความอยู่นั้นสั่นเทา

เขารู้สึกกลัวจริงๆ !

เกรงว่าความเข้าใจผิดในครั้งนี้ ทำให้ต้องสูญเสียกู้ชิงหยิ่งไป

ต่อให้เขาพยายามที่จะระงับสติอารมณ์ แต่ก็ไม่อาจสงบลงได้

หลังจากส่งวีแชทเสร็จ

เฉินตงก็นั่งยองๆ ลงข้างถนน จ้องมองโทรศัพท์ไม่วางตา กัดเล็บ และรอคอยอย่างเงียบๆ

แต่ทว่า รออยู่เป็นเวลานาน

ข้อความทั้งสองประโยค เป็นเหมือนก้อนหินที่จมลงสู่ทะเล ไร้เสียงตอบกลับมา

“ผมจะรอจนกว่าจะพบคุณให้ได้ !” แววตาของเฉินตงเหมือนมีประกายไฟลุกโชน แล้วพูดอย่างแน่วแน่ว่า : “ผมจะพาคุณกลับบ้านให้ได้”

……

ความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้ามา

ภายในคฤหาสน์สุดหรู

เสียงหัวเราะพูดคุยดังอยู่ในห้องอาหาร

นี่เป็นงานเลี้ยงส่วนตัว หรือจะพูดตรงๆ ก็คือ เป็นงานเลี้ยงมื้อค่ำส่วนตัวระหว่างตระกูลกู้และตระกูลเทียน

ความสัมพันธ์ของสองตระกูล ถูกวางรากฐานไว้อย่างมั่นคง ตั้งแต่สมัยที่กู้โก๋ฮั๋วยังเป็นหนุ่ม หลายปีมานี้ ทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินธุรกิจร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง

“น้องกู้ ฉันยังจำสมัยที่เราบุกเบิกธุรกิจกันได้ ตอนที่หวั่นชิงกับภรรยาของฉันตั้งท้อง พวกเราทั้งสองยังแต่งงานด้วยสาเหตุท้องก่อนแต่งอยู่เลย”

ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาว และมีใบหน้าที่ดูมีสง่าราศี กำลังถือแก้วไวน์ และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม : “ผลที่ได้ช่างน่าพอใจ คลอดลูกสาวที่น่ารักออกมาคู่หนึ่ง”

“ไม่ใช่คืนนั้นหรือ ที่เราดื่มกันไปไม่น้อย นายต้องการจะให้เทียนอ้ายแต่งงานกับเสี่ยวหยิ่งของฉันให้ได้ ยังดีที่ตอนนั้นฉันยังพอมีสติอยู่บ้าง” กู้โก๋ฮั๋วหัวเราะร่าออกมา

ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

มีเพียงกู้ชิงหยิ่งที่ยังมีท่าทีเหงาหงอย มือทั้งสองข้างกำมือถือเอาไว้แน่น วางไว้ใต้โต๊ะ

เดิมทีตั้งใจว่าจะพูดคุยเรื่องอดีตกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี

แต่หลังจากที่เฉินตงโทรศัพท์แหละส่งข้อความเข้ามา กู้ชิงหยิ่งก็ไม่มีกะจิตกะใจอีกเลย

“เสี่ยวหยิ่ง เธอมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ?”

เทียนอ้ายที่นั่งอยู่ข้างๆ กู้ชิงหยิ่ง ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง : “ฉันรู้สึกว่าคืนนี้เธอดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจอย่างมาก”

“ไม่ ไม่มีอะไร” กู้ชิงหยิ่งฝืนยิ้ม

เทียนอ้ายกลับขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “พวกเราไม่ได้เจอกันมาหลายปี เธอกลับไม่อยากพูดคุยกับฉัน ยังจะพูดอีกว่าไม่มีอะไรหรือ ?”

“ไม่เป็นไรจริงๆ อ้ายอ้าย ฉันแค่รู้สึกไม่สบายตัวเท่านั้น” กู้ชิงหยิ่งไม่อาจฝืนทำตัวเบิกบานได้จริงๆ

ต่อให้เทียนอ้ายที่อยู่ตรงหน้า จะเป็นเพื่อนเล่นที่สนิทที่สุดในวัยเด็กของเธอก็ตาม

หลังจากพูดจบ สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

กู้โก๋ฮั๋วพูดด้วยรอยยิ้ม : “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พวกเราสนุกกันต่อ จริงสิ เทียนอ้าย เธอกลับมาครั้งนี้ ก็กลายเป็นฮีโร่ของพวกเราไปเสียแล้ว !”

คำพูดหนึ่งประโยค ทำให้หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป

พ่อแม่ของเทียนอ้าย ค่อยๆ เผยรอยยิ้มของความชื่นชมยินดีออกมา

การจี้เครื่องบิน ถือเป็นข่าวใหญ่จริงๆ

ถูกสื่อใหญ่ต่างๆ นำเสนอออกมาอย่างรวดเร็ว

การกระทำอย่างกล้าหาญในครั้งนี้ ทำให้เทียนอ้ายได้กลายเป็น “ผู้ช่วยให้รอด” ของทุกคนบนเครื่องบินลำนี้ ทำให้ใบหน้าของพ่อแม่เต็มเปี่ยมไปด้วยความภูมิใจ

“ไม่หรอกค่ะ ลุงกู้ เป็นเพราะโชคช่วยเท่านั้น”

เทียนอ้ายก้มหน้าก้มตา แล้วพูดออกมาอย่างเขินอาย

เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์บนเครื่องบิน ในใจของเทียนอ้ายยังคงรู้สึกโชคดี

หากไม่มีผู้ชายที่ชื่อ “เฉินตง” คนนั้น อยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย ต่อให้ตนจะก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ ก็ยังคงยากที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้

“ถ่อมตัว เด็กคนนี้ช่างถ่อมตัวจริงๆ ”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มออกมา : “ฉันเคยได้ยินพ่อกับแม่ของเธอพูดว่า หลายปีมานี้เธอพยายามต่อสู้ฝ่าฟันอย่างสุดความสามารถ จนตอนนี้ได้เป็นตำรวจสากลแล้ว ตำแหน่งและความสามารถนี้ สามารถช่วยเหลือทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ทำไมเธอถึงยังพูดว่าเป็นเพราะโชคช่วยอีกล่ะ ?”

“ในฐานะที่คุณเป็นพ่อ เมื่อลูกรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน คุณยังจะบังคับให้ลูกแสดงความภาคภูมิใจออกมาอีกหรือ ?” แม่ของเทียนอ้ายยิ้มและพูดตำหนิขึ้น

กู้โก๋ฮั๋วพูดต่อ : “พี่สะใภ้ ผมต้องขอตำหนิพี่หน่อยแล้ว พวกเราไม่ใช่พวกหัวโบราณเสียหน่อย เทียนอ้ายทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้สำเร็จ อย่าว่าแต่พวกพี่ทั้งสองที่เป็นพ่อแม่เลย แม้กระทั่งผมซึ่งเป็นแค่ลุง ยังรู้สึกได้หน้าไปด้วยเลย”

เมื่อฟังบทสนทนาระหว่างกู้โก๋ฮั๋วกับพ่อแม่

เทียนอ้ายก็รู้สึกเขินอายยิ่งขึ้น เห็นชัดๆ ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นคือความจริง แต่ผลลัพธ์กลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการถ่อมตน

เมื่อได้ยินคำพูดเยินยอ เทียนอ้ายก็รู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อย

นิสัยของเธอดื้อรั้นและหยิ่งทะนง มิเช่นนั้นก็คงไม่ละทิ้งชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อของวัยรุ่น และเลือกที่จะใส่ชุดเครื่องแบบแทนเสื้อผ้าสวยๆ

และด้วยนิสัยส่วนตัวเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกละอายใจเล็กน้อย กับความภาคภูมิใจที่ตนเองได้รับในครั้งนี้

ความภาคภูมิใจที่แท้จริง ควรเป็นของผู้ชายคนนั้น !

“เทียนอ้าย รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลุงฟังเร็วเข้า เรื่องเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นในภาพยนตร์เท่านั้น ทำให้ลุงรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก”

เพื่อที่จะเลี่ยงประเด็นเรื่องที่กู้ชิงหยิ่งแพ้ท้อง จึงทำได้เพียงเอ่ยถามต่อ

ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งกำลังตั้งท้อง เฉินตงยังทำเรื่องที่แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังเทียบไม่ได้เช่นนั้นอีก ในใจของเขารู้สึกอับอายที่จะต้องพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่น

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแววตาที่เป็นประกายของกู้โก๋ฮั๋วและพ่อแม่

เทียนอ้ายก็บีบกำปั้น แล้วพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “ลุงกู้คะ พ่อคะแม่คะ มันเป็นเพราะโชคช่วยจริงๆ ค่ะ”

อะไรนะ ? !

กู้โก๋ฮั๋วและพ่อแม่ของเทียนอ้ายผงะไปพร้อมกัน

ทั้งสามตั้งสติกลับมาได้ คำพูดนี้ของเทียนอ้ายไม่ใช่การถ่อมตัวจริงๆ แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีเรื่องอื่นแอบซ่อนอยู่

จากนั้น เทียนอ้ายก็ค่อยๆ พูดขึ้นว่า : “หลังจากที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หนูก็สังเกตเห็นผู้ร้ายทั้งสี่คนก่อน แต่ตอนนั้น ด้วยความสามารถและความเป็นมืออาชีพของหนู ทำให้หนูคิดที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดเองคนเดียว จึงได้เข้าไปเตือนผู้โดยสารที่นั่งอยู่ทีละคนๆ”

“หลังจากเกิดเรื่องขึ้น หนูก็เป็นคนแรกที่ก้าวออกมาด้วยความกล้าหาญ เพื่อเผชิญหน้ากับผู้ร้ายทั้งสี่คน แต่ แต่หนู……”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าอันงดงามของเทียนอ้ายก็แดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากขยับแล้วพูดว่า : “แต่หนูไม่รับมือกับผู้ร้ายทั้งสี่คนได้จริงๆ พวกเขาแต่ละคนรูปร่างกำยำ อีกทั้งยังมีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ถึงขั้นว่ามีสองคนชักมีดที่มีการแอบซ่อนมาเป็นอย่างดีออกมา หลังจากที่หนูประมือกับพวกเขา ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างรวดเร็ว”

เมื่อนึกถึงเรื่องบนเครื่องบิน ที่เธอใช้ความเป็นมืออาชีพของเธอ ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเฉินตง ตอนนี้เทียนอ้ายก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาในทันที

เธอกัดฟันสีเงิน : “หากไม่ใช่ตอนนั้นมียอดฝีมืออยู่บนเครื่องบินด้วยอีกคน แล้วแอบคอยช่วยเหลือหนู ทำร้ายคนร้ายทั้งสี่จนได้รับบาดเจ็บ และตัดทอนความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขา หนูก็คงจะได้ด้วยน้ำมือของคนร้ายทั้งสี่คนไปนานแล้ว”

เปรี้ยง !

กู้โก๋ฮั๋วและพ่อแม่ของเทียนอ้าย ยืนนิ่งเหมือนหุ่นไล่กา

คำพูดของเทียนอ้ายนั้น แตกต่างจากบทสัมภาษณ์ในข่าวอย่างสิ้นเชิง แต่คำพูดนี้เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของเจ้าตัวอย่างเทียนอ้ายเอง ทำให้พวกเขารู้สึกสับสน ราวกับว่าเป็นความฝันไม่ใช่ความจริง

“อ้ายอ้าย แต่หนูให้สัมภาษณ์ในโทรทัศน์ว่า หนูจัดการเรื่องนี้เพียงคนเดียวไม่ใช่หรือ ?”

แม่ของเทียนอ้ายถามต่อ อย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน : “อีกอย่าง เครื่องบินลำใหญ่ขนาดนั้น ลูกบอกมาซิว่า ยอดฝีมือคนนั้นแอบช่วยลูกได้อย่างไร ?”

“เขาใช้ไพ่บินค่ะ ไพ่โป๊กเกอร์ในมือของเขา เป็นเหมือนลูกดอก ที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ”

แววตาของเทียนอ้ายสั่นคลอน และรู้สึกตกตะลึงอยู่ลึกๆ ในใจ จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างหดหู่ พร้อมทั้งยักไหล่และพูดว่า : “ที่หนูพูดในการให้สัมภาษณ์ไปเช่นนั้น เป็นเพราะหนูพอจะเดาได้ว่าชายผู้นั้นไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน ดังนั้นจึงจงใจพูดออกไปเช่นนั้น หนูเป็นเพียงผู้ช่วยให้รอดเพียงผิวเผินเท่านั้น แต่เป็นชายผู้นั้นต่างหากที่ช่วยชีวิตของคนในเครื่องบินทั้งลำเอาไว้”

“ไพ่บิน ? !”

กู้โก๋ฮั๋วและพ่อแม่ของเทียนอ้ายต่างตกตะลึง

เพียงแค่ไพ่โป๊กเกอร์ใบเล็กๆ มีพลังมากพอที่จะทำร้ายคนได้จริงหรือ ?

เทียนอ้ายเงียบไปสักครู่ แล้วถอนหายใจออกมา : “หลังจากหนูให้สัมภาษณ์เสร็จ ยังพยายามตามชายคนนั้นไป เหมือนที่หนูเดาเอาไว้ไม่มีผิด เขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนจริงๆ เพราะเขามีธุระด่วนต้องไปทำ”

“ให้ตายเถอะ เทียนอ้าย ผู้ชายคนนั้นที่หนูพูดถึงช่างทำตัวลึกลับเกินไหม ?” กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

พ่อแม่ของเทียนอ้ายเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน : “เป็นเพราะรีบร้อน จนถึงขนาดยอมละเลยความดีความชอบใหญ่หลวงเช่นนี้ หรือธุระที่เขาต้องไปทำจะสำคัญยิ่งกว่าเรื่องนี้กัน ?”

ทุกคนได้แต่ถามตัวเอง ถ้าหากต้องเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้

ต่อให้เป็นพ่อแม่ของเทียนอ้าย ก็ไม่มีทางยอมปิดทองหลังพระเช่นนี้

จู่ๆ เทียนอ้ายก็มีท่าทีแปลกประหลาด ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอขยับและพูดว่า : “เขา เขาพูดว่า เขาต้องรีบไปขอโทษภรรยา”

เป็นเวลาที่ประจวบเหมาะพอดี

กู้ชิงหยิ่งซึ่งเพิ่งจะอาเจียนเสร็จ และมีหลี่หวั่นชิงคอยประคองอยู่ ได้เดินกลับมาที่ห้องอาหารด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนอ้าย จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งก็หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม และเหม่อลอยไปทันที

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset