Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 455 ผู้ช่วยให้รอดคือสามีของฉัน ?

“ภรรยาของผมล่ะ ?”

เฉินตงรีบเดินเข้าไปหาเทียนอ้าย

เขาคิดไม่ถึงว่ากู้ชิงหยิ่งจะรู้จักกับเทียนอ้าย แต่เขาจำได้ว่า เมื่อครู่ในสายโทรศัพท์ เทียนอ้ายพูดว่าจะพากู้ชิงหยิ่งมาด้วย

ตอนนี้เขาอยากจะพบเพียงแค่กู้ชิงหยิ่งเท่านั้น !

เมื่อเห็นเฉินตงเดินตรงเข้ามา

ใบหน้าของเทียนอ้ายก็แดงก่ำ และมีท่าทีตื่นตระหนก

ไม่เย่อหยิ่งและดุร้ายอย่างเช่นเมื่อครู่อีกต่อไป

หลงเหลืออยู่เพียงแค่ท่าทีตกใจเท่านั้น

สิ่งที่ปรากฏต่อสายตา ด้วยระยะห่างที่ใกล้เข้ามา ใบหน้าของเฉินตงเป็นเหมือนกับค้อน ที่ทุบลงบนตาของเทียนอ้ายอย่างแรง

“ว้าย !”

จู่ๆ เทียนอ้ายก็กรีดร้องขึ้นมา แล้วรีบหันหลังวิ่งหนีไป

เสียงกรีดร้องนี้

ทำให้เฉินตงยืนผงะอยู่ที่เดิม : “???”

กู้ชิงหยิ่งที่อยู่ในรถลัมโบร์กีนีก็ผงะไปเช่นเดียวกัน

สองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋ว และพ่อแม่ของเทียนอ้ายก็ผงะไปด้วย

นี่……มันเรื่องอะไรกัน ?

เทียนอ้ายรีบวิ่งกลับไปที่รถลัมโบร์กีนี ราวกับพบเจอเรื่องน่าตกใจอย่างมาก

ในขณะที่กู้ชิงหยิ่งกำลังมองดูด้วยสายตาตื่นตะลึง เธอก็สตาร์ทรถ เหยียบคันเร่ง และเลี้ยวหัวรถมุ่งหน้าออกจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทำให้กู้ชิงหยิ่งคาดไม่ถึง

เธอมองผ่านกระจกไปยังเฉินตงที่ยืนผงะอยู่ที่เดิม ตามสัญชาตญาณ

และในขณะเดียวกับที่เธอกำลังมองออกมา เฉินตงก็ตั้งสติได้พอดี และจ้องมองไปที่รถลัมโบร์กีนี

ตอนนี้เองที่ทั้งสองสบตากัน

ใบหน้าที่เฝ้าคะนึงหาปรากฏขึ้นในดวงตา

“เสี่ยวหยิ่ง !”

เฉินตงตะโกนเสียงดัง แล้ววิ่งตามรถไปอย่างบ้าคลั่ง

แต่เทียนอ้ายที่กำลังอยู่ในอาการตกใจ ก็ยิ่งขับรถออกไปด้วยความเร็ว และหายไปต่อหน้าต่อตาเฉินตง โดยเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ควัน

เฉินตงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม แล้วเหม่อลอย : “คุณ ทำไมไม่ยอมพบหน้าผม ? ผมมาเพื่อที่จะขอโทษนะ !”

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

พ่อของเทียนอ้ายตั้งสติขึ้นมาได้ ต่อให้เคาะหัวก็ไม่อาจคิดออกได้ จึงรีบเรียกให้คนขับรถสตาร์ทเครื่อง

เห็นชัดๆ ว่าเทียนอ้ายไปสั่งสอนเฉินตง แต่ทำไมเมื่อเจอกับเฉินตง หลับวิ่งหนีราวกับกระต่ายที่หวาดกลัวเช่นนั้น ?

สองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋วเองก็หันมองหน้ากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง

รถลัมโบร์กีนีส่งเสียงคำรามและแล่นอยู่บนถนนด้วยความเร็ว

เทียนอ้ายยังไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ เธอมองรถไปพลาง และจ้องมองทางด้านหน้าตาเขม็ง แล้วบ่นพึมพำออกมาราวกับคนเสียสติ

“เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร ? เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร ?”

ส่วนกู้ชิงหยิ่งเอง เมื่อครู่ได้สบตากับเฉินตง

ตอนนี้ก็นั่งก้มหน้าก้มตาด้วยความโศกเศร้า มองทั้งสองข้างประสานกันแน่นจนเล็บบาดเข้าที่ผิวหนัง

ในขณะที่บรรยากาศเงียบสงัด น้ำตาของเธอก็ไหลรินออกมาจากหางตา

ระยะเวลาที่กลับไปถึงคฤหาสน์ ด้วยการขับรถอย่างรวดเร็วของเทียนอ้าย ทำให้ลดทอนเวลาไปได้เกือบครึ่ง

เอี๊ยด !

ลัมโบร์กีนีจอดลงที่สวนดอกไม้ของคฤหาสน์

ภายในรถ บรรยากาศเงียบสงัด

เทียนอ้ายกำลังนั่งเหม่อเลย ใบหน้าอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อครู่

เธอก็รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกแผดเผา

สวรรค์ !

นี่ฉันเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้คิดจะไปสั่งสอนเขา ?

จากนั้น สายตาของเธอก็หันไปจับจ้องที่กู้ชิงหยิ่งที่เอาแต่นิ่งเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วถามยืนยันอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อว่า : “เสี่ยวหยิ่ง ผู้ชายคนนั้นคือสามีของเธอจริงๆ หรือ ? เขา……ชื่อเฉินตง ?”

“อืม” กู้ชิงหยิ่งเงยหน้า ยิ้มอย่างหดหู่ พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

เทียนอ้ายตัวสั่น และไม่พูดอะไรไปพักใหญ่

นี่มันเป็นพรหมลิขิตแบบไหนกันแน่ ?”

ตอนนี้ ในที่สุดรถลัมโบร์กีนีก็ขับเข้ามาในคฤหาสน์

เพิ่งจะจอดรถ สองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋วและพ่อแม่ของเทียนอ้ายก็รีบลงจากรถทันที แล้ววิ่งตรงไปยังรถลัมโบร์กีนี

กู้โก๋ฮั๋วเปิดประตูรถแล้วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“เทียนอ้าย เมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

เมื่อเห็นแววตาที่เป็นประกายของผู้ใหญ่ทั้งสี่คน เทียนอ้ายก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

“เจ้าเด็กคนนี้ รีบพูดมาเร็วเข้า”

พ่อของเทียนอ้ายพูดเร่งรัด : “บอกว่าจะไปสั่งสอนเขา แล้วทำไมลูกถึงทำเหมือนกับเห็นผี แล้วรีบวิ่งหนีขนาดนั้น ?”

เมื่อได้ยิน

แม้แต่กู้ชิงหยิ่งเองก็หันไปมองเทียนอ้ายด้วยความสงสัย

ปฏิกิริยาหลังจากที่เทียนอ้ายเจอกับเฉินตงเมื่อครู่ มันช่างผิดปกติจริงๆ!

“หนู……”

เทียนอ้ายลูบหน้าของเธอ สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก : “หนู หนูไม่กล้าสั่งสอนเขา”

อะไรนะ ? !

ทุกคนผงะไปพร้อมกัน

แววตาของกู้โก๋ฮั๋วเป็นประกาย หรือเทียนอ้ายจะรู้ฐานะที่แท้จริงของเฉินตง ?

“ที่ลูกบอกว่าไม่กล้าสั่งสอนเขา หมายความว่าอย่างไร ?”

พ่อของเทียนอ้ายรีบถามต่อ เขารู้จักนิสัยของลูกสาวตัวเองดี เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ต่อให้เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ เกรงว่าเทียนอ้ายก็ยังกล้าที่จะถลกหนังออกมา

ทว่า

เทียนอ้ายพูดว่า : “เขาคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตหนู”

เปรี้ยง !

ทุกคนผงะไปทันทีรวมถึงกู้ชิงหยิ่งด้วย

จากนั้น เทียนอ้ายก็พูดขึ้นอีกว่า : “เหตุการณ์ปล้นเครื่องบิน เฉินตงเป็นคนช่วยหนู หากไม่มีเขาคอยแอบให้ความช่วยเหลือ หนูคงจะตายอยู่บนเครื่องบินไปนานแล้ว”

คำพูดที่พูดออกมาราวกับเสียงฟ้าผ่า ฟาดลงมาจนทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมากทันที

พวกของกู้โก๋ฮั๋วทั้งสี่คนตกใจจนอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก

“เสี่ยวหยิ่ง สามีของเธอคือผู้ช่วยให้รอดในเหตุการณ์ปล้นเครื่องบินตัวจริง !” ใบหน้าอันงดงามของเทียนอ้ายแดงก่ำ ตอนนี้เธออยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ”

บนเครื่องบิน หากไม่มีเฉินตงคอยช่วยเหลือ เธอคงต้องตายอยู่ในมือของผู้ร้ายอย่างแน่นอน

แล้วเธอยังคิดที่จะสั่งสอนเฉินตงอีกหรือ ?

“สามีของฉัน……คือผู้ช่วยให้รอด ?” กู้ชิงหยิ่งตกตะลึงและเหม่อลอยไปพักใหญ่

ใครจะไม่อยากให้สามีของตนเองเป็นฮีโร่บ้าง ?

แต่ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเธอกับเฉินตง ทำให้กู้ชิงหยิ่งเกิดความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือร้องไห้

เทียนอ้ายหันมองกู้ชิงหยิ่งที่กำลังใจลอย จู่ๆ แววตาก็ปรากฏความอิจฉาขึ้นมา

เธอพึมพำเบาๆ ว่า : “เดิมที ที่เขาไม่ต้องการรับความดีความชอบในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะต้องการรีบมาขอโทษเธอนี่เอง”

คำพูดนี้ เป็นเหมือนมือใหญ่ที่สัมผัสเข้ามาในหัวใจของกู้ชิงหยิ่ง

ตอนนี้ อารมณ์ของเธอซับซ้อนจนถึงขีดสุด และเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอย่างรวดเร็ว

สองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋วและพ่อแม่ของเทียนอ้ายเอง ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจนประหลาด

ก่อนหน้านี้ พวกเขายังพูดคุยถึงสาเหตุว่าเพราะเหตุใด ผู้ช่วยให้รอดถึงไม่ยอมรับความดีความชอบในครั้งนี้ จริงๆ แล้ว……ก็เพื่อกู้ชิงหยิ่งนี่เอง ?

โดยเฉพาะพ่อของเทียนอ้าย เขาอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาว่า : “แม้แต่ความดีความชอบใหญ่หลวงขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมรับ แต่กลับตั้งใจที่จะมากล่าวขอโทษกับเสี่ยวหยิ่งให้ได้ เด็กคนนี้น่าจะไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับที่พวกเราคิดหรอกนะ ?”

คำพูดนี้ ราวกับน้ำที่เทลงไปในหม้อร้อนๆ

ทำให้กู้ชิงหยิ่งและสองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋ว ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที

กู้โก๋ฮั๋วมีท่าทีโกรธเคือง : “เจ้าสัตว์เดรัจฉานนั่นทรยศหักหลังลูกสาวฉันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทำเช่นนี้ ก็คงเป็นเพียงแค่การเสแสร้งเท่านั้น ? ต่อให้เขาเสียสละมากแค่ไหน ก็ไม่อาจชดเชยกับความผิดที่หักหลังลูกสาวของฉันได้ !”

“น้องกู้ นายใจเย็นหน่อยสิ !”

พ่อของเทียนอ้ายรีบพูดขึ้น : “ฉันเองก็ไม่ได้พูดว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าเด็กคนนี้ยอมละทิ้งความดีความชอบใหญ่หลวงเช่นนี้ เพื่อที่จะรีบมาพบเสี่ยวหยิ่ง คงต้องมาด้วยความตั้งใจแน่นอน ไม่น่าจะใช่คนเลวร้ายอะไรนัก”

“พี่เทียน นาย……”

กู้โก๋ฮั๋วคิดจะโต้เถียง

แต่จู่ๆ เทียนอ้ายกลับพูดขึ้นว่า : “ลุงกู้คะ ความดีความชอบครั้งนี้ หากตกอยู่ในมือหนูก็เพียงพอที่จะทำให้หนูได้เลื่อนขั้นถึงสามขึ้นอย่างสบายๆ แม้แต่เฉินตงเอง นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้ตนเองได้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ถ้าหากเขาไม่ได้ใส่ใจเสี่ยวหยิ่งจริง จะปฏิเสธง่ายๆ เพียงเพราะต้องการมาให้ทันเวลาอย่างนั้นหรือคะ ?”

คำพูดนี้ ทำให้กู้โก๋ฮั๋วพูดไม่ออก

“เสี่ยวหยิ่ง หนูคิดว่าอย่างไรล่ะ ?” จู่ๆ หลี่หวั่นชิงก็พูดขึ้น

สายตาหันไปจับจ้องอยู่ที่กู้ชิงหยิ่งทันที

หากจะพูดกันตามตรง ความคิดเห็นของพวกเขาก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วต้องดูการตัดสินใจของกู้ชิงหยิ่ง

“เสี่ยวหยิ่ง หรือจะลองโทรกลับดูสักครั้ง ลองพบหน้ากันดูสักหน่อย ?” เทียนอ้ายเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

กู้ชิงหยิ่งเหม่อลอยไป

เธอเผชิญหน้ากับเทียนอ้ายด้วยความลังเล

ในที่สุด เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

เธอกดโทรศัพท์หาเฉินตงด้วยความคาดหวัง

เพียงแต่ เมื่อเสียงเรียกสายดังขึ้นหนึ่งครั้ง สายโทรศัพท์ก็ถูกตัด……

กู้ชิงหยิ่งตัวสั่น เมื่อได้ยินเสียงเงียบในโทรศัพท์ เธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาทันที

เขา……ต้องการอะไรกันแน่ ?

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset