Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 461 ความคิดของเย่หลิงหลง

ย่านไชน่าทาวน์

บรรยากาศคึกคัก ผู้คนพลุกพล่าน

ในอีกซีกโลกหนึ่ง ทุกเมืองล้วนมีไชน่าทาวน์หนึ่งแห่ง

เป็นที่สำหรับคนที่จากบ้านมาไกล จะได้รำลึกถึงบ้านเกิดและปลดปล่อยความรู้สึกออกมา

ลัมโบร์กีนีขับอยู่บนถนนส่งเสียงดังสนั่น ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็น

เอี๊ยด !

ในที่สุด ลัมโบร์กีนีก็มาจอดอยู่ที่ด้านหน้า “สมาคมซานเหอ”

เป็นสมาคมที่ยิ่งใหญ่ ตั้งอยู่ในไชน่าทาวน์ เด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางฝูงชน และมีบรรยากาศที่เคร่งขรึม

เมื่อเปรียบเทียบกับถนนที่มีชีวิตชีวาและผู้คนพลุกพล่าน ดูเหมือนสมาคมจะดูเงียบเหงาและรกร้างกว่าไม่น้อย

ซุ้มประตูขนาดใหญ่ มีตัวอักษรคำว่า “สมาคมซานเหอ” เขียนเอาไว้ และมีภาพวาดเหล็กรูปมังกรกับนกฟีนิกซ์แขวนประดับตกแต่งอยู่

ชายคาประดับด้วยอิฐแขวนสีเขียว ตามแบบฉบับโบราณ

ภายใต้บรรยากาศที่มีฝนตกปรอยๆ แผ่นกระเบื้องดินสีน้ำเงินที่มีตะไคร่เกาะอยู่เล็กน้อย เผยให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและความโบราณ

ตรงมุมมีถังน้ำวางอยู่ ในถังน้ำมีดอกบัวปลูกไว้ เมื่อมีฝนตกโปรยปรายลงมา ทำให้ภาพของดอกบัวช่างดูงดงามเป็นอย่างมาก

เทียนอ้ายลงจากรถ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปใน “สมาคมซานเหอ”

“สถานที่ส่วนบุคคล ห้ามคนนอกเข้า !”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความโกรธ ทำให้เทียนอ้ายหยุดฝีเท้าลงทันที

ดวงตาคู่งามของเธอเป็นประกาย แล้วหันมองตามเสียงนั้นไป

คนหนุ่มสี่คนที่แต่งกายด้วยเสื้อคอจีน กำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“ฉันเพียงแค่เข้ามาดูเท่านั้น” เทียนอ้ายยิ้มเล็กน้อย “ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนบ้านเดียวกัน ทำไมจะต้องเข้มงวดขนาดนี้ด้วย ? ฉันเองก็ไม่ใช่ขโมยสักหน่อย”

“สถานที่ส่วนบุคคล ถ้าเธอยังไม่รีบออกไปอีกล่ะก็ อย่าหาว่าพวกเราเสียมารยาทก็แล้วกัน”

เด็กหนุ่มที่เป็นหัวหน้าพูดอย่างจริงจัง ไม่เหลือโอกาสให้เทียนอ้ายยืดเยื้อได้ต่อ

เทียนอ้ายยักไหล่ แล้วทำทีท่าไม่สนใจ จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

หลังจากกลับเข้าไปในลัมโบร์กีนี เธอขยี้ผมของตัวเองด้วยความหงุดหงิด แล้วบ่นพึมพำ

“องค์กรใหญ่ของหงหุ้ยก็คือองค์กรใหญ่ของหงหุ้ย จะพูดว่าเป็นที่ส่วนบุคคลอะไรกัน ?”

หลังจากสตาร์ทรถ ลัมโบร์กีนีก็แล่นไปจนสุดถนน

ด้วยสถานะที่พิเศษของเทียนอ้าย หากต้องการให้องค์กรช่วยตรวจสอบจริงๆ ว่าองค์กรใหญ่ของหงหุ้ยอยู่ที่ไหน ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ

แต่ตอนนี้แม้แต่ประตูก็ยังเข้าไปไม่ได้ หากต้องการสืบหาความจริง คงจะเป็นเรื่องที่ยากพอดู !

เมื่อเห็นลัมโบร์กีนีแล่นออกไปไกล ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ให้สองคนคอยยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก ช่วงนี้ในสมาคมของเรามีแขกคนสำคัญที่เราช่วยขึ้นมาจากทะเล จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ใช่คนของหงหุ้ย ห้ามเข้าไปในสมาคมซานเหอ และสมาชิกรุ่นเยาว์ทั้งหมด ห้ามเข้าไปในตงหย่วน”

“เข้าใจแล้วครับ”

ชายหนุ่มกำชับอีกครั้ง แต่จงใจลดเสียงให้เบาลง

“อย่าหาว่าฉันไม่เตือนพวกนาย ฉันได้ข่าวมาเล็กน้อย แขกคนสำคัญที่ถูกช่วยขึ้นมานั้น แม้แต่ท่านเย่และหลงโถวยังต้องให้ความเคารพ ช่วงนี้ท่านเย่ให้หงกุ้นเย่หลิงหลงเป็นคนดูแลแขกพิเศษท่านนั้น หากทำอะไรที่เป็นการรบกวนไปถึงแขกคนสำคัญท่านนั้น พวกนายน่าจะรู้ผลที่จะตามมาดีใช่ไหม”

เมื่อได้ยินดังนั้น

อีกสามคนที่เหลือก็รู้สึกตกใจ และมีท่าทีที่เคร่งขรึมลง

ภายในตงหย่วน สมาคมซานเหอ

พรวด……

เย่หลิงหลงเทน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับมาที่ห้อง

ผลักเปิดประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่ แล้วหันมองเฉินตงที่นอนอยู่บนเตียง

ใบหน้าอันงดงามของเธอ ปรากฏสีหน้าของความเป็นห่วงเป็นใยขึ้นมา

“ตอนที่พวกเราจากกัน คุณยังไม่ได้มีสภาพเช่นนี้ นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ทำไมคุณถึงต้องทรมานตัวเองจนกลายเป็นแบบนี้ด้วย บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล เพื่อมาหาเธอ น่าอิจฉาภรรยาของคุณจริงๆ คุณปู่พูดถูกต้อง เรื่องของพรหมลิขิต ช้าหรือเร็วไปเพียงวินาทีเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษที่ฉันไม่อาจเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมได้”

ขณะที่พูด เย่หลิงหลงมีท่าทีโทษตัวเองและรู้สึกผิด

“และต้องโทษฉัน ที่ทำให้คุณต้องเดินทางมาไกลและต้องพบกับอันตรายเช่นนี้”

ด้วยความสามารถของหงหุ้ย หากต้องการสืบหาจุดประสงค์ในการเดินทางของเฉินตงในครั้งนี้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องยาก

ยิ่งไปกว่านั้น เย่หยวนชิวและเย่หลิงหลงเองก็รู้แก่ใจดีว่า เฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งเข้าใจผิดกันด้วยเรื่องใด

แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของสองปู่หลานก็คือ พวกเขาฟังคำขู่ของเขาคนนั้นและยอมเดินทางกลับมายังอีกซีกโลกหนึ่งแล้ว

แต่ไม่ช้า เฉินตงกลับตามมาติดๆ

มิหนำซ้ำยังกลายมามีสภาพอย่างเช่นตอนนี้อีก

เดิมที เธอตั้งใจที่จะติดต่อกู้ชิงหลินให้มารับเขา

แต่คุณปู่และหลงโถวห้ามเอาไว้

การลอบสังหารนี้ไม่ปกติ หากส่งตัวเฉินตงไปที่ตระกูลกู้อย่างง่ายดาย เกรงว่าจะเกิดการลอบสังหารอีกครั้งหนึ่งขึ้น ถึงขั้นอาจทำให้ตระกูลกู้ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย

เย่หลิงหลงค่อยๆ เดินเข้าไปที่เตียง มองดูเครื่องมือการรักษาที่วางอยู่รอบๆ แล้วถอนหายใจออกมา

หลังจากนั่งลงข้างๆ เฉินตง เธอก็มองดูใบหน้าของเฉินตงแล้วเหม่อลอยไป

ภายในเขตวิลล่าเขาเทียนซาน ตอนนี้เป็นเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว

“อะไรนะ ? !”

ท่านหลงที่กำลังง่วงนอน กระโดดโหยงขึ้นจากเตียงทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ : “คุณชายของฉัน……ใครเป็นคนทำ ? เป็นฝีมือของใครกันแน่ ?”

นิ่งเงียบไปสักพัก

ใบหน้าของท่านหลงก็แสดงความโกรธแค้นออกมา

เขาผู้ซึ่งปกติแล้วนิ่งสงบดั่งขุนเขา และเยือกเย็นดั่งสายน้ำ บัดนี้กลับมีใบหน้าที่ดุร้ายราวกับสัตว์ป่าที่กำลังโกรธจัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไม่ต้องติดต่อนายท่านของเรา เรื่องนี้ผมจะจัดการด้วยตัวเอง !”

ตู้ด !

วางสายโทรศัพท์

ใบหน้าของท่านหลงดุร้ายอย่างมาก ดวงตาของเขาส่องประกายความอำมหิตออกมา

ในขณะที่เขากำลังกัดกระพุ้งแก้มอย่างแรง มือขวาของเขาก็บีบโทรศัพท์จนเกิดเสียงดังกรอบแกรบขึ้น

“หานายท่าน ? ตอนนี้ฉันติดต่อกับนายท่านไม่ได้ ! ตอนนี้คุณชายมาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก……เป็นความผิดของฉันจริงๆ !”

แววตาของท่านหลงสั่นคลอน และรู้สึกโทษตัวเอง

เป็นเวลาที่ประจวบเหมาะพอดี

ฟ่านลู่ที่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาลเดินเข้ามา และเห็นท่าทีของท่านหลง

เธอรู้สึกสงสัยในทันที : “ท่านหลง เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

ท่านหลงพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม : “ฟ่านลู่ ทุกอย่างทางนี้ฝากเธอด้วยนะ ฉันมีเรื่องด่วนอย่างมากที่ต้องออกไปจัดการ”

พูดจบ เขาก็ทิ้งฟ่านลู่ให้อยู่กับความสงสัย แล้วเดินขึ้นไปเก็บสัมภาระด้านบน

ผ่านไปสิบนาที

ท่านหลงก็ออกจากวิลล่าเขาเทียนซาน

ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง

ในสมาคมซานเหอ

เย่หลิงหลงยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่

ภาพที่เห็น เหมือนใบหน้าของเฉินตง เข้ามาประทับอยู่ในดวงตาของเธอ

บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด มีเพียงเสียงตี๊ดๆๆ ของอุปกรณ์ในการรักษาดังขึ้นเบาๆ เท่านั้น

พักใหญ่

“เมื่อไหร่คุณจะลืมตามามองฉันได้สักที ?”

ในขณะที่เย่หลิงหลงกำลังเหม่อเลย จู่ๆ ก็พูดออกมาหนึ่งประโยค

เมื่อพูดคำพูดนี้ออกไป แม้แต่ตัวเธอเองก็ตกตะลึง

เย่หลิงหลงตบหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกทั้งอับอายและโกรธ จากนั้นจึงกล่าวโทษตัวเอง : “สวรรค์ เย่หลิงหลง เธอพูดบ้าอะไรออกมาเนี่ย ? เขาแต่งงานแล้วนะ หรือเธอเป็นคนไร้ยางอาย ?”

ขณะที่พูด เย่หลิงหลงก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว

เธอรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก : “ตื่นได้แล้ว เย่หลิงหลง เธอควรรู้ตัวสักที ไปอาบน้ำเย็นๆ สักครั้ง ใช่แล้ว ไปอาน้ำเย็นๆ สักครั้งน่าจะทำให้ฉันรู้สึกตัวขึ้นได้”

ส่วนบนเตียงผู้ป่วย

ดวงตาของเฉินตงขยับเล็กน้อย

ขณะที่เย่หลิงหลงเหม่อลอยไปเมื่อครู่ อันที่จริงตัวเขาเองรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว

เพียงแต่ร่างกายอ่อนแออย่างมาก ทำให้เขาไม่อาจแสดงท่าทีให้คนอื่นสังเกตเห็นได้ว่าเขาฟื้นแล้ว

“เฮ้อ……”

ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเย่หลิงหลง ทำให้เฉินตงถอนใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

เย่หลิงหลงเดินออกจากห้องไป ก็ตรงไปยังก๊อกน้ำ จากนั้นก็สาดน้ำใส่หน้าของตนเองสองสามครั้ง แต่ความคิดที่สับสนวุ่นวายก็ยังไม่เลือนหายไป

“คงต้องอาบน้ำเย็นสักครั้งแล้วจริงๆ ใช่ไหม ?”

เย่หลิงหลงลังเล แล้วค่อยๆ ตบหน้าตัวเองเบาๆ

ในเวลาเดียวกันนี้

ด้านนอกสมาคมซานเหอ

หลังจากเทียนอ้ายออกจากไชน่าทาวน์ เธอก็ขับลัมโบร์กีนีไปจอดในลานจอดรถใกล้ๆ จากนั้นจึงเดินกลับเข้าไปในไชน่าทาวน์ด้วยตัวเอง แล้วอ้อมไปทางด้านข้างของสมาคมซานเหอ

เธอยืนมองกำแพงที่สูงตระหง่าน

เทียนอ้ายยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ : “กำแพงเตี้ยแค่นี้ คิดจะขวางฉันหรือ ? เข้าทางประตูใหญ่ไม่ได้ แล้วคิดว่าฉันจะปีนกำแพงเข้าไปไม่ได้หรืออย่างไร ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset