Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 467 ฉันต้องการให้เขามาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าฉันกับลูก

น้ำตาไหลออกมาโดยไร้เสียง

หยาดน้ำตาไหลรินลงมาราวกับสร้อยมุกที่ขาดออก ผ่านหางตาที่ซีดเผือดของกู้ชิงหยิ่ง

ท่านหลงกับกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยาเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก

“เสี่ยวหยิ่ง……”

หลี่หวั่นชิงซบลงไปบนอกของกู้ชิงหยิ่ง แล้วกอดลูกสาวเอาไว้แน่น

กู้โก๋ฮั๋วเองก็ยากที่จะปิดบัง เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาไม่หยุด

สองสามีภรรยาเห็นความทรุดโทรมของกู้ชิงหยิ่งเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ

ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ ต้องทนทุกข์ทรมานและปวดใจอยู่ตลอดเวลา

แต่ความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ !

ท่านหลงร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารจับใจ

ตุ้บ !

เขาคุกเข่าลงบนพื้น และอ้อนวอน : “คุณนายน้อย ร่างกายสำคัญที่สุด กระผมมาแล้ว กระผมจะหาทางตามหาคุณชายให้เจอได้แน่นอน”

ตุ้บ !

พูดจบ เขาก็โขกหัวลงบนพื้นอย่างแรง

“ท่านหลง !”

กู้โก๋ฮั๋วตกใจและรีบเข้าไปห้าม

แต่ท่านหลงกลับไม่สนใจ

เขาเงยหน้าขึ้น พร้อมน้ำตาที่ไหลเต็มใบหน้า

“นายท่านหายตัวไป กระผมได้รับคำสั่งให้ดูแลคุณชายและคุณนายน้อยด้วยชีวิต มาบัดนี้คุณชายหายตัวไป ส่วนคุณนายน้อยก็มีสภาพเช่นนี้ ถือเป็นความผิดของกระผมเอง”

ตุ้บ !

โขกหัวลงบนพื้นอีกครั้ง

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง หน้าผากก็เขียวช้ำ และมีเลือดซึม

กู้โก๋ฮั๋วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก โดยไม่อาจฝืนได้อีกต่อไป

“คุณนายน้อยจะต้องดีขึ้น กระผมรับรู้ถึงความรู้สึกที่คุณนายน้อยมีต่อคุณชายดี แต่กระผมขอใช้หัวเป็นประกัน เรื่องระหว่างคุณชายกับผู้หญิงคนนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิด ถ้าหากคุณนายน้อยไม่รีบดูแลรักษาตัวเองให้ดี แล้วจะไปตามหาคุณชายได้อย่างไร ?”

ตุ้บ !

โขกหัวลงบนพื้นอีกครั้ง

เพียงแต่การโขกหัวครั้งนี้ กลับทำให้กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า

ส่วนกู้ชิงหยิ่งที่ร้องไห้อย่างไร้เสียง แววตาที่ดูมืดมน กลับเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง

ท่านหลงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไม่สนใจเลือดที่อาบอยู่บนหน้าผาก ฝืนกลั้นน้ำตาและพูดออกมาอย่างเจ็บปวด

“คุณนายน้อยทรมานตนเองเช่นนี้ กระผมไม่อาจทนดูได้ ต่อให้คุณชายจะตายไป แต่ลูกในท้องของคุณนายน้อยก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของคุณชาย……”

พูดจบ ท่านหลงก็ไม่สามารถอดกลั้นอารมณ์ได้อีกต่อไป

เขายกมือที่เหี่ยวย่นขึ้นมาปิดบังใบหน้าแล้วร้องไห้

เสียงร้องไห้ดังก้องอยู่ภายในห้องเป็นเวลานาน

จู่ๆ เสียงที่อ่อนแรงก็ดังขึ้นเบาๆ

“แม่คะ หนู……หิวแล้ว”

เปรี้ยง !

เสียงที่เบาเหมือนเสียงยุง แต่เมื่ออยู่ในห้อง กลับดังราวกับเสียงฟ้าผ่า กลบเสียงร้องของท่านหลง

กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงหันมองกู้ชิงหยิ่งด้วยความตื่นเต้นยินดีพร้อมกัน

แม้แต่ท่านหลงเอง ก็ปาดน้ำตาแล้วหันมองกู้ชิงหยิ่งด้วยความยินดีเช่นกัน

กู้ชิงหยิ่งในตอนนี้ ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย ถึงแม้จะอ่อนแออย่างมาก แต่ก็ต่างจากท่าทีหมองหม่นก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับดิน

ใบหน้าซูบซีดของเธอ แสดงความมุ่งมั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของพ่อแม่และท่านหลง

เธอก็ก้มหน้าก้มตาลงลูบท้องเบาๆ

“ลูกรัก……ก็หิวแล้วเช่นกัน……”

“เร็ว รีบไปทำเร็วเข้า ทำของอร่อยมา ทำของที่เสี่ยวหยิ่งชอบมาทั้งหมด !”

กู้โก๋ฮั๋วดีใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะราวกับเด็ก

“ได้ได้ได้ เสี่ยวหยิ่งรอเดี๋ยวนะแม่จะรีบไปทำให้ลูกเดี๋ยวนี้

ใบหน้าของหลี่หวั่นชิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นี่คือรอยยิ้มที่สดใสที่สุดของเธอในระยะนี้

เธอเช็ดน้ำตาบนหน้า ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก แต่เป็นเพราะตื่นเต้นเกินไป ทำให้เดินโซเซเล็กน้อย

ท่านหลงเองก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

ความทุกข์ในใจ ไม่มียารักษา

แต่ร่างกาย ขอเพียงแค่สามารถกินได้ ก็จะค่อยๆ ฟื้นคืนกลับเป็นปกติ

ความโศกเศร้าน่ากลัวยิ่งกว่าการอกหัก

กู้ชิงหยิ่งในตอนนี้ ในที่สุดก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

“ท่านหลง……”

กู้ชิงหลิงมองท่านหลงด้วยความอ่อนแรง : “เป็นเรื่องเข้าใจผิด……จริงๆ หรือ ?”

“เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ ครับ !”

ท่านหลงพยักหน้าจริงจัง : “กระผมขอเอาหัวเป็นประกัน วันนั้น……”

กู้ชิงหยิ่งกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วส่ายหัวเบาๆ

“ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันก็จะรอให้เขามาอธิบายด้วยตัวเอง มาคุกเข่าต่อหน้าฉันและลูก แล้วขอโทษ”

“ครับ !”

ท่านหลงดีใจเป็นอย่างยิ่ง แล้วพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม : “ถึงตอนนั้นหากคุณชายไม่ยอมคุกเข่าลงที่พื้นเพื่อขอโทษ กระผมจะเป็นคนแรกที่ปฏิเสธ ต่อให้ต้องใช้แรงกายทั้งหมดที่มี ผมก็จะต้องกดเขาลงไปที่พื้นเพื่อขอโทษคุณนายน้อยให้ได้ !”

กู้ชิงหยิ่งหัวเราะ และมีท่าทีผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ตระกูลกู้ในเวลากลางดึก ตกอยู่ในบรรยากาศหมองเศร้ามากว่าครึ่งเดือน มาบัดนี้ ในที่สุดก็เกิดความสุขขึ้นแล้ว

ไม่ช้า หลี่หวั่นชิงก็ไปทำอาหารที่ห้องครัวด้วยตัวเอง และเตรียมอาหารมาเต็มโต๊ะ

สั่งให้คนรับใช้ทั้งหมดยกเข้าไปในห้องนอนของกู้ชิงหยิ่ง

เพียงแต่ สุดท้ายกู้ชิงหยิ่งก็เลือกกินเพียงข้าวต้มและผักดอง เธอเริ่มกินอย่างเงียบๆ

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ทุกคนในตระกูลกู้และท่านหลง ก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกในรอบครึ่งเดือน ที่กู้ชิงหยิ่งกินอาหารด้วยตัวเอง ไม่ต้องไม่มีใครเตือน แต่กลับกินจนหมดเกลี้ยง

หลังจากกินข้าวเสร็จ หลี่หวั่นชิงก็อยู่ดูแลกู้ชิงหยิ่ง

ส่วนกู้โก๋ฮั๋วและท่านหลง เดินเข้าไปในห้องหนังสือ

“ขอบคุณมากท่านหลง ขอบคุณมากท่านหลง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมกับหวั่นชิงสองสามีภรรยา คงจะต้องแย่แน่ๆ”

ทันทีที่เข้าไปในห้อง กู้โก๋ฮั๋วก็ร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นเต้น จับมือของท่านหลงแล้วพูดด้วยความตื้นตัน

“เรื่องนี้เป็นความผิดของผมเอง ไม่ควรได้รับคำขอบคุณ”

ท่านหลงโบกมืออย่างรู้สึกผิด จากนั้นจึงถามว่า : “ช่วงนี้สืบหาไปถึงไหนแล้ว ?”

“ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย”

ท่าทีของกู้โก๋ฮั๋วหมองหม่นลง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกจนใจ : “อีกฝ่ายมีอิทธิพลอย่างมาก ใช้มือข้างเดียวก็ปิดทั้งผืนฟ้าได้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจมีเพียงตระกูลเฉินเท่านั้นที่พอจะสืบหาออกมาได้”

“ตระกูลเฉิน ?”

ท่านหลงส่ายหัว : “ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย ผมไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของตระกูลเฉิน ตอนนี้นายท่านหายตัวไป หากเรื่องที่คุณชายเกิดเรื่องขึ้นแพร่งพรายออกไป ในตระกูลเฉินน่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี”

กู้โก๋ฮั๋วพยักหน้า แล้วพูดอย่างหดหู่ : “แต่ถ้าอาศัยเพียงแค่คนของเรา สืบหามานานขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่เจอเบาะแสอะไรเลย”

“ผมมีวิธี”

คำพูดของท่านหลง ทำให้ดวงตาของกู้โก๋ฮั๋วเป็นประกาย

ยังไม่ทันที่กู้โก๋ฮั๋วจะถามต่อ ท่านหลงก็พูดขึ้นว่า : “เพียงแต่ ผมต้องการเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น หลังจากรู้ที่มาที่ไปแล้ว วิธีนี้จึงจะสามารถใช้การได้”

“ไม่มีปัญหา !”

กู้โก๋ฮั๋วพยักหน้า แล้วชี้ไปที่คอมพิวเตอร์ : “ในคอมพิวเตอร์เป็นข้อมูลที่ได้มาจากการสืบหาของหน่วยข่าวกรองของบริษัทชิงหยิ่งและพันธมิตรทางธุรกิจของผม ส่วนอีกคนเป็นหลานสาวของผมเอง เธอเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตำรวจสากล เธอเองก็สามารถให้ความช่วยเหลือท่านหลงได้ ผมนี้ผมจะรีบตามเธอมา”

“ดี !” ท่านหงพยักหน้า

……

ตะวันส่องแสง

เฉินตงที่หมดสติไปจากการกระอักเลือด ฟื้นคืนสติขึ้นมา

สิ่งที่เห็นก็คือ เย่หลิงหลงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนล้า และขอบตาดำคล้ำ

ถึงแม้จะเหนื่อยล้าไม่น้อย แต่เย่หลิงหลงก็ยังฝืนตัวเองไม่ให้ปิดตาลง

“เธอ……ไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเลยหรือ ?”

เฉินตงถามอย่างอ่อนแรง

มือทั้งสองข้างของเย่หลิงหลงกุมอยู่ที่ค้าง แล้วจ้องมองเฉินตง : “ขอบตาดำของฉัน ยังตอบคำถามนี้ได้ไม่ชัดเจนอีกหรือ ?”

เฉินตงเบ้ปากแล้วหัวเราะ

หดหู่ สิ้นหวัง หม่นหมอง……

เย่หลิงหลงมองดูจนรู้สึกปวดใจ

เธอไม่เห็นอารมณ์โกรธบนใบหน้าของเฉินตงอีกต่อไป ราวกับว่าคนที่ตกลงไปอยู่ในขุมนรกอันมืดมิด มีเพียงความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากและสิ้นหวังอย่างรุนแรง

เมื่อก่อน ตัวเขาเต็มไปด้วนรัศมีที่เปล่งประกาย !

เย่หลิงหลงบิดขี้เกียจ แล้วข่มความรู้สึกที่ซับซ้อนเอาไว้

หันหน้าไปมองด้านนอก แล้วพูดว่า : “พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว รุ่งสางอากาศดี ฉันจะพาคุณออกไปเดินเล่นนะ”

เฉินตงพูดออกมาอย่างเฉยเมย : “ต้องนั่งรถเข็นบ้านั่นใช่ไหม ?”

เย่หลิงหลงยักไหล่ กะพริบตา แล้วยิ้มออกมาด้วยท่าทีแปลกๆ : “ถ้าไม่นั่ง จะให้ฉันอุ้มหรือแบกคุณไปก็ได้นะ”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset