Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 468 ฉันมีเจ้าของหัวใจแล้ว จะยุ่งเกี่ยวกับคุณได้อย่างไร ?

แสงแดดอบอุ่นและลมโชยอ่อน

อากาศบริสุทธิ์

นั่งอยู่บนรถเข็นเพื่ออาบแดด

เฉินตงรู้สึกสบายตัวขึ้นไม่น้อย

เพียงแต่ เมื่อก้มลงมองรถเข็นที่นั่งอยู่ เขาก็ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดเผือดเต็มไปด้วยความซึมเศร้า

เย่หลิงหลงยืนอยู่ด้านหลังรถเข็น เธอบิดขี้เกียจ และรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย

“เอาพูดว่ารถเข็นบ้าๆ หากฉันอุ้มคุณแบกคุณมันสบายน้อยกว่านั่งรถเข็นตรงไหนกัน ?”

เฉินตงส่ายหัว : “ฉันมีภรรยาแล้ว”

เย่หลิงหลงเงียบไปทันที

แววตาที่เดิมทีดูอ่อนล้า จู่ๆ กลับหมองหม่นลงทันที

มือทั้งสองข้างที่วางอยู่บนรถเข็นของเธอกำแน่นขึ้น เส้นเลือดที่อยู่บนหลังมืออันขาวนวลของเธอสองสามเส้นปูดโปนขึ้นมา

เงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เย่หลิงหลงก็หัวเราะแล้วพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรสักหน่อย ฉันก็แค่ได้รับคำสั่งของคุณปู่ให้มาดูแลคุณเท่านั้น”

เฉินตงพูดด้วยท่าทีเฉยเมย : “คุณไปพักผ่อนได้นะ ผมอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียว”

“ฉันไม่เหนื่อย !” เย่หลิงหลงส่ายหัว แสร้งทำเป็นยิ้มอย่างสบายใจ

“ออกไป !”

จู่ๆ เฉินตงก็ระเบิดอารมณ์โกรธออกมา

รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่หลิงหลงหายไปทันที จู่ๆ เธอก็รู้สึกน้อยใจอย่างยิ่ง

ดวงตาของเธอแดงก่ำ และรู้สึกคัดจมูกขึ้นมา

“ฉันรู้ว่าคุณอารมณ์ไม่ดี ฉันจะไม่รบกสนคุณแล้ว ถ้าจะกลับห้องก็โทรศัพท์หาฉัน”

เย่หลิงหลงวางโทรศัพท์หนึ่งเครื่องลงบนขาของเฉินตง แล้วหันหลังเดินจากไป

เพียงแต่ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นเช็ดที่หางตา และเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นเย่หลิงหลงที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของเฉินตงก็ลึกซึ้ง และยิ้มออกมาอย่างหดหู่

“หัวใจของฉันมีเจ้าของแล้ว จะให้ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไร ?”

ท่าทีของเขาค่อยๆ เย็นชาลง

เฉินตงกัดฟันแน่น แววตาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ

“ภรรยากับลูก ยังรอฉันอยู่ที่บ้าน ฉันไม่เชื่อว่าชาตินี้ ฉัน เฉินตง จะลุกขึ้นยืนไม่ได้อีกแล้ว”

เขาใช้มือทั้งสองจับที่เท้าแขนของรถเข็นทั้งสองข้าง ออกแรงทั้งหมดที่มี แล้วพยายามลุกขึ้นอย่างสั่นเทา

แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น ก็อ่อนแอและไร้เรี่ยวแรงในทันที ราวกับไม่เคยมีขามาก่อน

เขารีบถอยตัวล้มไปด้านหลัง และกลับไปนั่งอยู่บนรถเข็น

มีเพียงแค่ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ และแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน

“จะต้อง……ลุกขึ้นยืนอีกครั้งให้ได้ !”

เฉินตงกัดฟัน และพยายามลองดูใหม่อีกครั้ง

ความไม่เต็มใจอย่างแรงกล้า ทำให้เขาไม่ยอมละทิ้งโอกาสไป

เขาต้องการยืนขึ้นได้ใหม่อีกครั้ง

อยากกลับไปอยู่ข้างกายของกู้ชิงหยิ่งอย่างเต็มภาคภูมิ

ถ้าหากพิการ ตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่ จะต้องตัดขาดเขาอย่างแน่นอน ต่อให้พ่อก็ไม่อาจขัดขวางได้

ความพยายามทั้งหมด เขาไม่เต็มใจให้สูญเปล่าเพราะขาทั้งสองข้างนี้

เขาไม่กลัวว่าจะสิ้นเนื้อประดาตัว ต่อให้ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ก็ไม่เคยขาดความกล้าหาญที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

แต่เขากลัว ว่าจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เริ่มใหม่อีกครั้ง

พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

ติดต่อกันถึงห้าครั้ง เฉินตงรู้สึกเหนื่อยจนเหงื่อไหลอาบไปทั่วหน้า และหายใจเหนื่อยหอบ

และมือทั้งสองข้างของเขา เป็นเพราะอาศัยแรงของมือทั้งสองข้างในการพยุงตัวขึ้น ตอนนี้จึงสั่นเทาเป็นอย่างมาก

“อ่อนแอเกินไปแล้ว เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งสัปดาห์ ร่างกายของฉันถดถอยไปมากจริงๆ”

เฉินตงหายใจเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลออกมาราวกับสายฝน หยดลงบนเสื้อจนเปียกปอน

“ลองอีกครั้ง จะต้องทำได้สิ ชีวิตของฉัน ขึ้นอยู่กับฉัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสวรรค์”

เฉินตงสูดหายใจเข้า แล้วใช้มือทั้งสองข้าง ลองพยุงตนเองให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง

เท้าแตะถึงพื้น ก็ยังคงไร้เรี่ยวแรงเช่นเคย ขาทั้งสองข้างที่ไร้ความรู้สึก อ่อนนุ่มราวกับเส้นหมี่ ไม่มีทางตั้งตรงได้เลย

เพียงแค่ครั้งนี้ เฉินตงอ่อนล้าเกินไป ดังนั้นตอนที่ล้มลงไป จึงไม่สามารถถอยหลังกลับไปที่รถเข็นได้อีก

ตุ้บ !

เฉินตงล้มลงกับพื้น แม้แต่รถเข็นก็พลิกคว่ำด้วย และมือจับโลหะก็กระแทกลงบนหลังของเขาอย่างแรง

แรงกระแทกครั้งนี้ ทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออก

“สมควรตาย !”

เฉินตงน้ำตาไหลพราก ทุกกำปั้นลงบนพื้นดินอย่างแรง

พื้นบลูสโตนนั้นแข็งแรงมาก หมัดที่ทุบลงไป ทำให้ข้อนิ้วทั้งสี่ของเขาแตกและมีเลือดไหล

แต่เฉินตงกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

ความเจ็บปวดบนมือ จะเทียบกับความพิการได้อย่างไร ?”

เฉินตงกัดฟันแน่น มือทั้งสองข้างค้ำลงบนพื้น ออกแรงพยุงตัวเองขึ้น แล้วผลักรถเข็นที่ทับอยู่บนตัวออก

นี่เป็นเรื่องง่ายสำหรับคนปกติ

แต่เฉินตงที่ขาทั้งสองข้างไร้ความรู้สึก ตอนที่ทำ กลับรู้สึกเหมือนต้องยกสิ่งของที่หนักอึ้ง

ตุ้บ !

เฉินตงผลักรถเข็นออกไป พลิกตัว แล้วนอนลงบนพื้น

ดวงตาจ้องมองพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างอยู่บนท้องฟ้า โดยไม่กะพริบตา

เขาหัวเราะ

หัวเราะอย่างโศกเศร้า

หัวเราะอย่างเจ็บปวดใจ

เสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในลาน

เพียงแต่เมื่อยิ่งหัวเราะดัง น้ำตาในดวงตาของเขาก็ยิ่งเอ่อล้นออกมามากเท่านั้น

เขาเอียงหัว แล้วมองไปยังกำแพงที่สูงตระหง่าน และพูดออกมาอย่างเจ็บปวด : “ตอนนี้ฉันพิการแล้ว แม้แต่จะเดินออกไปจากกำแพงนี้ก็ยังทำไม่ได้เลย นี่มันต่างอะไรกับสัตว์ร้ายที่ติดกับดักกัน ? ไม่ใช่สัตว์ร้ายที่ติดกับดักสิ สัตว์ร้ายที่ไหนจะพิการกัน ? ฉันเป็นสุนัขที่ตายแล้วต่างหาก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……”

เสียงหัวเราะด้วยความโศกเศร้าดังก้อง

อีกด้านหนึ่งของสมาคมซานเหอ

จู่ๆ เย่หลิงหลงที่เดินจากมาพร้อมน้ำตาก็หยุดฝีเท้าทันที

เธอเช็ดน้ำตาที่หางตา แล้วจู่ๆ ก็พึมพำขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง : “ถ้าหากฉันไปแล้ว เขาเกิดเรื่องขึ้นจะทำเช่นไร ?”

กระทืบเท้าด้วยความโกรธ

เย่หลิงหลงรู้สึกอับอายและตำหนิตัวเอง : “สวรรค์ เย่หลิงหลง เธอบ้าไปแล้วหรือยังไง ? ไหนบอกว่าจะดูแลเขา แล้วทำไมถึงหนีมาแบบนี้ ?”

เธอตบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าและรอบคล้ำใต้ตาของตนเอง : “ไม่เหนื่อย เธอไม่เหนื่อยเลยสักนิด ใครใช่ให้เธอมัวแต่คิดมากตลอดทั้งคืน ไม่ยอมหลับยอมนอนกันล่ะ ?”

เย่หลิงหลงหันหลัง แล้วิ่งไปทางตงหย่วน

เมื่อเข้าใกล้ตงหย่วน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างโศกเศร้าดังอยู่ในลาน

เย่หลิงหลงหน้าถอดสีทันที แล้วรีบวิ่งตรงไปที่ตงหย่วนอย่างรวดเร็ว

เฉินตงนอนคร่ำครวญและหัวเราะอยู่บนพื้น น้ำตาไหลรินราวกับสายฝน ทำให้เย่หลิงหลงรู้สึกเจ็บปวดขึ้นทันที

ฉันไปแค่แป๊บเดียว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

เธอวิ่งเข้าไปหาเฉินตง สีหน้าซีดเผือด : “เฉินตง ทำไมคุณถึงหล่นลงมาอยู่ที่พื้น ? รีบลุกขึ้นเร็ว !”

“ลุกยังลุกไม่ขึ้นเลย ลงมานอนอยู่ที่พื้นจะเป็นไรไป ?”

เฉินตงพูดด้วยรอยยิ้ม ปล่อยให้เย่หลิงหลงออกแรงประคองเขาขึ้นมา

แต่เป็นเพราะขาทั้งสองข้างของเฉินตงมาอาจยืนได้ ทำให้น้ำหนักทั้งหมดของเขา ทิ้งลงไปบนตัวของเย่หลิงหลง

ขณะที่เย่หลิงหลงกำลังกอดเฉินตงโดยการหันหน้าเข้าหากัน และเตรียมจะ “ผลัก” เขากลับลงไปบนรถเข็น

เย่หลิงหลงก็สะดุด และสูญเสียการทรงตัว

“ว้าย !”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น

เฉินตงล้มกลับไปอยู่บนรถเข็น

ส่วนเย่หลิงหลงเองก็ล้มลงใส่เฉินตง

ทันใดนั้น ดวงตาทั้งสี่ก็ประสานกัน

ตอนนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงจางหายไป

ในสมองของเย่หลิงหลงเกิดเสียงอื้ออึงขึ้น และรู้สึกว่างเปล่า

ราวกับเวลาหยุดนิ่ง

หลังจากผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง

เย่หลิงหลงเหมือนลูกแมวที่ตกใจ รีบลุกขึ้นมาอย่างเร่งรีบ ใบหน้าอันงดงามของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย

เธอแสดงอาการตื่นตกใจ และมองซ้ายมองขวา

ริมฝีปากของเธอขยับแล้วพูดว่า : “อุ อุบัติเหตุ ! คุณอย่าคิดมาก ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณ”

“เข็นผมกลับห้องเถอะ ผมอยากนอน” เฉินตงพูดออกมาอย่างเรียบเฉย

“หา ? อ้อ ได้ ได้สิ”

เย่หลิงหลงพยักหน้า

เข็นเฉินตงกลับไปห้องพัก

เพียงแต่เมื่อยืนอยู่ด้านหลังเฉินตง เธอก็แอบยิ้มหวานออกมาเล็กน้อย

นิ้วมือข้างซ้าย ลูบไปบนฝีปากอย่างเงียบๆ

หลังจากส่งเฉินตงเรียบร้อย

เย่หลิงหลงก็หันหลังเดินจากไป เธอรู้สึกเหนื่อยล้ามากจริงๆ

เพียงแต่ตอนเดินกลับเร็วขึ้นเล็กน้อย เธอยิ้มจางๆ ออกมา และเลียริมฝีปากเป็นครั้งคราว

หลังจากเดินไปถึงด้านในลาน เธอก็หยุดนิ่งและมองดูบริเวณที่เฉินตงล้มลงเมื่อครู่ แล้วพึมพำออกมาเบาๆ : “จริงๆ แล้ว……มีรสชาติแบบนี้นี่เอง ?”

หลังจากพูดจบ

เธอกำลังจะเดินจากไป แต่จู่ๆ รอยยิ้มอันแสนหวานบนใบหน้าก็จางหายไป

เหลือไว้เพียงแค่ความเย็นชาอย่างถึงที่สุด

ดวงตาของเย่หลิงหลงเป็นประกาย มองตรงไปที่มุมกำแพง

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset