Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 472 มือสังหารมาแล้ว

ในสนาม

แสงเย็นเยียบคมปลาบ

เงาดำกวัดแกว่งมีดดาบคู่สั้นยาวจนส่งเสียงหอนในอากาศ ราวกับพายุห่าฝนกระหน่ำที่สาดซัดลงบนร่างของเย่หลิงหลง

เย่หลิงหลงตัวเปล่าไร้อาวุธ เบี่ยงหลบด้วยความตระหนก

ทว่าขาด้านขวากลับปรากฏเลือดแดงสดซึมออกมา

เธอคาดไม่ถึงว่า เมื่อครู่นี้ขณะเธอยังกังวลเรื่องที่นักฆ่าไม่มีการเคลื่อนไหว จู่ๆ นักฆ่ากลับได้แอบย่องเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียแล้ว

แถมยังเป็นฝ่ายซุ่มโจมตีเธอก่อนอีกด้วย

หากไม่ใช่เพราะความว่องไวของเธอ ตอนนี้วิญญาณเธอคงหลุดลอยไปพร้อมกับมีดของนักฆ่าผู้นี้แล้ว

ฟิ้ว!

แสงเย็นเยียบเคลื่อนผ่าน

ร่างของเย่หลิงหลงสั่นสะท้าน ดวงตาของเธอหรี่เล็กลง

สายตาของเธอมองเห็น มีดดาบยาวพุ่งตรงเข้ามายังคอของเธอ

ในขณะที่กระโดดเบี่ยงตัวหลบอยู่นั้น เย่หลิงหลงก็ยกมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาขวางรับใบมีดเอาไว้

แต่เป็นเพราะขาขวาของเธอบาดเจ็บเพราะลูกดอก ความเจ็บปวดจึงแล่นพล่านขึ้นมา

เย่หลิงหลงเจ็บจนขมวดคิ้วแน่น ร่างของเธอโซซัดโซเซ

ไม่รีรอให้เธอทันยกมือขึ้นมาขวางมีดดาบเอาไว้

ตุ้บ!

เงาดำยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่หน้าอกของเธอ

หลังจากเย่หลิงหลงกระเด็นลงไปกระแทกพื้นแล้ว ใบหน้างดงามได้รูปของเธอพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด

เธอกุมท้องของตัวเอง ตัวแข็งทื่อไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ ราวกับอวัยวะภายในของเธอบิดรวมเข้าด้วยกัน

“ตายซะ!”

น้ำเสียงเย็นชาดังก้องในหู

เย่หลิงหลงเงยหน้าขึ้นจึงเห็นมือทั้งสองของเงาดำที่กำมีดดาบคู่เอาไว้กำลังพุ่งลงมาที่ตน

มีดยาวที่อยู่ในมือถูกง้างขึ้นเหนือศีรษะแล้วฟาดฟันลงมาในทันที

“ฉันกำลังจะตายแล้วใช่ไหม”

เย่หลิงหลงรู้สึกสิ้นหวัง

ปั้ง!

ในเสี้ยววินาทีอันตรายนั้น

แก้วน้ำใบหนึ่งปลิวเข้ามาชนที่ใบมีดของเงาดำอย่างแรง จนส่งเสียงแล้วแตกออกเป็นเสี่ยง

ในเวลาเดียวกันนั้น แรงกระแทกอย่างแรงที่พุ่งโจมตี ทำให้เงาดำไม่ทันระวังทำมีดเบี่ยงไปอีกทาง

เงามีดที่สะท้อนเย็นเฉียบเฉียดตัวเย่หลิงหลงแล้วหล่นลงบนพื้น ฟันผมดำขลับของเธอขาดไปช่อหนึ่ง

บรรยากาศในสนามเงียบสงัดลง

ความแค้นเคืองอย่างรุนแรงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอีก

เย่หลิงหลงเหม่อลอยไปพักหนึ่ง

เงาดำปรากฏตัวมาอย่างกะทันหันและลงมืออย่างดุเดือดหวังเอาชีวิต

เธอเองก็เตรียมตัวรอรับความตายอยู่แล้ว

แต่กลับยังคงมีชีวิตรอด!

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เย่หลิงหลงมองไปยังทิศทางที่แก้วน้ำลอยมา

เขา……ช่วยฉันหรอ

ในช่วงเวลาเพียงชั่วครู่ เย่หลิงหลงยังคงมึนงง หัวใจของเธอรู้สึกราวกับถูกสิ่งของบางอย่างกระแทกเข้าอย่างรุนแรง

เฉินตงนั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาหรี่ตาด้วยความอาฆาตและโกรธแค้น

เขาจ้องมองมาที่เงาดำราวกับสัตว์ดุร้าย

“ที่ฉันต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ต้องขอบคุณแกเลยนะ นี่แกยังอุตส่าห์มารนหาที่ตายถึงนี่อีก”

ความเคียดแค้นชิงชังอบอวบอยู่ในสนาม

เงาดำไม่สนใจเย่หลิงหลงอีก มันค่อยๆ หมุนตัวกลับมาช้าๆ แล้วเล็งมีดไปทางเฉินตง

“ฉันมาเพื่อฆ่าแกต่างหาก ไม่ได้มารนหาที่ตาย”

สายตาของเฉินตงเบิกกว้าง ดวงตาเปล่งประกายน่าพรั่นพรึง “แกคิดว่าที่ฉันตกต่ำถึงขั้นต้องนั่งรถเข็น จะทำให้ฉันฆ่าแกไม่ได้งั้นหรอ”

คำพูดประโยคนี้ ทำให้เงาดำเกิดความระแวดระวังตัวมากขึ้น ฝีเท้าของเขาชะงักลง

ฟิ้ว!

วินาทีต่อจากนั้น

เงาดำได้เขวี้ยงลูกดอกออกไปอีกลูกหนึ่ง

ฟึ้บ!

ลูกดอกพุ่งเข้าเสียบที่ขาขวาของเฉินตง เลือดแดงสดไหลทะลักออกมา

“เฉินตง!”

เย่หลิงหลงหน้าถอดสี เธอกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งโซซัดโซเซไปยังเฉินตง

ทว่าก้าวเท้าไปเพียงสองก้าว

เงาดำหันขวับกลับมา แล้วยกเท้าถีบเข้าไปที่ท้องของเธอดังตุ้บ ทำเอาเธอกระเด็นกลับไปอยู่ที่เดิม

เมื่อล่วงลงบนพื้นอีกครั้ง เย่หลิงหลงรู้สึกปวดสะท้านเข้าไปถึงข้างในจนร่างกายบิดงอ

ความเจ็บปวดจากอวัยวะภายในที่บิดตัว ทำเอาร่างบอบบางของเธอสั่นสะท้าน

ส่วนเงาดำนั้น กลับขมวดคิ้วหันกลับไปจ้องเฉินตงอีก

แววตามืดดำราวดวงตาของงูพิษ

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เฉินตงไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อย

ตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่าขาทั้งสองของเขาได้สูญเสียความรู้สึกไปสิ้นแล้ว

คนธรรมดาทั่วไปจะอดกลั้นได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาเช่นนี้ได้อย่างไร

ต่อให้พยายามฝืนกลั้นแค่ไหน ก็ไม่สามารถข่มความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้อย่างแนบเนียนขนาดนี้ได้

คิ้วของเงาดำคลายตัว

แล้วหัวเราะเย้ยหยัน

“ดูท่าแกจะกลายเป็นคนพิการไปจริงๆ แล้วสินะ ก็ดี ฉันจะช่วยส่งแกไปตายเอง”

กริ๊ง!

กริ๊ง!

มีดดาบยาวในมือทั้งสองแกว่งไกวอยู่กลางอากาศส่องประกายเย็นเยียบ

ความอาฆาตแค้นหมายเอาชีวิต

“เฉินตง ถอยไป รีบหนีไป!”

เย่หลิงหลงหน้าถอดสี ตอนนั้นดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดง

แต่ภาพที่เธอเห็น เฉินตงยังคงนั่งเฉยอยู่บนรถเข็นไม่ขยับเขยื้อน

ทันใดนั้นเสียงเย็นเฉียบแผดก้องขึ้น

“ถ้าฉันหนี เธอก็ตายน่ะสิ!”

ร่างของเย่หลิงหลงสะท้าน สมองของเธอเกิดเสียงดังก้องราวฟ้าผ่า

เมื่อเห็นเงาดำพุ่งตรงเข้าใส่เฉินตง เธอก็ไม่ใส่ใจความเจ็บปวดบนร่างกายตนเอง เธอแผดเสียงลั่นแล้วพุ่งเข้าใส่เงาดำอย่างบ้าคลั่ง

“ตายซะ!”

เงาดำที่วิ่งเข้าใส่เฉินตงตะโกน

มันหันขวับกลับไป มีดยาวในมือแหวกอากาศส่งเสียงหอนพุ่งตรงเข้าไปที่เย่หลิงหลง

เมื่อเผชิญหน้ากับมีดดาบยาว เย่หลิงหลงกลับไม่รู้สึกกลัว ใบหน้าสวยสง่าของเธอพร้อมรับความตาย

ขอแค่ยื้อเวลาไว้ได้สักวินาทีก็เพียงพอ……

เฉินตงตวาดลั่น “หยวนเทียนกาง ยังไม่ลงมืออีกรึ”

ครืน!

เสียงประตูห้องเปิดออก ดังลอยมาจากทิศทางไม่ไกลนัก

มีดยาวเล่มหนึ่งทะยานผ่านอากาศส่งเสียงแหลมยาวพุ่งตรงมาที่เงาดำ

ความเร็วราวกับกระแสไฟ

มีดยาวพุ่งมาที่เงาดำภายในชั่วพริบตา

“ฝีมือเยี่ยม!”

เงาดำส่งเสียงอย่างตระหนก พลางจ้องเขม็ง

ในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้น มันจำเป็นต้องตัดสินใจ

ล้มเลิกการโจมตีเย่หลิงหลง พลันกระโดดเบี่ยงตัวถอยหลบ

แก๊ก!

มีดยาวที่จ่อตรงไปที่เย่หลิงหลง ลอยขึ้นรับการโจมตีจากมีดยาวที่พุ่งลงมา เกิดแสงไฟสว่างวาบ

มีดยาวหล่นลงบนพื้น

เงาดำกระเด็นกระแทกพื้น ประกายตามืดหม่นปรากฏความตื่นกลัวและระแวดระวัง มันมองตรงไปยังประตูห้องที่ถูกเปิด

ในความมืดสลัวนั้นจึงเห็นเงาของคนผู้หนึ่ง

“พี่ใหญ่!”

เย่หลิงหลงดีใจจนแทบคลุ้มคลั่ง

“เด็กบ้า เวลาคลุ้มคลั่งทีไร ไม่เคยห่วงชีวิตตัวเองเลย”

หยวนเทียนกางก้าวออกมาจากความมืดสลัว ด้วยสีหน้าตำหนิติติง

เย่หลิงหลงยิ้มกว้างอย่างดีใจ สายตาของเธอเหลือบไปมองเฉินตงที่นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างไม่รู้สึกเสียใจ

เมื่อหยวนเทียนกางเดินออกมาจากความมืด

สายตาแตกตื่นระแวดระวังของเงาดำ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว

“ยมราชหยวนเทียนกาง เป็นถึงหลงโถว แต่กลับมาเฝ้าเขาเองเลยหรือ”

วินาทีนั้น ใบหน้าของหยวนเทียนกางเปรียบเหมือนสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่เงาดำอย่างแรง

มันรู้ดีว่าตอนนี้กฎฉุกเฉินของสมาคมซานเหอถูกยกระดับขึ้นสูงสุด

แต่มันคิดไม่ถึงว่า แค่เฉินตงคนเดียว……จะทำให้หลงโถวของหงหุ้ยต้องมาเฝ้าด้วยตนเอง

เรื่องใหญ่แล้ว!

ในขณะที่หัวใจของเงาดำเต้นระส่ำ มันก็ถอยหลังไป มือทั้งสองยังคงกำมีดดาบเอาไว้แน่น

หยวนเทียนกางเดินเข้ามาพลางหันไปมองเฉินตง

“ขอบคุณที่ช่วยหลิงหลงเอาไว้”

“เธอต่างหากที่ช่วยผม” เฉินตงส่ายศีรษะ “คุณต่างหากที่ยังนั่งนิ่งอยู่ได้”

หยวนเทียนกางส่ายหน้าอย่างเหลืออด “ก็แค่หมาดำที่แอบย่องเข้ามาตัวหนึ่ง จะให้นั่งไม่ติดได้ยังไง”

ระหว่างที่พูด เขาก็ก้มตัวลงไปเก็บมีดยาวขึ้นมา

ท่าทางของเขาตั้งแต่เริ่มต้นจนจบดำเนินไปอย่างเพิกเฉยไม่ใส่ใจ ราวกับไม่เห็นเงาดำอยู่ในสายตา

ส่วนเงาดำเมื่อได้ยินว่าหยวนเทียนกางว่าตนเป็นหมาดำ หางตาของเขาก็เริ่มกระตุก

แต่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่เฉินตง

ทว่า

“ไม่ต้องมองหรอก แกไม่มีทางฆ่าเขาได้”

หยวนเทียนกางกล่าวอย่างเรียบเฉย “แกใช้ลูกดอกทำร้ายน้องสาวฉันครั้งหนึ่งและทำร้ายเฉินตงครั้งหนึ่ง คนอย่างฉันเป็นคนมีเหตุมีผล และไม่กลั่นแกล้งใคร หนึ่งทีเอาคืนหนึ่งครั้ง เพื่อชดใช้รอยแผลทั้งสองนี้ ฉันขอใช้มีดหนึ่งคารวะแกหนึ่งครั้ง”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset