Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 473 หาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

ใช้มีดคารวะหนึ่งครั้ง

เฉินตงมองไปที่หยวนเทียนกางอย่างข้องใจ

เวลานี้หยวนเทียนกางยังคงมาดเนี๊ยบ นิ่งสงบดั่งขุนเขา

ความสง่างามนุ่มนวลเมื่อรวมกับมีดยาวที่อยู่ในมือ ดูเข้ากันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

แต่แววตาภายใต้แว่นกรอบทองที่แผ่รังสีออกมานั้น ทำให้เฉินตงรู้สึกหนาวเย็นเยียบสันหลัง

เฉินตงเคยเผชิญกับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน

เป็นความรู้สึกเดียวกับที่เขาเคยสัมผัสมาจากคุนหลุนและคุณลุงเฉินเต้าจูน

การสัมผัสเลือดมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะหล่อหลอมสายตาเช่นนี้ออกมาได้

ปั้ง!

ในขณะนั้น

เงาดำได้ควักระเบิดควันออกมาจากหน้าอกแล้วเขวี้ยงอัดลงบนพื้น

ในตอนนั้นเอง กลิ่นควันไฟเตะจมูกลอยคลุ้งขึ้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า

เงาดำได้หมุนตัวแล้วปีนขึ้นไปบนกำแพงเพื่อที่จะหลบหนี

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยวนเทียนกาง ความกล้าหาญของมันได้หดหายไปหมด

แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีเพียงมีดยาวเล่มเดียวก็ตาม!

หลงโถวของหงหุ้ย ไม่ได้เป็นเพียงสถานะเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความสามารถที่เหลือล้น

ทว่า

ในตอนที่เงาดำก้าวขึ้นไปบนกำแพง

กลับมีมือใหญ่ๆ ยื่นทะลุผ่านควันไฟเข้ามาแล้วคว้าข้อเท้าของเขาเอาไว้

“เร็วจัง!”

เงาดำกล่าวอย่างลนลาน

จากนั้นจึงสัมผัสได้ถึงแรงกระชากที่รุนแรง

“ลงมา!”

หยวนเทียนกางแผดเสียงพร้อมออกแรงกระชากเงาดำร่วงลงมากระแทกบนพื้นราวกับกำลังลากกระสอบทราย

รุนแรงและอำมหิต

ภาพนี้

ทำให้เฉินตงกับเย่หลิงหลงตัวแข็งทื่อ

ทั้งสองคนได้ต่อสู้กับเงาดำมาแล้วจึงรู้ดีถึงพละกำลังของมัน

แต่หยวนเทียนกางกลับกระชากเงาดำร่วงลงมาอย่างไม่ต้องออกแรงเพียงรวดเดียว เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างในพละกำลังของคนทั้งสอง

แม้ว่าเงาดำจะถูกลากลงมากระแทกบนพื้นอย่างแรง แต่ปฏิกิริยาของมันก็ไวมาก เพราะในเวลาเดียวกันมันได้ม้วนตัวไปอีกหลายเมตรแล้วมองหยวนเทียนกางอย่างพะว้าพะวังพร้อมกำมีดดาบเอาไว้ในมือ

เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างดุเดือดภายในสนามฝั่งตะวันออก

อุณหภูมิลดลงไปถึงจุดเยือกแข็ง

ควันจากระเบิดที่คุกรุ่นอยู่ไม่ไกลนัก ยังคงลอยคลุ้งอยู่

แต่กลับกลายเป็นตัวช่วยที่ดีของหยวนเทียนกางไป

เขาขยับแว่นกรอบทองของตัวเองอย่างไร้ความรู้สึก

แล้วเดินเข้าไปหาเงาดำอย่างแน่วแน่ พลางแกว่งไกวมีดยาวในมือของตัวเองอย่างเชื่องช้า

“ฉันขอคารวะแกหนึ่งดาบ ตามกฎในยุทธภพแล้วจะไม่รับไม่ได้”

น้ำเสียงที่นิ่งสงบที่สุด หมายความถึงความอำมหิตที่สุดเช่นกัน

เผชิญหน้ากับหยวนเทียนกางเช่นนี้ เงาดำได้แต่ก้าวถอยหลังไปทีละก้าว

เมื่อเห็นเช่นนี้

หยวนเทียนกางจึงขมวดคิ้วแล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ยังจะถอยอีก ไม่มีมารยาทเอาซะเลย”

วินาทีถัดมา

หยวนเทียนกางเคลื่อนตัวรวดเร็วราวลูกธนู เขายกมีดพุ่งตรงไปยังเงาดำ

ฟิ้วๆๆ……

เงาดำเขวี้ยงลูกดอกรัว

แกร๊งๆๆๆ……

หยวนเทียนกางแกว่งไกวมีดยาวอย่างรวดเร็วจนไม่อาจมองตามได้ทัน เกิดเป็นกำแพงอันแข็งแกร่ง เมื่อโลหะกระทบกันก่อให้เกิดแสงไฟวาบ ปัดลูกดอกกระเด็นไปยังทิศทางอื่นอย่างรวดเร็ว

“เตรียมรับมีดซะ!”

ทันใดนั้น หยวนเทียนกางพุ่งเข้าใส่ตรงหน้าเงาดำ

ด้วยท่วงท่าดังเดิม กระโดดพุ่งทะยานผ่านอากาศ

เมื่อมือทั้งสองกำมีดยาวเอาไว้ ร่างกายของเขาเปรียบดั่งขุนเขาสูงที่กำลังจะถล่มลงมาสู่ด้านล่าง

การจ้วงแทงของเขารุนแรงไร้คู่เปรียบเทียบ!

แม้แต่เฉินตงกับเย่หลิงหลงเองยังมองดูด้วยความพรั่นพรึงหนาวสันหลัง

“อ๊าก!”

พละกำลังที่รุนแรงเช่นนี้ทำเอาเงาดำร้องเสียงหลงพลางชูมีดดาบขึ้นมาปะทะเอาไว้

แต่เขากลับไม่มีความกล้าที่จะต่อสู้ ทำได้เพียงป้องกันตัวเท่านั้น!

แกร๊ง!

เมื่อมีดยาวปะทะเข้ากับมีดดาบคู่ มีดดาบคู่กลับแตกยิบย่อยออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

มีดยาวยังคงไม่ลดกำลังลง มันส่องประกายตั้งแต่หัวจรดปลายดาบ ฟาดลงบนร่างของเงาดำราวกับสายฟ้าฟาด

ฟึบ!

แขนทั้งสองของเงาดำถูกตัดขาด เงาดำร้องอย่างโหยหวนก่อนจะล้มลงบนพื้น

เมื่อเงาดำถูกจับตัวไว้ได้ หยวนเทียนกางก็ได้สั่งคนให้ไปสอบสวนเงาดำ เพื่อหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้

“เฉิน……” เงาดำหลุดพูดออกมาเพียงหนึ่งคำ ก่อนจะเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากเกินไป

เฉิน?

หยวนเทียนกางกับเย่หลิงหลงมองไปยังเฉินตง เพื่อถามความเห็นของเขา

แววตาของเฉินตงลึกล้ำ เขานึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา ริมฝีปากของเขาพลันเกิดรอยยิ้มเย็น “ผมว่าผมรู้แล้วว่าเป็นฝีมือใคร คนคุ้นเคยกัน”

หยวนเทียนกางกับเย่หลิงหลงสบตากัน ทั้งสองเดาความคิดของเฉินตงไม่ออก

“หยวนเทียนกาง ผมรู้แล้วล่ะว่าจะรับมือกับคนที่อยู่เบื้องหลังคนนี้ยังไง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของหยวนเทียนกางเป็นประกาย

เช้าวันถัดมา

เวลาเก้าโมงเช้า

ในสมาคมซานเหอ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด

ขบวนรถประกอบไปด้วยรถสามสิบคัน ผู้ที่เดินทางออกไปพร้อมกับขบวนนี้มีมากถึงหนึ่งร้อยชีวิต

แต่จำนวนนี้เป็นเพียงคนที่ติดตามขบวนออกไปด้วยเท่านั้น

จากการวางแผนของเย่หยวนชิวและหยวนเทียนกาง ระหว่างทางสมาชิกของหงหุ้ยที่พร้อมลงมือจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ซึ่งจะมากกว่าคนหลายพันคนที่ออกควานหาตัวเฉินตงในทะเลเมื่อคราวก่อน

เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมพร้อม สมาชิกทั้งหมดที่จะตามขบวนออกไปต่างมีท่าทางเคร่งขรึมไร้อารมณ์ยินดี

ความตึงเครียด ความแค้น ทำให้บรรยากาศภายในสมาคมซานเหอเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง

แต่ขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ราวกับแรงระเบิดที่สั่นสะเทือนความสนใจของผู้คนที่อยู่ในย่านไชน่าทาวน์แห่งนั้น

กลุ่มคนที่รวมตัวอยู่บริเวณด้านหน้าสมาคมซานเหอ มากพอๆ กับเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่สมาคมซานเหอถูกวางระเบิดไม่มีผิดเพี้ยน

“คุณพระ! เช้านี้หงหุ้ยต้องการจะทำอะไรกันแน่ ถึงได้รวมตัวใหญ่โตขนาดนี้”

“หรือเป็นเพราะเรื่องที่คราวก่อนที่สมาคมโดนวางระเบิด วันนี้เลยจะออกไปแก้แค้น”

“ต้องใช่แน่ๆ หงหุ้ยไม่เคยยอมขายหน้าเรื่องที่ร้ายแรงขนาดนี้ ถึงขั้นมาวางระเบิดที่สมาคม คนกลุ่มนั้นคงจะต้องลิ้มรสความแค้นของหงหุ้ยซะบ้าง!”

……

เมื่อได้ยินเสียงวิจารณ์ของผู้คน

เย่หยวนชิวกับหยวนเทียนกางที่ยืนสั่งการอยู่ด้านหน้าขบวนรถต่างหันมาสบตากันและยิ้มให้กันอย่างขมขื่น

ทุกคนต่างคิดว่าที่หงหุ้ยเตรียมการยิ่งใหญ่ขนาดนี้เพื่อจะไปแก้แค้น

แต่ใครจะรู้ว่าขบวนรถนี้เตรียมการขึ้นเพียงเพื่อจะส่งคน……ไปสู่ความตาย?

เมื่อการเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว

ภายใต้การสั่งการของหยวนเทียนกาง ขบวนรถยิ่งใหญ่ก็เริ่มออกเดินทางไปในเวลาเดียวกัน ราวกับมังกรตัวหนึ่งที่เคลื่อนตัวไปตามถนนไชน่าทาวน์ มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่เฉินตงได้วางแผนเอาไว้อย่างดี

เมื่อขบวนรถเคลื่อนตัวห่างออกไปแล้ว ฝูงชนที่มุงอยู่ด้านหน้าสมาคมซานเหอก็ค่อยๆ กระจายตัว สถานการณ์เริ่มกลับไปสู่ความสงบอีกครั้ง

แต่ไม่มีใครคาดคิด

ว่าในขณะที่ขบวนรถเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่นาน

รถฮัมเมอร์สีดำคันหนึ่งก็ได้ขับพุ่งทะยานออกมาจากสมาคมซานเหออย่างเร็วจี๋ ราวกับสัตว์กระหายเลือดตัวหนึ่ง

เมื่อเคลื่อนตัวออกมาบนถนนก็ได้สะบัดท้ายรถอย่างโอหังวางโต เคลื่อนตัวไปบนถนนสายยาว และมุ่งหน้าตามไปยังทิศทางของขบวนรถนั้น

ขบวนเคลื่อนที่ไปด้านหน้า

ขบวนรถที่รวมตัวจากรถสามสิบคัน ไม่อาจกล่าวว่าไม่ยิ่งใหญ่และไม่ดึงดูดสายตาผู้คน

ผู้คนที่สัญจรไปตามถนนจำนวนมากต่างหยุดมอง และอุทานอย่างแปลกใจ

ส่วนรถที่ขับอยู่ด้านหน้าขบวน ต่างหลบทางให้ขบวนรถโดยสัญชาตญาณ

เนื่องจากขบวนรถหรูราคาแพงไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ผู้คนต่างหวาดเกรงจนต้องรีบหลีกทางให้

เฉินตงนั่งอยู่บนรถในขบวนรถนั้น เขาลดหน้าต่างรถลงเล็กน้อยเพื่อสัมผัสถึงรสชาติของลมทะเลอย่างพึงพอใจ

“เกือบเดือนแล้วที่ผมไม่ได้สูดกลิ่นลมทะเลอย่างเต็มปอดแบบนี้”

เฉินตงหรี่ตาลงทั้งสองข้างราวกับกำลังรำลึกความทรงจำ “แต่กลิ่นคาวจากลมทะเลทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่ผมตกหน้าผาคืนนั้น”

“แต่หวังว่าวันนี้ทุกอย่างจะผ่านไปอย่างราบรื่น”

ท่าทางของหยวนเทียนกางกลับไม่ได้ผ่อนคลายอย่างเฉินตง สีหน้าของเขาหนักอึ้ง แววตาลุกโชน

เขาคอยมองไปรอบๆ ตัวอย่างระแวดระวัง ส่วนมือขวาของเขาเกาะกุมอยู่บนอาวุธที่เอว

“ผ่อนคลายหน่อย” เฉินตงตบไหล่ของหยวนเทียนกาง “คุณอายุมากกว่าผมตั้งหลายปี อย่าทำเหมือนคุณไม่เห็นโลกมามากเท่าผมสิ ตอนนี้เรากำลังข้ามสะพานข้ามทะเลนะ คุณคิดว่านักฆ่าจะโผล่พรวดขึ้นมาจากทะเลแล้วเขวี้ยงระเบิดใส่พวกเราหรือไง”

หยวนเทียนกางไร้คำพูด

ความสงบนิ่งของเฉินตงเหนือความคาดหมายของเขา

และสิ่งที่ทำให้เขาสงสัยไปยิ่งกว่านั้นคือ ใครคือคนที่ถูกปกปิดอยู่กันแน่

แต่เมื่อมองออกไปยังสะพานยาวข้ามทะเล อารมณ์ของหยวนเทียนกางก็เริ่มสงบลง

แน่นอนว่าสถานที่เช่นนี้ คงจะเป็นเส้นทางช่วงที่ปลอดภัยมากที่สุดในแผนการที่เฉินตงวางแผนเอาไว้

โครม!

ในตอนนั้นเอง เกิดเสียงดังมาจากด้านหลัง

“รถชนหรอ”

เฉินตงกับหยวนเทียนกางหันไปมองด้านหลังพร้อมกัน นอกจากขบวนรถยาวเหยียดกับควันไฟที่ลอยคลุ้งจากด้านหลังแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดผิดปกติ

และในตอนนั้นเอง วอของหยวนเทียนกางก็ส่งเสียงดังขึ้น

“รถท้ายขบวนโดนรถแม็คลาเรนสีเหลืองชนท้าย อุบัติเหตุธรรมดา ทราบแล้วเปลี่ยน”

เฉินตงยิ้ม ก่อนจะเข้าสู่ท่วงท่าสบายๆ อีกครั้ง

ส่วนหยวนเทียนกางก็ถอนหายใจดังออกมา

ขบวนรถยังคงเคลื่อนตัวไปด้านหน้าต่อไป

หลังจากผ่านสะพานข้ามทะเลมาแล้ว รถที่อยู่ตามท้องถนนก็ค่อยๆ หนาตามมากขึ้น สิ่งปลูกสร้างรอบด้านก็ค่อยๆ หนาแน่นขึ้น

เฉินตงเลื่อนหน้าต่างรถขึ้นเพื่อปิดช่องว่างนั้น

ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป อันตรายจะเริ่มลุกลามเข้ามา

เขาสามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่องด้านนอกหน้าต่างผ่านกระจกติดฟิล์มหนา มีทั้งตึกสูงตระหง่านและมีทั้งสิ่งปลูกสร้างที่ดูคร่ำครึ

นี่เป็นครั้งแรกของการเดินทางไกลข้ามมหาสมุทรครั้งนี้ ที่เขาได้สัมผัสบรรยากาศของโลกภายนอก

ทันใดนั้น

ปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นจากบนยอดตึกแห่งหนึ่ง

แสงอาทิตย์ที่หักเหมา ทำให้เฉินตงหรี่ตาลง

“ระวัง!”

เฉินตงกล่าวเตือนขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

ทว่า

เปรี้ยง!

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset