Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – # ตอนที่ 182 แผนการของเฉินตง

เมื่อเห็นท่าทีของกู้ชิงหยิ่งที่อยู่ตรงหน้า เฉินตงก็รู้สึกเก้อเขิน

เขาคิดว่าเขาและกู้ชิงหยิ่งต่างฝ่ายต่างก็ยินยอมพร้อมใจแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าเขาคิดไปเองฝ่ายเดียว ทำให้เข้าใจผิด

เฉินตงเกาหัวอย่างเก้อเขิน : “เสี่ยวหยิ่ง ขอโทษด้วย ผมเข้าใจผิดเอง ผมขอตัวกลับก่อน”

“เฉินตง !”

จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งก็ดึงมือของเฉินตงเอาไว้ จากนั้นจึงยืนขึ้นแล้วพูดอย่างจริงจังว่า : “ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า ฉันก็เป็นคนของคุณ แต่ฉันเพียงแค่หวังว่า อยากจะเก็บครั้งที่ดีที่สุดไว้คืนวันแต่งงาน”

“ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณ” เฉินตงพยักหน้าอย่างจริงจัง แต่แววตาดูผิดหวังเล็กน้อย

ตอนนี้ เขารู้สึกสับสนจริงๆ

ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่ากู้ชิงหยิ่งทำอะไรผิด

เพียงแต่รู้สึกว่าการกระทำของเขาเมื่อครู่ ช่างน่าละอายจริงๆ

ทันทีที่พูดจบ

จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เขย่งเท้าขึ้น จากนั้นจึงใช้ริมฝีปากสีแดงระเรื่องของเธอ จูบเบาๆ ลงบนริมฝีปากของเฉินตง

เฉินตงผงะไปทันที

“ขอบคุณนะคะ” กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงปล่อยเฉินตง แล้วบิดขี้เกียจ ราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “เอาล่ะ คุณรีบกลับบ้านเถอะค่ะ กลับไปพักผ่อนให้สบาย ช่วงก่อนหน้านี้คุณเหนื่อยมามากแล้ว”

เฉินตงที่ยืนอึ้งอยู่ ค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบริมฝีปาก

เมื่อครู่ เขารู้สึกราวกับฝันไปจริงๆ

ไออุ่นและกลิ่นหอมจางๆ ที่ประทับอยู่ที่หลงเหลืออยู่ที่มุมปาก ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

เขาเผยรอยยิ้มออกมา : “ครับ คุณก็รีบพักผ่อนนะ”

ระหว่างทางกลับบ้าน เฉินตงยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเป็นครั้งคราว จากนั้นจึงยิ้มเล็กน้อยออกมา

นี่ถือเป็นความสุขที่คาดไม่ถึงที่เกิดขึ้นในคืนนี้หรือไม่ ?

ถึงแม้จะไม่ได้กระชับความสัมพันธ์กับกู้ชิงหยิ่งให้แน่นแฟ้นไปอีกขั้น แต่เขากลับไม่รู้สึกผิดหวัง

แต่กลับรู้สึกว่าตนเองไม่ให้เกียรติกู้ชิงหยิ่งเท่าที่ควร

กู้ชิงหยิ่งรอเขามากว่าสามปี แล้วทำไมตัวเขาเองจะทนรอกู้ชิงหยิ่งอีกสักหน่อยไม่ได้ ?

ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ควรจะต้องเก็บเอาไว้ใช้ในเวลาที่มีค่ามากที่สุด นี่ถึงจะงดงามและสมบูรณ์แบบ

เฉินตงลูบจมูกแล้วพึมพำออกมาว่า : “ถึงเวลาที่จะต้องวางแผนเรื่องการแต่งงานแล้ว”

……

สัปดาห์ต่อมา

เฉินตงเริ่มง่วนอยู่กับการทำงานอีกครั้ง

ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ตึกใหญ่ทั้งสี่แห่งสามารถขายออกจนหมด ไท่ติ่งเองก็กำลังเตรียมการเปิดขายล่วงหน้าในครั้งต่อไป

ส่วนเฉินตงเองก็มีความคิดที่จะริเริ่มโครงการอื่นๆ ถึงขั้นที่ว่าคิดจะก้าวข้ามไปสู่ธุรกิจในสายอื่นๆ

หลังจากได้เงินทุนคืนมาแล้ว จะต้องนำมาสร้างรายได้เพิ่มเติม จึงจะมีเงินทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

แต่หากจะอาศัยเพียงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง คงยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เฉินตงสามารถส่งกระดาษคำตอบที่ไร้ข้อผิดพลาดและมีเพียงหนึ่งเดียวให้แก่ตระกูลเฉินได้ !

เฉินเทียนเซิง เฉินเทียนหย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นหัวกะทิของตระกูลเฉิน ได้รับการศึกษาที่อยู่ในระบบที่ยอดเยี่ยมของตระกูลเฉินมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของความรู้หรือทางด้านของเส้นสาย ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูงทั้งสิ้น

เรื่องที่เป็นเรื่องที่เฉินตงไม่อาจปฏิเสธได้

สิ่งที่เขาสามารถทำได้คือ พยายามอย่างสุดกำลังที่จะไล่ตามให้ทัน และแซงหน้าในที่สุด !

ช่วงเย็นหลังเลิกงาน

บนระเบียงชั้นบนภายในบ้าน

“คุณชาย คุณตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจทางด้านการเงินจริงๆ หรือครับ ?”

ท่านหลงมองดูเฉินตงที่นอนตากลมเย็นอยู่บนเก้าอี้ด้วยความประหลาดใจ

“ฉันอยากที่จะทำความเร็วแซงหน้าพวกหัวกะทิของตระกูลเฉินพวกนั้น ถ้าอาศัยแค่ไท่ติ่งเพียงอย่างเดียว เห็นทีจะช้าเกินไป”

เฉินตงวางมือทั้งสองข้างประสานไว้ด้านหลังศีรษะของเขา

ตอนนี้ในเมืองนี้ ไท่ติ่งถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าไปแล้ว

เทียบชั้นได้กับบริษัทของโจวเย่นชิวและโจวจุนหลง

ขอแค่การพัฒนาภาคตะวันตกของเมืองแล้วเสร็จ การจะก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ถึงแม้ว่านั้น ก็แค่ใช้วิธีพัฒนาที่ดิน มาดำเนินการซ้ำเช่นนี้ต่อไป

พูดง่ายๆ ว่า ตอนนี้เรือใหญ่อย่างไท่ติ่งเป็นรูปเป็นร่างแล้ว การจะทำให้แล่นต่อไปด้านหน้านั้นไม่ใช่เรื่องยาก

แต่เฉินตงกลับยังไม่รู้สึกพึงพอใจเรือลำนี้

ท่านหลงขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด จากนั้นตึงพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า : “คุณชาย กระผมคิดว่า เงินทุนที่มีอยู่ในมือของพวกเราตอนนี้ การก้าวเข้าสู่แวดวงการเงินในเวลานี้ อาจยังมีความเสี่ยงอยู่”

“การทำธุรกิจก็เหมือนอยู่ในสนามรบ หากไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับความเสี่ยง แล้วจะคว้าชัยชนะ ขึ้นสู่ตำแหน่งราชาได้อย่างไร ?” เฉินตงยิ้มอย่างเบิกบาน แต่ในแววจากลับเต็มคุกรุ่นไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้ที่ดุเดือด

สายลมยามค่ำคืนพัดเย็นสบาย

มีประกายเกิดขึ้นในแววตาของท่านหลง จนท้ายที่สุดเข้าก็ถอนหายใจออกมา

“ที่คุณชายพูดก็ถูก ถ้าหากจะก้าวเข้าสู่แวดวงการเงินจริงๆ กระผมก็มีคนที่เหมาะสมคนหนึ่งอยากจะแนะนำให้คุณชายได้รู้จัก”

“ใคร ?” เฉินตงรู้สึกยินดี

การก้าวเข้าสู่แวดวงการเงินถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเขา

หนทางข้างหน้าราวกับมีภูเขาลูกใหญ่ที่ต้องก้าวผ่าน ถ้าหากปล่อยให้เขาก้าวเดินไปด้วยตนเอง เกรงว่าตัวเขาเองคงไม่มีความมั่นใจมากนัก

ด้วยประสบการณ์ของท่านหลง คนที่เขาจะแนะนำให้คิดว่าคงจะต้องใช้ได้เลยทีเดียว

“ตระกูลฉินแห่งซีสู่ มีลูกชายหนึ่งคน กระผมมีโอกาสเจอกับเขาหลายครั้ง ลูกชายคนนี้ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งเลย”

แววตาของท่านหลงลึกซึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “แต่ว่า ลูกชายคนนี้มีความพิเศษเล็กน้อย เกรงว่าคุณชายจะต้องไปเชิญด้วยตนเอง”

“ตระกูลฉินแห่งซีสู่ ?”

เฉินตงลูบปากอย่างใช้ความคิด

ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีแปลกๆ : “ท่านหลง นี่นายกำลังให้โจทย์ที่ยากกับฉันอยู่นะ ฉันจำได้ว่าตระกูลฉินเองก็มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน อีกทั้งยังถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตรายต่อยี่เคอ กรุ๊ปของตระกูลเฉินอีกด้วย”

หลังจากทุ่มเทเวลาตลอดสามปีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานได้ ข้อมูลที่เฉินตงได้รับมักจะเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ใครก็ยากจะเทียบได้

ตระกูลฉินแห่งซีสู่ ถือว่าไม่ด้อยไปกว่าตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงเลย

เศรษฐีอันดับหนึ่ง……แห่งซีสู่ !

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การดูแลของเขายังมีชื่อเสียงเป็นอันดับที่สองอีกด้วย และมีการต่อสู้กับกับยี่เคอ กรุ๊ปในเมืองหัวเมืองใหญ่ๆ มาตลอดหลายปี

ด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้ จึงไม่อาจคาดหวังที่จะให้ตระกูลเฉินและตระกูลฉินร่วมมือกันได้

อีกทั้งหากเขาไปเชิญคนของตระกูลฉินในขณะที่อยู่ในฐานะของผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินแล้วล่ะก็ นี่ไม่เท่ากับว่า……วิ่งเข้าไปปะทะกับไฟหรอกหรือ ?

“แต่คนที่กระผมคิดว่าเหมาะสม มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น” ท่านหลงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

เฉินตงลูกจมูกของเขา จากนั้นจึงยิ้มแล้วพยักหน้า : “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะรีบไปตระกูลฉิน ส่วนเรื่องจะเชิญได้หรือไม่นั้น ให้แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน”

ถึงแม้ปากจะพูดว่าแล้วแต่โชคชะตา แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

เฉินตงรีบไปที่บริษัท จากนั้นจึงมอบหมายงานที่เหลือให้แก่เสี่ยวหม่า จากนั้นจึงรีบเดินทางไปยังสนามบินพร้อมกับท่านหลงและคุนหลุน

ขณะขึ้นเครื่องบิน เขาก็โทรศัพท์เพื่อบอกกล่าวกู้ชิงหยิ่ง

หลังจากเครื่องบินลอยอยู่เหนือน่านฟ้าแล้ว เฉินตงก็หยิบข้อมูลต่างๆ ที่ท่านหลงเตรียมไว้ให้ออกมาดู

“ฉินเย่ ?”

เฉินตงพึมพำ ยิ่งเมื่อเห็นอายุที่ระบุเอาไว้ในเอกสารข้อมูล เขาก็อึ้งไป

22 ปี ?

“ท่านหลง นายแน่ใจหรือว่าไม่ได้หาคนมาผิด ?” เฉินตงลองเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ

อายุ 22 ปี ก็เพิ่งจบมหาวิทยาลัยนะสิ !

เด็กวัยรุ่นอายุขนาดนี้ เป็นคนที่ท่านหลงกล่าวว่าเหมาะสมที่สุดจริงหรือ ?

“คุณชาย ความสามารถของเขาไม่อาจใช้อายุเป็นตัววัดได้”

ท่านหลงยิ้มด้วยท่าทีแปลกๆ “ความน่าเชื่อถือของตระกูลในธุรกิจการเงิน คุณคงจะเคยได้ยินมาบ้าง ?”

เฉินตงหรี่ตาลง จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างประหลาดใจ : “ความน่าเชื่อถือน่าจะเป็นเสาหลักที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ตระกูลเฉินสามารถครองตำแหน่งเศรษฐีอันดับหนึ่งของซีสู่ได้สินะ ?”

ท่านหลงพยักหน้า จากนั้นจึงพูดอย่างสงบว่า : “ตอนที่ฉินเย่อายุ 20 ปี เขาได้อาศัยความน่าเชื่อถือของตระกูลเพื่อสร้างชื่อเสียง และกวาดรายได้มาหลายหมื่นล้าน ! อีกทั้งยังได้รับความเชื่อถือให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งหัวหน้ามูลนิธิตระกูลฉินอีกด้วย !”

เปรี้ยง !

เฉินตงเหมือนถูกฟ้าผ่า สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เด็กวัยรุ่นอายุ 20 ปี ถึงจะพูดว่าเขาอาศัยชื่อเสียงของครอบครัว แต่การที่จะสร้างรายได้กว่าหมื่นล้าน ก็ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถอันน่าทึ่งของเขาได้

มีเช่นนั้น ทำไมสถานการณ์เดียวกัน กลับไม่เป็นคนอื่นที่ทำสำเร็จ แต่กลับเป็นเขา ?

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอด

เขาเก็บเอกสารทั้งหมด เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องอ่านอีกต่อไป

เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของฉินเย่ได้แล้ว !

และในขณะเดียวกันกับที่เฉินตงกำลังเดินทางไปยังซีสู่

ที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน ก็มีรถเบนซ์มายบัคสี่ดำหนึ่งคัน เครื่องเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าประตูใหญ่

“หลานเอ๋อ พ่ออยากเจอหน้าลูกสักครั้ง !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset