Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 54 วันที่15!

#####บทที่ 54 วันที่15!

บทที่ 54 วันที่15!

สามวันต่อมา

เฉินตงไม่ฟังที่หมอห้าม รั้นจะทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ได้

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของโครงการปรับปรุงใหม่ของย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง อีกไม่นานก็จะเริ่มเปิดจองแล้ว เขายังมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ

อีกอย่าง ถ้ายังอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไม่ไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาลลี่จิงเลย เรื่องที่เขาบาดเจ็บก็จะปิดบังไม่อยู่แล้ว

ถึงจะยังไม่ได้แกะผ้าพันแผลบนตัวออก แต่ถ้าระวังตัวหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อตอนที่กู้ชิงหยิ่งและคุนหลุนพยุงเฉินตงออกจากโรงพยาบาลกลับห้องเช่า

กู้ชิงหยิ่งก็ตกตะลึงสุดขีด

“เฉินตง นายอยู่ห้องแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?”

ในสายตาเธอแล้ว เฉินตงยังไงก็เป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เงินเดือนต่อปีก็เกินหลักล้านแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะอยู่ในห้องที่มีแค่สองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นที่แคบเหมือนรังหนูนี้ แถมยังเป็นแบบเช่าอีกต่างหาก!

อย่าว่าแต่เธอเลย ต่อให้เป็นคนอื่นก็ไม่มีใครเชื่อ

“ฉันว่ามันก็ไม่เลวนะ”

เฉินตงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง

ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของกู้ชิงหยิ่งอ้ำอึ้งอยู่สักพัก มองเฉินตงที่ยังหน้าซีดอยู่เล็กน้อยก็พลันรู้สึกสงสารขึ้นมา

เธอจู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่า แล้วเงินที่เฉินตงหามาได้ในหลายปีนี้หายไปไหนหมด

“ขอโทษนะ ฉันไม่ควรพูดแบบนี้เลย” กู้ชิงหยิ่งก้มหน้าลงเหมือนเด็กที่กระทำความผิด

คำพูดเมื่อกี้เธอก็พูดล่วงเกินเกินไปจริงๆ

เฉินตงส่ายหัวและยิ้มพูด “ไม่เป็นไรหรอก ที่สำคัญกว่านั้น เธอยังจำที่ฉันบอกว่าจะมีเซอร์ไพรส์ให้เธอได้ไหม?”

ขณะที่พูด เขาก็ขยิบตาใส่กู้ชิงหยิ่งและยิ้มออกมาโดยที่ไม่พูดอะไร

กู้ชิงหยิ่งมองเฉินตงอย่างตกใจ พอเริ่มมีสมมติฐานแล้ว แต่เฉินตงกลับไม่ปริปากพูดอะไรต่อ เลยทำให้เธอต้องล้มเลิกที่จะถามต่อ

ในเมื่อเป็นเซอร์ไพรส์ที่เขาจัดเตรียมเอง ถ้างั้นก็เชื่อฟังรอการมาถึงของเซอร์ไพรส์นั้นแต่โดยดีละกัน

ถ้าตอนนี้ถามมาก ก็จะทำให้เซอร์ไพรส์หมดความหมายน่ะสิ?

กู้ชิงหยิ่งกับคุนหลุนช่วยตั้งสัมภาระแทนเฉินตงเรียบร้อยแล้ว เฉินตงก็ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่อีกครั้งแล้วเปลี่ยนไปใส่เสื้อสูท

ในกระจก เขาก็หน้าซีดเล็กน้อยจริงๆ แต่สภาพจิตใจก็ดีขึ้นกว่าเมื่อกี้แล้ว

“คุนหลุน นายรออยู่ที่บ้านเถอะ ฉันกับเสี่ยวหยิ่งไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาลลี่จิงแล้วก็จะไปบริษัทต่อเลย”

เฉินตงสั่งเสร็จก็พากู้ชิงหยิ่งไปโรงพยาบาลลี่จิง

เฉินตงไม่ได้ใช้เวลาในการเยี่ยมแม่มากนัก

เขากลัวว่าถ้าอยู่กับแม่นานเกินไปจะให้แม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติเอาได้

ตั้งแต่เด็กจนโต เรื่องทุกเรื่องของเขาก็ไม่เคยรอดพ้นสายตาของแม่ได้เลยสักครั้ง

และในจริงแล้ว ตั้งแต่ที่เขากับกู้ชิงหยิ่งเข้ามาในห้อง หลี่หลานก็เห็นสีหน้าของเขาผิดปกติแล้ว จึงได้ถามออกไป

แต่เฉินตงใช้ข้ออ้างว่าทำงานเหนื่อยเกินไปเลยผ่านไปได้

มั่นใจว่าร่างกายของแม่กำลังค่อยๆดีขึ้น เฉินตงจึงสบายใจและกำชับสองสามเรื่องกับฟ่านลู่เสร็จก็ออกจากโรงพยาบาลกับกู้ชิงหยิ่งเลย และมาที่บริษัทไท่ติ่งต่อคนเดียว

หลังจากที่พนักงานบริษัทเห็นเฉินตงแล้ว สีหน้าก็โล่งใจขึ้นมาเล็กหน่อย

ต้องรู้ว่าไท่ติ่งในตอนนี้เพราะว่าโครงการการปรับปรุงใหม่ของย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเลยเกินงบมาเยอะมากแล้ว และแทบจะเดิมพันทุกอย่างไว้กับโครงการนี้แทบทั้งหมด

และเฉินตงในฐานะที่เป็นเจ้าของบริษัท แน่นอนว่าก็เป็นผู้นำของบริษัทและเป็นเสาหลักของพนักงานทุกคนด้วย

ที่เขาหายตัวไปในสามวันนี้ บริษัทก็เท่ากับว่าขาดหัวหน้าไป

ถ้าไม่ใช่เพราะมีพวกผู้บริหารระดับกลางเป็นคนดูแลไว้อยู่และควบคุมความคืบหน้าของโครงการ พนักงานทุกคนในบริษัทก็คงแตกตื่นกันนานแล้ว

เฉินตงเองก็รู้ดีว่าที่ตัวเองจู่ๆก็หายไปในสามวันนี้มีผลกระทบกับบริษัทมากแค่ไหน

พูดสั้นๆสองสามประโยคและปลอบประโลมความรู้สึกของพนักงานทุกคนเสร็จ เขาก็เรียกพวกเสี่ยวหม่าที่เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่เข้ามาในห้องออฟฟิศ

“ต้องขอโทษด้วยครับ ผมไม่อยู่สามวันนี้ ลำบากพวกคุณแล้ว”

ไม่มีคำพูดที่เป็นพิธีรีตองหรือคำทักทายอะไรที่เกินความจำเป็น เฉินตงลุกขึ้นขอโทษพวกเสี่ยวหม่าก่อนเลย

ดิ้นรนทำงานหนักมาสามปี เพื่อประสิทธิภาพของงาน เขาเคยชินกับการทำงานรวดเร็วและเฉียบขาด ไม่เหมือนกับพวกคนแก่ที่มีประสบการณ์ทำงานเยอะ แต่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ที่ชอบแสร้งรับหน้าเอาใจและคล้อยตาม แต่ลับหลังกลับปัดกันไปปัดกันมา

“พี่ตงครับ สามวันนี้พี่ทำให้พวกเราร้อนใจมากเลย ทุกคนเป็นห่วงว่าพี่เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสี่ยวหม่าพูดอย่างเป็นห่วง

เฉินตงยิ้ม รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที

เสี่ยวหม่าคือเขาเป็นคนผลักดันเองมากับมือ ความผูกพันที่เสี่ยวหม่ามีต่อเขา เขาเข้าใจทั้งหมด

ในความจริงแล้ว คนที่เขาส่งให้ไปรับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ของโครงการการปรับปรุงใหม่ในครั้งนี้ สำหรับเขาแล้ว พวกเขาคือคนที่สามารถมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญได้

“ไปจัดการธุระส่วนตัวมานิดหน่อยน่ะ ตอนนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว พวกคุณช่วยรายงานความคืบหน้าของโครงการให้หน่อย”

เฉินตงเปลี่ยนประเด็น เขาไม่อยากให้พนักงานของเขาเป็นห่วงสุขภาพของเขา

โดนคนแทงจนเสียเลือดเยอะจนต้องรีบช่วยชีวิต แต่แค่สามวันก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ถ้าพูดออกมาพวกเสี่ยวหม่าคงตื่นตระหนกกว่าเดิม

เสี่ยวหม่าไม่ได้ถามต่อแต่เริ่มรายงานเลย “ความคืบหน้าของแต่ละพื้นที่กำลังคืบหน้าอย่างเป็นข้นเป็นตอน และกำลังดำเนินการขอใบอนุญาตการซื้อขายล่วงหน้า คาดว่ากลางเดือนนี้ก็เริ่มเปิดให้จองได้แล้วครับ”

“กลางเดือนเหรอ?” เฉินตงดีใจขึ้นมาทันที

หลังจากที่เริ่มเปิดให้จองอาคารชุดที่สร้างใหม่นี้แล้ว ก็คือช่วงที่ไท่ติ่งเริ่มต้นขึ้นอย่างสมบูรณ์

หยุดพูดไปพักหนึ่ง ผู้ดูแลอีกคนก็พูดขึ้น

“แต่ว่าพี่ตงครับ อาคารชุดของภาคตะวันตกของเมืองใหญ่ขนาดนี้ ส่วนตัวผมคิดว่าอย่าเพิ่งเปิดจองทั้งหมดในทีเดียวจะดีกว่านะครับ แบบนี้จะทำให้ราคาบ้านลดลง และยังจะทำให้การตลาดเกิดความโกลาหลอีกด้วยครับ”

เฉินตงพยักหน้าและเริ่มคิดไตร่ตรอง

อย่างที่พูด ย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเป็นย่านเก่า ขึ้นชื่อเรื่องความสกปรกและสภาพแวดล้อมแย่ แต่ขนาดพื้นที่กลับไม่น้อยเลย

ครั้งนี้ที่เขาแบ่งแยกโซนออกมา ก็แยกออกมาสิบโซนเต็มๆ

ข่าวที่ สยามยี่เคอ จะมาเข้าตั้งที่นี่ ทำให้ราคาบ้านของย่านสลัมภาคตะวันตกของเมืองขึ้นสูงตามไปด้วย

ถ้าเปิดขายห้องทุกโซนพร้อมกัน จำต้องทำให้จำนวนอสังหาริมทรัพย์ของเมืองนี้พุ่งสูงขึ้นแน่นอน นี่ไม่เพียงแต่ผลลัพธ์การเปิดจองจะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ยิ่งเป็นไปได้ว่าจะทำให้ราคาบ้านต่ำลงอีกด้วย

และอีกอย่าง มีอสังหาริมทรัพย์ที่ภาคตะวันตกของเมืองปรากฏขึ้นในตลาดมากเกินไป ต้องทำให้มวลชนแย่งกันซื้อแน่ๆ เพราะในตอนนี้แล้ว บ้านภาคตะวันตกของเมืองเป็นที่แย่งชิงของคนทั่วไปอยู่

เพียงแค่ยี่เคอปักหลักเข้าเรียบร้อย ราคาบ้านก็จะสูงขึ้นอีก

“เอาอย่างนี้ เริ่มเปิดจองตรงอาคารฝั่งตะวันตกสุดก่อน โซนที่เสี่ยวหม่าอยู่กับโซนที่อยู่ใกล้กับโซนหลัก ค่อยๆทยอยเปิดจองต่อจากนั้น” เฉินตงตัดสินใจได้แล้ว “กำหนดเปิดจองวันที่ 15”

“ได้เลยครับ”

พวกเสี่ยวหม่าขานตอบพร้อมกัน ออกจากห้องทำงานด้วยความรู้สึกฮึกเหิมเต็มเปี่ยม

ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลพื้นที่ ไม่สิ ต่อให้เป็นพนักงานบริษัทก็รู้ว่าไท่ติ่งโด่งดังในชั่วข้ามคืนครั้งนี้ ทุกคนก็จะได้รับผลพวงที่ไม่น้อยเลยทีเดียว

อันที่จริง เมื่อตอนนี้เฉินตงยังเป็นรองประธานอยู่ก็ไม่ใช่คนที่ขี้เหนียวแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“กำหนดเป็นวันที่ 15 แล้วกัน”

เฉินตงลูบคาง ดวงตาฉายประกายระยิบระยับและยิ้มจางๆออกมา

จากนั้น เขาก็หยิบมือถือขึ้นโทรหาคุนหลุน ให้คุนหลุนไปหาบริษัทออกแบบภายในไปลงตรวจสอบวิลล่าเขาเทียนซานจริง แล้วก็ไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมย้ายเข้าไป

หลังวางสาย เฉินตงก็ส่งข้อความให้กู้ชิงหยิ่ง

“เสี่ยวหยิ่ง วันที่15 ฉันจะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่โตให้เธอ”

“ดีสิจ๊ะ”

กู้ชิงหยิ่งตอบสั้นๆเรียบๆ

เฉินตงยิ้มออกมา เขารู้ว่าเสี่ยวหยิ่งกลับประเทศก็เพื่อเขา และก็ยิ่งเพื่อเวลาที่เขาตกอยู่ในความยากลำบากจะได้ช่วยดึงเขาขึ้นมาได้

ในเมื่อเขาเป็นแฟนกับกู้ชิงหยิ่งแล้ว

งั้นเขาก็จะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับกู้ชิงหยิ่ง

วันที่15 วันนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่วันที่เขาจะยื่นคำตอบอีกอย่างให้กับพ่อที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน

แต่ยังเป็นวันที่เขาจะให้เซอร์ไพรส์ซ้อนเซอร์ไพรส์กับกู้ชิงหยิ่งอีกด้วย เขาจะให้คนทั้งเมืองรู้ว่ากู้ชิงหยิ่งเป็นแฟนของเขา

และยิ่งต้องทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้ว่า การที่เธอเอาทั้งชีวิตของเธอมาเดิมพัน เขาจะไม่มีทางให้เธอแพ้เด็ดขาด!

เฉินตงขยี้จมูกไปพลันกับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าวันที่15 วันนั้น เสี่ยวหยิ่งจะมีปฏิกิริยายังไงกับเซอร์ไพรส์ซ้อนเซอร์ไพรส์นี้กันนะ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset