Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 58 หมื่นคนรอคอย เธอมาแล้ว!

บทที่ 58 หมื่นคนรอคอย เธอมาแล้ว!

หลงถิงฮัวหยวน

คืออาคารชุดภาคตะวันออกของเมืองที่จะเปิดจองในวันนี้

ตั้งแต่เช้าตรู่ ด้านหน้าสำนักงานขายที่ตกแต่งหรูหรานั่นก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ล้นหลามมากจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้

ในความจริงแล้ว มีหลายคนมากที่ซื้อห้องเพื่อ “ทำเงิน” ถึงขนาดที่ว่าต่อแถวกันยาวเหยียดที่หน้าสำนักงานขายตั้งแต่ตอนเย็นของเมื่อคืน

ใครจะคิดไปว่า ภาคตะวันตกของเมือง สถานที่ที่สกปรกและสภาพแวดล้อมแย่ที่คนในเมืองนี้ต่างก็ละทิ้งไปราวกับรองเท้าเก่าที่ขาดลุ่ยก็จะมีวันที่เป็นที่สนใจของคนทั้งเมืองแบบนี้

แถวยาวเหยียดจนมองไม่เห็นหัวท้าย แม้จำนวนคนที่ต่อแถวจะเยอะเกินกว่าจำนวนห้องของตึกแล้ว แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความกระตือรือร้นของคนที่ต้องการจะซื้อห้องได้

แถวยิ่งอยู่ยิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆ

พื้นที่ข้างหน้าสำนักงานขายเต็มไปด้วยผู้คนหนาแน่น รถยนต์ก็ถูกให้ไปจอดอยู่ที่ห่างจากนี่อีกหนึ่งกิโลเมตร

ถึงขนาดที่ว่าเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่ไม่ให้เกิดอันตรายจากการรวมตัวกัน หน่วยงานรักษาความปลอดภัยของเมืองนี้ถึงกับต้องตั้งใจส่งคนมาดูแลสถานที่กันเลนทีเดียว

สื่อต่างๆของเมืองนี้ต่างก็มาตั้งหลักที่เขตเฉพาะแล้ว กล้องก็ตั้งไว้พร้อมแล้ว เตรียมพร้อมลุยทุกเมื่อ

ฉากแบบนี้ ใหญ่โตอลังการเป็นประวัติการณ์!

ต่อให้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์สิบอันดับแรกของเมืองนี้ก็ไม่เคยมีผลลัพธ์ที่สั่นสะท้านขนาดนี้มาก่อน

“พี่ต้าเป่าครับ วันนี้ต้องยุ่งมากแน่นอนสินะครับ”

ข้างในสำนักงานขาย มีพนักงานขายวัยรุ่นคนหนึ่งมองผู้คนล้นหลามข้างนอกนั่นและพูดกับหลี่ต้าเป่าอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย “พี่ว่า แต่เดี๋ยวคนพวกนี้พุ่งเข้ามาจะเหยียบผมตายรึเปล่าครับเนี่ย?”

“ดูแกซิ ฉันพาแกมาให้ช่วยขายห้อง ให้โอกาสแกได้ทำเงินฟรีๆ แกยังจะกลัวจะโดนเหยียบตายอีก?”

หลี่ต้าเป่ามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาดูถูกแวบหนึ่งแล้วมองผู้คนล้นหลามข้างนอกนั่น ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก

ที่เขามาอยู่ที่นี่ เหตุผลหลักก็เพราะว่าจำนวนเปิดขายของไท่ติ่งมีไม่มากพอกับสถานการณ์ในวันนี้ เพราะฉะนั้นเฉินตงจึงยืมคนมาช่วยจากโจวเย่นชิวมาล่วงหน้า

นึกย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ไท่ติ่งตอนนั้นยังอยู่ในมือเขา

แต่ตอนนี้ แค่เวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ สถานะของเขากับเฉินตงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ไม่เพียงเท่านี้ เฉินตงยังสามารถพาไท่ติ่งที่ถูกเขาทำให้เสียหายมาก่อนหน้า ให้พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วได้เท่าสภาพในวันนี้

นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ หลี่ต้าเป่าก็อายจนหน้าแดงซ่านออกมามากและก็หัวเราะเยาะตัวเอง

เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆไม่ได้สังเกตเห็นถึงความแปลกไปของหลี่ต้าเป่า จึงพับแขนเสื้อขึ้นและยิ้ม “พี่ต้าเป่าพูดถูก ห้องพวกนี้ วันนี้พวกเราไม่ต้องพูดอะไรมากเลย แค่สนเรื่องเซ็นสัญญาก็พอ ยิ่งเซ็นได้เยอะเท่าไรค่าคอมมิชชั่นก็ยิ่งได้เยอะสินะครับ”

สิ้นเสียงที่พูด เสี่ยวหม่าที่ดูแลการขายในครั้งนี้ ก็รีบพาคนวิ่งออกไปข้างนอก

“เร็วเข้า เถ้าแก่มาแล้ว!”

หลี่ต้าเป่าดึงสติกลับมาและเลิกคิ้วขึ้น รีบพาเด็กหนุ่มตามพวกพนักงานขายวิ่งออกไปข้างนอกอย่างเร็ว

ถนนกว้างขวางที่อยู่ข้างนอกสำนักงานขาย ตอนนี้กลับแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้

แต่พอหน่วยงานรักษาความปลอดภัยมารักษาความเรียบร้อย บนถนนกว้างเส้นเดิมนั่นก็แยกทางที่สามารถให้รถหนึ่งคันขับผ่านออกมาได้

มาแล้ว!

พวกสื่อที่มีประสาทรับรู้ที่ว่องไวต่างก็พากันเล็งกล้องไปที่ทางผ่านนั่น

ส่วนบรรดาผู้ซื้อห้องที่ต่อแถวรอคอยอยู่ก็จ้องมองมาด้วย

จากนั้น

รถแท็กซี่สีเหลืองสลับเขียวคันหนึ่งก็ขับมาอย่างช้าๆ

ฉากนี้ทำให้คนดูถึงกับคิ้วขมวดแน่น

ทำไมถึงมีรถแท็กซี่บุกเข้ามาได้?

เอี๊ยด!

รถแท็กซี่จอดลงด้านหน้าพวกเสี่ยวหม่าที่มาต่อแถวรอคอย

เสี่ยวหม่ารีบเดินขึ้นหน้าไปเปิดประตูฝั่งหลังของรถ

“พี่ตงครับ ทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าทุกท่านก็มาถึงแล้วครับ”

เฉินตงที่สวมใส่เสื้อสูทและรองเท้าหนังลงจากรถ มองดูผู้คนหนาแน่นด้วยสีหน้าสดใสและพลังงานเต็มเปี่ยม

สถานการณ์แบบนี้ทำให้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

ไม่ใช่เพราะเขาชอบอานุภาพใหญ่โตแบบนี้ แต่เพราะสถานการณ์แบบนี้คุ้มค่าแล้วกับที่เขาและเหล่าพนักงานทำงานหนักกันอย่างไม่รู้วันไม่รู้คืนในตลอดหนึ่งเดือนนี้

“ไปกันเถอะ”

เฉินตงเดินนำไปที่สำนักงานขายก่อนเลย

เสี่ยวหม่าและเหล่าพนักงานขายเดินตามไปติดๆ แบ่งเป็นสองแถวคล้ายกับมังกรยาวสีดำสนิทสองตัว

ภาพนี้ ทำให้พวกสื่อและผู้ซื้อบ้านต่างก็ทำหน้าตะลึงงันกันอยู่กับที่

หลังจากที่เฉินตงพาพวกพนักงานขายเข้าไปในสำนักงานขายแล้ว

ในกลุ่มสื่อ จู่ๆก็มีเสียงตกใจดังขึ้นว่า

“เชี้ย! นั่นมัน นั่นเหมือนจะเป็นเถ้าแก่ปัจจุบันของไท่ติ่งนี่!”

คำพูดนี้ทำให้ตกใจกันทั่วสนั่น

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาทันที ล้วนเผยสีหน้ายากที่จะเชื่อออกมา

“เถ้าแก่ของไท่ติ่ง? นั่งรถแท็กซี่มา? เมื่อกี้ฉันตาฝาดหรือเปล่า?”

“เถ้าแก่คนนี้ทำตัวค้อมต่ำเกินไปแล้ว พัฒนาภาคตะวันตกของเมืองที่เป็นตัวทำเงินขนาดนี้ จะเสียดายกับการแค่ซื้อรถแค่คันเดียวเนี่ยนะ?”

“จบกันๆ เมื่อกี้ลืมถ่ายไว้ซะด้วย นี่ถ้าได้ถ่ายไว้นะ รับรองเลยว่าต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน”

……

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเรื่อยๆไม่หยุด คล้ายกระแสน้ำและคลื่นทะเลที่โหมซัดกระหน่ำ

พอเฉินตงมาถึงแล้ว ไม่นาน พิธีกรก็ขึ้นเวทีเริ่มพูด

นี่ก็เป็นการประกาศว่างานเปิดจองได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

ไม่มีการอืดอาดยืดยาด ยิ่งไม่มีการแสดงร้องเพลงเต้นรำตามธรรมเนียมเมื่ออสังหาริมทรัพย์ทำการเปิดจอง

เพราะเฉินตงรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ผู้ซื้อบ้านที่ต่อแถวมาตลอดทั้งคืนนี้ต้องการมากที่สุด

ภายใต้สถานการณ์ที่เหมือนกับผ่ากระบอกไม้ไผ่นี้ อะไรก็ตามที่พยายามขับดุนให้เด่นในงานแถลงเปิดตัว ล้วนเป็นสิ่งเกินความจำเป็นทั้งสิ้น ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใดๆแม้แต่นิดเดียว

หลังจากที่พิธีกรกล่าวคำปราศรัยให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาแล้ว ไม่นานก็ประกาศให้เริ่มพิธีตัดริบบิ้นขึ้น

เฉินตงตั้งแต่ที่เข้ามาในสำนักงานขาย ก็ไปพบปะและทักทายกับพวกหัวหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

พิธีกรประกาศเริ่มพิธีตัดริบบิ้นขึ้น คนทั้งหลายก็ทยอยขึ้นเวทีไปทีละคนๆ

ขณะนั้นเอง กล้องนับไม่ถ้วนก็เล็งไปที่คนทั้งหลายที่อยู่บนเวทีนั่นและเปิดแฟลชขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง

ส่วนผู้ซื้อบ้านที่มารวมตัวกันในสำนักงานขาย ก็จ้องมองด้วยประกายตาระยิบระยับด้วยเช่นกัน

พนักงานหญิงที่สง่าผ่าเผยและเรียบร้อย ไม่นานก็นำกรรไกรมอบไว้ในมือของเฉินตงและในมือของแขกรับเชิญที่ตัดริบบิ้นทุกคน

ในขณะที่พิธีกรกำลังจะประกาศให้ตัดริบบิ้นนั้น

จู่ๆ เฉินตงก็เดินขึ้นหน้าบอกกับพิธีกรว่า “ขอโทษนะครับ รบกวนทุกท่านช่วยอีกรอสักครู่นะครับ”

พิธีกรสีหน้าพลันชะงักขึ้นมา

ทุกคนในงานก็มองหน้ากันและกัน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

บทเวที แขกรับเชิญที่ถูกเชิญมาให้ตัดริบบิ้นต่างก็ขมวดคิ้วกันด้วย

เสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉินตงตลอดก็แสดงสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที รีบเดินไปที่ข้างหลังของเฉินตง

“พี่ตง ทำอะไรน่ะ? นี่เป็นพิธีตัดริบบิ้นนะครับ บนเวทีก็มีหัวหน้าหน่วยงานหลายคนรออยู่นะครับ!”

เฉินตงยิ้มพูดกับเสี่ยวหม่าเบาๆว่า “แฟนพี่ยังไม่มาน่ะ”

ผ่าง!

เสี่ยวหม่าเหมือนถูกฟ้าผ่า ตกใจงงอยู่กับที่

พี่ตงบ้าไปแล้วเหรอ?

แฟนยังไม่มาก็เลยไม่สนใจหัวหน้ากับคนมากมายนับพันนับหมื่นคนนี้เนี่ยนะ?

และในเวลาสั้นๆนี้เอง กล้องของพวกสื่อก็มีแสงแฟลชออกมากันอย่างบ้าคลั่ง แถมมากกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ด้วย

เถ้าแก่ของไท่ติ่ง จู่ๆก็เรียกหยุดในพิธีตัดริบบิ้นโดยที่ไม่สนใจคนมากมายนับพันนับหมื่นนี้ นี่เป็นข่าวใหญ่มาก!

เฉินตงไม่สนใจกับแสงแฟลชของพวกสื่อ แต่ไปยิ้มกับเสี่ยวหม่าแทนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

จากนั้นก็เดินไปที่ไมโครโฟนของด้านหน้าเวที ก้มหัวขอโทษและอธิบายว่า

“ต้องขอโทษแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆ รบกวนทุกท่านช่วยรออีกสักครู่นะครับ เพราะว่ามีคนที่สำคัญต่อผมมากคนหนึ่งยังมาไม่ถึง ช่วงเวลานี้ของวันนี้ ผมอยากจะแบ่งปันกับเธอและเป็นประจักษ์พยานด้วยกันกับเธอครับ”

คำอธิบายอย่างจริงใจนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนในงานคลายลงเล็กน้อย

ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา คนสำคัญแบบไหนกันนะที่ทำให้เถ้าแก่ของไท่ติ่งทำสิ่งที่เสียมารยาทออกมาได้ในเวลาแบบนี้?

จากนั้น เฉินตงก็เดินไปข้างๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งวีแชทให้กับกู้ชิงหยิ่ง

“ถึงแล้วยังน่ะ?”

“ถึงแล้วจ้ะ”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน หันหลังกวาดตามองที่ผู้คนมากมายนี้

เมื่อเขาเห็นเงาสวยพริ้มเพรานั่นกำลังเดินมาอย่างไวในฝูงชน รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเขาก็อ่อนโยนถึงขีดสุดและยกไมโครโฟนขึ้นอย่างช้าๆ

“ทุกคนครับ คนที่ผมรอมาถึงแล้วครับ”

ชั่วขณะนั้นเอง ทั้งห้องก็เงียบสนิท

สายตาทุกคู่หันไปมองทิศทางที่เฉินตงมองอยู่

ในกลุ่มสื่อ กล้องทุกตัวก็ระเบิดแสงแฟลชลานตาออกมา และเล็งไปที่นั่นกันอย่างพร้อมเพรียง

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset