Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – # ตอนที่ 183 คนที่ฆ่าพ่อตัวเอง

บริเวณประตูทางเข้าของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

มายบัคกำลังจอดสนิทอยู่

คุณท่านใหญ่หลี่นั่งอยู่ที่นั่งทางด้านหลัง แววตาเต็มไปด้วยความมืดมน นิ้วชี้ด้านขวาของเขาเคาะอยู่บนไม้เท้าเบาๆ

“บางที……นี่อาจจะเป็นวิธีสุดท้ายแล้ว”

เพื่อตระกูลหลี่แล้ว เขาจึงไม่ยอมรามือง่ายๆ

ถึงขนาดที่ว่าในตอนนั้น มรดกที่เฉินเต้าหลินทิ้งเอาไว้ให้กับเฉินตงสองแม่ลูก เขาก็สามารถยักยอกได้โดยไม่รู้สึกลังเลเลยแม้แต่น้อย

สำหรับเขาแล้ว ตระกูลหลี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด !

ส่วนลูกสาว……เหอะๆ เป็นแค่สินค้าที่ใช้แลกเปลี่ยนกับเงินก็เท่านั้น

“คุณท่าน มาแล้วครับ” บอดี้การ์ดที่เป็นคนขับรถเอ่ยปากเรียก

หลี่หลานเดินออกมาจากเขตวิลล่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

กำมือถือเอาไว้ในมือแน่น

เธอมองไปยังมายบัคที่จอดห่างออกไปไม่ไกล ด้วยแววตาที่ซับซ้อน

ถือว่าเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน จากนี้ต่อไป จะไม่หลงเหลือความผูกพันใดๆ ต่อกันอีก

หลี่หลานคิดพลางก็เดินตรงเข้าไปหามายบัคที่จอดอยู่

กระจกรถลดต่ำลง

คุณท่านใหญ่หลี่ที่ก่อนหน้านี้แววตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง บัดนี้กลับยิ้มให้หลี่หลาน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน

“ขึ้นมานั่งบนรถสิ วันนี้พ่อจะไปจากที่นี่แล้ว จะกลับเมืองหลวงแล้ว”

“ไม่ดีกว่าค่ะ” หลี่หลานส่ายหัว “หลังจากที่คุณเท่าเรื่องนั้นในตอนนั้นแล้ว พวกเราก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันอีก”

“เกลียดไหม ?”

คุณท่านใหญ่หลี่เลิกคิ้วแล้วยิ้ม

แววตาของหลี่หลานเต็มไปด้วยความโกรธ เธอพยักหน้าอย่างแรง

คุณท่านใหญ่หลี่ส่ายหัว : “ที่พ่อทำเช่นนั้นเพื่อตระกูลหลี่ของเรา”

หลี่หลานรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำ

เพื่อตระกูลหลี่แล้ว ถึงขั้นทิ้งขว้างเธอและเฉินตงเลยหรือ ?

นี่เป็นเหตุผลแบบไหนกัน ?

“เจอกันแล้ว คุณก็ไปเถอะค่ะ”

หลี่หลานพูดออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันหลังเพื่อจะเดินกลับเข้าวิลล่า

ทันใดนั้น ก็มีน้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“แกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว กลับบ้านกับฉัน !”

หลี่หลานตัวสั้น หน้าถอดสี

ทันใดนั้น เธอเตรียมที่จะวิ่งหนี

แต่จู่ๆ ประตูรถก็เปิดออก จากนั้นบอดี้การ์ดที่เตรียมการมาอย่างดีก็เอามือปิดปากของหลี่หลานเอาไว้ แล้วลากตัวเธอเข้าไปในรถทันที

หลี่หลานคิดที่จะต่อสู้ แต่ร่างกายของเธออ่อนแอ จึงไม่อาจขัดขืนได้

ถึงขั้นที่ว่า แม้แต่เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของเธอ ยังดังไปไม่ถึงหูของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ของเขตวิลล่าเสียด้วยซ้ำ !

“ถ้าแกไม่กลับบ้าน ตงเอ๋อไม่มีวันยอมสิโรราบแน่”

คุณท่านใหญ่หลี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น : “ออกจากบ้านมายี่สิบกว่าปีแล้ว แกควรจะกลับไปกราบไหว้บรรพบุรุษได้แล้ว”

มายบัคสีดำเคลื่อนตัวลงจากภูเขาไป

ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเพราะตำแหน่งที่มายบัคจอด และการลงมือที่รวดเร็วของคุณท่านใหญ่หลี่ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ไม่ทันสังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย

……

ขณะที่เครื่องบินลงจอดที่ซีสู่ ก็เป็นเวลา 11 นาฬิกาแล้ว

เมื่อออกจากสนามบิน คุนหลุนได้วางแผนการทั้งหมดเอาไว้แล้ว มีรถบีเอ็มดับเบิลยูขับออกมาจากลานจอดรถ

หลังจากขึ้นรถแล้ว ท่านหลงก็พูดว่า : “ไปโรงแรมหนานซาน”

“โรงแรม ?”

เฉินตงหันมองท่านหลงด้วยความประหลาดใจ : “ไม่ได้ไปตระกูลฉินหรือ ?”

“ลูกชายคนนี้พิเศษ เขาไปพักในตระกูลฉิน” ท่านหลงยิ้มด้วยท่าทีแปลกๆ

พิเศษ ?

เฉินตงขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด เมื่อคืนตอนที่ท่านหลงเริ่มแนะนำฉินเย่ เขาก็ใช้คำว่า “พิเศษ”

ตอนนี้ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เฉินตงเริ่มคิดเรื่องนี้ขึ้นมา

ตระกูลเฉินกับตระกูลฉินเป็นคู่แข่งกัน ถึงแม้ฐานะของตระกูลจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่สามารถกันทั้งสองตระกูลออกจากการเป็นคู่แข่งกันได้ อย่างไรเสียในการทำธุรกิจก็ต้องมีจุดที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้น

ในเมื่อเป็นคู่แข่งกัน การที่จะเชิญอีกฝ่ายมาให้การช่วยเหลือเขา ก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่ปกตินัก

เมื่อคืนตัวเขาเองก็คิดถึงจุดนี้ แต่เป็นเพราะเห็นความแน่วแน่ของท่านหลง เขาจึงระงับความคิดนี้เอาไว้ชั่วคราว

เฉินตงหันมองท่านหลง : “ท่านหลง ฉินเย่คนนี้มีความพิเศษตรงไหนกันแน่ ?”

ท่านหลงมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดออกมาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่กลับทำให้เฉินตงรู้สึกเสียวสันหลัง

“ไม่รู้ว่าสำหรับคุณชายแล้ว คนที่ฆ่าพ่อตัวเอง ถือว่าพิเศษพอไหม ?”

เฉินตงรู้สึกตัวสั่น เขาตกใจจนถึงขีดสุด

คนที่ฆ่าพ่อตัวเอง ?

นี่ยิ่งกว่าพิเศษเสียอีก !

ต่อให้ในช่วงเวลาที่เขาเกลียดเฉินเต้าหลินมากที่สุด เขาคิดแค่เพียงว่าชาตินี้จะไม่พบหน้ากันอีก แต่ไม่เคยคิดถึงขั้นที่จะฆ่าพ่อของตัวเองเลย !

“ท่านหลง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”

น้ำเสียงของเฉินตงต่ำลงเล็กน้อย ท่าทีของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

อัจฉริยะก็ส่วนอัจฉริยะ !

แต่เรื่องที่ฆ่าพ่อของตัวเอง เขาจะต้องรู้แน่ชัดให้ได้

คนที่สามารถฆ่าพ่อของตัวเองได้ จะต้องเป็นคนที่เลือดเย็นอย่างมาก แล้วจะมีใครที่เขาจะไม่กล้าฆ่าอีก ?

ตลอดทางมีคุนหลุนเป็นผู้ขับรถ

ส่วนท่านหลงก็ค่อยๆ อธิบายต่อ

ท่าทีของเฉินตงค่อยๆ ผ่อนคลายลง

จากการบอกเล่าของท่านหลง ถึงแม้จะยังไม่รู้สาเหตุที่ฉินเย่ฆ่าพ่อของเขาอย่างแน่ชัด แต่คนภายนอกต่างคาดเดาว่า เป็นเพราะผู้เป็นพ่อคงจะทำเรื่องที่ยากจะให้อภัยได้ จึงทำให้ฉินเย่ลงมือฆ่าเขาด้วยความโกรธ

อีกทั้งหลังจากที่ฆ่าพ่อเรียบร้อยแล้ว เขายังสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในตระกูลฉินได้อย่างปกติ นี่ถือเป็นพิสูจน์ที่ดีที่สุด !

นี่เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของตระกูลฉิน ทำให้เป็นการยากที่คนภายนอกจะสามารถเข้าไปสืบหาความจริงให้กระจ่างได้

แต่ทว่า เฉินตงเองก็ได้รับรู้ข้อมูลที่สำคัญบางอย่างจากคำบรรยายของท่านหลง

นั่นก็คือ การต่อสู้ในสนามรบทางด้านการเงินในตอนนั้น เงินที่เขาสามารถกวาดมาได้หลายหมื่นล้านเหรียญ เท่ากับว่าเป็นเงินที่เขาใช้ซื้อชีวิตจากตระกูลฉิน !

หมื่นล้านเหรียญสำหรับซื้อชีวิต

แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ากลัว แต่โทษในการฆ่าพ่อของตัวเอง หากไม่มีความลับบางอย่างปิดบังซ่อนอยู่ภายในนั้น ไม่มีทางที่ตระกูลฉินจะยอมมอบโอกาสนี้ให้แก่เขาเด็ดขาด

อีกทั้ง หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉินเย่ก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติอยาในตระกูลฉิน

แต่อยู่ในฐานะที่พิเศษออกไป

เดิมทีเขาไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลฉิน ยิ่งเขากระทำความผิดที่รุนแรงขนาดนี้ ยิ่งทำให้ถูกตระกูลฉินกีดกันออกไป

ถึงขั้นว่า ไม่สามารถกลับไปที่บ้านตระกูลฉินได้ ต้องอาศัยอยู่ที่โรงแรมมาเป็นเวลาหลายปี

อีกทั้งหลังจากที่ฉินเย่สร้างชื่อเสียงจากสนามรบการเงินในตอนนั้นได้แล้ว ก็หลบซ่อนไม่ยอมปรากฏตัวต่อสาธารณชน ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกว่า เขาคงถูกตระกูลฉินเลี้ยงดูปูเสื้ออย่างดีโดยไม่ต้องทำอะไรอีก

หลังจากฟังจบ เฉินตงก็รู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก

เขาลูบจมูก : “เป็นเพราะมีความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ นายถึงคิดว่าพวกเราอาจจะมีโอกาสเชิญเขาได้สำเร็จ ?”

ท่านหลงพยักหน้า : “กระผมได้ยินคนภายนอกลือกันว่า ถึงแม้ฉินเย่จะเป็นคนของตระกูลฉิน แต่เกรงว่าตอนนี้ก็จะเกิดความห่างเหินขึ้นแล้ว”

“เฮ้อ……”

เฉินตงถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นจึงมีรอยยิ้มเผยออกมาบนใบหน้า : “ช่างเถอะ ถ้าห่างมีความลับบางอย่างแอบซ่อนอยู่จริงๆ ฉินเย่ก็คงจะไม่ได้เป็นคนเลือดเย็นขนาดนั้น”

โรงแรมหนานซาน

ตึกใหญ่ที่สูงตระหง่าน

บริเวณรอบข้างบรรยากาศคึกคักและมีรถแล่นไปมาอย่างพลุกพล่าน

เมื่อพวกของเฉินตงทั้งสามคนเดินทางมาถึงโรงแรมหนานซาน ก็มีชายวัยกลางคนออกมาต้อนรับทันที

“สวัสดีครับคุณชาย สวัสดีครับท่านหลง สวัสดีครับพี่คุนหลุน”

เขากล่าวคำทักทายยาวเป็นชุด ทำให้เฉินตงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ท่านหลงยิ้มเล็กน้อย : “นี่คือคนที่ตระกูลเฉินส่งไปประจำการอยู่ในพื้นที่ แต่ละเมืองจะมีสำนักงานของตระกูลเฉินตั้งอยู่ และมีคนที่ตระกูลเฉินส่งมาคอยดูแล”

สีหน้าของเฉินตงนิ่งสงบ แต่กลับมีความตื่นเต้นเกิดขึ้นภายในจิตใจ

ทุกเมืองจะมีสำนักงานของตระกูลเฉินตั้งอยู่ แค่สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้อยู่เหนือคำว่ายิ่งใหญ่ไปไกลขึ้นอีก

“ฉินเย่พักอยู่ที่ห้องหมายเลข 99999 นี่คือคีย์การ์ดห้องพักของเขา” ชายวัยกลางคนยื่นคีย์การ์ดหนึ่งใบให้แก่ท่านหลง จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

“ไปกันเถอะครับคุณชาย”

ท่านหลงยื่นคีย์การ์ดให้แก่เฉินตง

ทั้งสามขึ้นลิฟท์ไป แล้วหาห้องพักจนเจอ

เฉินตงหยิบคีย์การ์ดขึ้นมา แล้วยืนลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นจึงเก็บคีย์การ์ดใส่กระเป๋า

ก๊อกก๊อกก๊อก !

เขาเคาะประตูอย่างมีมารยาท

ในเมื่อมาเพื่อที่จะเชิญคน ก็ควรที่จะมีมารยาทสักหน่อย

หากเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต คงจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก

หลังจากนั้น

มีเสียงหัวเราะและคำพูดล้อเล่นติดตลกดังออกมาจากภายในห้อง

“ขอร้องพวกคุณล่ะ ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวแล้วจริงๆ วันนี้แทบจะกินยาโด๊ปแทนข้าวอยู่แล้ว !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset