Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 63 พระอาทิตย์ตกพอดี วิวสวยคนงาม

บทที่63 พระอาทิตย์ตกพอดี วิวสวยคนงาม

การถามเฉินตงออกไปตรงๆว่ามีเงินเท่าไหร่ สิ่งนี้ถือว่ากำลังซักไซ้เรื่องส่วนตัวของเขาแล้ว

กู้ชิงหยิ่งที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่สามารถทำสิ่งที่ไร้มารยาทเช่นนี้ได้

แต่ว่าวันนี้เฉินตงทำให้เธอเซอร์ไพรส์ติดๆกันซ้ำๆ จนเหมือนมีค้อนหนักๆฟาดเข้าที่สมองของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกิจการไท่ติงหรือการพัฒนาย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองและการซื้อวิลล่าที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วย

สามสิ่งนี้ มีอันไหนที่ไม่ได้คำนวณด้วยหน่วยร้อยล้านบ้างล่ะ?

ถึงแม้ว่าเฉินตงจะมีผู้สูงศักดิ์คอยช่วยเหลือ แต่ผู้สูงศักดิ์ก็คงจะไม่ฮึดฮัดหยิบเงินมาสนับสนุนเฉินตงโดยตรงหรอกใช่ไหมล่ะ?

นี่มันไม่ใช่การช่วยเหลือแล้ว นี่มันคือพ่อกำลังจ่ายเงินให้กับลูกชายชัดๆ!

เห็นได้ชัดว่า กู้ชิงหยิ่งคิดว่าเรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับเหตุและผลอย่างแน่นอน

เฉินตงหยุดชะงักลง มองดูกู้ชิงหยิ่งที่กำลังประหลาดใจแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน : “ก็มีไม่มากนักหรอก รูดติดต่อกันหลายครั้ง เงินในบัตรก็เหลือไม่เยอะแล้ว”

พูดพร้อมกับหยิบบัตรธนาคารชงโค ออกมาแล้วคำนวณอย่างตั้งใจ และเอ่ยว่า : “น่าจะยังมีอยู่ห้าร้อยล้านล่ะมั้ง”

“บัตรธนาคารชงโค!”

ในเสี้ยววินาทีที่มองเห็นบัตรธนาคาร สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอเอามือปิดปากอย่างตกตะลึงและเกือบจะร้องตะโกนออกมา

เธอแทบจะไม่สนใจน้ำเสียงที่ไม่รู้จะทำเช่นไรดีของเฉินตงขณะที่พูดออกมาว่ามีเงินอยู่ห้าร้อยล้าน เพราะว่าบัตรธนาคารชงโคที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอช๊อคเสียยิ่งกว่าเอาเซอร์ไพรส์ทั้งหมดในวันนี้รวมเข้าไว้ด้วยกันเสียอีก!

เกณฑ์ของการมีเงินฝากจำนวนพันล้านแล้วยังมีเงื่อนไขการตรวจสอบที่ซับซ้อนและเข้มงวดต่างๆทำให้บัตรของธนาคารรชงโคกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง

สาเหตุที่เธอชัดเจนขนาดนี้เป็นเพราะว่าพ่อของเธอเองก็มีเช่นกัน

แต่ว่าเฉินตง…มีได้อย่างไร?

“คุณรู้จักเหรอ?” เฉินตงเองก็ประหลาดใจด้วยเช่นกัน

อยากให้รู้ด้วยว่าแม้แต่หลินเสว่เอ๋อที่เป็นพนักงานรับฝากเงินในตอนนั้นก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้าแล้วกดเสียงต่ำลงและเอ่ยถามว่า : “นี่คือสิ่งที่ผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นมอบให้คุณเหรอคะ?”

นอกเหนือจากผู้สูงศักดิ์ที่เฉินตงบอกแล้ว เธอไม่รู้จริงๆว่าจะเชื่อมโยงบัตธนาคารชงโค กับเฉินตงได้อย่างไร

“อื้ม ตอนแรกภายในบัตรมีหนึ่งพันล้าน ตอนนี้ผมได้นำส่วนหนึ่งออกมาใช้หมุนเวียนสำหรับโครงการภาคตะวันตกของไท่ติง” เฉินตงพยักหน้าพอเก็บบัตรเรียบร้อยแล้ว เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว การที่กู้ชิงหยิ่งรู้จักบัตรธนาคารชงโค ก็นับเป็นเรื่องปกติ

ไม่ว่ายังไงตัวของกู้ชิงหยิ่งเองก็เป็นทายาทคนรวยรุ่นที่สอง ถึงแม้ว่าบัตรธนาคารชงโค จะหาได้ยากมาก แต่ผู้จัดการธนาคารล้วนแต่รู้จัก กู้ชิงหยิ่งจะรู้จักด้วยก็สมเหตุสมผลเช่นกัน

“พันล้าน…”

หัวใจของกู้ชิงหยิ่งเต้นแรง ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกว่าไม่รู้ควรจะพูดอะไรดี

บัตรหนึ่งพันล้านของธนาคารชงโคมอบให้เฉินตงมือเปล่าเลยงั้นเหรอ?

ผู้สูงศักดิ์คนนี้ร่ำรวยอย่างมากด้วยสินะ?

เป็นเพราะว่าฐานะภูมิหลังของกู้ชิงหยิ่ง ในตอนนี้จึงยากที่จะซ่อนความหวาดผวาเอาไว้ได้และหลุดปากโพล่งออกมาว่า : “ตางั่งเอ๊ย คุณไม่อยากจะถามผู้สูงศักดิ์คนนั้นของคุณหลอว่า คุณเป็นลูกชายที่หายสาบสูญไปนานหลายปีของเขาหรือเปล่า ใช่ไหมล่ะ? เพราะว่าการแสดงออกแบบนี้มันดูไม่ดูใจกว้างมากเกินไปหลอ?”

เมื่อพูดมุกตลกออกมา แต่กลับมองไม่เห็นคำพูดอยู่ในนั้น

สิ่งนี้ทำให้เฉินตงแสดงออกด้วยการย่อตัวลง สายตาของเขาสลัวลงไปและมีร่องรอยของความหดหู่ปรากฎขึ้น

อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่านี่เป็นเรื่องตลกของกู้ชิงหยิ่งเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงระงับอารมณ์ลงไปได้อย่างรวดเร็ว จนกู้ชิงหยิ่งเองก็ไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเขาเลยเช่นกัน

“ไปเถอะ ไปดูข้างในบ้านกัน”

เฉินตงดึงกู้ชิงหยิ่งเดินเข้าไปในวิลล่า

เขาได้จัดเตรียมให้คุนหลุนเชิญนักออกแบบมาทำการตกแต่งบ้านในสไตล์ที่อบอุ่น

ภายใต้สถานการณ์ที่มีงบประมาณเพียงพอ เขาเชื่อว่าภายในของวิลล่าทั้งหมด จะไม่ทำให้เขาผิดหวังอย่างแน่นอน

วิลล่าหลังนี้ เป็นบ้านหลังใหม่ของเขาและแม่ในอนาคต

หลังจากที่เขากับแม่ต้องเร่รอนอยู่ในเมืองนี้มานานหลายปี นี่เป็นสถานที่ที่จะลงหลักปักฐาน

เพราะจากการเลี้ยงดูเขามา แม่ของเขาต้องได้รับความทุกข์ยากลำบากที่เฉินตงไม่สามารถจินตนาการได้เลย

ตอนนี้เขามีความสามารถแล้วก็ควรที่จะเป็นนกอินทรีย์ที่หาอาหารมาป้อนได้แล้ว

เพื่อที่จะมอบสถานที่พักฟื้นที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับแม่ เฉินตงยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นอีก

การออกแบบตกแต่งภายในด้วยไสตล์ที่อบอุ่นอยู่ภายใต้คำขอของเฉินตง

ไม่แสวงหาบรรยากาศหรูหรามากเกินไปและมีความอบอุ่นและสบายมากขึ้น

ในใจของเฉินตง สถานที่แห่งนี้คือบ้าน บ้านควรมีบรรยากาศที่อบอุ่นและสบาย ไม่ใช่ความหรูหราเพื่อที่จะอวดรวย

เมื่อเฉินตงเดินเข้าไปในวิลล่าและมองเห็นรูปแบบการตกแต่งแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

การจับคู่โทนสีอบอุ่นและเฟอร์นิเจอร์ที่สะดวกสบาย ทุกอย่างถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันและยังไม่พบข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย

ทำให้คนที่เดินเข้ามามีความรู้สึกผ่อนคลายโดยทันที

“เฉินตง สไตล์การตกแต่งแบบนี้ยอดเยี่ยมมากเลย” กู้ชิงหยิ่งเอ่ยชื่นชม “มีความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน”

เฉินตงยิ้มน้อยๆ : “ถ้าอย่างนั้นยินดีต้อนรับนายหญิงกลับบ้านนะครับ”

ใบหน้าสวยของกู้ชิงหยิ่งแดงระเรื่อและกล่าวอย่างโกรธๆ : “เกลียดจริงๆ อย่าไร้สาระให้มากนัก รีบพาฉันไปดูรอบๆเร็วเข้า”

เฉินตงเองก็มาที่นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงอยากรู้อยากเห็นทุกอย่างในวิลล่าด้วยเช่นกัน

ดังนั้นเขาและกู้ชิงหยิ่งจึงเดินไปรอบๆวิลล่าด้วยกัน

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเกิดความงงงวยเล็กน้อยก็คือ หลังจากที่เขาเข้าไปในวิลล่าแล้วก็ไม่เห็นคุนหลุนเลย

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว คุนหลุนรู้ว่าวันนี้เขาจะมา ยิ่งไปกว่านั้นเฟอร์นิเจอร์ที่นุ่มนวลเหล่านี้เพิ่งจะตกแต่งเสร็จวันนี้ คุนหลุนควรจะอยู่ในวิลล่าด้วย

วิลล่าทั้งหลังมีทั้งหมดสี่ชั้นและมีทุกอย่างครบครัน เช่นห้องรับรอง ห้องเอนเตอเทนเม้นท์เป็นต้น

ที่ชั้นบนสุด ยังมีระเบียงที่กว้างขวาง

นักออกแบบปลุกต้นไม้และดอกไม้ไว้รอบๆระเบียง ดอกไม้นานาชนิดต่างพากันแข่งขันกันเบ่งบาน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้

และที่ตรงกลางระเบียงยังมีชิงช้าและเก้าอี้ผ้าใบวางไว้

กู้ชิงหยิ่งนั่งลงไปบนชิงช้าแล้วแกว่งเบาๆ ดวงตานั้นลึกล้ำ : “เฉินตงคะ การเปลี่ยนแปลงของคุณทำให้ฉันประหลาดใจมาก”

วิ่งวุ่นมาแล้วทั้งวัน เฉินตงนอนเหยียดกายบนเก้าอี้แล้วมองดูพระอาทิตย์ค่อยๆตกที่ขอบฟ้า แล้วยิ้มอย่างเบิกบาน : “ใช่แล้วล่ะ จากคุกมาสู่สวรรค์ ผมคิดไม่ถึงเลย”

พูดคุยกันแล้วตามมาด้วยการเข้าสู่ความเงียบงัน

ทั้งเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายความเงียบงันบนระเบียง

ดูเหมือนว่าในเวลานี้ ทั้งสองคนต่างพากันเงียบลงและเพลิดเพลินอย่างสบายใจกับความเงียบสงบในช่วงเวลาแห่งความสันโดษนี้

ที่ขอบฟ้า พระอาทิตย์ค่อยๆตกลง

ดวงอาทิตย์ดูคล้ายกับเปลวไฟ ก้อนเมฆที่มีแสงเรืองรองได้ย้อมท้องฟ้าครึ่งหนึ่งเป็นสีแดง

สวยงามราวกับภาพเลื่อน

เมื่อดวงอาทิตย์ตกลงมาถึงจุดที่แน่นอนแล้ว เหมือนกับมีแสงไฟปกคลุมด้านบนของวิลล่าเอาไว้

ดูราวกับว่าวิลล่าทั้งหลังได้สวมเสื้อคลุมสีทองอันงดงามส่องแสงสว่างระยิบระยับ

“ว้าว…สวยมากเลย”

กู้ชิงหยิ่งมองดูพระอาทิตย์ตกดินนั้นดวงตาเป็นประกายอย่างอดไม่ได้ ทั้งตกตะลึงและถอนใจอย่างชื่นชม

เฉินตงยิ้มและจ้องมองพระอาทิตย์ตกดินเช่นเดียวกัน ทิวทัศน์ที่สวยงามแบบนี้มีวิลล่าเพียงไม่กี่หลังบนเนินเขาของเขาเทียนซานเท่านั้นที่ได้ครอบครอง

สิ่งนี้เป็นเหตุผลที่วิลล่าหลายหลังนี้สามารถขายออกได้ในราคามากกว่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญ

“เฉินตง คุณรีบลุกขึ้นมาดูสิ พระอาทิตย์ตกสวยงามมากเลย”

กู้ชิงหยิ่งเห็นเฉินตงขี้เกียจอย่างนี้แล้ว กู้ชิงหยิ่งเดินอย่างสนุกสนานเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปถึงด้านข้างของเฉินตงและต้องการดึงเฉินตงขึ้นมา

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเฉินตงก็ออกแรงทันที

กู้ชิงหยิ่งก็มีท่าทางตกใจทันที เมื่อกรีดร้องออกมาก็ตกลงสู่อ้อมกอดของเฉินตงไปโดยธรรมชาติ

ทันใดนั้นทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน

พระอาทิตย์ตกพอดี

วิวก็สวยคนก็งาม

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ปรากฏขึ้นได้จังหวะอย่างพอดิบพอดี

มุมปากของเฉินตงยกขึ้น เขายิ้มและพูดว่า : “คุณไม่ได้พูดว่าอยากพักผ่อนหรอกเหรอ”

ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้านทันทีและความรู้สึกเผาใหม้ไปทั้งตัวก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่มอย่างรุนแรงไปหมดทั้งตัว

แต่ว่าสายตาของเฉินตงที่อยู่ตรงหน้า เธอก็ไม่ได้หลบสายตาไปทางอื่น

ทั้งสองคนมองหน้ากันและค่อยๆเข้ามาใกล้กัน…

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset