Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 66 สัญชาตญาณการต่อสู้ที่น่ากลัว

บทที่ 66 สัญชาตญาณการต่อสู้ที่น่ากลัว

“ผมรอคุณมาตลอด!”

ท่ามกลางความมืด เงาดำที่ถูกคุนหลุนคว้าข้อมือเอาไว้ ไม่เพียงแต่จะไม่มีอาการตื่นตกใจ ในทางตรงกันข้ามกลับมีความประหลาดใจเล็กน้อยอีกด้วย

เฉินตงขมวดคิ้ว สถานที่แห่งนี้มืดเกินไปแล้วจริงๆ ยกเว้นบริเวณรอบๆลูกกรงเหล็ก ส่วนที่เหลือล้วนแต่มืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรเลย

“คุณคือใคร?”

คุนหลุนปล่อยมือขวาของเขา เนื่องจากพบตัวแล้ว เขาไม่สนใจเลยว่าคนตรงหน้าจะลงมือหรือไม่

เป็นเพราะเขามั่นใจว่าในเสี้ยววินาทีที่คนผู้นี้ลงมือ เขาจะคว่ำมันลงได้

เงาร่างนั้นก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวหันหน้ารับแสงสว่างในทิศทางของกรงเหล็ก เผยให้เห็นแผลเป็นรูปตะขาบที่หางตาอย่างชัดเจน

“กูหลัง?!”

เฉินตงตะลึงไปชั่วขณะแล้วได้สติกลับคืนมาในทันที : “เมื่อกี้นี้นายไม่ได้อยากจะลงมือกับฉันเหรอ?”

ในกรงเหล็กคราวก่อน เขาให้ความเมตตาต่อลูกน้องของกูหลัง ปฏิกิริยาตอบสนองของกูหลังในตอนนั้น เขาไม่คิดเลยว่ากูหลังจะผูกพยาบาท ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกี้นี้ยังฉวยโอกาสทำร้ายในที่ลับ

“ผม ผมเพียงแค่อยากจะทักทายคุณ”

กูหลังรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย “เข้ามาในระหว่างการแข่งขันโรงยิมมวยใต้ดิน แล้วจู่ๆตะโกนเรียกนายจะส่งผลกระทบที่ไม่ดี”

เฉินตงถูจมูกแล้วยิ้มอย่างประดักประเดิด

“นายจะทักก็สามารถเดินเข้ามาใกล้แล้วทักทายก็ได้นี่นา มีมือดำมืดยื่นออกมาในสถานที่ประเภทนี้ ไม่ยากเลยที่คุนหลุนจะเข้าใจนายผิด”

“เป็นผมเองที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากพอ”

กูหลังแสยะยิ้ม

ได้พบกันอีกครั้ง เฉินตงค้นพบว่าลักษณะท่าทางของกูหลังตอนที่อยู่ในกรงเหล็กมีความแตกต่างอย่างมาก

เมื่อเขาอยู่ในกรงเหล็ก กูหลังทำให้เขารู้สึกเหมือนกับเป็นสัตว์ป่ากระหายเลือด และในตอนนี้ค่อนข้างจะมีความนุ่มนวลกว่ามาก

แม้จะมีความนิ่งเฉยอยู่บ้าง

ตูม!

ทันใดนั้น ในความมืดของโรงยิมมวยใต้ดินก็เกิดเสียงโห่ร้องตะโกนจนหูแทบแตก

เฉินตงผงะไปทันที เมื่อหันไปมองทางกรงเหล็ก การต่อสู้ได้มาถึงจุดที่เดือดที่สุด

ทั้งนองเลือดและโหดร้าย ในตอนนี้มันได้แสดงออกมาอย่างเต็มตาและทั่วถึง

สุนทรียภาพของความรุนแรงเมื่อกำปั้นกระแทกเนื้อเป็นปัจจัยที่ง่ายที่สุดในการกระตุ้นสัญชาตญาณอันป่าเถื่อนของมนุษย์

“ใกล้จะตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว” กูหลังพูดอย่างสงบนิ่ง : “ภายใต้การกดอัดด้วยโครงสร้างร่างกายและพละกำลังของฮิปโป ใช้เวลาประมาณหนึ่งนาทีก็สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว”

ด้วยการหมกมุ่นกับการต่อสู้ที่โรงยิมมวยใต้ดินอย่างยาวนาน กูหลังมีความเป็นมืออาชีพอย่างมาก

เฉินตงไม่ได้โต้แย้ง

สถานที่ประเภทโรงยิมมวยใต้ดินนี้สามารถฆ่าคนให้ตายได้ตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปฏิบัติอย่างซื่อสัตย์ในเกมการต่อสู้แบบนี้ ลำดับความสำคัญนั้นเป็นไปตามขนาด

แต่ทว่า ทันใดนั้นคุนหลุนกลับถามเฉินตงว่า : “คุณชาย คุณคิดยังไง?”

เฉินตงตะลึงไปชั่วขณะ แล้วมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาทันที

คุนหลุนกำลังทดสอบเขา

กูหลังที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้ว แต่กลับไม่ได้ส่งเสียง

เขาเพิ่งจะเข้ามาใกล้เมื่อสักครู่และถูกคุนหลุนค้นพบและหยุดด้วยหลังมือ ประเมิณแค่สิ่งนี้เท่านั้น เขาก็รู้แน่ชัดว่าคุนหลุนมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าเขา

ในความมืด เสียงกรีดร้องตะโกนนั้นราวกับเสียงคลื่น

และภายในกรงเหล็กมีเลือดสาดกระเซ็น เลือดทะลักออกมา

คนที่กูหลังเรียกว่าฮิปโปนั้นมีอำนาจเหนือกว่าในสถานการณ์ต่อสู้โดยสมบูรณ์ แม้กระทั่งหมัดหนักๆก็ใช้มือซ้ายสกัดเอาไว้ได้

แต่สิ่งที่ทำให้เฉินตงประหลาดใจที่สุดก็คือ ถึงแม้ว่าแขนจะหักไปแล้วข้างหนึ่ง แต่คนผู้นั้นกลับยังคงเคลื่อนย้ายหลบหลีกและในบางครั้งก็โต้กลับด้วยหมัดขวา

เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยและอาการบาดเจ็บไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้จิตใจวุ่นวายสับสนได้เลย

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเฉินตง

ทุกวินาทีที่ผ่านไป

การต่อสู้ที่ถึงขีดสุดได้ระเบิดอารมณ์ของผู้ชมทั้งสนาม

สายตาของเฉินตงจ้องมองการต่อสู้อย่างตั้งใจ พูดให้ถูกต้องคือจ้องมองไปที่ชายร่างเล็ก

คุนหลุนที่อยู่ด้านข้างดูคล้ายจะยิ้มออกมา

และกูหลังก็ส่งเสียงพึมพำว่า : “หรือว่ายังพลิกกลับมาได้?”

เสียงเพิ่งจะสิ้นสุดลง ทันใดนั้นเฉินตงก็พูดว่า : “ฝีเท้าของคนตัวเล็กมันแปลกมาก”

กูหลังมีท่าทีประหลาดใจแล้วรีบสังเกตดูฝีเท้าของชายตัวเล็ก

แต่คุนหลุนยังซักถามต่อไปว่า : “แปลกยังไงเหรอครับ?”

“การก้าวเท้าดูวุ่นวาย แต่ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่ามีการจัดระเบียบอย่างเป็นศิลปะ มันคือละมั่งแขวนเขา(ละมั่งแขวนเขาบนต้นไม้ตอนกลางคืนทำให้เท้าไม่แตะพื้นเป็นการระวังภัย) ทุกครั้งคือการหลบหลีกจุดยุทธศาสตร์สำคัญได้อย่างถูกต้อง

เฉินตงจ้องไปที่ชายร่างเล็ก แล้วใช้น้ำเสียงที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อพูดออกมาว่า : “การก้าวเท้าของเขาทำให้รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นสัตว์ร้ายที่กำลังรอช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงมือ เขากำลังรอ รอโอกาสที่ดีที่สุด แล้วใช้ท่าไม้ตาย!”

รูม่านตาของคุนหลุนหดตัวลง รอยยิ้มบนหน้าถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ

ในตอนที่เขาเคยเป็นทหารรับจ้าง การเข่นฆ่าที่เขาต้องเจอในสนามรบนั้นเทียบกับภายในกรงเหล็กแล้วโหดร้ายยิ่งกว่า ในขณะเดียวกันเขาได้สร้างพลังการต่อสู้ที่น่ากลัวในตัวของเขาที่ห่างไกลเกินกว่ากูหลังจะสามารถเทียบเคียงได้

เป็นเรื่องที่แม้แต่มืออาชีพอย่างกูหลังเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น

แต่ว่าคุณชายที่เคยเข้าสู่การต่อสู้จริงๆแค่ครั้งเดียว กลับ…ค้นพบแล้ว!

ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้ก็ทำให้หัวใจของคุนหลุนสูบฉีดด้วยเช่นกัน

เสียงเพิ่งจะลดลง

“อ้า!”

ในกรงเหล็ก ทันใดนั้นชายร่างเล็กที่ถูกทุบตีมาตลอดก็ระเบิดเสียงคำรามออกมา

“มาแล้ว!”

เกือบจะเป็นเวลาเดียวกัน ดวงตาของเฉินตงก็เป็นประกายแวววาว

ภายในกรงเหล็ก ชางร่างเล็กก้มตัวลงอย่างกะทันหัน โน้มมาข้างหน้า มือขวาพยุงพื้นเอาไว้แล้วขยับร่างกายส่วนล่างให้ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว มีเสียงลมที่รุนแรงตรงเท้าด้านขวา ทันใดนั้นมันก็กระแทกลงไปบนขมับของฮิปโปเหมือนกับขวานศึก

ปัง!

เกิดเสียงอู้อี้แล้วร่างกายที่ปกติเหมือนกับหอคอยเหล็กของฮิปโปก็แข็งทื่อในทันใด และล้มลงไปอย่างตรงทื่อในกรงเหล็ก

สนามต่อสู้ที่แต่เดิมมีเสียงดัง ทันใดนั้นก็เงียบกริบ

ทุกคนล้วนแต่ตะลึงงัน

ไม่มีใครคาดคิดว่าวาระสุดท้ายของการต่อสู้จะถูกเขียนขึ้นใหม่ภายในชั่วพริบตาเช่นนี้!

จนกระทั่งหลังจากที่กรรมการได้ประกาศผล ทั้งสนามที่เงียบกริบถึงได้ระเบิดเสียงกรีดร้องและตะโกนอีกครั้ง

“จริงเหรอ…เปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะจริงๆเหรอเนี่ย?” กูหลังตกตะลึงจนตาค้างและมองภายในกรงเหล็กอย่างเหลือเชื่อ

“ฟู่ว…” เฉินตงถอนใจยาว เมื่อกี้นี้พลังงานทั้งหมดของเขาได้เพ่งความสนใจไปที่ชายร่างเล็ก ทำให้เขาเองอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลกับสงครามการต่อสู้ขึ้นมา

“คุณชายครับ ความก้าวหน้าของคุณทำให้ผมประหลาดใจมากเกินไปแล้ว”

คุนหลุนตบไหล่เฉินตงอย่างชื่นชมและดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

อันคำว่าการศึกษาอันยอดเยี่ยมของคนรุ่นใหม่ของตระกลูเฉิน หนึ่งในนั้นคือสมรรถภาพทางกายและทักษะการต่อสู้

นับตั้งแต่ตนเองเข้าร่วมกับตระกูลเฉิน เขารู้ดีทุกอย่างเกี่ยวกับสมรรถภาพทางกายและระดับทักษะการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ของตระกูลเฉิน แต่ว่าไม่มีใครที่มีพัฒนาการได้รวดเร็วเท่ากับเฉินตง!

“สายตาของคุณท่านดูเหมือนคบเพลิงจริงๆ”

ในขณะที่ชื่นชมเวลาเดียวกันนั้นเอง คุนหลุนก็แอบถอนใจอยู่ในใจ

“อย่ามาไม้นี้เลย นายโยนข้อสอบออกมา ฉันถึงได้ดูอย่างละเอียด สิ่งนี้เทียบกับมองไปที่กูหลังโดยตรงแล้ว นั่นง่ายกว่ามาก”

เฉินตงตอบ อย่างนี้จะได้ไม่ทำให้กูหลังต้องรู้สึกอายเกินไป

คุนหลุนพยักหน้าแล้วพูดต่อไปว่า : “คุณชาย ขอให้จำไว้ว่า ทักษะการต่อสู้คือทักษะการฆ่าก่อนที่แพ้ชนะจะถูกกำหนด คุณสามารถถูกศัตรูโจมตีได้เป็นร้อยๆครั้ง ขอเพียงแค่คุณไม่ล้มลง คว้าโอกาสเอาไว้เพราะชนะหรือแพ้อยู่ในหนึ่งกระบวนท่าและการฆ่าคนจำเป็นต้องใช้แค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น”

เฉินตงพยักหน้าเงียบๆ

ดวงตาของกูหลังที่อยู่ด้านข้างมีความหวาดกลัวหนักยิ่งขึ้นและครุ่นคิดถึงบางสิ่ง

คุนหลุนยิ้ม : “แต่ว่า ชายร่างเล็กคนนั้นยังโง่อยู่เล็กน้อย ยอมจ่ายราคาออกไปมากขนาดนั้นเพียงเพื่อแลกกับการโจมตีที่รุนแรง คู่ต่อสู้ถูกเขาเตะจนเกือบตายและเขาแขนหักข้างหนึ่ง เขาไม่มีทางต่อสู้ได้ในหนึ่งหรือสองเดือนข้างหน้า”

“การต่อสู้คือทักษะการฆ่า ก่อนที่ชนะหรือแพ้จะถูกกำหนด ต้องพยายามสร้างสมดุลของอัตราส่วนต้นทุนและผลกำไรให้ได้มากที่สุดแล้วใช้ต้นทุนน้อยที่สุดแลกกับการฆ่าในหนึ่งกระบวนท่า!”

เฉินตงขบปากอย่างครุ่นคิด

“ผมจะไปช่วยคุณชายทำการนัดหมายเพื่อลงสนาม” คุนหลุนพยักหน้าแล้วจากไป

เวลานี้ ในที่สุดกูหลังก็มีสติคืนกลับมาจากความสยดสยอง

สายตาล้ำลึกของเขาเหลือบมองดูคุนหลุนที่จากไปแล้วสุดท้ายก็ตกอยู่บนตัวเฉินตง

เขาสงสัย และคิดอยู่…เพียงไม่กี่วินาที ดวงตาของกูหลังก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก

ท้ายที่สุด เขาก็แน่วแน่ขึ้นมาอย่างทันทีทันใด

พูดเสียงเข้มว่า : “ได้โปรดให้ผมติดตามคุณ!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset