Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 68 จะกลัวอะไรกับความตาย?

บทที่ 68 จะกลัวอะไรกับความตาย?

ท่ามกลางความมืด มีเสียงตะโกนอื้ออึงจนหูแทบหนวก

ไม่มีใครสนใจสถานการณ์ในกรงเหล็กเลย

สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือกำปั้นกระแทกเนื้อจนนองเลือดและการวางเดิมพันในการพนันขันต่อของตนเอง

หลายๆคนมีความทรงจำที่ลึกซึ้งกับเฉินตงที่สวมหน้ากากสีขาว

เพราะในการต่อสู้คราวก่อน เฉินตงทำให้พวกเขาต้องเสียเงิน

ด้านนอกกรงเหล็ก คุนหลุนคิ้วขมวดแน่น แล้วเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำว่า : “กูหลัง โรงยิมมวยใต้ดินของคุณ ได้ตั้งข้อจำกัดใดๆเอาไว้หรือเปล่า?”

“ข้อจำกัด?” กูหลังผงะ

คุนหลุนพูดขึ้นว่า : “อาวุธ!”

ตูม!

กูหลังราวกับถูกฟ้าผ่า แล้วมองดูผีนรกในกรงเหล็กอย่างเหลือเชื่อ

เขาไม่สงสัยในคำพูดของคุนหลุนเลยแม้แต่น้อย เพราะความแข็งแกร่งของคุนหลุนคือหลักฐานที่ดีที่สุดในคำพูดของเขา

เพียงแต่ว่า…อาวุธอยู่ที่ไหน?

ภายในกรงเหล็ก เฉินตงลองขยับแขนซ้ายของตนเอง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกผีร้ายเตะจนหัก แต่หลังจากที่กระดูกแตก เขาขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็เจ็บปวดจนยากที่จะทนได้

เห็นได้ชัดว่า อย่างน้อยๆในการต่อสู้นี้ แขนซ้ายของเขาก็ใช้การไม่ได้แล้ว

เขาไม่ได้ค้นหาลงลึกไปว่าทำไมผีร้ายนรกถึงสามารถสวมรองเท้าที่หุ้มนิ้วเท้าทั้งสองข้างเข้าสู่สนามประลองได้ แม้แต่สถานที่ที่ผู้คนมองไม่เห็นแสงสว่าง เขาไม่คาดหวังเลยจริงๆว่าจะมีความฉลาดในการตั้งกฎนี้

เฉินตงพยายามสูดลมหายใจอย่างแรงและสงบสติอารมณ์ของเขา ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจ้องมองผีร้ายนรกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามราวกับนกอินทรี

การต่อสู้ในครั้งนี้ รุนแรงมากกว่าการต่อสู้กับกูหลังคราวก่อน

ครั้งก่อนถึงแม้ว่าเขาจะถูกกูหลังกำราบได้ในตอนแรก แต่ก็ยังไม่โหดร้ายถึงขนาดเสียแขนข้างหนึ่งไปตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

ในการต่อสู้ที่สิ้นหวังเช่นนี้แล้ว สูญเสียพลังการต่อสู้จากแขนข้างหนึ่งไป มันมีความหมายว่าเข้าใกล้กับความตายมาอีกก้าวหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น ผลการรบของผีร้ายนรกเห็นได้ชัดว่าต้องการจะเอาคู่ต่อสู้ถึงตายเท่านั้น

“คริคริ…”

ภายใต้แสงไฟผีร้ายนรกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแผดเสียงหัวเราะโหยหวนออกมาราวกับผี : “สัญชาตญาณการต่อสู้ของแกแข็งแกร่งจริงๆ…ที่ฉันเคยเจอมา…แกแข็งแกร่งที่สุด”

เฉินตงแสดงท่าทางเคร่งขรึม เขาค่อยๆยืดเอวที่งอตัวอยู่ขึ้นมาให้ตรงแล้วบกมือขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก

“แต่แกก็ต้องตาย”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ผีร้ายนรกก็กระแทกเท้าขวาของเขาบิดลงบนพื้น เสื้อคลุมสีดำทำให้เขาดูราวกับผี แล้วพุ่งเข้าหาเฉินตงด้วยความเร็วสูง

ฟึ่บ!

เสียงแหวกลมดังขึ้น เฉินตงรู้สึกได้ถึงทิศทางที่ลาดเอียงจนเกิดภาพซ้อนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

มันคือลูกเตะของผีร้ายนรก!

เฉินตงไม่กล้าที่จะเข้าขวางอีก จึงดีดตัวบินออกไปในทิศทางแนวนอน

ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางไปเทียมกับโลหะได้

หลังจากถูกผีร้ายนรกเตะจนกระดูแขนแตก ถ้าหากว่าเขายังคิดจะต่อกรกับผีร้ายนรกซึ่งๆหน้า นั่นเท่ากับว่าได้สร้างหลุมในสมองของเขาแล้ว

ดูเหมือนว่าผีร้ายนรกจะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว

ในเวลาเดียวกันที่เฉินตงได้โยกออกไปในนอนแนว เสียงลอยหึ่งของหมัดขวา ก็กระแทกเข้ามาที่หัวของเฉินตงอยากอุกอาจ

ต้องการที่จะคร่าชีวิต!

ปึง!

หมัดขวาของเฉินตงระเบิดออกไปอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดของแรงกดที่รุนแรงได้แผ่ขยายมาตามกระดูกของนิ้วมือ

เขาย่นคิ้วเพราะรู้สึกปวด และสีหน้าก็เจ็บปวด

แต่การปะทะกันครั้งนี้ ผีร้ายนรกไม่ได้ถอยหนี เขาปล่อยหมัดขวาทะลุการป้องกันที่มือขวาที่ของเฉินตงตรงเข้ามาที่หน้าอกของเขา

ทันใดนั้น

อุ๊บ!

ภายใต้แสงไฟ แหวนบนนิ้วกลางที่มือขวาของผีร้ายนรกมีมีดสั้นหรือกริชเล็กๆโผล่ออกมาจากแหวนของเขา

มันเปล่งแสงอันเย็นยะเยือกออกมา

“เชี่ย!”

เฉินตงที่พยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง ในเวลานี้เขาถึงกับทนไม่ได้จนสบถออกมา

แคว่ก…

กริชนั้นได้วาดเป็นในแนวนอนและฉีกเสื้อผ้าบนหน้าอก บนผิวหนังของเขามีเส้นที่วาดเป็นบาดแผลเต็มไปด้วยเลือด

ตูม!

ในความมืด ผู้ชมทุกคนบนอัฒจันท์ต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องตะโกนกันอย่างกึกก้องราวกับฟ้าผ่า

เฉินตงยืนหายใจหอบอยู่ที่เดิม ใบหน้าปกคลุมด้วยความเย็นเยียบ และเฝ้าระวังผีร้ายนรกฝั่งตรงข้าม

แม้แต่อาการบาดเจ็บที่หน้าอก เขาก็ไม่มีเวลาที่จะไปสนใจ

เพียงแต่ว่าความเจ็บปวดที่ค่อยๆแพร่กระจายทำให้หางตากระตุกอย่างทนไม่ไหว

ทั้งรองเท้าโลหะ และแหวนซ่อนมีด ไม่แปลกใจเลยที่สัดส่วนของชัยชนะในการต่อสู้จะเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม!

ทันใดนั้นเฉินตงก็รู้สึกบางอย่าง ถ้าหากต่อสู้เพียงลำพังเหมือนกูหลังถึงแม้จะมีอัตราการชนะหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์

แต่อัตราการตายและการบาดเจ็บจะไม่มีทางสูงเหมือนผีร้ายนรกอย่างแน่นอน!

สายตาของเขามองไปที่ความมืดมิดโดยรอบอย่างเย็นชา

เสียงตะโกนที่ดังสนั่น ทำให้แก้วหูของเขาสั่น การหายใจก็อดไม่ได้ที่จะถี่รัวขึ้นมา

ตาย!

นี่คือความตาย!

เปรียบเทียบกับการต่อสู้ครั้งล่าสุดกับกูหลังแล้ว การเผชิญหน้ากับผีร้ายนรกในครั้งนี้ เฉินตงมีความรู้สึกที่รุนแรงมากว่า ที่กำลังเผชิญหน้ากับความตาย

ภายใต้สภาพแวดล้อมโดยรอบและเงื่อนไขการต่อสู้ที่ไม่เท่าเทียมกันโดยสิ้นเชิงนี้

ทำให้เขาที่ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง ยังคงไม่สามารถมีสภาวะอารมณ์ที่ไม่มั่นคงได้

“นิ่งเข้าไว้…จะต้องนิ่งไว้…”

เฉินตงเตือนสติตัวเองในใจไม่หยุด แม้กระทั่งต้องใช้ฟันกัดปลายลิ้นด้วยซ้ำ

เป็นวิธีเดียวกันกับครั้งที่แล้ว ครั้งนี้กลับไม่ได้ผล

แขนซ้ายที่กระดูกแตกและบาดแผลบนหน้าอก ล้วนแต่ทำให้เขาไม่มีวิธีที่จะกลับมาสงบได้อีกครั้ง

ผีร้ายนรกยืนอยู่ที่เดิม แล้วหัวเราะ “คริคริ” ออกมาอย่างแปลกประหลาดจนเสียดหูอย่างมาก

เขาไม่รีบร้อนลงมือเลย

การฆ่าคนของผีร้ายจะต้องบีบบังคับให้คนผู้นั้นทรุดลงไปทีละก้าวก่อนแล้วถึงได้ระเบิดท่าไม้ตายสุดท้ายออกมา

“คุนหลุน จะไม่ยั้งไว้งั้นเหรอ?”

กูหลังไม่ได้โง่ ก่อนหน้านี้เขานึกสงสัยว่าอาวุธของผีร้ายนรกอยู่ตรงไหนกันแน่ แต่ปากแผลที่มีเลือดบนหน้าอกของเฉินตงได้ยินยันคำพูดของ

คุนหลุนเรียบร้อยแล้ว

ด้านหนึ่งคือมือเปล่า แต่อีกด้านกลับติดอาวุธ

การต่อสู้เช่นนี้ ภายในกรงเหล็ก สถานการณ์ต่อสู้จะมีการต้องบาดเจ็บสาหัสหรือตาย!

แต่ทว่า คำพูดเย้ยหยันของคุนหลุนทำให้กูหลังอึ้งไปโดยฉับพลัน

“การเดินไปถึงเส้นขอบของความตายเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของความตายได้”

กูหลังมองคุนหลุนอย่างเหลือเชื่อ เมื่อดูจากน้ำเสียงของคนหลุนที่มีต่อเฉินตง ทั้งสองคนเป็นนายและบ่าวอย่างชัดเจน

นี่คือท่าทีของบ่าว….ที่มีต่อผู้เป็นนาย?

คุนหลุนค่อยๆหันกลับมา เหล่มองกูหลังทันใดนั้นก็เอ่ยถามว่า : “นายเคยฆ่าคนหรือเปล่า?”

กูหลังที่ถูกจับจ้อง ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย เขาเย็นยะเยือกจนขนลุกไปทั้งตัว

เขาพยักหน้าอย่างตกตะลึง : “เคยฆ่า”

“กี่คน”

“สามคน”

คุนหลุนยิ้มอย่างเหยียดหยาม : “ฉันเคยฆ่ามากกว่าสามร้อยคน!”

เปรี้ยง!

กูหลังราวกับถูกฟ้าผ่า

แต่สายตาของคุนหลุนกลับมองไปที่เฉินตงในกรงเหล็กอย่างลึกล้ำ ราวกับว่าพูดอยู่กับตัวเองและคล้ายจะพูดให้กูหลังได้ยิน

“ไม่ออกมาจากนรกแล้วจะส่งคู่ต่อสู้ไปนรกได้ยังไง? นายกับฉันมันต่างกัน!”

ภายในกรงเหล็กการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป

ผีร้ายนรกไม่มีแผนการที่จะยุติการต่อสู้โดยเร็ว

เขาทำให้การต่อสู้ครั้งนี้เหมือนเป็นการแสดงโชว์อย่างหนึ่ง

มอบความบันเทิงให้กับผู้ชมที่สนามทุกคน ระเบิดเลือดภายในตัวของทุกคนด้วยความนองเลือดที่รุนแรง

ทำให้ผู้ชมทุกคนเลือดสูบฉีด

บาดแผลตกลงบนตัวเฉินตงครั้งแล้วครั้งเล่า

จนชุ่มไปด้วยหยดเลือด

ด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เฉินตงหายใจถี่กระชั้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆและเปียกชุ่มไปทั้งตัว แม้แต่เขาเองยังแยกไม่ได้เลยว่าเป็นเลือดหรือเหงื่อกันแน่ที่ทำให้เปียกชุ่มไปทั้งตัว

เขารู้ว่าผีร้ายนรกกำลังปั่นหัวเขา

แต่ว่าการเล่นตลกแบบนี้ทำให้เขารังเกียจอย่างมาก

เหมือนกันกับ…การที่เขาถูกด่าทอว่า “ลูกสวะ” มาตั้งแต่เล็กจนโตเช่นเดียวกัน

ฟึ่บ!

กริชวงแหวนฟันผ่านแขนขวาของเขาไปอย่างโหดเหี้ยม ไม่ได้เข้าไปถึงชั้นใน แต่ดึงเป็นเส้นบาดแผลยาวเกือบสิบเซนติเมตรออกมา ผิวและเนื้อพลิกออกมาและมีเลือดพ่นกระฉูด

ปัง!

เฉินตงตะโกนร้อง “อ้า” หมัดขวากระแทกลงไปบนหน้าอกของผีร้ายนรก โต้กลับโดยใช้ประโยชน์จากแรงสั่นสะเทือน แล้วถือโอกาสก้าวถอยหลัง หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง ขาของเขาอ่อนแรงลงในทันทีและเกือบจะคุกเข่าลงบนพื้น

ในตอนนี้หน้ากากสีขาวของเขาแทบจะเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าก็ถูกฉีกขาดรุ่งริ่งและกระดำกระด่าง

ร่างกายของเขาสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้เพราะว่าความเจ็บปวดแล้วก็เป็นเพราะสัญชาตญาณการตอบสองต่อความกลัวและความตึงเครียดของมนุษย์ด้วย

“นิ่งเข้าไว้…ต้องนิ่งเข้าไว้…ตามที่คุนหลุนเคยสอน ความสงบนิ่งคือกุญแจแห่งชัยชนะ!”

เฉินตงไม่เคยยอมแพ้ต่อการควบคุมสภาวะอารมณ์ แต่สถานการณ์ของตัวเขาเองทำให้สภาวะอารมณ์ของเขาแย่ลงเรื่อยๆ

“ใกล้แล้วล่ะนะ…”

ผีร้ายนรกดึงแหวนกริชกลับมา แล้วขยับแขนทั้งสองข้าง พร้อมทำท่าเตรียมพร้อมที่จะใช้พิพากษาในการโจมตีครั้งสุดท้าย : “มือสมัครเล่นที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แค่อยากจะมาอยู่ในที่แห่งนี้ เมื้อโรงยิมมวยใต้ดินสามารถหลอมรวมได้ก็จริง แต่ไม่ใช่สำหรับสัตว์เร่ร่อนจากโลกภายนอกอย่างแก มันเป็นที่ของคนที่กล้าฆ่าคนโดยไม่มีการประณีประณอม!”

ตูม!

ร่างของเฉินตงสั่นสะท้าน สภาวะอารมณ์ที่ปั่นป่วนราวกับภูเขาไฟแข็งตัวทันที

เขากลั้นหายใจในชั่วพริบตา รอยยิ้มที่ดื้อรั้นปรากฏขึ้นตรงมุมปากเปื้อนเลือด

“ใช่แล้วล่ะ ลูกสวะเติบโตขึ้นมา ในสภาพแวดล้อมที่อยู่ก็แย่เสียยิ่งกว่าตายยังผ่านมาไำด้ แล้วจะกลัวอะไรกับความตายอีกล่ะ?”

“หืม?!”

ผีร้ายนรกส่งร้องตกใจออกมา

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ด้านนอกกรงเหล็ก

สีหน้าของกูหลังเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเอ่ยคำอุทานอย่างแผ่วเบา : “มาอีกแล้ว…”

และคุนหลุนเองก็ไม่สามารถปิดบังสีหน้าที่หวาดหวั่นไว้ได้ : “ไวมาก!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset