Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 73 ฉันมาดูลูกเขยที่รักของฉัน

บทที่ 73 ฉันมาดูลูกเขยที่รักของฉัน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

ท้องฟ้าเริ่มสว่าง

เฉินตงตื่นแต่เช้าเพื่อไปออกกำลังกายพร้อมกับคุนหลุน

เพราะอาการบาดเจ็บของร่างกาย เขาทำให้เพียงฝึกร่างกายขั้นพื้นฐานและการฝึกระบบฝึกปีศาจก็ต้องหยุดพักไปก่อน

หลังจากออกกำลังกายเสร็จ

เฉินตงก็เหงื่อท่วมตัวเช่นกัน

เมื่อเห็นคุนหลุนถอดเสื้อด้วยร่างกายที่ท่วมด้วยเหงื่อ เฉินตงปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูดกับเขาว่า “คุนหลุน นายจะโหดร้ายกับตัวเองเกินไปหรือเปล่า?”

แม้การฝึกฝนวิชาของคุนหลุนอาจไม่เข้มข้นเท่าการฝึกระบบฝึกปีศาจของเขา

แต่ที่น่ากลัวคือเขาฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ

การฝึกฝนเช่นนี้มันไม่ง่ายอย่างที่พูด

ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของเฉินเทียนหย่างที่ทำให้เฉินตงรู้สึกถึงภัยคุกคามแห่งความเป็นความตายแล้ว เขาคงไม่เข้มงวดกับตัวเองขนาดนี้

คุนหลุนที่มีกล้ามเนื้อสีบรอนซ์ ในขณะที่เหงื่อออกภายใต้แสงอาทิตย์ จึงทำให้ผิวทุกตารางนิ้วของเขาเจิดจรัสดั่งทองสัมฤทธิ์

คุนหลุนเช็ดเหงื่อกลางอกแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “การฝึกวิชาก็เหมือนการแล่นเรือไปตามกระแสน้ำ ถ้าเราหยุดก็คือถอยนะครับ”

ทั้งสองพูดคุยหัวเราะจนกระทั่งกลับถึงบ้าน

บังเอิญว่าฟ่านลู่กำลังทำความสะอาดห้องรับแขกอยู่

ทันทีที่เห็นคุนหลุนเปลือยกายท่อนบนอยู่ ฟ่านลู่ก็ต้องกรีดร้องด้วยความเขินอายและก้มหน้าลงทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”

คุนหลุนรู้สึกงงงวย

จากนั้นเฉินตงเลิกคิ้วแล้วตบไปที่กลางหน้าอกของคุนหลุนเบาๆ แล้วกระซิบพูดว่า “เขาเป็นผู้หญิงนะ หัดเกรงใจบ้างสิ”

คุนหลุนเหมือนตื่นขึ้นมาจากความฝันทันที จากนั้นก็รีบหยิบเสื้อมาคลุมตัวแล้วอธิบายว่า “เสี่ยวลู่ ผมขอโทษครับ ผม ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ”

แม้ฟ่านลู่จะทำตัวลำบาก แต่เธอก็ยังพูดอย่างใจเย็น “ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ พี่คุนหลุน แต่ แต่หน้าอกพี่ใหญ่มากเลยนะคะ……”

คุนหลุนเลิกคิ้วแล้วเกาหัวด้วยรอยยิ้ม “ก็ปกตินะครับ แต่ของคุณก็เช่นกันนะ”

เฉินตงหมดคำบรรยาย

คุนหลุนจะซื่อเกินไปแล้ว หน้าอกของผู้ชายกับผู้หญิงจะเทียบกันได้ไง?

ฟ่านลู่เขินจนหน้าแดงก่ำ จากนั้นเฉินตงเตะตูดคุนหลุนแล้วพูดกับเขาว่า “ยังไม่รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดอีก?”

ใบหน้าของคุนหลุนมีเพียงความสับสน แม้เขาจะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของเฉินตง เขาจึงกลับไปที่หห้องด้วยความมึนงง

เฉินตงเดินเข้าไปปลอบฟ่านลู่ว่า “เสี่ยวลู่ เธออย่าถือสาคุนหลุนนะ เขาเป็นผู้ชายใสซื่อ ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก”

“ค่ะ คุณเฉิน”

ฟ่านลู่ได้แต่ก้มหน้าตอบด้วยเสียงเบาๆ

เมื่อเห็นเฉินตงกำลังจะเดินจากไป ฟ่านลู่ก็รีบพูดกับเขาว่า “เออ คือว่า คุณเฉินคะ วันนี้หนูขอหยุดสักวันได้ไหมคะ?”

“หยุด? มีเรื่องสำคัญเหรอ?”

เฉินตงขมวดคิ้วถาม เขายังไม่อยากให้ฟ่านลู่ลา เพราะแม่ของเขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน

สำหรับคุนหลุนแล้ว เขาไม่มีความละเอียดอ่อนที่จะดูแลแม่ของเขาได้

“ค่ะ ค่อนข้างสำคัญเลยค่ะ”

ฟ่านลู่ก็รู้สถานการณ์ปัจจุบันดี แต่เธอได้แต่กำมือแน่นๆ แล้วกัดฟันพูดกับเขา “แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะ”

เพราะงานที่นี่สำหรับเธอแล้วมันดีมาก อีกอย่างหลี่หลานก็ดีกับเธอมากด้วยเช่นกัน

ดังนั้นฟ่านลู่จึงให้ความสำคัญกับงานนี้มาก

เมื่อเฉินตงสังเกตเห็นความตั้งใจของเธอ

เฉินตงก็ยิ้มพูดกับเธอ “ไปสิ รีบไปรีบกลับนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกผมล่ะ”

“ขอบคุณค่ะคุณเฉิน” ฟ่านลู่รู้สึกดีใจมาก

……

ช่วงเช้าสิบโมงกว่า

รถแท็กซี่คันหนึ่งจอดอยู่หน้าวิลล่าเขาเทียนซาน

จาวซิ่วจือกับหวางเต๋อลงจากรถแล้วหยิบของฝากมากมายออกมาจากท้ายรถ

หวางเต๋อรู้สึกทำตัวลำบาก เขามองไปรอบๆ แล้วกระซิบพูดกับว่า “คุณดูรอบๆ หน่อยได้ไหม? ที่นี่คือเขตวิลล่าเขาเทียนซานเชียวนะ ไม่ใช่เขตชุมชนเก่าของเรา ที่นี่มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก เราคงเข้าไปไม่ได้หรอก”

“คุณจะไปรู้อะไร?”

จาวซิ่วจือพูดอย่างดื้อดึง “ฉันเป็นแม่ยายของเฉินตงนะ เขาซื้อบ้านที่นี่ไปครึ่งภูเขาแล้ว จะให้ฉันกลัวอะไรอีก?”

“คุณ……” หวางเต๋อได้แต่ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้

ทั้งสองจึงถือของมากมายแล้วเดินไปที่หน้าประตูทางเข้าวิลล่า

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูมองหน้ากันอย่างสงสัย

คนที่สามารถทำงานในวิลล่าเขาเทียนซานนั้นต้องผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี ไม่ต้องพูดถึงปัจจัยอื่น แค่เงินเดือน 1 หมื่นหยวนก็สามารถจัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เป็นมืออาชีพที่สุดได้แล้ว

จากสายตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกเขาก็สามารถมองออกว่าสองคนนี้ไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยในวิลล่านี้อย่างแน่นอน

ในไม่ช้า จาวซิ่วจือกับหวางเต๋อก็เดินไปถึงหน้าประตูทางเข้าวิลล่า

จาวซิ่วจือเงยหน้าแล้วชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสอง “นี่ พวกนายยังไม่รีบเปิดประตูให้เราอีก?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่โดนดุไม่ได้แสดงอาการโกรธใดๆ

เพราะที่นี่เคยมีกรณีญาติที่ค่อนข้างยากจนมาติดต่อหลายครั้ง

ถ้าพูดจาหยาบคายแบบนี้ ต้องเป็นพวกไร้มารยาทอย่างแน่นอน

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงเดินเข้าไปพูดกับจาวซิ่วจือด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับ คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ตามกฎของวิลล่าเรา เจ้าของบ้านต้องใช้คีย์การ์ดสแกนถึงจะเข้าออกหน้าหมู่บ้านได้นะครับ หากต้องการเยี่ยมญาติ ต้องรบกวนให้ทางญาติติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก่อน เราถึงจะเปิดประตูให้ได้นะครับ” ด้วยคำพูดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทำให้จาวซิ่วจือกับหวางเต๋อต่างก็มองหน้ากัน

หวางเต๋อพยายามดึงเสื้อของจาวซิ่วจือเพื่อเตือนเธอ

แต่จาวซิ่วจือกลับตบมือของเขาออกแล้วพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า “อย่าทำให้ฉันต้องเสียเวลา พวกคุณไม่เห็นฉันถือของหนักอยู่เหรอ? ลูกเขยฉันอยู่ข้างใน ฉันจะมาเยี่ยมลูกเขยของฉัน!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบเธอ “ไม่ทราบว่าลูกเคยของคุณผู้หญิงพักอยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ครับ ทางเราติดต่อให้ได้นะครับ หรือว่าคุณผู้หญิงลองติดต่อแกก่อนก็ได้นะครับ”

ติดต่อ?

ติดต่อบ้าอะไร!

จาวซิ่วจือรู้สึกโกรธมาก เธอรู้แค่ว่าเฉินตงพักอยู่ในวิลล่าระดับไฮเอนด์ที่สุดในนี้ แต่เธอไม่รู้ที่อยู่ของเขาเลย

จะให้เธอติดต่อเขาก็ไม่ได้ เพราะเฉินตงบล็อกเบอร์ของเธอไปนานแล้ว!

แต่ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอเฉินตงและไม่ได้เอาของฝากให้เขา แล้วเธอจะคืนดีกับลูกเขยที่รักของเธอได้อย่างไร?

เมื่อคิดถึงจุดนี้ จาวซิ่วจือก็โอนของในมือทิ้ง

จากนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

ผัวะ!

เธอตบหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นแล้วตะโกนด่าเขา “นายคิดว่านายเป็นใคร? เป็นแค่หมาเฝ้าบ้านกล้ามาขวางทางฉันเหรอ? ไปเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจหมาเฝ้าบ้านอย่างพวกนายนะ!”

เป็นคำพูดที่แข็งกร้าวและไร้เหตุผล

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนทำให้หวางเต๋อรู้สึกตกใจมาก

แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็อึ้งไปเช่นกัน

ส่วนเจ้าหน้าที่อีกคนรีบประสานไปที่สำนักงานนิติบุคคลก่อนที่จะวิ่งเข้ามาหาเพื่อนที่ถูกทำร้ายร่างกาย

แต่เขายังไม่ทันพูด

ทันใดนั้น จาวซิ่วจือก็ยกมือตบไปที่หน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้น

“แหม่ๆ! หมาเฝ้าบ้านยังมีพรรคพวกเหรอ? พวกนายจะฆ่าฉันให้ตายว่างั้น?”

เจ้าหน้าที่คนนั้นได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองแล้วมองจาวซิ่วจือด้วยความโกรธ

แต่ทั้งสองไม่กล้าทำการโต้ตอบใดๆ ก่อนที่จะได้รับการอนุญาตจากสำนักงานนิติบุคคล

จาวซิ่วจือไม่ได้ลังเลใจ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองไม่มีการโต้ตอบ เธอก็ยิ่งได้ใจมากขึ้น

มือข้างหนึ่งของเธอเท้าสะเอว ส่วนอีกข้างชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่สองคนนั้น “ฉันจะบอกให้พวกแกฟังนะว่าลูกเขยฉันชื่อเฉินตง เขาเป็นลูกค้าวีไอพีของพวกแกที่นี่ และวันนี้ฉันจะเข้าไปเยี่ยมลูกเขยของฉัน หมาเฝ้าบ้านอย่างพวกแกรีบไสหัวไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นถ้าลูกเขยฉันรู้เข้า พวกแกทั้งสองคงไม่ได้เป็นแม้แต่หมาเฝ้าบ้านที่นี่อีก!”

เจ้าหน้าที่ทั้งสองไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากพูด

แต่ตอนนี้สำนักงานนิติได้รับข่าวนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และผู้จัดการฝ่ายนิติก็ได้ยินเสียงตะโกนดุด่าของจาวซิ่วจือแล้วด้วย

จากนั้นผู้จัดการจึงรีบติดต่อไปที่เฉินตงเพื่อยืนยันอย่างไม่รอช้า

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset