(WN) เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg – ตอนที่ 2

Tobioriru Chokuzen no Dokyusei ni xxx Shiyo! to Teian Shite mita

 

ชื่อไทย : เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg

 

Chapter : 2 อย่ามาเรียกฉันว่าไอ้บ้าวิตถารนะ!

.

.

.

ไลท์โนเวลถูกวางอยู่บนโต๊ะ

—ราวกับว่าต้องการประจานตัวฉัน

ทันใดนั้นเด็กผู้ชายในห้องเรียนก็ตะเบ็งเสียงขึ้น

 

“เฮ้ย หมอนี่กำลังอ่านของพรรค์นี้อยู่ด้วยล่ะ!”

 

—ราวกับว่าต้องการประจานตัวฉัน

 

ฉันไม่รู้ว่าทำไมหมอนั่นถึงทำแบบนั้น แล้วก็ไม่อยากจะรู้ด้วย พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันมากนัก นี่เป็นคาดเดาส่วนตัวของฉัน แต่ไม่แน่บางทีเพื่อนคนนี้เขาคงจะกำลัง ‘กลั่นแกล้ง’ ฉันอยู่

 

แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจฉันก็ได้รับความเสียหายแสนสาหัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสียงหัวเราะคิกคิกและเสียงพร่ำเรียกฉันว่า ‘เจ้าโรคจิต’ ที่กระทบแก้วหูอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันได้ลิ้มรสกับความทุกข์ทรมานจนคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าสมองของฉันระเบิดไปซะ และทุกคนจะได้อาบเลือดและของเหลวจากสมองของฉัน

 

ฉันเกลียด ฉันเกลียดมัน

อยากหายไป ฉันอยากจะหายไปเหมือนกับกระดาษทิชชู่ยับยู่ยี่ที่ถูกโยนลงถังขยะ

หรือพูดอีกอย่างคือ ตายไปซะ—

 

“หยุดได้แล้วน่า เรื่องพรรค์นี้น่ะ!”

 

หญิงสาวผมยาวสีดำเป็นประกายตะโกนส่งเสียงก้องกังวาลตัดผ่านบรรยากาศภายในห้องเรียน—

 

***

 

ฉันลืมตาตื่นนอนบนเตียง ห้องของฉันซึ่งเต็มไปด้วยความโอตาคุเท่าที่จะนึกได้ ถูกย้อมไปด้วยสิ่งของสองสองมิติโดยมีทั้งโปสเตอร์และชั้นวางฟิกเกอร์อนิเมะ

 

แต่มีเพียงโปสเตอร์ที่อยู่ตรงประตูห้องเท่านั้นที่เป็นของสามมิติ

หญิงสาวผมสีดำยาวและยิ้มอย่างมีความสุข คุรุมิซัง—เพียงมองไปที่เธอก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้น รู้สึกเวียนหัวราวกับเป็นไข้ น่ารัก น่ารักโว้ย รักนะครับ

 

ฉันกำลังจะจูบโปสเตอร์

 

“พี่ชาย ตื่นรึยัง!”

“อะจึ๋ย!”

 

ด้วยการบุกมาเข้ามาขัดจังหวะอย่างกระทันของน้องสาว ฉันจึงจูบเธอลงที่หน้าผากแทน รู้สึกเจ็บเป็นบ้า

 

“มัวทำอะไรอยู่น่ะ—เอ๋…อีกแล้วเหรอ? ถ้าจำไม่ผิดเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นใช่ปะ? น่าขยะแขยงอะ”

“ช-ช่วยไม่ได้นี่!? ก็ฉันรักเธอนี่นา!”

“อ-อืม เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ ตราบใดที่ไม่ใช่อะไรที่เป็นอาชญากรรมอะนะ”

“ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหร—”

 

แล้วฉันก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

หรือก็คือไอ้คำว่า “มามีเซ็กส์กับฉันเถอะ!” นั่นบางทีอาจจะถือได้ว่าเป็นอาชญากรรมไหมนะ?…ไม่สิ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง คุรุมิซังก็ไม่ได้โกรธอะไรด้วยสิ!

 

“เอ๊ะ เดี๋ยวสิ อะไรน่ะ? ไหงจู่ๆก็เงียบไปล่ะ!?”

“…อ๊ะ! เอ่อ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก—”

“โกหก โกหกน่าาา ไม่นะไม่นะ! เป็นไปไม่ได้ ไม่จริงน่า! แม่ค๊า! พี่น่ะ พี่เขาน่ะะะะ!”

“ก-ก็บอกว่าเข้าใจผิดแล้วเฟ้ย!”

 

ฉันรีบวิ่งตามน้องสาวไปข้างล่างด้วยความตื่นตระหนก

 

***

 

ตอนเช้า เมื่อฉันมาถึงห้องเรียนก็พบว่าคุรุมิซังอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว

ไม่มีใครอยู่รอบตัวเธอที่นั่งอยู่คนเดียว ณ มุมหนึ่งของห้องเรียนอย่างเงียบเหงา ไม่สิ พูดให้ถูกคือดูโดดเดี่ยวมากกว่า ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของเธอที่ดูแตกต่างจากนักเรียนมัธยมปลายคนอื่นๆอย่างชัดเจน ได้สร้างบรรยากาศที่ทำให้คนอื่นไม่สามารถเข้าถึงได้

 

ก็นะ มันก็ไร้ความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าความรักของฉันอยู่ดี

 

ฉันเดินหลีกเลี่ยงฝูงชนและกล่าวทักทายกับเธอซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะอย่างกล้าหาญ

 

“อรุณสวัสดิ์! คุรุมิซัง!”

“……รุณสวัสดิ์”

“อะฮ่าฮ่า ไม่ร่าเริงเลยนะ! อรุณสวัสดิ์ ฉันอยากเขย่าแก้วหูของฉันด้วยเสียงอันไพเราะที่สุดในโลกของเธอจังเลยน้า!”

“น-น่าขนลุกอะ”

“ใจร้ายจังน้า เอาเถอะ ก็สมเป็นเธอแล้วล่ะนะ”

 

สีหน้าของคุรุมิซังเต็มไปความรังเกียจ ไม่มีอะไรน่าพอใจไปกว่าการที่คนที่ชอบหันมาสนใจแล้ว แม้ว่าจะเป็นอารมณ์เชิงลบก็ตามอะนะ

เมื่อฉันกำลังเพลิดเพลินกับการพูดคุยกับคุรุมิซังในตอนเช้า จู่ๆก็มีแขนมาโอบใหล่และเริ่มรัดคอฉัน เท่าที่รู้ มีเพียงคนเดียวที่จะทำการฆาตกรรมอันโหดร้ายกับฉันต่อหน้าสาธารณะแบบนี้

 

ก่อนฉันจะพูดท้วงเจ้าของแขนก็พูดออกมา

 

“เฮ้ย ทำอะไรของนายอยู่ฟะเนี่ย”

“หุหุ คิริชิมะคุงซึ่งเป็นเอซของชมรมฟุตบอลผู้แสนหล่อเหลาและบุคลิกสมบูรณ์แบบแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาถึงมาเป็นเพื่อนกับฉันนี่เอง แต่มันเจ็บนะ ปล่อยนะเฟ้ย!”

“ไหงต้องบรรยายออกมาด้วยเนี่ย? บ้าวิตถารคุง”

“…ด-เดี๋ยวดิ! ชื่อเล่นนั่นมันอะไรฟะ!”

“ก็ชื่อเล่นนั่นเหมาะกับนายดีออก”

“แล้วไหงถึงตั้งชื่อเล่นให้เพื่อนว่าบ้าวิตถารคุงฟะ! ขอคัดค้าน! คณะกรรมการวินัยไม่อยู่เฉยแน่! ใช่มะ!? คุรุมิซัง!”

“ไม่รู้หรอกนะว่าโยนมาให้ฉันทำไม แต่ก็นะ ฉันคิดว่าชื่อเล่นที่มาจากคำว่าบ้าวิตถารเนี่ยก็โหดร้ายอยู่นะ น่าสงสารจังเลยน้าบ้าวิตถารคุง”

“ก็เรียกอยู่นี่นา! หน็อย! นี่มันไม่ใช่แล้วนะ! ฉันเป็นคนปกตีดีมีสามัญสำนึกจะตาย!”

“คนที่เขาปกติน่ะไม่พูดแบบนั้นกันหรอก”

 

อึก ขณะรู้สึกว่าแขนที่โอบรอบคอฉันรัดขึ้นเล็กน้อย มันก็คลายออกทันที ถึงฉันจะรู้ว่าไม่ได้เอาจริงอยู่แล้วตังแต่ทีแรก แต่ก็ยังทรมานอยู่ดี

 

“น-หน็อย…”

“จ้องไปก็ล้างแค้นไม่ได้หรอกน่า มาคุยด้วยกันสักหน่อยสิ”

“เอ๊ะ ไม่เอาอะ”

“โคกะซัง ขอยืมตัวผู้ชายคนนี้หน่อยนะ?”

“เฮ้ย คิริชิมะคุง พูดอะไรตามใจชอบอยู่น่ะ—”

“แต่เดิมก็ไม่ใช่ของฉันอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องพามาคืนหรอก”

“คุรุมิซัง!?”

 

ฉันไหล่ตกด้วยความประหลาดใจ แต่เธอไม่สนใจแต่อย่างใด ฉันถูกคิริชิมะลากตัวออกจากห้องเรียน เมื่อถูกพามาถึงที่มุมของโถงทางเดิน หรือก็คือสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคน คิริชิมะคุงจ้องมาที่ฉันด้วยสาตาเฉียบคม

 

“นายทำบ้าอะไรอยู่น่ะ?”

“? เรื่องอะไรล่ะ?”

“จะว่าไงดี วันก่อนนายยังดูปกติดีอยู่เลย แต่จู่ๆวันนี้ก็ทำตัวแปลกๆซะอย่างนั้น”

“อย่างเช่น?”

 

เมื่อฉันตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง คิริชิมะคุงเงียบไปสักครู่ ปากเขาสั่นเทิ้มราวกับต้องการค้นหาคำพูด ในท้ายที่สุดคิริชิมะคุงก็พูดออกมา

 

“…เข้าไปคุยกับโคกะซังในบรรยากาศแบบนั้นน่ะ ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?”

“ไม่แปลกหรอก”

 

ฉันตอบทันควันและพูดต่อ

 

“บรรยากาศบ้าบออะไรล่ะ ฉันอยากจะคุยก็เลยเข้าไปคุยด้วยก็เท่านั้น ไม่สิ ก็รู้สึกแหละว่ามีบรรยากาศน่ารำคาญโดยเฉพาะจากพวกผู้หญิงจริงๆ ฉันเกลียดมัน มันเป็นบรรยากาศที่คุรุมิซังสุดที่รักของฉันโดนอาบซึ่งเต็มไปด้วยความขยะแขยง เยาะเย้ย ความรังเกียจ หึงหวง หรือพวกอารมณ์ด้านลบ เป็นบรรยากาศที่น่ารังเกียจจริงๆ”

“ถ้างั้น—”

“แต่ฉันไม่สนเรื่องพรรค์นั้นหรอก ถ้าต้องอ่านบรรยากาศบ้าบอนั่นแล้วบอกว่าดีแล้วที่ต้องบีบมือมองดูคุรุมิซังเจ็บปวดล่ะก็ ฉันยอมเป็นคนบ้าดีกว่า”

 

ฉันใส่อารมณ์เข้าไปแล้วพูดอย่างเรียบง่าย ไม่มีการโต้วาทีใดๆ มีเพียงการโต้เถียงที่สูญเวลาเปล่าเท่านั้น ขณะมองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา คิริชิมะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อพูดจบ จากนั้นก็เกาศีรษะและพูดอย่างชัดเจนว่า “เข้าใจแล้ว”

 

“ฉันเข้าใจสิ่งที่นายคิดแล้วล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วฉันก็จะไม่พูดอะไรอีก เข้าใจแล้วว่านายมันบ้าจริงๆ”

“…ยอมเข้าใจด้วยงั้นเหรอ?”

“อ่า ก็เป็นเพื่อนกันนี่นา”

 

เมื่อพูดอย่างนั้น คิริชิมะคุงก็ยิ้มกว้าง อ่า ฉันยังสามารถเป็นเพื่อนกับเขาต่อได้สินะ นอกจากคุรุมิซังแล้ว คงไม่มีผู้ชายคนไหนนิสัยดีไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ

 

“ขอบใจนะ”

 

ดังนั้นคำขอบคุณถึงออกมาได้อย่างง่ายดาย

เมื่อฉันยื่นมือขวาออกมา เขาก็ยื่นมือขวาออกมาด้วยและจับมือกัน

 

“—ช่างเป็นฉากที่ซาบซึ้งดีเนอะ เว้นแต่จะมีใครสักคนนึงโพล่งออกมาว่า ‘มามีเซ็กส์กับฉันเถอะ!’ อะนะ”

“…”

“เอ๊ะ อะไรล่ะนั่นน่ะ”

“อาเระ ไม่รู้เหรอ? เมื่อวานนี้บ้าวิตถารคุงพูดมันขึ้นมากับฉันน่ะ”

“…ก-ก็ฉันรักนายนี่นา ฉันก็เลยพูดมันออกมาจากใจน่ะ! น-นายคงเข้าสินะว่าฉันหมายความว่ายังไง? คิริชิมะคุง!”

“ไม่อะ ไม่รู้เฟ้ย บ้าวิตถารคุง”

 

ฉันทรุดลงเมื่อได้ยินคำพูดอันไร้ปราณีของเพื่อน

 

—————

แปลผิดตรงไหนขออภัย พอดีไม่ช่ำ

(WN) เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg

(WN) เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg

Status: Ongoing
อ่านนิยาย (WN) เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า SegggTobioriru Chokuzen no Dokyusei ni xxx Shiyo! to Teian Shite mita ชื่อไทย : เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg Chapter : 1 มามีเซ็กส์กับฉันเถอะ! . . . บนดาดฟ้าของโรงเรียน—เธออยู่อีกด้านหนึ่งของรั้วนิรภัยกั้นสูง ฉันจึงตะโกนออกไป “มามีเซ็กส์กับฉันเถอะ!” โคกะ คุรุมิ เธอมีผมสีดำเป็นประกายเงางามยาวจรดเอว และรูปร่างที่สมส่วนดูเป็นผู้ใหญ่จนไม่คิดว่าจะเป็นนักเรียนมัธยม ด้วยรูปร่างผอมเพรียวและสูงยาวสำหรับผู้หญิง ทำให้เข้าใจได้ดีเลยว่าทำไมเธอถึงได้กระตือรือร้นในฐานะนางแบบแม้ว่าเจ้าตัวเองจะไม่ชอบก็ตาม แถมเมื่อเร็วๆนี้เธอก็ได้เริ่มทำงานเป็นนักแสดงอีกด้วย เธอคนนั้นกำลังจะฆ่าตัวตายในอีกไม่กี่ก้าว ฉันจึงตะโกนออกไปโดยไม่ลังเล เพื่อนของฉันมักจะบ่นเมื่อนานมาแล้วว่า “นายมันบ้าวิตถาร” ดูเหมือนว่าจะพูดถูกอยู่แฮะ คุรุมิซังหันคอของเธอมาราวกับหุ่นตุ๊กตาใกล้พัง และมองเห็นฉันที่อยู่ข้างหลังเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset