[WN] Tsukushita Garina Uchi no Yome ni tsuite Dere temo ii ka? – ตอนที่ 36

วันนี้ตั้งแต่เช้าผมเจอปัญหามากมายมาตลอด

 

อย่างแรกเลย ผมโดนพวกเพื่อนผู้ชายหลายคนจ้องตาเขม็งใส่เวลาเดินผ่าน ไม่เพียงแต่ช่วงพักกลางวันหรือช่วงย้ายคาบเรียน แต่แม้กระทั่งช่วงเวลาเรียนก็ยังสัมผัสได้เลย

 

ในตอนที่ผมโกหกเรื่องการเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับริโกะเรื่องนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่มันก็ยังเทียบไม่ได้กับตอนนี้เลย

 

*เห้ยดูสิ..หมอนั่นน่ะ*

 

*เอ๊ะ..จริงด้วยๆ*

 

นอกจากการจ้องมอง ก็ยังมีเสียงซุบซิบนินทาต่างๆ

 

อึม..ผมรู้ว่าพวกเขาพูดอะไร

 

มันไม่เหมาะสมกันอย่างไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ..?

 

ผมเข้าใจดีเลยแหละ เพราะผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน

 

ถึงกระนั้น ก็ต้องพยายามทำให้ริโกะชอบผม ก็เลยจำเป็นต้องรับบทเป็นคนหูหนวกไปก่อน

 

แค่นี้สบายมาก!!

 

อา..ผมไม่สามารถรับมือกับการเป็นจุดสนใจแบบนี้เลย

 

แต่ผมเชื่อ ว่าจะสามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี

 

ปัญหาที่ยากที่สุดต่อมาคือต้องเคลียร์เรื่องกับซาวะ

 

“เนี่ยยย!! ทำไมนายไม่ยอมบอกชั้น มันแย่ที่สุด ทำไมชั้นต้องได้ยินว่านายมีแฟนพร้อมกับกันอื่นทั้งๆที่ชั้นควรจะเป็นคนที่ต้องรู้ก่อนแท้ๆ และแถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็นเจ้าหญิงริโกะ!!! อ้าาา!! อิจฉา อิจฉา อิจฉาโว้ย”

 

ทันทีที่บทสวดช่วงแรกหมดลงซาวะรีบกระโดดเข้าไปนั่งเก้าอี้ของผมและเริ่มเกาหัวอย่างบ้าคลั่ง ประกอบกับสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่ทิ่มแทงมาผมจึงตัดสินใตลากซาวะเดินออกไปจากห้องเรียนแล้วไปคุยที่ห้องน้ำแทน

 

“นี่ซาวะ ใจเย็นๆก่อนนะ ขอโทษจริงๆที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับนาย อีกคนเป็นถึงขั้นคุณฮานาเอะเลยนะดังนั้นมันก็เลย….”

 

“อึม…ชั้นเคยบอกนายไปแล้วใช่มั้ย ว่าเจ้าหญิงริโกะน่ะชอบนาย แต่นายกลับบอกว่ามีผู้หญิงอื่นที่ชอบอยู่แล้วทั้งๆที่ตอนนั้นนายแอบมีความสัมพันธ์กับคุณฮานาเอะอยู่”

 

ผมจะแก้ตัวออกไปยังไงดี…

 

 

คำโกหกที่เคยพูดไปในอดีตตอนนี้มันกลับแสดงผลออกมาแล้ว

 

ผมเงียบอยู่สักพักหมดหนทางการแก้ตัว จู่ๆซาวะกอดออกและหัวเราะออกมา

 

“ชั้นเข้าใจแล้ว นายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เพราะชั้นรู้ว่านายคิดยังไง!!”

 

“เอ๊ะ..?”

 

“แม้ว่านายจะชอบผู้หญิงคนอื่นอยู่ สุดท้ายก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธผู้หญิงที่น่ารักอย่างเจ้าหญิงริโกะได้เมื่อเธอมาสารภาพรัก ใช่มั้ย!!!!”

 

“…..เอ่อ…ใช่ๆ”

 

“ชั้นไม่ว่าอะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายหรอกน่า”

 

ไม่รู้ว่ามันเกิดปาฏิหาริย์อะไรขึ้น แต่ผมก็ดีใจที่ซาวะสามารถโน้มน้าวตัวเองได้

 

แน่นอนว่าสิ่งที่น่าปวดหัวไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ช่วงเวลาพักกลางวันซาวะจะเดินเข้ามาถามเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับริโกะ

 

เขาถามประมาณว่าริโกะสารภาพรักกับผมจริงๆรึเปล่า คบกันมานานแค่ไหนแล้ว

 

และเนื่องจากผมไม่ได้ตกลงกับเธอในเรื่องนี้ก่อนจึงบอกเพียงแค่ว่า”ยังไม่ต้องการที่จะพูด”

 

“…ทำไมจะไม่ได้ล่ะ บอกชั้นมาคนเดียวก็ได้”

 

“ชั้นพูดไม่ได้…ยุ่งยากซะจริง”

 

“เหตุผลล่ะ..?”

 

ซาวะซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเอนตัวเข้ามาหาด้วยความอยากรู้อยากเห็นโดยไม่สนใจอาหารกลางวันเลยแม้แต่น้อย

 

โรงอาหารก็ยังคงคึกคักเหมือนเดิม

 

ผมไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยินเรื่องที่เราพูดกันนี้

 

“มินาโตะ….นายมีเหตุผลอะไร..?”

 

“เอ่อ…คือ มันเป็นเหตุผลที่…แบบว่าคุณฮานาเอะมีส่วนคิดด้วย”

 

“อะไรกันเนี่ย..! เรื่องแค่นี้ยังต้องถามเจ้าหญิงริโกะเลยเหรอ ถามเธอเรื่องที่จะบอกให้เพื่อนสนิทรู้เองนะแค่ชั้น กับนาย เราสองคน…”

 

“ขอปฏิเสธ…”

 

“ไม่นะมินาโตะ!!นี่นายไม่เคยมีแฟนมาก่อนจริงๆใช่มั้ย..”

 

“แล้วมันจะทำไมเล่า!!!”

 

“นายคิดว่านายจะเลือกเส้นทางที่ถูกต้องได้ตลอดรึเปล่า..ความรักมันก็เหมือนเกมจีบสาว หากนาย เลือกผิดเพียงข้อเดียว แฟนของนายที่เคยบอกว่าชอบก็จะพูดว่า”มินาโตะ คุณน่าขยะแขยง เราเลิกกันเถอะ”

 

“….”

 

“ชั้นจะถามนายอีกครั้ง นายแน่ใจใช่มั้ยว่าจะเลือกเส้นทางที่ถูกต้องด้วยตัวเอง”

 

ทั้งหมดที่ผมทำได้คือส่ายหัวกลับไป รู้สึกว่าเลือดมันกำลังทะลุออกมาจากเส้นเลือด

 

มันไม่มีทาง…ไม่มีทางมั่นใจได้เลย,

 

“แล้ว..ทำไมนายไม่ปรึกษาชั้นล่ะ ชั้นน่ะ เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านความรักเลยนะ!!”

 

“แต่ท่าที่รู้ นายไม่เคยมีแฟนเลยนะซาวะ..”

 

“ก็ใช่น่ะสิ แต่ชั้นศึกษาด้านวิศวกรรมความสัมพันธ์มาพอควรเลยนะ”

 

เอ่อ….

 

ไม่รู้จะพึ่งเขาได้รึเปล่า

 

ความจริงก็คือการที่มีคนคุยด้วยนิดหน่อย ก็ยังดีกว่าไม่มีใครคุยด้วยเลย

 

“รอจนกว่าชั้นจะถามเรื่องนี้กับริโกะก่อนโอเคมั้ย แล้วจะมาบอกอีกที..”

 

“เห้อ…ไม่เป็นไรงั้นขอเปลี่ยนเรื่องดีกว่า”

 

“เอ่อ…มันออกเรื่องคุยตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ”

 

ดูเหมือนนายจะสนุกกับเรื่องพวกนี้มากเลยนะ…

 

“ดังนั้น!! คำถามต่อไปของชั้นคือ ทำไมนายไม่ทานอาหารกลางวันกับเจ้าหญิงริโกะตอนพักเที่ยงหล่ะ!!”

 

“เอ่อ…ทำไมมันไม่ปกติเหรอ”

 

“นายดูพวกเขาสิ”

 

ผมมองไปตามที่ซาวะชี้ และสังเกตุเห็นโต๊ะที่ชายหญิงสองคนกำลังรับประทานอาหารกลางวันกันอยู่

 

“นั่น..คือวิธีที่พวกเขาใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงพักกลางวัน

นักเรียนม.ปลายมีช่วงเวลาของกันและกันต่างจากผู้ใหญ่มันมีข้อจำกัดอยู่ว่าถ้าพวกเขาอยู่นานเกินไปก็จะเป็นการผิดกฏโรงเรียน”

 

“เข้าใจแล้วคร้าบ..”

 

“นายไม่ค่อยมีเวลาเลย แม้แต่งานพาร์ทไทม์ ถ้าอย่างนั้นในวันปกตินายก็จะมีเวลาให้เจ้าหญิงริโกะเพียงแค่ตอนกลางวันและตอนกลับบ้านเท่านั้น”

 

ผมไม่สามารถพูดออกไปได้ว่า”ผมอยู่กับเธอแล้ว”จึงทำได้เพียงยิ้มแหยะๆ

 

“เฮ้..ปกตินายมีเดทแบบไหนกับเจ้าหญิงริโกะ ชั้นจะไม่บอกใครทั้งนั้น ได้โปรดบอกชั้นที…”

 

“ก็วันที่….”

 

ครั้งแรกที่เราสองคนออกไปข้างนอกด้วยกันคือตอนที่เราไปช้อปปิ้งในย่านการค้า และเป็นเพียงครั้งเดียว

 

ไม่นะ…

 

ผมควรบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องประสปการณ์การเดทในตอนนั้นมั้ย

 

ไม่..วิธีนี้ไม่ได้ผล ผมไม่เคยออกเดทมาก่อนในชีวิต

 

ถ้าเป็นแบบนี้อีกไม่นานความจริงก็จะค่อยๆถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน

 

จากนั้นซาวะก็จะถามว่าทำไมต้องโกหกเขาและถ้าไม่ระวัง ผมอาจถูกพบว่าโกหกเรื่องปกปิดความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเราด้วย

 

อึม…ถ้าผมโกหกโดยอิงจากความจริง มันก็อาจได้ผลดีกว่า

 

“ชั้น…ไม่เคยเดทมาก่อน”

 

“ห๊ะ..จริงจัง?”

 

“ใช่ จริงจัง…”

 

“ทำไม..แล้วรูปถ่ายที่อยู่ในหนังสือพิมพ์นั่นล่ะ..?”

 

“นั่นเป็นครั้งแรกที่เราออกไปด้วยกัน และนายจะเรียกการช้อปปิ้งในย่านการค้าว่าเดทได้เหรอ…?”

 

“แล้วทำไมนายไม่ออกเดทล่ะ เพราะกลัวชั้นและคนอื่นๆรู้แบบนี้เหรอ”

 

ซาวะโดนข้อแก้ตัวดีๆมาให้โดยไม่ได้ตั้งใจและผมก็รีบคว้ามันในทันที

 

“เอ่อ..ใช่ๆแบบนั้นแหละ”

 

“เข้าใจแล้ว…ต่อจากนี้นายคงจะออกเดทแบบไม่ต้องกังวลแล้วสินะ”

 

“เอ๊ะ..?”

 

“เพราะนายไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป สุดสัปดาห์นี้ไปเดทกันสิ ชั้นจำได้ว่านายมีเวลาว่าง นายเคยบอกเรื่องนี้แล้ว”

 

“ไม่…เดียว—”

 

“นายรู้มั้ยว่าผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายที่ไม่สามารถออกเดทได้”

 

“เอ๊ะ…อย่างงั้นเหรอ?”

 

“มันชัดเจน ว่าอะไรคือความหมายของการออกเดท?

ถ้าผู้ชายไม่ให้ความบันเทิงหรือความรู้สึกตื่นเต้นใดๆต่อผู้หญิง ในไม่ช้าเธอก็จะค่อยๆสูญเสียความรักไปหรือพูดง่ายๆคือเบื่อนั่นแหละ”

 

สูญเสียความรักเหรอ…

 

แต่นั่นจะเป็นเพียงกรณีที่ริโกะเป็นแฟนจริงๆของผมเท่านั้น

 

ไม่…ถึงชายและหญิงจะไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกันพวกเขาจะสามารถให้สิ่งที่ซาวะเรียกว่า”ความบันเทิงและความตื่นเต้น”ได้รึเปล่านะ….

 

“ถ้าผู้ชายคนอื่นรู้ว่านายไม่ได้ยุ่งเกี่ยงกับเจ้าหญิงริโกะที่โรงเรียนแล้วก็ไม่ได้ออกเดท มันก็มีความเสี่ยงสูงที่พวกนั้นจะมาตามติดเธอ อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว เขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆชื่อ นิยามะ มินาโตะ ถ้านายไม่ระวังเรื่องนี้นะโอกาสที่เจ้าหญิงริโกะจะถูกมองเหมือนตอนแรกก็อาจกลับมา”

 

“นั่นมันแย่สุดๆเลยนะนั่น…”

 

“นายรู้ ว่ามีแม้กระทั่งผู้ชายที่ไม่แคร์ว่าจะมีแฟนหรือไม่มี  อย่างน้อยนะ นายก็ไม่ควรปล่อยให้เขาคิดว่าความสัมพันธ์ของนายไม่มีช่องว่าง”

 

“นี่ต้องการจะให้ชั้นทำอะไรกันแน่?”

 

“แค่กินข้าวกลางวันด้วยกัน เดินกลับโรงเรียนพร้อมกัน จงแสดงให้พวกเขาเห็นว่าทั้งสองคน เป็นคู่รักที่ยอมเยี่ยมและไม่มีใครมาขวางได้!!”

 

“อ้อ…เขาใจแล้ว”

 

ถึงมันจะลำบากหน่อยๆ

 

แต่ผมจะไม่จะไม่ยอมให้ริโกะถูกแย่งไปอย่างแน่นอน ดังนั้น คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพยายามให้ริโกะชอบก็แล้วกัน

 

“ตกลง เข้าใจแล้ว วันนี้ชั้นจะชวนเธอกลับบ้านด้วย”

 

“ใช่!!!แบบนั้นแหละ!! และหากมีโมเม้นต์หวานๆอะไรสามารถรายงานให้ชั้นทราบได้”

 

ซาวะปัดบ่าของเขาด้วยท่าทางแสดงถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนโฟกัสไปที่การเพลิดเพลินกับความสัมพันธ์ของผมในรูปแบบความบันเทิงแทน

 

มันเป็นปกติ…เขาชอบพูดเรื่องความรัก

 

ซาวะ ปลื้ม ริโกะมาโดยตลอด พูดตามตรงผมกังวลว่าเขาจะโกรธเมื่อได้ยินว่าเราคบกัน แต่เเทนที่จะโกรธเขากลับแสดงความยินดีให้

 

มันทำให้ผมรู้สึกขอบคุณเขามาก ยังไงก็ตามเขาเป็นคนเดียวที่ผมสามารถพูดคุยอะไรแบบนี้ได้ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อเขาได้

 

ถึงกระนั้นมันก็ไม่ถึงขั้นต้องรายงานรายละเอียดต่างๆให้ใช่ไหม?…

 

แต่ถึงแม้ผมกับริโกะจะกลับบ้านด้วยกัน มันก็ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์หวานเปรี้ยวแบบที่ทำให้ซาวะมีความสุขได้หรอก

 

ผมพยายามจะมองโลกในแง่ดี แต่วันนี้กลับกลายเป็นว่ามันทำให้ผมหดหู่….

 

===

 

หลังเลิกเรียนผมตัดสินใจรวบรวมความกล้าเดินไปห้องของริโกะมุ่งหน้าไปที่นั่งของเธอ ตัดผ่านกลุ่มเพื่อนๆหลายคนโดยไม่สนใจ [AzaleaNize :เอ่อ…คือประมาณว่าห้องทั้งสองคนอยู่ตรงข้ามกันและมีโถงทางเดินคั่นกลางน่ะ!!!!]

 

ริโกะกำลังเตรียมเก็บของกลับบ้านอย่างสบายๆ เงยหน้าขึ้นมองเมื่อสัมผัสถึงคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะของเธอ

 

“เอ…เอ่อ..คุณริโกะ..ถ้าคุณไม่รังเกียจล่ะก็…คุณอยากกลับบ้าน..กับผมมั้ยครับ.—?”

 

เมื่อผมเอ่ยปากพูดออกไปด้วยเสียงตะกุกตะกักแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคู่รักกัน

 

แต่มันก็คงยังน่าอายที่จะเป็นศูนย์กลางของความสนใจ

 

ผมอาย…ผมรีบหันหน้ากลับไปทันที ขณะที่ผมกำลังนึกเสียใจกับตัวเองอยู่นั้น

 

รู้สึกเหมือนมีคนดึงชายเสื้อเครื่องแบบไว้อยู่

 

เมื่อหันหลังกลับพบว่าเห็นมือของริโกะกำลังดึงไว้และมองมาที่ผมด้วยดวงตาที่เขินอาย

 

“ไม่ใช่ความฝัน…คุณมินาโตะชวนฉันกลับบ้านจริงๆใช่มั้ย…”

 

“……”

 

ทำไมเธอต้องน่ารักแบบนี้ด้วยนะ…

 

ใบหน้าของผมละลายไปด้วยความสุข ในตอนที่ผมกำลังอ้าปากค้างเพราะความน่ารักของริโกะ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากกลุ่มผู้ชายข้างๆ

 

เมื่อผมมองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ พบว่าพวกเขากำลังมองริโกะด้วยสีหน้าท้อแท้

 

ถึงเธอจะมีแฟน(ตัวปลอม)แล้วก็ตาม

 

แม้ว่าเธอจะไม่ใช่แฟนของผมจริงๆ แต่ริโกะก็เป็นภรรยาของผม(แค่ในทะเบียนสมรส)

 

พอครุ่นคิดอยู่สักพักก็เดินออกมาทันที

 

ผมถูกเห่เสียงเชียร์จากคนรอบอย่างรวดเร็ว แต่แล้วใครจะสนหล่ะ..?

 

“คุณริโกะ รีบไปกันเถอะครับ”

 

พร้อมรีบมุ่งหน้าเดินไปทางเข้าห้องเรียน

 

“อ๊ะ…คุณมินาโตะคะเดี๋ยวก่อน”

 

ริโกะตามผมมาอย่างรวดเร็วและเข้ามาเกาะแขนผมไว้แน่นราวกับว่าเธอไม่อยากให้ผมทิ้งเธอไว้ข้างหลัง

 

“…..”

 

“ในเมื่อเราเป็นคู่รักกันแล้ว เรื่องแค่นี้คงไม่แปลกใช่มั้ยคะ..”

 

เธอพูดออกมาอย่างซุกซนพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย พร้อมเสียงของคนทั้งห้องสั่นคลอนอีกครั้ง ผมจึงพาเธอรีบเดินออกมาเพื่อหนีเสียงนั้น

 

===

 

ริโกะเดินไปเปลี่ยนรองเท้าที่ประตู แต่ไม่นานเธอก็เดินกลับมาอยู่ข้างๆผม

 

ต่างจากห้องเรียน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบๆ ไม่จำเป็นต้องคล้องแขนอีกต่อไป

 

“คุณมินาโตะ…เท่มากๆเลย”

 

“เอ๊ะ…กำลังพูดถึงอะไรอยู่เหรอครับ”

 

“พูดตามตรงนะคะ ฉันตื่นเต้นมากเลยตอนที่คุณชวนฉันออกมา ฮิฮิ…”

 

“อึ้ม…คุณริโกะขอบคุณนะครับ”

 

“เอ-เอ๊ะ..?”

 

“เห็นมั้ยครับ ตอนคุณเข้ามากอดแขนผมไว้มันเหมือนเป็นการอวดความสัมพันธ์ของเราเลย”

 

“อวดความสัมพันธ์…?”

 

ริโกะเอียงศีรษะของเธออย่างสงสัย จากนั้นผมจึงอธิบายสิ่งที่คุยกับซาวะให้ฟัง

 

“อ้อ..เข้าใจแล้วค่ะ นั่นคงเป็นเหตุผลที่คุณมินาโตะชวนฉันกลับบ้านใช่มัย…”

 

“ก็…ประมาณนั้นล่ะครับ แต่หลังจากนี้ไม่ค่อยมีคนแล้วคงไม่ต้องลำบากคล้องแขนอีกแล้วนะครับ”

 

“ไม่เอา…ไม่ได้ค่ะ”

 

ผมบอกเธอไปว่าเราไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ต่อแล้ว

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ริโกะเอาค่อยๆปล่อยมือออกจากแขนแล้วจับมือขอผมไว้โดยให้นิ้วของเราพันกัน

 

“ว-โว้ววว!!?..”

 

นี่สินะ..ที่เรียกว่าการจับมือแบบคู่รัก

 

“วันนี้กลับบ้านแบบคูรักกันเถอะ โอเคมั้ยคะ”

 

“แต่ว่า..มันคงไม่มีใครมองหรอกครับ”

 

เมื่อผมตอบว่าไม่เป็นไร ริโกะเอาริมฝีปากมาแนบใกล้ๆหูของผมแล้วกระซิบเบาๆว่า

 

“ไม่มีทางที่จะรู้ว่าใครกำลังดูอยู่ เพราะงั้นต้องทำแบบนี้ตลอดจนกว่าจะถึงบ้านค่ะ…”

 

“ออ…เข้าใจแล้วครับ…”

 

ผู้คนจะเห็นหรือไม่เห็นนั้นไม่สำคัญอีกต่อไป

 

เพียงแค่จับมือเธอและเดินกลับบ้านอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดก็พอแล้ว

 

ผมเก็บความคิดนั้นไว้กับตัวเองและจับมือเธอไว้แน่นโดยไม่ปล่อยและเดินออกมาพร้อมกันจากอาคารเรียน

 

แล้วพวกเราทั้งสองคนก็เดินจับมือกันแบบนี้จนถึงอาพาร์ตเมนต์….

 

 

จบ!!!! นั่งพิมพ์อยู่3ชั่วโมงครึ่งอาาาปวดนิ้ววว

[WN] Tsukushita Garina Uchi no Yome ni tsuite Dere temo ii ka?

[WN] Tsukushita Garina Uchi no Yome ni tsuite Dere temo ii ka?

Status: Ongoing
อ่านนิยาย [WN] Tsukushita Garina Uchi no Yome ni tsuite Dere temo ii ka?—ช่วงเวลาที่หนาวมากๆ..หิมะตกในเดือนกุมภาพันธ์.. เธออยู่ในอาพาร์ตเมนต์ของผม ฮานาเอะ ริโกะ “นิยามะ มินาโตะคุง..ได้โปรด…ห..ให้ฉัน…ป..เป็นภรรยาของคุณได้ไหมคะ” ผมไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรบางคิดผมอาจคิดไปเองหรืออาจแค่ฟังผิด แต่ด้วยการที่เธอนั้นจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาอ้อนวอน ผมบอกได้เลยว่าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ และมือเล็กๆที่โอบที่หน้าอกของเธอก็ได้สั่นเล็กน้อย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset