[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta – ตอนที่ 1

ชื่อเรื่อง:Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta

ตอนที่ 1

 

 

ไม่ไหวแล้วตายดีกว่า

 

ฤดูใบไม้ผลิของมัธยมปลายปี2

 

ฉัน[คุโรมิเนะ ริคุ]สารภาพรักกับเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ―――――แล้วถูกสลัดรักแบบง่ายๆ

 

จนถึงประถมต้นเราอาบน้ำด้วยกันและให้คำมั่นจนกว่าจะถึงอนาคต

ม.ต้นและม.ปลายเองก็เหมือนกันเราไปและกลับจากโรงเรียนด้วยกัน

เราที่อยู่ด้วยกันมักจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคู่รักจากคนรอบข้างอยู่ตลอด

 

จนถึงจุดๆนี้ไม่ว่าใครก็คงเชื่อว่ามีใจให้กันและกันใช่รึเปล่า?

อย่างน้อยๆก็มีฉันแล้วล่ะ

เพราะอย่างนั้นเลยสารภาพรักกับเพื่อนสมัยเด็ก

ในตอนที่เลื่อนเข้าสู่ม.ปลาย ปี2

แต่ว่า ผลลัพธ์ละ?

 

“ขอโทษนะ กับริคุจังแล้วฉันไม่ได้มองเป็นเพื่อนสมัยเด็กหรือเพศตรงข้ามเลย”

 

นั่นไง! อะไรล่ะนั่นน่ะ!

ไม่ได้มองฉันเป็นเพศตรงข้าม อะไรฟะนั่น!

ทางนี้คิดหลายๆอย่างเลยนะเฟ้ย!

หลังจากคบกันก็ไปเที่ยวที่ใหนสักที่แล้วก็จับมือไปในที่ต่างๆ…

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายตื่นเต้นจากนั่นก็ ประสบการณ์ครั้งแรก..

 

จากนั้นก็แต่งงานกลายเป็นคู่สามีภรรยา และ มีลูก――――แล้วก็จินตนาการถึงอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างเลยนะ!

ทั้งที่เป็นเป็นแบบนั้น…..โหดร้ายชะมัด

ไม่เห็นเป็นเพศตรงข้ามอะไรกันเล่า

ฉันเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเหรอ? เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์งั้นเหรอ?

อ๊บ อ๊บ

“ไม่ไหวแล้วจริงๆหาค่าในการมีชีวิตไม่ได้แล้ว…”

ทั้งที่ชอบเพื่อนสมัยเด็กอย่างจริงๆจังๆเลยแท้ๆ..

ทั้งที่คิดว่าชอบพอกันด้วยกันทั้งคู่..

หากคิดว่าชนะการต่อสู้แล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่แพ้ในการต่อสู้เลย แต่แพ้ก่อนที่จะเริ่มสู้แล้วด้วยซ้ำขอรับ

ค้าบคว้านท้อง~คว้านท้อง~

 

“จะยังไงก็ช่าง ชีวิตฉันมันห่วยแตก”

 

อยากจะหนีไปจากความเจ็บปวดนี้

ฉัน―――ตัดสินใจฆ่าตัวตาย

 

เวลาก็คือ 3ทุ่ม 

ในการหาจุดฆ่าตัวตายที่ไม่มีใครเห็น ฉันเลยปั่นจักรยานไปบนภูเขา

ระยะทางห่างจากบ้าน3ชั่วโมง

จะไม่กลับไปอีกแล้ว

ลาก่อน

 

ปีนขึ้นไปเนินที่ล้อมไปด้วยต้นไม้อย่างขะมักเขม้น

เป็นพื้นที่มืดเลยรับประกันเรื่องการมองเห็นไม่ได้

พึ่งได้ก็เพียงแค่ไฟจากจักรยานเท่านั้น

 

“แย่แล้ว กระหายน้ำ…ตายแน่”

 

ขี่จักรยานอย่างกับคนบ้า แล้วเหงื่อก็ยังไหลไม่หยุด

ทุกๆเซลล์ของฉันกำลังต้องการน้ำ

มีตู้หยอดเหรียญอยู่ใหนสักที่หรือเปล่า…

 

ในตอนที่กำลังขี่จักรยานอยู่ก็เห็นแสงข้างหน้าอยู่ไม่ไกล

ไอ้นั่นมัน―――ร้านสะดวกซื้อ ในที่แบบนี้มีร้านสะดวกซื้ออยู่ด้วยสินะ

ให้ตาย….รู้สึกเหมือนถูกช่วยไว้เลย

อย่างกับคนที่ประสบภัยในทะเลทรายแล้วเจอโอเอซิสเลย

ฉันมุ่งเป้าไปที่ร้านสะดวกซื้อด้วยห้วงแห่งความสุข

ไม่มีรถในลานจอดรถเลย

มีเพียงจักรยานคันเดียวที่จอดอยู่ที่มุม

เวลาแบบนี้คงไม่มีใครมาร้านสะดวกซื้อบนเขาหรอก

เพราะอยู่ไกลจากที่ๆคนอาศัยอยู่

ฉันหยุดจักรยานแล้วไปที่ร้านสะดวกซื้อ

ผ่านเข้าไปในประตูอัตโนมัติอากาศเย็นๆพัดผ่านร่างการ คุ..-ของโคตรดี!

 

“ยินดีต้อนรับค่า”

 

ได้สบตากับเด็กผู้หญิงที่เครื่องคิดเงิน..เป็นผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกเรียบๆจังนะ

แว่นใหญ่ๆทำให้เห็นหน้าจริงๆยากกับผมสีน้ำตาลหม่นๆ

แถมยังก้มหน้าและงอหลัง บรรยากาศอึมครึม

 

“คึก! อุ..!”

น่ะ นี่มันอะไรกันน่ะ!

จู่ๆก็ปวดท้องขึ้นมา!

 

“ข ขโทษครับ ขอยืมห้องน้ำหน่อยครับ…!”

 

“เชิญค่า”

 

ขออนุญาติคุณพนักงานแล้วก็รีบไปที่ห้องน้ำ เพราะเหมือนหน้าด่านกำลังจะแตกพ่ายแล้ว

 

 

 

ฟู่ สบายตัวจริงๆ

เป็นการต่อสู้ดุเดือดที่กินเวลาไป 20นาที แต่สุดท้ายก็เอาชนะมันได้จนได้

จะว่าไปแล้ว ฉันเนี่ยกำลังทำอะไรอยู่กัน

มาที่ภูเขาด้วยความตั้งใจที่จะฆ่าตัวตาย แต่ก็มาที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อหาน้ำ

ถูกเพื่อนสมัยเด็กสลัดรักเลยปั่นจักรยานงั้นเหรอ?

อ่า แย่ล่ะ

รู้สึกโคตรจะแย่แบบสุดๆเลย

พอนึกได้ว่าถูกเพื่อนสมัยเด็กสลัดรักมาเลยรู้สึกอยากจะตายขึ้นมาเลย

เหมือนกับความรู้สึกต่อทุกๆอย่างมันเฉยชาไปหมด…อารมณ์ความรู้สึกของตัวเราเองกำลังหายไป

ซื้อเครื่องดื่มแล้วไปหาที่ฆ่าตัวตายล่ะกัน

ในตอนที่ออกจากห้องน้ำแล้วไปที่มุมเครื่องดื่มนั้น

 

“เฮ้ย! รีบส่งเงินมาให้ว่อง! เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก!”

 

ได้ยินเสียงของลุงอ้วน  ….อะไรน่ะ?

ช่าง…หัวมันละกัน

จะยังไงก็ช่าง

ฉันไปที่แคชเชียร์พร้อมกับสปอร์ตดริ้งค์

มีชายอ้วนที่ใส่หมวกถักพร้อมหน้ากากกำลังชี้มีดไปที่สาวแคชเชียร์

 

“รับๆส่งเงินมาสิวะ!”

 

“ฮ…ฮึก….ฮือ….อึก….ฮึก”

 

พนักงานร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวอย่างมาก และใช้มือที่สั่นกดเครื่องคิดเงินแล้วพยายามเอาเงินออกมา ในมือนั้นมีเพียงแค่เหรียญ

 

“ค คือว่า….ฮึก…..ค แค่เท่านี้…..”

 

“อ๋า!? ทั้งหมดสิวะ ทั้งหมดน่ะ! นังนี่ ทำอะไรอยู่วะถึงให้มาแค่เหรียญ! ในเวลาแบบนี้ต้องเป็นหมื่นใบสิวะ!”

 

“ฮือ! ข-ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ! …….ฮึก……อึก..!”

 

คุณพนักงานที่เจอกับเสียงโกรธของผู้ชายก็เริ่มร้องไห้ออกมา

อ๋า…น่าสงสารจังเลยนะ

 

แล้วจะถึงคิวฉันเร็วๆนี้รึเปล่าน้า

ถึงจะต่อแถวอยู่ข้างหลังอยู่มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วก็เถอะ ไอ้นี่น่ะจะต้องทำไงดีละ

แล้วในชั่วพริบตาต่อมา ลุงก็หันและมองย้อนกลับมา

เลยโค้งคำนับไป

 

“อ๊ะ ดีครับ”

 

“หวัดดี…..ก็เหี้ยล่ะ  หาาาาาาาาา!”

 

เสียงตกใจของลุงดังลั่นไปทั่วทั้งร้าน หนวกหูโว้ย เจ็บหูชะมัด

 

“อะ อะไรครับ มันเสียงดังนะ”

 

“ดังเนี่ย แก….หาาาาาา!? คิดจะทำอะไรของแกน่ะ! โผล่มาจากใหนวะ!

 

“ห้องน้ำน่ะครับ อยู่ในห้องน้ำ”

 

“ห้องน้ำงั้นเหรอ……ไม่ใช่ดิ นี่เอ็ง….รู้สถานการณ์บ้างมั้ยนี้ย!?”

 

“รู้สิครับ! คุณลุงกำลังปล้นร้านสะดวกซื้ออยู่ใช่มั้ยละครับ?”

 

“รู้จริงด้วยเว้ย! รู้แล้วแต่ไอ้ความนิ่งนี่มันยังงายยย..! นี่เอ็งเป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษรึไง!?”

 

“เปล่าครับ เป็นหนุ่มม.ปลายที่หาที่ฆ่าตัวตายอยู่น่ะครับ”

 

“โคตรดาร์ก”

 

ลุงแกมีความเครียดสุงจังนะ

ทางนี้น่ะหลังจากนี้จะฆ่าตัวตายเลยนะเว้ย?

อยากจะให้สงบลงกว่านี้อีกสักหน่อย

คุณพนักงานก็เป็นคุณพนักงาน”ฮึก….ฮึก..”ยังไม่หยุดร้องไห้

 

“เฮ้ยไอ้เด็กเวร! กำลังประจบกูอยู่รึไง!?”

 

“เอ๊ะ?”

 

“เพราะฉันไม่ฆ่าเลยประจบงั้นสินะ!”

 

แล้วลุงแกก็โมโหชี้มีดทางทางฉัน

ถ้าเป็นฉันคนก่อนกลัวจนฉี่ราด กับฉันที่อยู่ในความว่างเปล่าตอนนี้ก็ไม่มีความประทับใจอะไรนอกจาก ”ถูกชี้มีดใส่อยู่แหละ”

 

“ปั๊ดฆ่าซะหรอกไอ้เด็กเวร!”

 

“..ฆ่าแล้วไง?”

 

“เห๋?”

 

ลุงทำเสียงโง่ๆออกมา

 

“ไม่ดิ ก็ฆ่าซะสิ เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึไง กำลังหาที่ฆ่าตัวตายอยู่น่ะ”

 

“ม-ไม่ดิๆไอ้หนุ่ม! ง่ายๆงั้นเลย”

 

“ครอบครัวก็เสียจากอุบัติเหตุไปแล้ว เพื่อนสมัยเด็กที่เป็นที่พึ่งใจเดียวก็สลัดรักทิ้ง….ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วล่ะครับ”

 

“ไม่สิ ไอ้หนุ่ม…เอาจริงดิ”

 

“จะทำก็รีบๆทำซะสิ หลังจากฆ่าผมแล้วอย่าแตะต้องคุณพนักงานจะได้รึเปล่า? ถ้าเกิดทำร้ายคุณพนักงานล่ะก็จะสาบแช่งลุงซะ”

 

ที่ปกป้องคุณพนักงานนี่เป็นความดีครั้งสุดท้ายที่ฉันทำได้สินะ

ฉันจ้องไปที่หน้าของลุง

และก็เดินไปให้ปลายมีดแทงเข้าที่ท้อง

 

“ฆ่าซะสิ”

 

“คึก อ่ะ…อ๊ะ!”

 

“ฆ่าสิ”

 

“คุ….ไม่ไหวโว้ยยยยยยยย!”

 

พอตะโกนลุงก็ทิ้งมีดแล้ววิ่งออกจากร้านสะดวกซื้อไป

….อะไรกันวะ สันขวานนี่นิ

คิดว่าพ้นจากการหาที่ฆ่าตัวตายแล้วแท้ๆเชียว

พอคิดเสียดายแล้วก็วางสปอร์ตดริ้งที่เครื่องคิดเงิน

 

“….อึก….ฮึก…คะ คือว่า?”

 

“ฝากคิดเงินด้วยครับ”

 

“ธ-เธอคือ….คุโรมิเนะคุง…ใช่รึเปล่า?”

 

“เอ๊ะ?”

 

น่าประหลาดใจเพราะว่าคุณพนักงานที่ดูเรียบๆพูดชื่อฉันออกมา

“..ฉ-ฉัน…อยู่ชั้นเดียวกัน….โฮชิมิยะ อายานะ…ค่ะ”

 

“…เอ๊ะ?”

 

โฮชิมิยะ อายานะเป็นแกลสุดน่ารักที่อยู่ชั้นเดียวกับฉัน

ฉันจ้องไปที่หน้าของคุณพนักงานอย่างระมัดระวัง

กับผมสีน้ำตาลหม่นกับแว่นเลยรู้ได้ยาก อย่างที่คิดโครงร่างเหมือนกันเลยเห็นเค้าอยู่

 

“..เอ่อ…ขอโทษทีนะ…จนกว่าผู้จัดการจะมา..อยู่ด้วยกันหน่อยได้รึเปล่า?”

 

“ทำไมละ?”

 

“ก็เพราะมัน…เป็นกฏ คิดว่าคงจะถามหลายๆเรื่องน่ะ…”

 

“เฮ้อ..เข้าใจแล้ว”

 

น่ารำคาญแต่ก็ช่วยไม่ได้

จะรบกวนโฮชิมิยะก็คงไม่ได้เลยต้องพยักหน้าแบบไม่เต็มใจ

======จบตอน======

[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta

[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta

Status: Ongoing
อ่านนิยาย [WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudattaไม่ไหวแล้วตายดีกว่า ฤดูใบไม้ผลิของมัธยมปลายปี2 ฉัน[คุโรมิเนะ ริคุ]สารภาพรักกับเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ―――――แล้วถูกสลัดรักแบบง่ายๆ จนถึงประถมต้นเราอาบน้ำด้วยกันและให้คำมั่นจนกว่าจะถึงอนาคต ม.ต้นและม.ปลายเองก็เหมือนกันเราไปและกลับจากโรงเรียนด้วยกัน เราที่อยู่ด้วยกันมักจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคู่รักจากคนรอบข้างอยู่ตลอด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset