[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta – ตอนที่ 13

จะทำยังไงกับบรรยากาศอึดอัดแบบนี้ดีละเนี้ย

ขณะที่กินข้าวห่อไข่ก็เหลือบมองไปที่โฮชิมิยะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอกำลังใช้ช้อนตักข้าวห่อเข้าปากอยู่

 

สุดท้ายบรรยากาศอึดอัดก็ผ่านเลยมาจนถึงช่วงอาหารเย็น

โฮชิมิยะไม่ยอมพูดอะไรเลยด้วย และถึงจะเจอะกับผมก็จะหันไปมองทางด้านอื่นทันที

 

“น นี่โฮชิมิยะ”

 

“อ อ อะไรเหรอ คุโรมิเนะคุง!”

 

ปั่นป่วนแบบสุดๆเลยนิ แล้วยังมีซอสมะเขือเทศติดที่ริมฝีปากด้วย

 

“คือว่า…ข้าวห่อไข้อันนี้ อร่อยจังเลยนะ”

 

“จ จริงเหรอ? ขอบใจนะ”

 

ในขณะที่โฮชิมิยะก้มลงราวกับว่าเขินอาย ก็พูดขอบคุณออกมา อันนี้น่ะคือข้าวห่อไข่ฝีมือโฮชิมิยะ

 

“มิซอสมะเขือเทศติดอยู่ที่ริมฝีปากแหนะ”

 

“เอ๊ะ โกหก!”

 

“เปล่าไม่ใช่ตรงนั้น เอ่อ อย่าเพิ่งขยับนะ”

 

เอนตัวไปที่โต๊ะแล้วก็เช็ดซอสมะเขือเทศออกด้วยนิ้ว

พยายามจะเช็ดนิ้วเลยหาทิชชู่ แต่ก็หาไม่เจอเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลียออก

 

“ค คค….คุโรมิเนะคุง….!”

 

“หืม?”

 

โฮชิมิยะเหมือนระเบิดไอน้ำออกมาแถมยังหน้าแดงด้วย

พอเห็นเธอเป็นแบบนั้น ในที่สุดก็รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป ดันทำสิ่งที่เคยทำกับฮารุโนะที่คิดว่าเป็นเหมือนครอบครัวกับโฮชิมิยะที่ความสัมพันธ์ตื้นเขินซะได้ ถึงจะทำไปแบบไม่รู้ตัวแต่แย่แน่ๆ

 

“ม ไม่ใช่นะโฮชิมิยะ! นี่น่ะ….ก็เพราะมันไม่มีอะไรเช็ดไง เน๊าะ?”

 

“นนน นน นั่นสิน้าาาาา!? ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไรหรอกเน๊าะ!?”

 

“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วใช่มั้ยละ! ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไร! ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรทั้งนั้น!”

 

“……งั้นเหรอ…ให้ตายสิ เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใส่ใจสิเน๊าะ….”

 

“โฮชิมิยะ!?”

 

โฮชิมิยะซึมและไหล่ตกลง ออร่ามืดมนออกมาแบบสุดๆเลย ท่าทางเหมือนจากนี้จะไปซื้อเชือกมาผูกคอเลยอะ

 

“เอ่อ ไม่สิ…..ไม่ต้องไปใส่ใจกับมันเลย”

 

“คนโกหก เลียไปแบบไม่ลังเลเลยไม่ใช่รึไงกันน่ะ คุโรมิเนะคุงโกหกได้ไม่เก่งเลยนะ”

 

“อึก!”

 

“ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ….ยังไงคนอย่างเค้ามันก็เรียบๆอยู่แล้ว ถึงทุกคนจะบอกว่าเป็นแกลก็เถอะแต่จริงๆแล้วก็เป็นคนน่าเบื่อแล้วยังเรียบๆนั่นแหละนะ…”

 

“ออร่าลบมันแปลกๆนะ! ท้อแท้เกินไปมั้ยนั่น!”

 

“…ก็คุโรมิเนะคุงพูดเองนี่นา ว่าเป็นโหมดเรียบๆน่ะ”

 

“ส ใส่ใจด้วยงั้นเหรอ….ไม่หรอกเพราะมันมีความต่างกับโฮชิมิยะที่อยู่ที่โรงเรียนน่ะ”

 

“เหรอ…เอ้ากินข้าวห่อไข่สิ เย็นแล้วนะ”

 

“ค ครับ…..”

 

“…….”

 

“……”

 

พวกเราตักเอาข้าวห่อไข่เข้าปากอย่างงุ่มง่าม ไม่มีการสนทนากันเลยแม้แต่นิดเดียว

ถึงจะอยู่ระหว่างมื้ออาหารแต่ความเงียบนี่มันเจ็บหัวใจเกินไปแล้ว

……ค ใครก็ได้ช่วยด้วย!

จะเอาเป็นมอนมอนก็ได้! มาทีเถอะ!

การอธิษฐานสูญเปล่าและออดก็ไม่ได้ถูกกด

 

ไอ้นั่นสินะ โฮชิมิยะน่ะใส่ใจกับสิ่งที่ผมพูดออกไปสุดๆเลย

จากนี้ไปจะต้องระวังเอาไว้

 

 

แล้ววันนั้นก็ล่วงเลยไปจนถึงเวลาเข้านอน

ผมเดินออกห่างจากเตียงไปที่แถวผนังและทิ้งตัวลงนอน

 

“ราตรีสวัสดิ์นะโฮชิมิยะ”

 

“นี่คุโรมิเนะคุง”

 

“หืม?”

 

โฮชิมิยะนั่งคุยอยู่บนเตียง เป็นบทสนทนาแรกตั้งแต่มื้อเย็น

 

“…..มานอนที่เตียงมั้ย?”

 

“เอ๊ะ แล้วโฮชิมิยะจะนอนใหนละ”

 

“….เตียง”

 

“นั่นน่ะหมายความว่า….?”

 

โฮชิมิยะพยักหน้าโดยที่ไม่พูดจา

อ เอาจริงดิ เอาจริงเหรอค้าบบบบ

ก็พอจะจิ้นถึงพัฒนาการแบบนี้ได้-ได้ซะที่ใหนละ

 

“เพราะเป)นเตียงสำหรับคนเดียว….เลยอาจจะแคปไปสักหน่อย….”

 

“บ แบบนั้นก็แย่สิ….พวกเราไม่ได้คบกัยอยู่สักหน่อย”

 

“แต่นอนพื้นมันไม่ดีนะ”

 

“มันก็ใช่แหละ…”

 

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงคุโรมิเนะคุงก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรกับเค้าใช่มั้ยละ”

 

โฮชิมิยะแม้มปากอย่างไม่พอใจ

ยังจะดึงดันอยู่เราะ!

โดนตรึงไว้ที่รูทนี้เพราะซอสมะเขือเทศหยดเดียวเลย

….ไม่สิ ที่ผมกับโฮชิมิยะมีความรู้สึกที่อ่อนไหวไม่เหมือนกันมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

การกระทำแบบนั้น น่าจะมีความหมายกับโฮชิมิยะนั่นแหละ

 

“ร รีบๆนอนกันเถอะ”

 

“ถ ถ้างั้น…ขอรบกวนด้วยนะครับ”

 

ผมเคลื่อนที่ไปที่เตียงด้วยการเคลื่อนไหวที่เหมือนกับหุ่นยนต์ โฮชิมิยะจ้องมาด้วยความสงสัยแต่ก็นอนลงไปที่เตียงได้แล้ว เตียงของผู้หญิงนี่ทั้งนุ่มทั้งหอมเลย

 

“ปิดไปแล้วนะ”

 

โฮชิมิยะปิดไฟในห้องด้วยรีโมท รู้สึกถึงความอบอุ่นของผู้หญิงที่อยู่ข้างท่ามกลางความมืดได้เลย เหมือนหัวกำลังจะระเบิดเลย

 

“อ๊ะ แล้วหมอนจะทำไงดีอะ? ใช้กันสองคนมันออกจะ….”

 

“ช เชิญเลยครับๆ ใช้คนเดียวเลยเถอะนะครับ”

 

“อ อือ ขอบคุณนะ”

 

แค่นอนเตียงเดียวกับเด็กผู้หญิงยังต้องเค้นความกล้าออกมาเลยแท้ๆ แล้วนอกจากนั้นยังจะใช้หมอนด้วย? ทำไม่ได้หรอกนะ

 

“……”

 

“……”

 

ไม่ได้คุยอะไรกันเลย

เพราะงั้นก็เลยหันหลังให้แล้วก็ทิ้งระยะห่างเอาไว้เล็กน้อย

….วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับโฮชิมิยะกันนะ

ว่าตามตรงว่าหลังจากที่โดนผมกอดท่าทางก็ดูแปลกไป

สมมติ แค่สมมตินะ

ถ้าเกิดว่าโฮชิมิยะเกิดชอบผมขึ้นมานิดหนึ่งล่ะก็……

 

“…..คุโรมิเนะคุง”

 

“….?”

 

ชื่อของผมถูกพึมพัมอยู่ที่ด้านหลัง ด้วยความสงสัยเลยเหงี่ยหูฟัง

 

“ชอบนะ(สุคิ)…..คุโรมิเนะคุง……”

 

อ เอาจริงดิ ใจเต้นแรงจนทำเอาตาพร่าเลย

ผมตื่นขึ้นเพื่อเช็คดูหน้าของโฮชิมิยะ

และโฮชิมิยะก็ทำหน้าเยิ้มหลับแบบมีความสุขสุดๆ—

 

“สุคิ….สกีจัมป์…คุโรมิเนะคุงเก่งจัง….ฟี้…ฟี้…”

 

“นอนละเมอหรอกเราะ..!”

 

เก่าจัดเลยไม่ใช่เราะ อีกอย่างผมไม่เคยเล่นสกีสักหน่อย

 

“เฮ้อ ฉันเองก็นอนแล้วกัน”

 

พอได้มองหน้าตอนหลับของโฮชิมิยะการที่คิดเรื่องต่างๆก็เหมือนจะเป็นอะไรบ้าๆไปเลบ

สุดท้ายแล้วการที่คิดว่า[โฮชิมิยะอาจจะชอบฉันก็ได้?]คงจะเป้นแค่การเพ้อเจ้อไปเองสินะ

….ถึงจะเป็นแบบนั้นความรู้สึกที่ผมมีต่อโฮชิมินะก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

 

“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกนะโฮชิมิยะ ไม่ว่าเธอจะคิดกับฉันแบบใหนแต่ไม่ว่ายังไงก็จะปกป้องจากสตอล์กเกอร์ให้ได้เลย ถึงแม้โฮชิมิยะจะเกลียดฉันก็ตามแต่”

 

“…..”

 

เป็นประโยคที่สุดแสนจะน่าอายจนพูดกับเธอตอนที่ตื่นอยู่ไม่ได้

ถ้าเกิดว่าไม่มีโฮชิมิยะ ผมในตอนนี้ก็คงไม่มีตัวตนอยู่

หากว่าผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้เดือดร้อนก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่คิดอยาดจะช่วย

ด้วยปณิธานที่อยู่ในใจผมก็ค่อยๆหลับตาลง

 

ตอนที่จิตสำนึกกำลังเลือนลางก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียง[…คุโรมิเนะคุง]อยู่เบาๆ

======จบตอน======

ในตอนนี้มีคนเหลี่ยม

ーーーーーーーーーーーー

ติดตามผลงานอื่นๆกับสนับสนุนผู้แปลได้ที่

ดอกไม้ไฟ | Facebook

[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta

[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta

Status: Ongoing
อ่านนิยาย [WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudattaไม่ไหวแล้วตายดีกว่า ฤดูใบไม้ผลิของมัธยมปลายปี2 ฉัน[คุโรมิเนะ ริคุ]สารภาพรักกับเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ―――――แล้วถูกสลัดรักแบบง่ายๆ จนถึงประถมต้นเราอาบน้ำด้วยกันและให้คำมั่นจนกว่าจะถึงอนาคต ม.ต้นและม.ปลายเองก็เหมือนกันเราไปและกลับจากโรงเรียนด้วยกัน เราที่อยู่ด้วยกันมักจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคู่รักจากคนรอบข้างอยู่ตลอด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset