[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta – ตอนที่ 19

ผ้าสีชมพูอ่อนที่ดูอ่อนนุ่มประดับด้วยริบบิ้นเล็กๆที่เหมือนดอกไม้บาน รูปร่างรวมๆเป็นสามเหลี่ยมกลับหัว ชั้นในของหญิงสาวที่ปกติจะไม่ได้เห็นบ่อยนักแต่จะเห็นก็ต่อเมื่อกระโปรงเปิดขึ้น—

 

“เดี๋ยวสิ จ้องอะไรอย่น่าาาาาาา!”

 

ป้าบ โดนตีเข้าที่หัว

ถึงจะเป็นหัวของตัวเองแต่ก็ได้ยินเสียงที่ค่อนข้างจะไพเราะดังขึ้น….

 

“เดี๋ยวเถอะคุโรมิเนะคุง ไว้จะตีแบบเอาจริงนะ!”

 

“ขอพูดตามตรงว่า ตีไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

 

“ครั้งต่อไปไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ!”

 

“…ขอโทษครับ”

 

ผมก้มหัวลงอย่างเชื่อฟังหลังจากที่ถูกโกรธเป็นฟืนไปเป็นไฟ

นี่น่ะเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้จะตั้งใจดูเลยสักนิด 

พอมาถึงบ้านหลังจากที่แวะร้านสะดวกซื้อกับโฮชิมิยะ เราทั้งคู่ก็ใช้เวลาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แล้วประมาณสามทุ่มก็ได้ยินเสียงฝนตก พอผมเห็นว่ามีเสื้อผ้าที่ตากไว้บนระเบียงก็เลยรีบเก็บและที่มือข้างขวาถือกางเกงในอยู่หนึ่งตัว

 

“รีบๆคืนมาได้แล้ว โธ่!”

 

พอโดนจนช้ำ กางเกงในก็ถูกโฮชิมิยะเอาไป….

 

“ถามหน่อยสิโฮชิมิยะ”

 

“….อะไร?”

 

โดนจ้องเขม็งเลย หวา!

ต้องแสร้งว่าทำเป็นใจเย็นทั้งที่เหงื่อเย็นไหลออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง

 

“ตราบที่ผู้ชายกับผู้หญิงอาศัยอยู่ด้วยกันคิดว่าคงเลี่ยงไม่ได้ที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น”

 

“ถึงงั้นก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเอาไปดูใกล้ๆเลยนิ ใช่มั้ยละ?”

 

“……”

 

“ทำไมถึงเงียบกันละ!? เพราะแบบนี้ไงเด็กผู้ชายถึง…..!”

 

“ถ้าเริ่มพูดขนาดนั้นแล้ว โฮชิมิยะเองก็จ้องไปที่กางเกงในฉันไม่ใช่รึไง”

 

“น นั่นมัน….ก็เอาไปซักกับรีด……”

 

“ด้วยการเอาไปดึงกับยืดเล่นสินะ?”

 

“……”

 

“แล้วไหงถึงเงียบเล่า”

 

ก่อนที่จะรู้ตัวฝ่ายที่บุกกับตั้งรับก็กลับกัน

โฮชิมิมองลงไปที่กางเกงในของตัวเองและกำด้วยมือทั้งสองข้างเหมือนกับกำลังปกป้องตัวเองจากการจ้องของผม

 

“โฮชิมิยะ?”

 

“ม ไม่เห็นเป็นไรนี่ ทางนั้นเป็นผู้ชายนี่นา”

 

“ก็คือเลือกปฏิบัติจากเพศงั้นสิ?”

 

“ต แต่ว่า! คุโรมิเนะคุงน่ะต่อให้กางเกงในของตัวเองถูกจับก็คงไม่ใส่ใจใช่มั้ยละ?”

 

“เปล่า ปกติก็อายสุดๆเลยล่ะ?”

 

“เอ๊ะ?”

 

“แต่ว่าเพราะโฮชิมิยะไม่ได้ใส่ใจ ก็เลยคิดว่าฉันเองก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลไปก็ได้น่ะ”

 

“ป เป็นงั้นเองเหรอ… คือว่า ไอ้นั่นสินะ จากนี้ก็คุยกันในหลายๆเรื่องรวมไปถึงเรื่องนี้ด้วยคงจะดีกว่าเน๊าะ”

 

“นั่นสินะ”

 

พวกเราเริ่มอาศัยอยู่ด้วยกันแล้วแต่ก็ไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์อะไรไว้เป็นพิเศษ

ทางโฮชิมิยะทำงานบ้านเป็นส่วนใหญ่ ผมเองก็ช่วยเรื่องทิ้งขยะกับอะไรเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องกฎเลย

เอาไว้หลังจากที่คิดเรื่องหลังจากนี้ค่อยคิดน่าจะดีกว่า

 

“จะว่าไปแล้วนะโฮชิมิยะ จะให้ฉันอยู่ที่นี่อีกนานแค่ใหนเหรอ?”

 

จำไม่ได้ว่าตัดสินใจเรื่องนั้นรึเปล่า

 

“มันก็ขึ้นอยู่กับสตอร์กเกอร์นั่นแหละนะ”

 

“ช่วงนี้มีวี่แววอะไรบ้างรึเปล่า?”

 

“อื-ม มันก็….”

 

ตั้งแต่ที่ผมมาที่บ้านนี้ยังผ่านไปไม่ถึงสามวันเลย

จะให้รับรู้ได้ก็คงจะยาก

 

“รู้สึกว่าบางครั้งก็จะถูกจับก้นบนรถไฟงั้นสินะ?”

 

“อือ”

 

“ถ้าแบบนั้นมันก็เป็นไปได้ที่ว่าเจ้านั่นจะเป็นสตอร์กเกอร์ คงจะตกหลุมรักโฮชิมิยะตั้งแต่แรกเห็น…..แล้วก็ตามจนมาถึงบ้านงั้นสินะ…?”

 

“ด เดี๋ยวสิหยุดเลยนะ! กลัวจริงๆนะ!”

 

โฮชิมิยะหน้าซีด เพราะวิธีพูดมันตรงเกินไป แต่ว่าถ้าเกิดสมุติฐานของผมถูกต้อง….ไอ้เจ้าสตอร์กเกอร์นั่นจะต้องเป็นเภทรั้นดันทุรังแน่ๆ แถมโฮชิมิยะเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรสักอย่างระหว่างที่กลับจากงานพิเศษด้วย….. อีกฝ่ายอาจจะเป็นตัวอันตรายก็ได้

ถ้าเกิดว่าไอ้หมอนั่นมันรู้ว่าผมกับโฮชิมิยะอาศัยอยู่ด้วยกันละ……?

 

“จากนี้เค้าจะเป็นคนดูแลเรื่องซักรีดเอง! เข้าใจนะ!?”

 

“ข ขอฝากด้วยนะครับ”

 

ควรจะบอกความคิดของผมให้โฮชิมิยะในตอนนี้ดีมั้ยนะ? แต่ว่ามันก็อาจจะทำให้กลัวแบบเปล่าประโยชน์ก็ได้ ในตอนที่กังวลว่าควรจะพูดดีรึเปล่า ก็มืเสียงมือถือดังออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก็เลยเอาออกมาเช็คดู เป็นสายจากแม่ของฮารุโนะ

 

“ครับ มีอะไรเหรอครับ?”

 

“ริคุคุง? ฮารุโนะอยู่นั่นรึเปล่า?”

 

“ฮารุโนะเหรอครับ? ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่บ้าน…. ฮารุโนะไม่ได้อยู่ด้วยนะครับ”

 

“เหรอ… ฮารุโนะยังไม่ได้กลับบ้านเลย แถมยังไม่มีการติดต่ออะไรเลยด้วย….”

 

“จะสี่ทุ่มแล้วนะครับ? ยังไม่ได้กลับบ้านเนี่ย…..”

 

“ลองติดต่อไปหาเพื่อนของฮารุโนะแล้วล่ะจ๊ะ แต่เหมือนจะไม่มีใครรู้เลย ขนาดริคุคุงเองก็ไม่รู้เนี่ย……ไม่อยู่ที่ใหนกันนะ”

 

ความเครียดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้นึกถึงฮารุโนะที่หงุดหงิดเมื่อเช้านี้

สาเหตุคือนั่นเหรอ…หรือว่าไปฆ่าตัวตาย? ม ไม่หรอกๆ ไม่ใช่ผมสักหน่อย เรื่องแบบนั้นน่ะ……

 

“ขอบใจนะจ๊ะริคุคุง เดี๋ยวตอนนี้จะไปคุยกับตำรวจแล้วล่ะ”

 

“ครับ….”

 

พอวางสายไปแล้วใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

เพราะอดไม่ได้ที่จะห่วงฮารุโนะ

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคุโรมิเนะคุง?”

 

“เหมือนว่าฮารุโนะจะยังไม่ได้กลับบ้านน่ะ แล้วเหมือนจะไม่ได้อยู่กับเพื่อนด้วย”

 

“โกหกน่า…..ก็ข้างนอกมันฝนตกหนักเลยนะ”

 

“….ขอโทษนะ ขอออกไปแปปหนึ่ง”

 

“จะไปหาคุณฮารุคาเสะเหรอ?”

 

“อือ ถึงจะคิดว่าตัวคนเดียวคงจะหาไม่เจอก็เถอะนะ…”

 

“…เข้าใจแล้ว ถึงจริงๆแล้วควรจะหยุดไว้ก็เถอะ… เอาร่มตรงทางเข้าไปใช้ก็ได้นะ ระวังตัวด้วย”

 

ผมรีบออกไปที่ทางเข้าพร้อมกับตอบไปว่า[ขอบคุณ]

คว้าร่มแล้วรีบเปิดประตูวิ่งออกไป

เพราะข้างนอกมืดกว่าที่คิดเอาไว้เลยทำให้ยืนยันความแรงของฝนได้ยาก

ทว่าฝนก็กระทบกับหลังคาที่จอดจักรยานจนเป็นเสียงกังวาน

 

“ฝนตกแบบนี้ ก็คิดอยู่หรอกว่าคงไม่อยู่ข้างนอก….”

 

อยู่ที่ร้านอะไรสักร้านรึเปล่านะ หรืออยู่ที่บ้านของเพื่อนที่แม้แต่แม่ก็ไม่รู้งั้นเหรอ

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หรือว่าจะไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมอะไรสักอย่างงั้นเหรอ—

 

“……..!”

 

เป็นเพราะจนถึงเมื่อกี้คิดถึงเรื่องของสตอร์กเกอร์สินะ

สลัดความคิดแย่ๆออกไปไม่ได้เลย

ถ้าเกิด ถ้าเกิดว่า…เกิดอะไรขึ้นกับฮารุโนะล่ะก็…!

เพราะควบคุมอารมณ์ที่มันเร่งเร้าไม่ได้ผมเลยโดดลงจากบันไดของอพาร์ตเมนต์

แล้วกางร่มวิ่งออกไปโดยที่ไม่สนว่าขาจะเปียก

รองเท้าเปียกน้ำซึมเข้ากับถุงเท้า

แต่ว่าไอ้ของแบบนั้นน่ะจะเป็นยังไงก็ช่าง

ก่อนอื่นก็ต้องขึ้นรถไฟไปที่ใกล้ๆบ้านของฮารุโนะ

จากนั้นก็นึกสถานที่ตามลำดับ—

 

“….เอ๊ะ?”

 

ตอนที่เดินไปตามถนนแคบๆแล้วเหยียบแอ่งน้ำ

ก็เห็นภาพแปลกๆ

มีคนนั่งอยู่ที่ไฟที่ถนนที่ไม่มีไฟ

เพราะมีแสงอยู่น้อยเลยมองเห็นได้ไม่ชัด

เพราะตัวตนมันเบาบางซะจนทำใหคิดว่า[อ้าวเห้ย ผีใช่มั้ยนั่น?]

ฝนตกแบบนี้นั่งอยู่คนเดียวมืดๆยังไงก็ไม่ปกติ

ถ้าเป็นปกติผมคงเข้าไปคุยแต่ตอนนี้ฮารุโนะต้องมาก่อน

เลยวิ่งต่อไปไม่หยุดและก็ตรวจดูคนๆนั้นด้วยการชำเลืองมองด้านข้าง—–ขามันขัดกันจนแทบจะล้ม

 

“ฮ ฮารุโนะ!?”

 

“….ริคุจัง?”

 

คนที่นั่งตากฝนอยู่ใต้ไฟถนนไร้ที่พึ่งพิงนั้น…..คือเพื่อนสมัยเด็กของผมเอง

ทั่งทั้งร่างนั้นเปียกปอนจนเหมือนลงไปในสระน้ำโดยที่ใส่เสื้ออยู่

ผมก็นอนราบติดลงไปกับหัว เครื่องแบบที่เปียกน้ำเองก็โปร่งใสซะจนมองเห็นชุดชั้นในที่อยู่ข้างในได้

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือตาคู่นั้น

ตาที่ไร้ซึ่งแสงเหมือนลูกแก้วขุ่นมัวที่ทำให้นึกถึงคนตาย

 

“กำลัง…..ทำอะไรอยู่น่ะฮารุโนะ! ทำอะไรอยู่ที่นี่!”

 

“…ทำอะไรอยู่กันนะ…”

 

เธอลดสายตาลงจากผมแล้วยิ้มออกมาจางๆ

 

“ฮารุโนะ!”

 

ผมคุกเข่าลงที่ด้านหน้าและจับไหล่ขวาของฮารุโนะ

เย็นมากๆและตัวก็สั่นอยู่เบาๆ

เลยเอาร่มที่อยู่มือซ้ายไปไว้ที่เหนือหัวของฮารุโนะ

ฝนตกใส่ตัวผมเหมือนกับปืนลูกซองแต่ก็ไม่ได้สนใจ

 

“….เปียกแล้วนะริคุจัง?”

 

“ช่างฉันเถอะน่า! ฮารุโนะนั่นแหละ….ทำอะไรอยู่ที่นี่!”

 

“ฉัน…..กำลังทำอะไรอยู่ที่นี่กันนะ….”

 

“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ!?”

 

“….ถ้าบอกว่าเกิด….นั่นสินะ…”

 

“….ฮารุโนะ?”

 

ฮารุโนะจ้องมาที่ผมอย่างระวังและเริ่มพูดด้วยริมฝีปากสีฟ้าอมม่วงนั้น

 

“วันนี้น่ะนะ ได้รู้สึกตัวในหลายๆอย่าง…แล้วก็คิดอะไรหลายๆอย่ายเลยล่ะ….”

 

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วล่ะ…..ก่อนอื่นก็ไปที่ที่มีหลังคาก่อน—”

 

“ริคุจังมีความสุขมั้ย?”

 

“อยู่ด้วยกันกับอายานะจัง…..มีความสุขรึเปล่า?”

 

“ม หมายความว่ายังไงน่ะ”

 

ไม่เข้าใจความหมายเลยจริงๆ

ทั้งความหมายของคำถามและเจตนาที่ถาม

เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

 

“…ในตอนแรกน่ะนะ ก็คิดว่าริคุจังยังชอบฉันอยู่…..นั่นน่ะ เป็นเพราะมองข้ามความตั้งใจของริคุงจังไปสินะ…”

 

“พุดอะไรออกมานะ….”

 

“ขอโทษที่พูดอะไรแย่ๆออกมานะ ที่ว่าไม่ได้มองเป็นเพศตรงข้าม……คงจะโหดร้ายมากเลยสินะ…. ถ้าเกิดว่าฉันเป็นริคุจังล่ะก็…..อาจจะตายไปเลยก็ได้”

 

“——”

 

เป็นคำที่ไม่มีพลังอยู่เลยแต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึก

หยาดน้ำที่ไหลลงมาจากตาของฮารุโนะเป็นน้ำฝนที่ไหลลงจากหน้าผากหรือเป็นน้ำตากันนะ

 

“…ถ้าเกิดว่าอยู่กับอายานะจังแล้วมีความสุข…..จะลืมฉัน…ไปก็ได้นะ…..”

 

พอพูดไปด้วยเสียวที่เหมือนจะหายลับไป ฮารุโนะก็ค่อยๆหลับตาลง

จากนั้นก็ก้มหน้าลงไร้เรี่ยวแรงราวกับหมดสติ

 

“…ฮารุโนะ? ทำใจดีๆเอาไว้! ฮารุโนะ!”

 

“……”

 

ฮารุโนะไม่ได้ตอบกลับมา—

มีเพียงเสียงฝนที่กระทบกับร่มเท่านั้นที่กังวานอยู่

======จบตอน======

ต้องตากฝนเป็นชั่วโมงเลยนะเว้ย แถมตัวพระเอกเองยังบอกเลยว่าตกหนักจนเม็ดฝนเหมือนลูกซอง

ーーーーーーーーーーーー

ติดตามผลงานอื่นๆกับสนับสนุนผู้แปลได้ที่

ดอกไม้ไฟ | Facebook

[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta

[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta

Status: Ongoing
อ่านนิยาย [WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudattaไม่ไหวแล้วตายดีกว่า ฤดูใบไม้ผลิของมัธยมปลายปี2 ฉัน[คุโรมิเนะ ริคุ]สารภาพรักกับเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ―――――แล้วถูกสลัดรักแบบง่ายๆ จนถึงประถมต้นเราอาบน้ำด้วยกันและให้คำมั่นจนกว่าจะถึงอนาคต ม.ต้นและม.ปลายเองก็เหมือนกันเราไปและกลับจากโรงเรียนด้วยกัน เราที่อยู่ด้วยกันมักจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคู่รักจากคนรอบข้างอยู่ตลอด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset