World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 102

ตอนที่ 102 เลือกอาจารย์

 

คําว่า”อู่ไร้พ่าย” ทําให้เกิดคลื่นลมในหมู่นักศึกษา

 

ในฐานะบุคคลที่ได้รับเชิญ ฟางผิงจึงกลายเป็นจุดสนใจ

 

ฟางผิงยังคงเงียบ คนแบบเธอจะเป็นอาจารย์ที่ดีได้เหรอ?

 

มันฟังดูไม่แย่!

 

อย่างน้อยที่เธอบอกว่า “มียาให้ใช้ไม่อั้น และ มีปรมาจารย์หนุนหลัง ก็ฟังดูไม่แย่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม อู่ไร้พ่าย” ทําตัวไม่น่าเชื่อถือนัก มือใหม่ที่พึ่งเข้าสู่โลกผู้ฝึกยุทธอย่างฟางผิงต้องการอาจารย์ที่น่าเชื่อถือมาชี้แนะการฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้

 

ฟางผิงไม่มีครอบครัวเป็นผู้ฝึกยุทธ มีหลายเรื่องที่เขาขาดความรู้ความเข้าใจ ต้องการคนชี้แนวทาง

 

จากที่ว่ามา ‘อู่ไร้พ่าย จึงไม่เหมาะสม

 

จากคําพูดที่ไร้ความรับผิดชอบของผู้หญิงคนนี้ เธอทําให้ฟางยิ่งรู้ว่ามีลูกศิษย์ของอาจารย์หลายคนที่มีเรื่องกับเหล่าหวัง

 

พ่ายแพ้การประลองอาจไม่ได้สร้างความบาดหมางกันเสมอไป

 

ทุกคนไม่ได้พบกันทุกวันเสียหน่อย บางทีไม่มีใครจําได้ด้วยซ้ํา

 

อย่างไรก็ตามเมื่อมีคนตั้งใจเอามาพูด แล้วย้ําว่าคุณไม่เก่งเท่าลูกศิษย์ของคนที่เอาชนะคุณได้ด้วยซ้ํา คุณจะรู้สึกอย่างไร?

 

ฟางผิงไม่ได้เป็นศิษย์หวังจินหยาง และผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้พูดแบบนั้น ที่เธอพูดถึงคือ กึ่งอาจารย์” ซึ่งฟางผิงไม่ปฏิเสธ

 

เมื่อลูกศิษย์ของศัตรู เข้ามาเรียนมีอาจารย์ร่วมกัน คนพวกนั้นจะเพิกเฉยได้จริงเหรอ?

 

ต่อให้ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่เจอกันทุกวันคุยกันทุกวัน พวกเขาจะทนได้เหรอ?

 

แค่คิดก็ทําให้ฟางผิงปวดหัวแล้ว

 

ความสามารถในการสร้างเรื่องเข้าใจผิดของผู้หญิงคนนี้สุดยอดมาก!

 

นักศึกษาโม่อู่ไม่ได้หวั่นไหวง่ายๆกับผลประโยชน์ที่เสนอตรงหน้า คําพูดที่สวยหรูของหญิงกลางคนทําให้เกิดความสนใจ แต่หลายคนยังสงบ

 

จ้าวเหลยเลือกถังเฟิง สวนเฉินหยุนซีเลือกไปลั่วซี คนอื่นๆก็เริ่มเดินไปหาอาจารย์ที่ตนเองเลือกเช่นกัน

 

ฟูชางยิ่งลังเลชั่วครู่ สุดท้ายก็เดินไปหาหลัวอี้ชวน

 

การฝึกฝนกระดูกแขนกระดูกขา สําหรับพวกเขาแล้ว การบรรลุขั้นสองไม่ใช่เรื่องยาก มันไม่ใช่เรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ไม่จําเป็นต้องใส่ใจมากนัก

 

สุดท้าย ในบรรดาศิษย์อย่างเป็นทางการห้าคนที่อู่ไร้พ่าย เลือก เหลือเพียงฟางผิงและหยางเสี่ยวม่านเท่านั้นที่ยังไม่ได้เลือก

 

อันที่จริงหยางเสี่ยวม่านไม่ได้ลังเลเพราะ อู่ไร้พ่าย” แต่เธอกําลังลังเลระหว่างถังเฟิงกับไปลั่วซี

 

ในฐานะผู้หญิง เลือกไปลั่วซีจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า แม้ว่าความสามารถของไปลั่วซีจะต่ํากว่าเล็กน้อยก็ตาม

 

แต่วิชากระบี่ผันแปร เธอไม่อยากได้วิชาที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญแบบนั้น ดังนั้นทางเลือกนี้จึงไม่เหมาะกับเธอนัก

 

หลังลังเลอยู่ครู่นึง หยางเสี่ยวม่านก็เดินไปหาถังเฟิง

 

“อู่ไร้พ่าย “ไม่ได้สนใจ นักศึกษามีสิทธิ์เลือกอาจารย์ได้ตามต้องการ

ต่อให้สุดท้ายฟางผิงไม่ได้เลือกเธอ เธอก็ไม่สะทกสะท้าน

 

คําพูดที่เธอพูดเมื่อกี้ ไม่ใช่เพราะอยากให้ฟางผิงเลือกเธอ ขัดเกลาสามครั้งดีจริง แต่ถ้าอาจารย์ยอมลงทุนและใช้เวลา แม้แต่นักศึกษาธรรมดา พวกเขาก็ฝึกฝนจนขัดเกลาสามครั้งได้

 

ขณะที่ฟางผิงกัดฟันและเตรียมเดินไปทางสวีเจี้ยนโจว ‘อู่ไร้พ่าย พลันหัวเราะออกมา ”เลือกอาจารย์คนอื่นด้วยสถานการณ์ของเธอ หลังจบปีสี่ อย่างมากเธอก็บรรลุแค่ขั้นสี่และนั่นก็เป็นหลังจากที่เธอพยายามสุดความสามารถแล้ว”

 

“แต่ถ้าเธอมาหาฉัน มันอาจต่างออกไป”

 

เมื่อเธอพูดจบ ถังเฟิงก็ตําหนิเบาๆ ” หลู่…”

 

“อู่ไร้พ่าย ถลึงตามองเขา ถังเฟิงแค่นเสียงในลําคอเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดชื่อเธอออกมาเสียงดังกลับกันเขาขมวดคิ้วและกระชากเสียงใส่“ทําเป็นเล่นพอแล้ว มีขีดจํากัดเสียบ้าง!”

 

“ด้วยฐานะของฟางผิง มาถึงจุดนี้ได้ ขัดเกลาสามครั้งได้ มันพิสูจน์แล้วว่าเขาเสียสละไปมากกว่าคนอื่นๆ!”

 

” คุณเล่นเองยังไม่เป็นไร แต่อย่าเอาอนาคตของนักศึกษามาเสี่ยง!”

 

“อู่ไร้พ่าย ถกเถียงอย่างไม่พอใจ “ฉันเอาอนาคตของนักศึกษามาเสี่ยงยังไง?”

 

“คุณรู้ดีกว่าใคร!” ถังเฟิงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เขามองฟางผิงแล้วกล่าว “เธอไม่จําเป็นต้องเอาเรื่องหวังจินหยางมาคิดจริงจัง หวังจินหยางเป็นแค่นักศึกษา ต่อให้เขาเก่งกาจแต่เป็นไปไม่ได้ที่โม่อู่จะอิจฉาแล้วมากดดันนักศึกษาของตนเอง”

 

“รุ่นพี่ของเธอแพ้ให้กับหวังจินหยางอย่างยุติธรรม ถ้าใครอยากสร้างปัญหาให้เธอเพราะแพ้มานั่นก็แค่พิสูจน์ว่าพวกเขามีนิสัยชั่วร้าย ไม่ว่ายังไงพวกรุ่นพี่ก็จะไม่คุกคามเธอ”

 

”เธอขัดเกลากระดูกสามครั้งและทําผลงานได้ดีตอนจัดสรรสาขา ไม่ว่าเธอจะเลือกอาจารย์คนไหนก็ไม่มีใครถือสา”

 

“ในฐานะอาจารย์ของโม่อู่ เราย่อมมีความเห็นแก่ตัว อย่างไรก็ตามตราบใดที่เธอเป็นศิษย์ของเราหรือต่อให้เธอไม่ใช่ศิษย์ แต่มีข้อสงสัยอะไร ถ้าเรามีเวลา เราก็จะชี้แนะเธอ!”

 

“โม่อู่เป็นมหาลัย ทะเลไม่ปฏิเสธแม่น้ํา เราไม่ใช่นิกายในอดีต”

 

“เหตุผลที่อาจารย์จํากัดจํานวนศิษย์เป็นเพราะเรามีพลังจํากัด มันไม่ได้หมายความว่าเราเป็นอาจารย์เฉพาะกับลูกศิษย์ของตนเอง”

 

” ฟางผิง จะเลือกอาจารย์คนไหนก็ขึ้นอยู่กับเธอ เธอไม่จําเป็นต้องกลัวเรื่องไม่เลือกใครแล้วตนเองจะโดนผลกระทบ

 

คําพูดเหล่านี้เหมือนจะพุ่งเป้าไปที่อู่ไร้พ่าย โดยเฉพาะ

 

หญิงกลางคนแค่นเสียงในลําคอ แต่ไม่ได้แสดงความเห็นเพิ่ม เธอพูดอย่างเย็นชา “ที่หัวสิงโตพูดถึงเมื่อกี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นศิษย์ฉันเอง ความเสี่ยงถือว่าสูงมาก ฉันไม่ปฏิเสธ”

 

“เนื่องจากเธอเลือกวิชายุทธ เธอต้องเรียนรู้ที่จะสู้แน่นอน!”

 

” การเรียนรู้ที่ละก้าวอาจทําให้จบการศึกษาสบายๆ แต่หลังจากนั้นล่ะ?”

 

” ทุกวันนี้มีปรมาจารย์กี่คนเชียวที่บรรลุจุดสูงสุดของชีวิตหลังจบการศึกษาสบายๆ?”

 

” ปรมาจารย์หลายคนเป็นปรมาจารย์ได้เพราะพวกเขากล้าทําในสิ่งที่ผู้อื่นไม่กล้าทํา!”

 

” ฟางผิง ฉันพอรู้สถานการณ์ของเธออยู่บ้าง เธอมีตระกูลใหญ่สนับสนุนให้เธอฝึกฝนไหม?”

 

“เธอมีผู้อาวุโสขั้นหกหรือขั้นเจ็ดไหม?”

 

“เธอไม่มีผู้ฝึกยุทธสักคนอยู่ในครอบครัว เธอคาดหวังให้ครอบครับช่วยสนับสนุนเธอให้ก้าวไปไกลกว่านี้หรือ?”

 

“ปูของฟูชางยิ่งอยู่ขั้นหกสูงสุด ต่อให้เขาไม่เข้าโม่อู่ ด้วยฐานะครอบครัว เขาก็ไปถึงขั้นกลางได้ไม่ยาก”

 

“พ่อของจ้าวเหล่ยก็เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นห้า มีธุรกิจเป็นของตนเอง นักศึกษาส่วนใหญ่ก็มีปูมหลังคล้ายกัน แล้วเธอมีอะไร?”

 

“พึ่งพาตนเองมากกว่าพึ่งพาคนอื่น ถ้าเธอกลัวรวย กลัวการต่อสู้ เธอจะพาตัวเองไปได้แค่ไหน?”

 

“เนื่องจากเธอรู้จักหวังจินหยาง เธอควรรู้ว่าเส้นทางที่เขาเดินมาจนถึงตอนนี้ มันยากยิ่งกว่าคนอื่นมาก!”

 

“มีประโยชน์อะไรที่มาโม้อู่เพื่อล่วงเกินผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งมากมาย? มันจําเป็นจริงหรือที่ต้องขึ้นเหนือเพื่อท้าประลองกับผู้ฝึกยุทธขั้นสาม?”

 

“นี่เป็นเพราะเขาไม่มีทางเลือก! ถ้าเขาไม่สู้งั้นเขาก็จะไม่ประสบความสําเร็จอย่างทุกวันนี้”

 

ถ้าคําพูดก่อนหน้านี้ของ อู่ไร้พ่าย ไม่น่าเชื่อถือ งั้นคําพูดของเธอตอนนี้ก็เป็นการจี้ใจดํา

 

มันเป็นความจริง ฟางผิงต่างจากคนอื่น!

 

เขาไม่มีพ่อแม่ที่แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนเขาฝึกฝน เขาต้องอาศัยตัวเองทุกอย่าง ถ้าเขาไม่สู้งั้นเขาจะไปแข่งขันกับคนอื่นได้ยังไง?

 

อาจารย์คนอื่นๆชี้แนะการฝึกฝนให้เขาได้และมอบความช่วยเหลือให้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามฟางผิงไม่ใช่ลูกพวกเขา ใครจะบอกได้ล่ะว่าพวกเขาจะสนับสนุนต่อไปไหม?

 

ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ เขามอง” อุไร้พ่าย แล้วกล่าว ”อาจารย์ ถ้าผมเป็นศิษย์อาจารย์มันจะต่างจากผมเป็นศิษย์คนอื่นยังไง?”

 

“อู่ไร้พ่าย ยิ้มบางๆ ”ต่างกันไม่มาก จะมีภารกิจมากกว่า มีสถานที่ให้ไปมากกว่า และได้ความรู้มากกว่า”

 

“แน่นอน มันเสี่ยงกว่าเช่นกัน”

 

“มีบางแห่งที่หัวสิงโตและคนอื่นๆเข้าไม่ได้ แต่ฉันเข้าได้”

 

“หัวสิงโตกับคนอื่นๆมีศิษย์เยอะกว่า ส่วนฉันมีน้อยกว่า เมื่อเทียบกันแล้ว ฉันมีเวลาให้เธอมากกว่าแค่นี้แหละ”

 

“ส่วนที่เหลือ เธอต้องสู้เพื่อตัวเอง”

 

“บางทีเธออาจเชื่อว่าฉันจะมอบยาให้เธอไม่งั้น? อันนั้นฉันแค่พูดเฉยๆ”

 

ฟางผิงพูดไม่ออก นักศึกษาคนอื่นๆอยากหัวเราะ แต่ไม่กล้า พวกเขาค่อยๆพบว่าอาจารย์คนนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย

 

ฟางผิงค่อนข้างโล่งอก เขาไม่เชื่อว่าจะมีของดีตกลงมาจากฟ้า อาจารย์โม่อู่ไม่ได้เป็นปรมาจารย์ในอดีต พวกเขาอยู่ด้วยกันเพียงสี่ปีเท่านั้น

 

สี่ปีต่อมา มันจะขึ้นอยู่กับศิษย์ว่าพวกเขาจะยังยอมรับอาจารย์ของตนเองอยู่ไหม

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้อาจารย์จะให้ความช่วยเหลือลูกศิษย์ แต่ก็มีข้อจํากัด อาจารย์ย่อมไม่ทุ่มทรัพย์สินหมดตัวเพื่อฝึกฝนลูกศิษย์ ต่อให้พวกเขาไม่มีลูกไม่มีครอบครัวก็ตาม

 

แค่อาศัย” จะได้ปันผลจากบริษัทยา และ สามารถไปที่ที่คนอื่นไปไม่ได้ เขาก็เลิกลังเล

 

มันก็เหมือนกับที่อู่ไร้พ่าย วิเคราะห์เรื่องนักศึกษาคนอื่นกับปูมหลังของเขา ฟางผิงตัดสินใจลองเสี่ยงโชคดู

 

ฟางผิงข่มความไม่พอใจที่ถูกหลอกเมื่อกี้ ก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่และกล่าวด้วยความเคารพ“อาจารย์ จากนี้ไปผมขอฝากตัวด้วย”

 

“อู่ไร้พ่าย “ยิ้ม ถังเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้เกลี้ยกล่อมอีก เขามอง”อู่ไร้พ่าย แล้วกล่าว “รับผิดชอบศิษย์ของตัวเองด้วย ไม่กี่ปีมานี้ ศิษย์สิบสองคนของคุณที่ยังไม่จบการศึกษาบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าครึ่ง…”

 

ฟางผิงหน้าซีด นักศึกษาคนอื่นๆที่กําลังเดินมาหาพวกเขาก็หยุดเท้ากระทันหัน!

 

ฟางผิงแทบกรีดร้องเสียงดัง “หัวสิงโต ทําไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้!”

 

สีหน้าของอู่ไร้พ่าย ก็ดูเคร่งขรึมเช่นกัน เธอกล่าวอย่างเย็นชา “คุณไม่ต้องกังวล ฉันรู้ขีดจํากัดตัวเอง”

 

” หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเถอะ!”

 

บทสนทนาหยุดลงตรงนี้ เพราะคําพูดกระทันหันของถังเฟิง ทําให้ท้ายที่สุดมีคนมาเข้าทีม” อู่ไร้พ่ายแค่คนเดียวนอกจากฟางผิง

 

จ้าวเสวี่ยเหมย!

 

หญิงสาวไม่ค่อยสวยนัก ผู้ฝึกยุทธสาว ไม่ได้ขัดเกลาสองครั้ง แต่จวงกงและวรยุทธของเธอไม่ได้อ่อนแอ

 

ฟางผิงไม่คิดเลยว่าหลังถังเฟิงพูด จะมีคนมาเข้าทีม” อู่ไร้พ่าย” อีก แถมคนๆนั้นยังเป็นผู้หญิง

 

หญิงกลางคนก็ค่อนข้างแปลกใจ เธอไม่ได้ตําหนิถังเฟิง ที่พูดก็พูดไปแล้ว และมันเป็นความจริง

 

หลังจบคําพูดของถังเฟิง ก็ยังมีคนมา มันแปลกมาก หญิงสาวคนนี้ใจกล้าอย่างยิ่ง

 

การเลือกอาจารย์ก็ค่อยๆสิ้นสุดลง

 

เมื่อเลือกอาจารย์เสร็จแล้ว ก็เป็นการกําหนดห้อง กําหนดห้องส่วนใหญ่ดําเนินการสําหรับหลักสูตรวัฒนธรรมศึกษาและทฤษฎี

 

อาจารย์ที่ทุกคนเลือกตอนนี้มีหน้าที่ชี้แนะการฝึกฝนประจําวัน ไม่ใช่ชี้แนะเชิงทฤษฎี

 

400 คน แบ่งออกเป็น 8 ห้อง

 

เนื่องจากทุกคนมีความคืบหน้าต่างกัน บางคนไม่ได้ฝึกเคล็ดเสริมสร้างไม่ได้ฝึกจวงก ส่วนบางคนก็เป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว พวกเขาย่อมไม่ถูกจัดอยู่ในห้องเดียวกัน

 

แม้ว่าฟางผิงจะไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ แต่ความก้าวหน้าเคล็ดวิชาต่างๆของเขาไม่ได้ล่าช้า ดังนั้นเขาจึงถูกจัดอยู่ห้องหนึ่ง

 

สามห้องแรกส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกยุทธไม่ก็เตรียมผู้ฝึกยุทธที่มีความรู้พื้นฐานอยู่แล้ว ส่วนห้าห้องหลังจะสอนให้กับนักศึกษาธรรมดาที่มีความรู้น้อยหรือไม่มีความรู้เลย

 

หลังกําหนดห้องและเลือกอาจารย์ ภารกิจของวันนี้เสร็จสมบูรณ์

 

ก่อนที่”อู่ไร้พ่าย” จะเดินจากไป เธอโยนบัตรผ่านให้กับฟางผิงและจ้าวเสวี่ยเหมย “ต้นเทอมส่วนใหญ่เธอจะได้เรียนทฤษฎีและวัฒนธรรมศึกษา ในฐานะอาจารย์ประจํา พวกเราจะให้การชี้แนะเป็นรายคน เว้นแต่จะเป็นหลักสูตรใหญ่”

 

“จะว่าไป พวกเธอสองคน คนนึงเป็นผู้ฝึกยุทธ อีกคนขัดเกลาสามครั้ง ฉันมั่นใจว่าพวกเธอมีความเข้าใจเรื่องเหล่านี้เพียงพอแล้ว”

 

”เวลาว่าง ถ้าเธอมีคําถามอะไร เธอก็มาหาฉันที่หอพักอาจารย์”

 

“โดยเฉพาะเธอฟางผิง ถ้าเธออยากทะลวง เธอก็มาหาฉันได้”

 

”เทอมหน้า พอเธอผ่านขั้นตอนการปรับตัว เราจะมีเวลาทําความรู้จักกันอีกมาก”

 

ขณะที่เธอกําลังพูด “อูไร้พ่าย” ก็คิดชั่วครู่ โยนขวดยาให้แล้วกล่าว “ยาปราณและเลือดสามัญใช้ฟื้นฟูปราณและเลือด ส่วนยาคุณภาพสูงกว่านี้ เธอต้องหาเอง ยาปราณและเลือดขวดนี้ใช้เพื่อลดเวลาฟื้นฟูปราณและเลือด ใช้ให้ฉลาดล่ะ”

 

หลังพูดจบ หญิงกลางคนก็เดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

 

ฟางผิงและจ้าวเสวี่ยเหมยหมดคําพูด ไม่ใช่แค่พวกเขา แต่นักศึกษาคนอื่นๆก็รู้สึกทํานองเดียวกัน

 

หลังจากเลือกอาจารย์อย่างแข็งขัน อาจารย์ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นเดียวกัน..ไร้ความรับผิดชอบหลังพูดไม่กี่คํา ส่วนใหญ่ก็แยกย้ายหายไป

 

มีอาจารย์ไม่กี่คนที่ดีกว่านั้นหน่อย พวกเขาพาลูกศิษย์ไปทําความรู้จักกับศิษย์พี่ แต่อาจารย์ส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้

 

ฟางผิงถือขวดยาและตรวจสอบดู อู่ไร้พ่ายไม่ได้ตระหนี่ เธอให้ขวดยาปราณและเลือดสามัญทั้งขวดขวดนึงมีอยู่สิบเม็ด

 

ถ้าซื้อในตลาด เขาต้องใช้เงินเป็นล้าน!

 

แม้แต่ในมหาลัย เขายังต้องใช้คะแนน 30 คะแนนเพื่อแลกเปลี่ยนทั้งขวด!

 

ตัดสินจากเรื่องนี้เรื่องเดียว คําพูดที่ว่าได้บันผลจากบริษัทยาเหมือนจะไม่ใช่เรื่องหลอกลวง

 

จ้าวเสวี่ยเหมยช็อคเช่นกัน เธอไม่คิดเลยว่าจะได้รับยาปราณและเลือดทั้งขวดจากอาจารย์

 

พวกเขาสบตากัน ฟางผิงหัวเราะฝืนๆ “สวัสดี ฉันฟางผิง…”

 

“ฉันรู้”

 

จ้าวเสวี่ยเหมยกล่าวด้วยน้ําเสียงดุร้าย เธอกระชากเสียง “นายพึ่งเตะฉันเมื่อกี้ ฉันไม่ลืม!”

 

จากนั้นเธอก็แนะนําตัวเอง “จ้าวเสวี่ยเหมย!”

 

หลังบอกชื่อให้กัน พวกเขาก็ไม่มีอะไรให้พูดอีก เพราะพวกเขาไม่รู้จักกัน ยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้ฟางผิงพึ่งเตะเธอไป

 

เวลานั้นเอง ฟูชางยิ่งกับคนอื่นสองสามคนก็เดินมาหาพวกเขา

 

หยางเสียวม่านจับมือจ้าวเสวี่ยเหมย เธอถลึงตามองฟางผิงอย่างไม่พอใจ ส่งเสียงอึดฮัดเบาๆแล้วพูด “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเลือกอาจารย์เดียวกับเขา เสวี่ยเหมยเธอน่าจะเลือกอาจารย์ถังเฟิงเหมือนฉันนะ”

 

จ้าวเสวี่ยเหมยหัวเราะ “ไม่เป็นไร เราจําเป็นต้องเลือกอาจารย์ที่เหมาะสมกับตัวเอง ฉันคิดว่าอาจารย์อู่เหมาะกับฉัน”

 

หยางเสี่ยวม่านพูดอย่างขบขัน ” เธอแซ่หลู่ ใครเป็นอาจารย์อู่กัน เธอเชื่อเหรอว่าอาจารย์ชื่ออู่ไร้พ่าย!”

 

เห็นได้ชัดว่าหยางเสี่ยวม่านพอรู้อะไรมาบ้าง

 

ไม่ใช่แค่เธอ แต่ฟูชางยิ่งก็ดูเหมือนจะทราบเรื่องมาบ้างเช่นกัน เมื่อเห็นสาวๆไม่ค่อยต้อนรับเขากับฟางผิงและเขาก็ไม่อยากเซ้าซี้ เขาจึงลากฟางผิงเดินไปและพูดไปพลาง “เลือกอาจารย์ขึ้นอยู่กับแต่ละคนเมื่อกี้ฉันเลยไม่พูด”

 

“อาจารย์หลู่ เอ้ย อาจารย์ของนาย ชื่อเต็มคือหลู่เฟิงโหรว”

 

“อาจารย์หลู่ค่อนข้างแข็งแกร่ง หรือจะบอกว่าเธอแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าอาจารย์ถังเฟิงก่อนมาโม่อู่ ผู้อาวุโสของฉันเตือนว่าถ้าเจออาจารย์หลู่ก็พยายามอย่าเลือกเธอ”

 

”อาจารย์หลู่ไม่ได้อยู่ในรายชื่ออาจารย์นักศึกษาใหม่ พูดตรงๆฉันคิดว่าเธอแค่มาพิธีเปิดอย่างเดียว”

 

“เพราะงั้น ตอนที่ฉันแนะนํานาย ฉันเลยไม่ได้พูดถึงเธอเลย ฉันแนะนําอาจารย์ขั้นหกคนอื่นให้นายแทน”

 

“ฉันไม่รู้รายละเอียด แต่มันเป็นไปตามที่อาจารย์ถังเฟิงกล่าว ไม่กี่ปีมานี้ ศิษย์ของอาจารย์หลู่มีอัตราบาดเจ็บล้มตายสูง”

 

ฟางยิ่งคิดอยู่พักนึ่งและเอ่ยถาม ”เธอไม่มีนิสัยจงใจทําร้ายลูกศิษย์ใช่ไหม?”

 

ฟูชางยิ่งรู้สึกขบขัน ” มันเป็นไปไม่ได้ นิสัยเธออาจดูเอาใจยาก แต่เรื่องทําร้ายลูกศิษย์อาจารย์ในโม่อู่ไม่มีทางทําแบบนั้น”

 

” ต่อให้มันเป็นความจริง คณบดีและอาจารย์ใหญ่ย่อมไม่ปล่อยให้เธอทํางานเป็นอาจารย์อีก”

 

“งั้นฉันก็ไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหาเลย”

 

ฟางผิงเข้าใจว่าเธอจะไม่จงใจทําร้ายลูกศิษย์ แม้ว่าเขาจะกังวลเรื่องอัตราบาดเจ็บล้มตายสูงแต่เขาก็ไม่คิดมากนัก

 

เขาเลือกเส้นทางนี้เอง แถมยังได้ผลประโยชน์มูลค่าสูง อย่างน้อยเม็ดยาปราณและเลือดสามัญสิบเม็ดในมือก็เป็นข้อพิสูจน์แล้ว

 

หลังครุ่นคิดครู่นึ่ง ฟางผิงก็กล่าวเสริม “เอาล่ะ เราควรไปเอาคะแนนที่แผนกโลจิสติกส์นายจะไปแผนกโลจิสติกส์หรือโรงพยาบาล?”

 

” ทําไมฉันถึงอยากไปโรงพยาบาลล่ะ?”

 

ฟูชางยิ่งแลดูสับสนุนงง ฟางผิงชําเลืองมองเขา พูดด้วยน้ําเสียงสงบเยือกเย็น “หน้านายบวมเปงเมื่อกี้ฉันแทบจํานายไม่ได้ นายมั่นใจเหรอว่านายจะไม่ไป?”

 

ชางยิ่งใช้เวลาสักครู่ถึงจะตามทัน หลังตระหนัก เขาก็ถลึงตามองฟางผิง นายยังมีหน้ามาพูดจาแดกดันอีกเหรอ?

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Global Gaowu, Global Martial Arts, Quan Qiu Gao Wu, Toàn Cầu Cao Võ, WBMA, 全球高武
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง World’s Best Martial Artist เรื่องย่อ ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว! หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย! นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ “สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?” อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset