(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนที่ 2-19

ตอนที่ 2-19 แผลฉกรรจ์

 

 

 

 

ซองจูที่ตกอยู่ใต้ร่างของจองอู ในทุกครั้งตัวเขาก็มักจะสงสัยอยู่ตลอด ว่าตัวเองเป็นพวกมีรสนิยมชอบความรุนแรงหรืออย่างไร จองอูที่กระแทกเข้ามาในตัวซองจูจนสุดแบบนั้น มันทำเอาซองจูทั้งรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็เพลิดเพลินไปพร้อมกัน 

 

 

“อื้อ! ฉัน ตอนนี้มัน มัน…ฮือ! อื้อ! อึก…อ๊า!” 

 

 

“อึก อย่ารัดแน่นนักสิ…” 

 

 

“แค่ ปล่อยไป อื้อ! อ๊ะ อ้า!” 

 

 

“อื้อ!” 

 

 

ที่สุดแล้ว ความต้องการก็พุ่งขึ้นมาจนถึงจุดที่ไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ร่างกายของซองจูกระตุกเกร็ง และในเวลาเดียวกันนั้น จองอูก็ปลดปล่อยน้ำรักออกมาจากตัวตนที่สอดลึกอยู่ในตัวของอีกคนจนมันล้นทะลัก แล้วทั้งสองก็ล้มแผ่ลงไปทั้งที่ร่างกายยังแนบชิดกันอยู่ พร้อมหายใจหอบถี่อย่างหนัก 

 

 

“อยู่แบบนี้…แป๊บนึงก่อนนะ เหนื่อยมากเลย” 

 

 

เขาหายใจหอบถี่ออกมา ร่างกายเจ็บร้าวจนแทบขยับไม่ได้ ซองจูพลิกตัวหันหลังกลับไปพร้อมกับซุกซบเข้าไปในอ้อมแขนของจองอู ในวินาทีนั้นร่างกายของจองอูเกร็งไปหมด ซองจูพาดแขนทั้งสองข้างเอาไว้บนเอวของเขา พร้อมกับแนบแก้มลงมาบนแผงอกเปล่าเปลือย หายใจหอบ ท่าทางเช่นนั้นของซองจูทำเอาจองอูไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ 

 

 

ใกล้กันมากเหลือเกิน มากเสียจนกลัวว่าซองจูจะได้ยินเสียงหัวใจที่มันกำลังเต้นตึกตักอยู่ในตอนนี้หรือเปล่า เขาลูบไล้ไปบนกระหม่อมของอีกคนอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกภายในก็ค่อยๆ สงบลง ในตอนนั้นเอง คนที่แนบศีรษะอยู่ในอ้อมกอดของเขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาด้วยสภาพสติยังไม่กลับคืนมาอย่างเต็มที่นัก 

 

 

“อะไรเนี่ย ทำไม ตรงนี้ถึงได้เป็นแบบนี้” 

 

 

ใบหน้างดงามของซองจูบูดเบี้ยวขึ้นโดยไม่รู้ตัว หัวคิ้วนั้นขมวดมุ่นเขาหากัน อีกคนค่อยๆ ยื่นมือข้างหนึ่งขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมที่ปิดบังใบหน้าของเขาออกอย่างระมัดระวัง 

 

 

“แผลเป็นนี่นา…ตั้งแต่เมื่อไหร่ คงจะเจ็บมากเลยสินะ” 

 

 

ในดวงตาคู่นั้นของอีกคน มันเต็มเปี่ยมไปด้วยร่องรอยของความห่วงกังวล แม้มันจะเป็นสีหน้าที่ไม่ได้ต่างไปจากที่เคยพบเห็นจากคนอื่น แต่ทว่าใบหน้าที่ดูอ่อนโยนนั้นกลับสัมผัสเข้ามาใกล้ความเจ็บปวดของจองอูมากยิ่งกว่าอะไร ตัวเขาที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้ยกมือซ้ายขึ้นมาปัดป้องมือของจองอูออกไป แต่ทว่าซองจูก็ได้พบสิ่งผิดปกติบางอย่างจากท่าทางนั้นของจองอู 

 

 

“เดี๋ยว มือนายทำไมเป็นแบบนั้น?” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้ร่างกายของจองอูเกร็งยิ่งกว่าเดิม ซองจูยื่นมือไปคว้ามือข้างซ้ายของจองอูในทันที แล้วสังเกตมันอย่างละเอียด ที่นิ้วก้อยของจองอูดูจะมีบางอย่างผิดปกติไป 

 

 

“ทำไมเป็นแบบนี้ เอามือออกสิ” 

 

 

ทันทีที่เขาจับมือของอีกฝ่ายไว้ สีหน้าของจองอูก็เคร่งเครียดขึ้นมา แต่ทว่าซองจูก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้ แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นฝ่ายร้องครางอยู่ใต้ร่างของจองอู แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แรงที่จับยื้อยุดมือข้างนั้นเอาไว้ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว ซองจูทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่จองอูที่พยายามสะบัดมือของเขาออก เจ้าตัวจ้องไปที่จองอู แล้วจึงดึงมือของอีกคนมาจับไว้อีกครั้งพร้อมกับมองสำรวจจนทั่ว 

 

 

“อะไรกันเนี่ย นี่มัน…ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้” 

 

 

นิ้วก้อยข้างซ้ายของจองอูมันไม่ปกติ ตรงตำแหน่งที่ควรจะมีเล็บอยู่นั้นกลับบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่าง ทั้งที่อย่างไรตรงนี้ก็ควรจะมีเล็บอยู่แน่ๆ นิ้วมือนั่นก็เช่นกัน ตรงส่วนข้อต่อนั้นดูบิดเบี้ยวจนผิดรูปและกระด้างแข็ง ด้วยสภาพนี้อีกคนยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติอีกงั้นเหรอ เขาหยุดความคิดทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้ สีหน้าของซองจูเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม 

 

 

เราอาศัยอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายเดือน แต่ตัวเขากลับไม่เคยรับรู้เรื่องนี้เลยสักนิด มันช่างน่าละอายใจเสียจริงๆ แต่ทว่าถึงอีกคนจะมีสภาพเช่นนั้น จองอูก็ยังทำตัวปกติได้อย่างเป็นธรรมชาติ จนเขาไม่ได้รู้สึกเลยว่าอีกคนมีสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เช่นนี้ ไม่เคยรู้สึกเลยว่าจองอูนั้นต้องลำบากกับการชงกาแฟให้มีรสชาติถูกปากซองจูผู้แสนจะซับซ้อน หรือแม้แต่ทำอาหารแสนอร่อยนั้นให้ 

 

 

แม้จะพยายามนึกถึงท่าทางของจองอูเมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่ผ่านมา แต่จองอูก็ยังมีท่าทีเหมือนเดิม แน่นอนว่าก่อนที่พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันถึงขั้นนี้ ตัวเขาไม่เคยใส่ใจอีกฝ่ายเลย และจองอูเองก็แทบจะไม่ออกมาจากห้องเลยเช่นกัน เพราะฉะนั้นมันจึงไม่แปลกที่เขาไม่เคยจะรับรู้ถึงมันเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น การที่พวกเขามีความสัมพันธ์แนบชิดกันแบบนี้ มันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่เขากลับไม่เคยรู้สึกได้ถึงความจริงที่มันเป็นอยู่ตอนนี้เลย ซองจูที่เคยเอาแต่จ้องจับผิดอีกฝ่ายอย่างโง่เขลา ในครั้งนี้เขาเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผากของจองอู 

 

 

บนใบหน้าสมบูรณ์แบบของจองอูที่ตอนนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของความหวาดหวั่น บนนั้นมีรอยแผลเป็นปรากฏอยู่ แค่มองผ่านๆ ก็รู้ได้ว่ารอยแผลนี้ทั้งลึกและดูจะผ่านมานานมากแล้ว 

 

 

นิ้วมือที่บิดเบี้ยว หน้าผากที่มีรอยแผลเป็นฝังลึก สิ่งเหล่านั้นที่หลงเหลืออยู่บนร่างกายนี้ อีกคนต้องผ่านเรื่องราวที่ร้ายแรงขนาดไหนมากันนะ เพื่อปกปิดร่องรอยบาดแผลพวกนั้น จึงได้ซ่อนใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้ตลอด เมื่อคิดถึงตอนที่อีกคนจับเครื่องดนตรีทำเพลงแล้ว ซองจูก็รู้สึกสะเทือนใจจนเหมือนจะตายเสียให้ได้ และตัวจองอูก็ไม่เคยเปิดเผยเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้เขาได้รับรู้เลยสักครั้ง นั่นทำให้เขารู้สึกเกลียดอีกคนขึ้นมา ที่มาของบาดแผลพวกนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจหยั่งรู้ได้ด้วยตัวเอง 

 

 

ขณะที่จ้องมองไปยังใบหน้าของจองอู ซองจูก็กัดเล็บนิ้วหัวแม่มือของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของอีกคนที่ไม่ได้มองสบกลับมาที่เขาตรงๆ มีร่องรอยของความแข็งกร้าว 

 

 

“นี่อะไร มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” 

 

 

จองอูที่ได้ยินคำถามซึ่งเต็มไปด้วยความห่วงใย ยิ่งพึมพำตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้น 

 

 

“ไม่มีอะไรหรอก” 

 

 

“ทั้งร่องรอยที่นิ้วมือ ที่เล็บ ไหนจะแผลเป็นนั่นอีก เนี่ยเหรอที่ว่าไม่มีอะไรน่ะ” 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก มันแค่ออกแรงมากไม่ได้ ถึงยังไงก็ไม่ได้จำเป็นต้องขยับ หรือใช้งานอะไรนิ้วก้อยอยู่แล้ว ไม่ลำบากอะไรสักหน่อย” 

 

 

“แล้วที่หน้าล่ะ ที่หน้าทำไมถึงเป็นแบบนั้น” 

 

 

“นั่นก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน มันเป็นเรื่องนานมาแล้ว ก็เลยจำไม่ได้แล้วน่ะ” 

 

 

จองอูพูดออกมาเช่นนั้นพร้อมกับเบือนหน้าหลบสายตาไป 

 

 

โกหกชัดๆ ทั้งที่ปัดผมมาปิดเอาไว้แบบนั้น คอยปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา แต่กลับพูดว่าไม่มีอะไร พูดว่าไม่เป็นไรออกมาแบบนั้น ช่างเป็นการกระทำที่สวนทางกันจริงๆ ตอนนี้ร่างกายของอีกคน เหมือนมันกำลังบอกออกมาว่ามันไม่ดีเอาเสียเลย แววตาของซองจูเริ่มเครียดขึ้น  

 

 

“อย่าปิดบัง แล้วพูดออกมาให้หมดเดี๋ยวนี้” 

 

 

“ไม่เป็นไรจริงๆ เรื่องที่ลืมไปแล้วแบบนั้น จะมาบังคับให้นึกถึงมันอีกเพื่ออะไรกัน?” 

 

 

สีหน้าที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการจะเอ่ยเรื่องนั้นออกมา พร้อมกับการตะคอกเสียงดังตอบกลับมาเช่นนั้น ซองจูมองเห็นท่าทางนั้นของจองอู ก็ไม่ได้คิดที่จะไล่ต้อนอีกคนต่อไปอีก สายตาของจองอูดูแข็งกร้าว แต่ทว่ามันกลับดูเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ตัวเขาเองจึงทำเพียงส่ายหน้าไปมา ก่อนจะยกยิ้มให้อีกฝ่าย ถ้าเป็นเวลาปกติ ฮันซองจูคงไม่มีทางแสดงท่าทางแบบนี้ออกมาเด็ดขาด 

 

 

“…ช่างเถอะ ถ้าไม่อยากพูดก็ช่างมันเถอะ ฉันไม่คิดจะบังคับถามซักไซ้อะไรหรอก” 

 

 

ซองจูพูดเช่นนั้น พร้อมกับค่อยๆ ขยับลุกขึ้น 

 

 

น้ำรักของทั้งคู่ที่เหนียวเหนอะไปทั่วตัวนั้นแห้งจนติดตัวไปทั่ว ทุกๆ ครั้งที่ขยับตัว เขาต้องคอยใช้มือปัดเศษของน้ำรักที่แห้งกรังพวกนั้นออกไป พร้อมกับเดินไปที่ห้องอาบน้ำซึ่งอยู่อีกฝั่งของห้อง แม้จะรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองตามหลังเขามาอยู่ตลอด แต่ตอนนี้เขายังไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น รู้สึกไม่ค่อยดีกับการถูกต่อต้านแบบนั้น 

 

 

“ไอ้คนเฮงซวย สนใจกันบ้างมันจะตายรึไง…” 

 

 

เสียงพึมพำแผ่วเบานั่นดังก้องไปทั่วห้องน้ำกว้าง 

 

 

ซองจูปิดประตูเสียงดังปัง หลังจากนั้นก็ยืนพิงประตูห้องน้ำอยู่นานและซบหน้าลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง 

 

 

 

 

 

“คงต้องกลับแล้วสินะ…” 

 

 

อีกด้าน จองอูที่ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังในห้องนอนของซองจู ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมหน้าผากไว้ ยังไม่มีทีท่าจะลุกออกไปจากที่นั่น 

 

 

เขาตระหนักได้ว่า ไม่อาจตั้งรับกับระยะห่างของซองจูที่มันร่นเข้ามาในช่วงนี้ และเหมือนว่าซองจูเองก็เช่นกัน จองอูเป็นแขกไม่ได้รับเชิญที่โผล่เข้ามา สายตาที่ไม่เคยใส่ใจอะไรของซองจูนั้น มันกลับอ่อนโยนขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในยามที่เราร่วมรักกันหรือแม้ไม่ใช่แบบนั้น อีกคนมักจะแสดงท่าทางราวกับเด็กๆ หรือไม่ก็คอยหาเรื่องเข้ามาพึ่งพาเขาอยู่บ่อยๆ  

 

 

เขาที่เป็นฝ่ายตกหลุมรักอีกคนก่อน จองอูไม่ได้รู้สึกไม่ชอบกับท่าทางที่ซองจูแสดงออกต่อเขา ในช่วงนี้ ความรู้สึกของเขาที่มีต่ออีกคน ต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดูสนใจมากเป็นพิเศษ และมากเกินกว่าจะเป็นแค่ความใคร่ 

 

 

คิมจองอูชอบฮันซองจู 

 

 

และนั่นเป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ 

 

 

จองอูที่ทำหน้าว้าวุ่นใจ หันมองไปยังทิศของทางเดินที่ทอดยาวไปยังห้องอาบน้ำ ได้ยินเสียงน้ำจากทางเดินที่ยังคงปิดไฟมืดสนิท นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูหมองลงไปอีก เขาควรจะกลับไปยังที่ของตัวเองก่อนที่ซองจูจะกลับมา คิดเช่นนั้นแล้วจองอูจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงนอน 

 

 

จัดการเก็บกวาดเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนกลาดพื้นห้อง พาดเอาไว้บนไหล่ตัวเองอย่างลวกๆ รวมถึงจัดการเก็บกวาดเศษซากถุงยางใช้แล้วที่กระจัดกระจายอยู่รอบเตียงนอน จากนั้นจึงเดินไปที่ประตูห้อง สีหน้าของจองอูนั้นกลับมาเมินเฉย ไร้ความรู้สึกใดๆ ราวกับเป็นสิ่งไม่มีชีวิต 

 

 

เขาเดินผ่านห้องนั่งเล่นกว้างและห้องครัวไปทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่า แต่ละก้าวมันช่างหนักหนาเสียเหลือเกิน เจ้าตัวเม้มริมฝีปากแน่น พร้อมกับเดินเข้าไปยังห้องของตัวเอง 

 

 

ปัง 

 

 

เมื่อปิดประตูลงแล้ว เขาก็ทึ้งหัวตัวเองอย่างแรงจนผมเผ้านั้นยุ่งเหยิง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ซุกใบหน้าลงบนฝ่ามือของตัวเอง ก่อนจะออกแรงถูไถไปมา แม้จะพยายามลบล้างทุกอย่างด้วยวิธีนั้นแล้วก็ตาม หากสติที่กระจัดกระจายไปก็ไม่คิดที่จะกลับคืนมาแม้แต่น้อย เขาหลับตาลง ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้ง แล้วหันหน้าไปมองยังมุมหนึ่ง จองอูมองสบตากับเงาสะท้อนของตัวเองที่อยู่ในกระจกบานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมห้อง 

 

 

รูปร่างสูงโปร่งกับผิวคล้ำแดด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกกำลังเป็นประจำแบบซองจู แต่เพราะต้องใช้แรงงานอย่างหนักมาตั้งแต่เด็ก ร่างกายที่ติดจะผอมแห้งไปบ้าง แต่ก็ยังดูกำยำอยู่ดี เขามองผ่านจากขามาถึงช่วงต้นขา ปรากฏรอยแผลยาวเหยียด ขยับจากตรงนั้นขึ้นมาแถวช่วงเอวก็ยังมีร่องรอยของแผลเป็นริ้วสีขาวเลือนรางแต่งแต้มอยู่เต็มไปหมด 

 

 

เขาใช้มือข้างหนึ่งปัดปอยผมยุ่งเหยิงไปด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจ ตั้งแต่บริเวณหัวคิ้วด้านซ้ายปรากฏเป็นรอยแผลลึกที่พาดเฉียงไปถึงหางตา จองอูใช้ปลายนิ้วลูบแผลนั้นอย่างเชื่องช้า  

 

 

 

 

 

‘แม่! แม่ ผมผิดไปแล้ว! อ้าก! โอ๊ย! ขอโทษครับ! ผมผิดเองครับ แม่ แม่ ได้โปรด! มะ แม่ครับ! อย่าครับ!’ 

 

 

 

 

 

ในตอนที่เขายังเป็นเด็กอยู่นั้น เวลาที่เขาเปิดปากก็คือตอนที่ตะโกนคำว่าผมขอโทษ แม่ผมผิดไปแล้ว เสียงนั้นของเขายังคงก้องอยู่ในหู จนรู้สึกอยากจะอาเจียนมันออกมาเสียให้ได้ เขารีบยกมือขึ้นมาปิดปาก แต่มันกลับไม่ได้ช่วยหยุดอาการคลื่นไส้นั้นได้เลย 

 

 

“อุ๊บ…” 

 

 

รับรู้ได้ถึงรสชาติของกรดที่ไหลย้อนขึ้นมา จองอูพยายามกล้ำกลืนมันกลับลงไป พร้อมทั้งลูบไล้รอยแผลเป็นบนใบหน้า 

 

 

บาดแผลนับไม่ถ้วนบนร่างกาย เป็นของขวัญหนึ่งเดียวที่แม่ทิ้งเอาไว้ให้ 

 

 

ความสัมพันธ์ของพ่อแม่เขา เริ่มจากรุ่นพี่รุ่นน้องที่ได้เจอกันในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่โซล ทันทีที่แม่จบการศึกษา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ก้าวกระโดดไปไกล นั่นเพราะเขาเกิดขึ้นมา 

 

 

ทั้งสองคนไม่ได้คาดฝันมาก่อนว่าความสัมพันธ์แค่เพียงชั่ววูบจะนำพาพวกเขาพัฒนามาไกลจนถึงขั้นนี้ ชีวิตที่ต้องมาแบกรับภาระอย่างกะทันหัน มิหนำซ้ำการแต่งงานของทั้งคู่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองครอบครัว คนสองคนที่อายุยังน้อยและไร้ที่พึ่งพา นั่นทำให้สุดท้ายชีวิตการแต่งงานของพวกเขาพังลงไม่เป็นท่า 

 

 

แม่ผู้มีความฝันอยากเป็นเวิร์กกิ้ง วูแมน หลังจากที่เธอคลอดจองอูออกมา ก็ล้มป่วยด้วยโรคซึมเศร้า และยังต้องทนลำบากกับการเลี้ยงเด็ก พ่อที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาโดยตลอด ทำให้เขาไม่สามารถทนทำงานอยู่ที่บริษัทไหนได้นาน สมัครงานและลาออกวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น จนที่สุดก็หนีมาออกทำธุรกิจของตัวเอง โดยเที่ยวไปหยิบยืมเงินของคนใกล้ตัวมาลงทุน แต่ทว่ากับคนที่แค่การปรับตัวกับงานในบริษัทยังทำไม่ได้ จะให้ทำธุรกิจได้อย่างไร สุดท้ายพ่อก็สูญเสียทุกอย่าง และหนีไปซ่อนตัวที่บ้านเกิดของแม่ในชนบท 

 

 

ตัวการของเรื่องทั้งหมดก็คือเด็กน้อยจองอู พวกเขาเริ่มมีความคิดที่ว่าเพราะจองอูเกิดมา จึงทำให้ชีวิตของพวกเขาต้องพังพินาศแบบนี้ 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset