(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนที่ 3-3

ตอนที่ 3-3 ความสับสน

 

 

 

 

อีกคนที่เดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบปากอย่างไม่พร้อมที่จะพูด เอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก คำพูดนั้นทำเอาสมาชิกวงคราฟท์ทั้งสามคนตกใจเป็นอย่างมาก 

 

 

“อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ?” 

 

 

ในบรรดาสามคนนั้น ซองฮีดูเหมือนจะตกใจมากที่สุด 

 

 

เรื่องที่ว่าพี่ชายของเขาอยู่ร่วมกับคนที่แทบจะไม่รู้จักกันเลยมาเป็นเวลาหลายเดือนนั้น มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด และยิ่งอีกฝ่ายเป็นพวกมีปัญหาเรื่องการอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างคิมจองอูแล้ว นั่นยิ่งทำให้ไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ 

 

 

“ไม่สิ เดี๋ยวนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน…?” 

 

 

อีกสองคนก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก พวกนั้นกำลังจ้องมองมาที่ซองจูด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเอามากๆ  

 

 

“พี่ครับ ผมคงต้องขอพูดอะไรสักหน่อย พี่อยู่กับจองอูได้โดยไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ? เจ้านั่นดูเป็นคนสบายๆ ก็จริง แต่ให้อยู่กับคนแปลกหน้านานๆ มันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากเอาการอยู่” 

 

 

“…ตอนแรกๆ ก็ลำบากอยู่ แต่พอนานๆ ไปก็พอจะอยู่ด้วยกันได้ แต่ว่าจู่ๆ ก็กลับหายตัวไป…” 

 

 

ซองจูพูดประโยคนั้นออกมาพร้อมกับก้มหน้าลง ทั้งสามคนที่ได้เห็นว่าบนกางเกงยีนส์ที่ซองจูสวมอยู่เกิดรอยชื้นที่ต้นขา ก็พาลให้ตกใจยิ่งกว่าเดิม แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว ซองจูผู้แสนเย่อหยิ่งที่เคยรู้จัก กลับกำลังร้องไห้ให้กับการหายตัวไปของคนที่อยู่ด้วยกันได้ไม่เท่าไหร่ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เอามากๆ แล้วแหละ 

 

 

“ถ้าไม่รู้ว่าไปที่ไหน ก็ช่วยบอกที่ที่ไปบ่อยๆ ก็ได้นะ เพราะพวกนายน่าจะรู้เรื่องนั้น ฉันถึงได้มาหาพวกนาย มือถือก็ติดต่อไม่ได้เพราะปิดเบอร์ไปแล้ว พี่ดงฮยอนบอกว่าจะตามหาเอง ฉันไม่จำเป็นต้องสนใจ แต่ฉันไม่เชื่อเขา” 

 

 

ซองจูอ้อนวอนทั้งที่น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด มาถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่สามารถทนนิ่งเฉยกับการตามหาจองอูของอีกคนได้ ท่าทางของซองจูนั้นเหมือนมันออกมาจากใจจริง สถานการณ์ที่กะทันหันนี้ ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร ในบรรดาสามคนนั้น คนที่เป็นเหมือนแสงสว่างให้ซองจูเป็นคนแรกก็คือเซจุน 

 

 

“พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าเจ้านั่นไปที่ไหน จองอูที่ผมรู้จักเขาก็มีแค่โทรศัพท์เครื่องเดียวเท่านั้น…ถ้าหากปิดเบอร์ไปแล้ว ก็คงตั้งใจที่จะหายตัวไปเองจริงๆ” 

 

 

“งั้นรู้ที่ที่เขาชอบไปบ้างไหม มีที่ที่เดาได้ว่าอีกคนอาจจะไปบ้างหรือเปล่า? เจ้านั่นไม่ได้อยู่โซลมาตั้งแต่เกิดนี่” 

 

 

ไม่ใช่แบบนั้นเหรอ สีหน้าของซองจูที่มองไปยังเซจุนกำลังบอกออกมาแบบนั้น หากเป็นปกติซองจูผู้เย่อหยิ่ง แล้วยังอารมณ์ร้ายคนนั้น ไม่มีทางจะสนใจเซจุน แล้วขยับเข้ามาใกล้กันแบบนี้แน่ 

 

 

“ไม่รู้จริงๆ เหรอ?” 

 

 

เซจุนถอนหายใจกับการถามย้ำของอีกคน ก่อนจะเอ่ยปากพูด 

 

 

“บ้านเกิดหมอนั่นอยู่ที่คงจู ในจังหวัดชุงนัมครับ แต่ว่าคงไม่มีทางอยู่ที่นั่นแน่” 

 

 

“ทำไมล่ะ?” 

 

 

“ก็ตัดขาดกับครอบครัวแล้วน่ะครับ พ่อของหมอนั่นหายสาบสูญไปหลายปีแล้ว ส่วนแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่ผมรู้มาว่าตัดขาดกันไปหลายปีแล้วครับ ไม่มีทางจะกลับไปที่บ้านแน่นอนครับ” 

 

 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่เราก็ไม่ชัวร์สักหน่อย” 

 

 

“หยุดเพ้อเจ้อแบบนั้นได้แล้ว ต่อให้เกิดอะไรขึ้น เจ้านั่นก็ไม่มีทางกลับไปที่นั่นเด็ดขาด” 

 

 

ซองฮีที่เห็นซองจูรีบร้อนเข้าไปเกาะแขนเซจุนแบบนั้น ก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น พร้อมกับลงดาบตัดความหวังของอีกคนไปเต็มแรง แต่ทว่ามันกลับไม่มีผลอะไร ซองจูนั้นไม่ได้สนใจฟังคำพูดของซองฮีเลยแม้แต่น้อย 

 

 

“คงจู ในชุงนัมอย่างนั้นสินะ?” 

 

 

“พี่ครับ ถึงไปก็ไม่เจอหรอกครับ เราเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของที่นั่นกันแน่” 

 

 

“ช่างสิ ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ยังดีกว่าอยู่แต่ในบ้าน” 

 

 

ซองจูพูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้น ก่อนจะหุนหันวิ่งออกไปทันที เมื่อสามคนที่เหลือได้ยินเสียงประตูปิดดังปัง ก็พาลให้มีสีหน้าร้อนรนขึ้นมา 

 

 

สีหน้าของคนทั้งสามที่ถูกทิ้งไว้ ทั้งที่ยังไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลยสักนิด แต่มันกลับดูเหนื่อยล้า และเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ด้วยไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะเป็นไปอย่างไรต่อ และไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก  

 

 

“นี่มัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร…” 

 

 

หลังจากที่ซองจูกลับออกไปแล้ว ทั้งสามคนที่เหลืออยู่สบตากันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา โดยเฉพาะซองฮีที่มีสายเลือดเดียวกัน ยิ่งมีท่าทางสับสนมากเข้าไปใหญ่ เพราะไม่รู้จะอธิบายสถานการณ์นี้ออกมาอย่างไร เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยจิตใจว้าวุ่นสับสน พร้อมกับขยุ้มผมตัวเองไปด้วย ซองฮุนที่ได้เห็นสภาพเช่นนั้นของซองฮี จึงได้แต่หันไปถามเซจุน 

 

 

“จองอูน่ะ ช่วงนี้ไม่ได้มีท่าทางอะไรแปลกๆ ใช่ไหม” 

 

 

“อื้อ กลับกันหมอนั่นดูสงบมากด้วยซ้ำ ตอนทำงานก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย” 

 

 

“เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่…นี่ ฮันซองฮี ตั้งสติสักที นายเป็นแบบนั้น มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นมาได้หรอกนะ” 

 

 

“ปล่อยไปเถอะ ที่จริงสภาพของเจ้านั่นก็เหมือนไปเหยียบโดนกับระเบิดเข้าให้นั่นแหละ พวกเราต้องมาช่วยกันคิดก่อนว่ามีที่ไหนที่จองอูพอจะไปได้บ้าง” 

 

 

เซจุนพูดออกมาพร้อมกับกอดอกไว้ 

 

 

เมื่อสองสัปดาห์ก่อนจองอูยังมาทำงานด้วยกันในสภาพที่ปกติดีอยู่เลย แถมยังเอ่ยปากพูดชื่นชมออกมาทั้งที่ปกติไม่เคยทำ แล้วยังใจดใจจ่อกับการปล่อยเพลงใหม่ออกมาด้วย แน่นอนว่าหลังจากที่ทำงานที่ต้องทำจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว จองอูถึงได้หายตัวไป มันจึงไม่มีปัญหากระทบต่องาน แต่ว่าการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของเจ้านั่น อาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซองจู ความจริงข้อนั้นทำให้คนทั้งสามเกิดความตึงเครียดขึ้นมา 

 

 

“ฉันกลัวว่ามันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นน่ะสิ…” 

 

 

เซจุนลูบคางเรียวแหลมของตัวเองไปมา ขณะที่พึมพำประโยคนั้นออกมา ซองฮีถึงกับกำหมัดแน่น ส่วนซองฮุนที่เห็นเช่นนั้นทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะไหล่เซจุน 

 

 

เซจุนที่รับรู้ความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อให้เขาหยุดพูดอะไรที่ไม่มีประโยชน์แบบนั้นซะ พอเขาเงียบเสียงไป บรรยากาศอึมครึมแสนหนักอึ้งก็ได้ข้ามาเยือนยังห้องซ้อมแห่งนี้ 

 

 

 

 

 

“แฮ่ก แฮ่ก…” 

 

 

ในระหว่างที่คนทั้งสามกำลังสับสนวุ่นวายใจกับความจริงที่ยากจะเชื่ออยู่นั้น ซองจูก็ขับรถตรงดิ่งกลับห้องในทันที หากเป็นเวลาปกติ เขาที่ใส่ใจกับสายตาของคนอื่น จึงมักจะใช้ชีวิตในแบบที่ทำให้ใครๆ อิจฉา แต่ว่าในเวลานี้ เขาไม่มีสติมาคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว ซองจูที่ดวงตาแดงก่ำด้วยเลือดที่คั่งอยู่ มือจับพวงมาลัยไว้ มีเพียงเสียงลมหายใจที่เล็ดลอดออกมาจากช่องฟันที่ขบกันไว้แน่น 

 

 

ไม่รู้ว่าเขาเอาสติมาจากไหน ถึงได้ออกมาจากห้องซ้อมของซองฮีได้ ไม่ว่าจะคงจูในชุงนัม ตามหมู่บ้าน หรือรอบนอก หากสามารถตามหาอีกคนได้ ไม่ว่าที่ไหนเขาก็ไปได้ทั้งนั้น เขาจะไม่ยอมหยุดตามหาง่ายๆ แน่ ทันทีที่มองเห็นหน้าต่างกระจกวิบวับของวิลล่าที่อยู่ไกลออกไปในความมืดอันเลือนราง เขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกตีกระแทกเข้าอย่างจัง 

 

 

“อุ๊บ…!” 

 

 

ซองจูคิดไปว่าอาจจะเป็นคนๆ นั้น จึงได้รีบร้อนเปิดประตูออกแล้วเข้าไปข้างในทันที แต่ทว่ามันกลับมีเพียงความว่างเปล่าที่รอต้อนรับเขาอยู่ ไม่เห็นรองเท้าผ้าใบคู่เก่านั้นเลยแม้แต่เงา แล้วเขาก็ไม่อาจกล้ำกลืนสิ่งที่กำลังตีตื้นขึ้นมาได้อีก 

 

 

มันตั้งแต่ไม่กี่วันก่อนแล้ว ที่เขาไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลย ท้องที่ว่างเปล่ามีเพียงเหล้าเท่านั้นที่ถูกเติมเข้าไป จึงไม่ทางเลยที่มันจะยังเป็นปกติอยู่ได้ อาการคลื่นไส้จากกรดไหลย้อนทำให้จุกขึ้นมาถึงคอและพุ่งออกมาในทันที เขาทรุดตัวลงตรงหน้าประตู พร้อมทั้งใช้มือปิดปากกลั้นอาการอยากอาเจียนนั้นเอาไว้อย่างทรมาน ซองจูที่ตกอยู่ในสภาพนั้นถึงกับน้ำตาไหลพรากออกมา 

 

 

“คนเลว…” 

 

 

เจ้าตัวพูดเสียงลอดไรฟันออกมาด้วยความเจ็บแค้น แม้ว่าอีกคนจะไม่ได้อยู่รับฟังแล้วก็ตาม น้ำตาที่ซองจูเก็บกลั้นไว้ค่อยๆ รินไหลลงมา เป็นเพราะความทระนงตนที่มี ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยน้ำตาให้ไหลพรากออกมาต่อหน้าน้องชายและเพื่อนๆ ได้ กว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาร้องไห้ออกมาราวกับก๊อกแตก แม้แต่ในการแสดง ซองจูก็ยังไม่เคยร้องไห้หนักถึงขนาดนี้ 

 

 

แต่ทว่าเขาก็ทำได้เพียงแค่ร้องไห้ออกมาอย่างไร้สติแบบนี้เท่านั้น อย่างที่เขาได้บอกกับเซจุนไป การตามหาอีกคนอย่างไร้จุดหมายยังดีกว่าการอยู่ที่นี่โดยไม่ทำอะไรเลย ซองจูกำหมัดปาดเช็ดใบหน้าที่เปียกชื้นอย่างลวกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากตั้งใจจะตามหาจองอู ก่อนอื่นเขาต้องรวบรวมสติกลับมาก่อน เขารู้ดีกว่าใครว่าด้วยสภาพจิตใจที่อ่อนแอและร่างกายที่ราวกับตกอยู่ในไหเหล้าแบบนี้ ไม่มีทางที่จะขับรถเป็นเวลานานๆ ได้แน่ 

 

 

“รอให้เจอก่อนเถอะ ฉันจะทำให้นายเสียใจที่หนีไปเลย” 

 

 

เขาพยุงตัวลุกขึ้น พร้อมกับพึมพำถ้อยคำนั้นออกมา หากจะตามหาจองอู ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องพักผ่อนเสียก่อน แสงไฟที่ส่องสว่างมาจากทางห้องนอน ทำให้เกิดเงาทอดยาวขึ้นที่ด้านหลังของซองจู 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

 “เวรเอ๊ย จะหาคนในที่แบบนี้ได้ยังไงล่ะเนี่ย” 

 

 

ซองจูที่จับพวงมาลัยรถอยู่นั้น พึมพำออกมา ขณะที่สายตาก็ทอดมองไปยังริมแม่น้ำที่เปลี่ยวร้างอยู่ไกลๆ นั่น แล้วความคิดที่ว่า การมาที่นี่มันช่างเปล่าประโยชน์ก็ผุดขึ้นมา มันเป็นอย่างที่เซจุนพูด เขาเริ่มรู้สึกผิดหวังกับการกระทำไม่รู้จักคิดของตัวเองขึ้นมาเสียแล้ว 

 

 

ทีแรกก็คิดว่าเป็นเมืองในชนบทเล็กๆ แต่นี่มันทั้งกว้างและดูเปลี่ยวร้างอย่างมาก เขาขับรถผ่านอ่างเก็บน้ำและไร่นาที่กินอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมาจนถึงจุดหมาย ทันใดนั้นซองจูก็ตระหนักขึ้นได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามหาจองอูในสถานที่แห่งนี้ แต่ว่าหากกลับไปทั้งแบบนี้ มันก็เหมือนกับเกราะป้องกันชั้นสุดท้ายหายไป ไม่ง่ายเลยที่จะให้ก้าวเดินจากไป เพราะเขารู้ดีว่าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว จิตใจของเขาก็จะแหลกสลายลงไม่มีชิ้นดี 

 

 

เขาเองก็ไม่ได้อยากจะตามหาอีกคนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เขาก็รู้ดีกว่าใครว่าเรื่องไร้เหตุผลแบบนั้นกำลังจะทำให้เขาต้องขายขี้หน้าคนไปทั่วประเทศ ทว่าเขาก็ไม่คิดจะถอยหลังกลับอีกแล้ว เขาคิดว่าจะลองตามหาดูรอบๆ ไปจนถึงแถวสถานีขนส่งอีกสักวันสองวัน แต่เผอิญว่าไม่มีที่พักที่ถูกใจเขาเลย สุดท้าย ขณะที่กำลังขะมักเขม้นค้นหาดูรอบๆ และกำลังคิดที่จะล้มเลิกแล้วเดินทางกลับ ซองจูก็ถึงกับต้องชะงักค้างไป เมื่อสังเกตเห็นนักศึกษาคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับจองอูมากๆ 

 

 

“ใช่ไหมนะ? ไม่หรอก เหมือนจะเตี้ยไปหน่อย ไม่ใช่หรอก ฉันคงแค่เข้าใจผิดไปเอง” 

 

 

ซองจูเหม่อมองไปยังแผ่นหลังที่ห่างไกลออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว เขาก็จอดรถข้างทาง แล้วเริ่มออกวิ่งตามหลังผู้ชายคนนั้น ที่เดินหายเข้าไปภายในซอย 

 

 

“แฮ่ก แฮ่ก…” 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset