(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนที่ 4-7

ตอนที่ 4-7 ข้ามผ่าน

 

 

 

 

หลังจากวันนั้นซองจูก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง 

 

 

ด้วยความเป็นห่วงซองจูที่มีท่าทางเช่นนั้น มินซิกจึงได้คอยหมั่นเข้ามาหาอีกคนที่ห้อง แม้จะถูกห้ามเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะอีกคนอยากอยู่คนเดียว 

 

 

สาเหตุก็มีเพียงอย่างเดียว การโทรหาจองอูนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด 

 

 

ซองจูเอาแต่ครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น วันแล้ววันเล่า แต่มันก็ไม่มีคำตอบออกมา ช่างไม่สมกับที่เป็นฮันซองจู คนสันดานเสียที่สุดในโลกคนนั้นเลย เขาไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้เรื่องคิมจองอู ดังนั้นแค่ไปหาอีกฝ่ายเรื่องทุกอย่างก็จะคลี่คลาย แต่เพราะศักดิ์ศรีไร้สาระที่ค้ำคอจึงทำแบบนั้นไม่ได้ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดสุดๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจคลี่คลายได้ด้วยการมานั่งคร่ำครวญกับตัวเองแบบนี้ ข้อนั้นเขารู้ดี แต่ทว่าเรื่องนั้นมันก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว ตั้งแต่โตมา เขายังไม่เคยต้องพบเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง 

 

 

“ไอ้คนเฮงซวยเอ๊ย เดี๋ยวก็ได้หนีไปอีก” 

 

 

ไม่ว่าจะคิดทบทวนสักเท่าไหร่ ก็ไม่อาจคลายความโมโหลงได้เลย ซองจูระบายความหงุดหงิดออกมาด้วยการต่อยลงไปบนที่นอน ทั้งที่ยังนอนคว่ำหน้าอยู่อย่างนั้น 

 

 

ทั้งที่เขาอ้อนวอนขอร้องว่าอย่าไป และขอให้กลับมา แต่ก็ยังให้ผลักให้เขาเป็นคนตัดสินใจแบบนี้ มันยิ่งทำให้ความหงุดหงิดและความโกรธที่มีต่อจองอูไม่อาจลดน้อยถอยลง ความสัมพันธ์ที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้น ความรัก ความเกลียดชังพวกนั้นถูกระบายออกมาเช่นนี้แล้ว การคบกันของพวกเขา ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ราบรื่นเลยสักนิด 

 

 

“ไม่สิ ทำไมฉันต้องเป็นคนโทรไปด้วยล่ะ คนที่ต้องอ้อนวอนขอให้ยอมรับ มันต้องเป็นนายไม่ใช่รึไง หนีไปก่อนแท้ๆ ทำไมยังโยนมาให้ฉันเป็นคนตัดสินใจอีกล่ะ ฉันก็ขอให้กลับมาแล้วนี่” 

 

 

พึมพำออกมาอย่างหงุดหงิด ทั้งที่ไม่มีใครมารับฟัง สุดท้ายแล้ว ความโกรธที่มีก็ไม่ได้ถูกระบายออกมา ถึงเขาจะรู้เรื่องนั้นดี แต่ซองจูก็ยังคงพ่นคำพูดเกี่ยวกับจองอูออกมาด้วยความไม่พอใจอยู่เหมือนเดิม 

 

 

“โอ๊ย ยังไงก็ต้องโทร…” 

 

 

ซองจูตัดสินใจแล้วว่าต้องโทรไป อะไรจะเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้ เขาก็คงได้แต่ยอมรับมัน เขาจ้องมองไปยังโทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียง 

 

 

“ช่วงกลางวันที่คาเฟ่ไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไหร่ โทรไปตอนนี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” 

 

 

บ่นพึมพำออกมาอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้ขึ้นมาถือ จ้องมองหน้าจอราวกับจะมองทะลุมันเข้าไป ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก แล้วกดเบอร์โทรที่เอาแต่จ้องมันอยู่อย่างนั้นตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ลงไป 

 

 

เสียงรอสายธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ยินมาเนิ่นนานมากแล้ว กระตุ้นความรู้สึกของเขาขึ้นมา ซองจูขมวดคิ้วมุ่นให้กับเสียงที่ฟังเฉิ่มเชยแบบนั้น 

 

 

“อะไรเนี่ย เจ้าคนที่ทำงานด้านดนตรีแบบนั้น กลับไม่ใช้เสียงรอสายที่เขาฮิตกัน ดันมาใช้อะไรเชยๆ แบบนี้เนี่ยนะ” 

 

 

สิ่งที่คาดไม่ถึงนี้ทำเอาซองจูตกตะลึงจนพูดไม่ออก ได้แต่พึมพำออกมาคนเดียวอยู่อย่างนั้น และแล้วอีกฝ่ายก็รับโทรศัพท์ 

 

 

“สวัสดีครับ” 

 

 

น้ำเสียงที่ฟังสงบนิ่ง ทำให้ซองจูเผลอกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง 

 

 

“…สวัสดีครับ” 

 

 

เขาได้แต่เผยอปากอ้าๆ หุบๆ อยู่อย่างนั้น ด้วยไม่กล้าพูดอะไรออกไป จนอีกฝ่ายถามท้วงออกมาอีกครั้งด้วยความสงสัย ในตอนนั้นเองซองจูจึงได้ตระหนักว่าเบอร์ที่จองอูให้เขามา ไม่ใช่เบอร์ส่วนตัวของเจ้าตัว อีกคนถึงได้ไม่เอะใจว่าเป็นเขา 

 

 

“อื้อ ฉันเอง” 

 

 

ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าออกมา แล้วส่งเสียงตอบกลับไปได้ การที่อีกคนนิ่งไปแบบนั้น มันทำเอาเขาอยากจะโมโหออกมา แต่ว่าซองจูก็แค่รวบรวมกำลังเอ่ยออกไปอีกครั้ง 

 

 

“ฉันเองไง” 

 

 

จบคำนั้น จองอูก็หลุดขำออกมาให้ได้ยิน 

 

 

“รู้แล้ว” 

 

 

“…ทำอะไรอยู่?” 

 

 

ถึงจะฟังดูห้วนๆ แต่ก็ดูสงบนิ่งกว่าที่คิด เหมือนว่าสิ่งที่กังวลมาตลอด จะเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระไปเสียแล้ว พอคิดได้เช่นนั้น มันก็พาลให้หงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย จองอูที่เหมือนจะล่วงรู้ความคิดนั้นของซองจู จึงได้เอาแต่หลุดเสียงหัวเราะออกมาเรื่อยๆ  

 

 

“ทำไมจู่ๆ ถึงหัวเราะอย่างกับคนบ้ากัน ฉันก็โทรมาแล้วนี่ไง” 

 

 

“เปล่า แค่คิดว่ามันเป็นแบบนี้ได้ด้วยงั้นสินะ” 

 

 

จองอูพูดออกมาแบบนั้น พร้อมกับพยายามกลั้นขำเอาไว้ ซองจูเบะปากออกมา พร้อมก้มหน้าลง ถึงอย่างนั้นก็ยังสังเกตได้อยู่ดีว่า ต้นคอของเจ้าตัวนั้นปรากฏเป็นริ้วสีแดงออกมา 

 

 

“ทำงานอยู่เหรอ” 

 

 

“อื้อ” 

 

 

“ทำอะไรกัน ลูกค้าก็ดูไม่ค่อยมีมาสักเท่าไหร่ ได้เงินเดือนด้วยรึไง” 

 

 

“มันเป็นงานที่ไม่ได้เงินหรอก” 

 

 

“หา? เจ้าของที่ดูมึนๆ เบลอๆ นั่น ที่แท้เป็นพวกหน้าเลือดเหรอเนี่ย? นี่! แบบนั้นมันผิดกฎหมายแรงงานนะ ลาออกมาเลยนะ” 

 

 

คำพูดที่ไม่คาดคิดทำเอาเขาเผลอระเบิดความไม่พอใจออกมา แล้วซองจูก็ต้องมารู้สึกเสียใจในภายหลัง แค่เพียงไม่กี่วันก่อน ที่ได้ประกาศเอาไว้ว่าจะไม่เอาแต่ใจตัวเองอีก คิดแล้วก็ได้แต่เอือมระอากับตัวเขาเองที่เป็นแบบนี้อีกแล้ว เขาได้แต่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหน้า พร่ำบ่นซ้ำๆ กับตัวเองด้วยความสิ้นหวัง ในตอนนั้นซองจูก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดงดังแว่วเข้ามาในหู 

 

 

“หัวเราะทำไมกัน! ยังไม่หยุดอีก!” 

 

 

ตัวเขาที่ถูกตราหน้าว่าเป็นพวกอารมณ์แปรปรวน ตอนนี้กลับถูกก่อกวนจนหัวปั่น ทำให้เผลอแสดงความหงุดหงิดออกมา แต่นั่นกลับยิ่งทำให้จองอูหัวเราะลั่นยิ่งกว่าเก่า อุตส่าห์รวบรวมความกล้าโทรหาแล้วแท้ๆ กลับเอาแต่คุยอะไรไร้สาระกันแบบนี้ มันทำเอาเขาได้แต่รู้สึกอับอายกับความจริงนี้ จองอูที่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ครู่หนึ่ง เปิดปากพูดออกมา ทั้งที่ยังคงมีเสียงหัวเราะแผ่วเบาปะปนมาด้วย 

 

 

“เดิมทีที่ร้านทำกิจการขายส่งเมล็ดกาแฟที่คั่วเอง คาเฟ่ก็แค่เปิดเอาไว้ให้เข้ากับบรรยากาศก็เท่านั้น ฉันแค่มาดูแลแทนพนักงานพาร์ทไทม์คนก่อนที่ลาหยุดไปน่ะ แล้วก็ได้สวัสดิการเป็นที่พักกับอาหารสามมื้อมาแทนเงินเดือน วันๆ นึงทำงานไม่ถึงสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้อารมณ์กรุ่นโกรธของซองจูลดลงมานิดนึง 

 

 

“ถึงอย่างงั้น นายก็ไม่ได้คิดจะทำงานที่นั่นไปตลอดนี่” 

 

 

“ก็นะ ออกตอนไหนมันก็ไม่ได้มีผลอะไร แต่ว่าเขาก็เป็นพี่ที่สนิท แล้วช่วงนี้ก็ยังต้องการคนคอยช่วยงานสักระยะนึงด้วยน่ะสิ” 

 

 

“งั้นคิดจะอยู่อีกนานแค่ไหนล่ะ” 

 

 

“อืม คงต้องอยู่ไปจนกว่าคนทำงานคนก่อนจะกลับมาน่ะสิ” 

 

 

“…เรื่องเพลงล่ะ” 

 

 

“หือ?” 

 

 

“ไม่ทำเพลงแล้วรึไง” 

 

 

คำถามของซองจูทำเอาจองอูพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง 

 

 

คงไม่ใช่เพราะคนพวกนั้นเกี่ยวข้องกับเขาก็เลยคิดจะเลิก ไม่ทำเพลงอีกแล้วอย่างนั้นหรอกนะ เมื่อเขาคิดมาถึงตรงนี้ ก็อยากจะร้องไห้ออกมาเสียดื้อๆ เพราะเขาคนเดียวทำให้ชีวิตคนอื่นกระทบกระเทือนไปหมด มันไม่ใช่เรื่องเลย 

 

 

ตลอดเวลาที่อยู่ห่างกัน เพลงของจองอูที่ได้ฟัง มันมีเสน่ห์มาก ด้วยอายุเท่านี้ ทำไมอีกคนถึงได้สามารถเป็นที่สนใจของผู้คนมากมาย ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจมันบ้างแล้ว น่าเสียดายหากอีกคนต้องล้มเลิกมันเพียงเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง แล้วซองจูก็ตัดสินพูดออกมาอีกครั้ง 

 

 

“ไม่ต้องสนใจสายตาคนอื่นหรอก ทำเพลงของนายต่อไปเถอะ มันคือพรสวรรค์ของนาย ถ้าไม่ใช้มันก็คงจะแปลกพิลึก” 

 

 

“รู้ได้ยังไงว่าฉันมีพรสวรรค์” 

 

 

“เพลงที่ทำให้คนทั่วไป เปิดฟังซ้ำๆ ได้แบบนั้น ก็ต้องเรียกว่ามีพรสวรรค์แล้ว” 

 

 

อีกคนนิ่งไป ไม่ได้ตอบอะไรกลับมากับคำพูดที่ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษนั่น ทำให้ซองจูเกิดความวิตกขึ้นมาอีก 

 

 

“นายอย่าเงียบไปเฉยๆ แบบนี้สิ ทำไมปล่อยให้ฉันรู้สึกวิตกจริตไปคนเดียวแบบนี้ล่ะ นี่ฉันพูดคนเดียวอยู่รึไงกัน” 

 

 

“…ขอโทษ” 

 

 

“ห้ามพูดคำว่าขอโทษด้วย” 

 

 

แล้วบทสนทนาก็จบลงที่คำพูดเด็ดขาดคำนั้น ไม่ว่าอย่างไร สำหรับคิมจองอูแล้ว การห้ามไม่ไห้พูดคำว่า ‘ขอโทษ’ และ ‘อื้อ’ มันก็ดูจะเป็นอะไรที่โหดร้ายไปสักหน่อย ซองจูถอนหายใจออกมา ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งถูปากตัวเองแรงๆ  

 

 

“เฮ้อ…ช่างเถอะ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” 

 

 

สีหน้าของซองจูในยามที่เอ่ยคำนั้น ดูมีประกายของความสิ้นหวังฉายออกมา 

 

 

“ยังไงซะ นายก็อย่าอยู่ที่นั่นนานนักล่ะ ทำงานอย่างที่เคยทำเถอะ” 

 

 

“นี่ก็เป็นงานที่ฉันเคยทำนะ” 

 

 

“เออ ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นแล้ว แค่ทำเพลงของนายไปก็พอ! กาแฟน่ะ ทำให้ฉันกินคนเดียวก็พอแล้ว!” 

 

 

“…หา?” 

 

 

“ตอบแบบนั้นหมายความว่าไง! นายจะไม่กลับมารึไง? ถ้าอย่างนั้น จะให้เบอร์ฉันมาทำไมกัน? นายคงไม่ได้คิดจะให้ฉันโทรมาคุยด้วย คอยเป็นเพื่อนแก้เหงาบางครั้งบางคราวแบบนั้นหรอกนะ” 

 

 

แล้วจองอูก็เงียบไปอีกครั้ง 

 

 

แบบนี้มันคืออะไรกัน เจ้าเด็กบ้านี่แค่หยุดพักชั่วคราวระหว่างที่กำลังหนีหรือไงกัน เขาอยากจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ถึงได้พยายามมากมายขนาดนี้ แต่สิ่งที่ฉุกคิดได้ในตอนนี้ มันก็ทำเอาเส้นเลือดบนหน้าผากของซองจูปูดโปนออกมาอีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปรับตัวกับความรู้สึกนึกคิดของคิมจองอู 

 

 

“นี่…นายคงไม่ได้วางแผนแกล้งหลอกให้ฉันตายใจ แล้วนายก็ตัดขาดการติดต่อไปอีกหรอกใช่ไหม” 

 

 

 ซองจูพูดออกไปด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความวิตกในจิตใจ การรอคอย ความไม่สบายใจ ทั้งหมดนั่น เขาไม่ชอบมันเลยสักนิด ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขาก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจองอูนั้นยกโทษให้ตัวเขาบ้างหรือยัง 

 

 

“ช่างเถอะ ทำแบบนี้ไปก็คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว” 

 

 

เสียงพึมพำตอบออกมาด้วยถ้อยคำที่บอกว่ามันช่างเปล่าประโยชน์ ถึงจะทำแบบนั้นก็ยังคงไม่มีคำตอบใดกลับมา อึดอัดชะมัด 

 

 

บทสนทนาถูกตัดจบลง ตอนที่อยู่ด้วยกัน พวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมายนัก แม้กระทั่งในเวลานี้ ก็ไม่ได้มีคำพูดที่สำคัญอะไร แม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันมานานหลายเดือนแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่มีหัวข้ออะไรให้พูดคุยกันได้เลย 

 

 

เขารู้เรื่องนั้นดี แต่ความรู้สึกผิดหวังกลับยังคงกัดกินในจิตใจของเขา เทียบกันแล้ว ที่ซองจูพยายามทำไปมันก็ยังคงเปล่าประโยชน์ เพราะจองอูไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนใจเลยสักนิดเดียว แต่ว่าหากเขาตัดสายไปตอนนี้แล้ว ก็กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่อาจตัดใจวางสายลงได้ ด้วยเหตุผลนั้น จึงทำให้ความอุ่นวาบไหลรินลงมาบนแก้ม ซองจูยังคงมองเหม่ออย่างไร้จุดหมาย พร้อมกับเอ่ยปากออกกมาอีกครั้ง 

 

 

“นี่” 

 

 

“อื้อ” 

 

 

อีกฝ่ายตอบรับเสียงเรียกกลับมาในทันที ช่างเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ  

 

 

“คิมจองอู” 

 

 

“…อื้อ” 

 

 

ซองจูฝืนกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเอ่ยออกมา 

 

 

“คิดถึง” 

 

 

ไม่มีคำตอบใดตอบกลับมา 

 

 

“มาหาตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ?” 

 

 

จองอูยังคงไม่ตอบอะไรกลับมา 

 

 

“นี่ ถ้านายจะเป็นแบบนี้ แล้วทำไม…” 

 

 

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด 

 

 

สุ้มเสียงที่ดังสะท้อนออกมาอย่างไม่มีมารยาทนั่น ทำเอาซองจูที่หลับตาอยู่ลืมตาโพลงขึ้นมาในทันที 

 

 

“อะไรเนี่ย?” 

 

 

เขาดึงโทรศัพท์ออกห่างเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมันเป็นอย่างที่เข้าใจ หน้าจอที่ส่องสว่างอยู่ระบุว่าสายถูกตัดไปแล้ว 

 

 

“ไอ้เด็กบ้านี่ จริงๆ เลย!” 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset