(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนที่ 5-2

ตอนที่ 5-2 เยียวยา

 

 

 

 

คำพูดของเซจุนที่ทำเอาตกตะลึงจนพูดไม่ออก ทำให้สติของจองอูหลุดลอยไปไกล 

 

 

“เขามาตามหาผมที่นี่เหรอครับ” 

 

 

“อื้อ มาขอร้องให้ช่วยบอกที่ที่นายพอจะไปได้ แล้วสักพักก็กลับออกไปเลย แต่ก็นะ เทียบกับนิสัยปกติแล้ว พี่เขาดูจะนิ่งๆ อยู่บ้าง ยังไงซะ หลังจากวันนั้นซองฮีก็ดูหัวเสียไม่เบาเลย…สองคนนั้นไม่มีใครบอกนายเลยเหรอ?” 

 

 

“ไม่เลยครับ ผมก็เพิ่งรู้ตอนนี้นี่แหละ” 

 

 

“ก็คงจะอายละมั้ง งั้นนายก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปน่ะดีแล้ว” 

 

 

“ครับ” 

 

 

เซจุนที่เอาแต่พูดพล่ามมาช่วงหนึ่ง ก็เริ่มต้นพูดคุยเรื่องจริงจังกับจองอูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม 

 

 

“นี่ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก มีซิงเกิลที่เคยทำด้วยกันครั้งก่อนน่ะ คิดว่าจะเอาเพลงนั้นกับเพลงที่ปรับทำนองครั้งก่อนมารวมกันเป็นดิจิตอลซิงเกิล สนใจจะทำด้วยกันไหม เจ้าพวกนั้นบอกว่าอยากทำงานกับนายกันนะ” 

 

 

“ช่วงนี้ผมว่างๆ อยู่แล้วครับ แล้วก็ยังไม่ได้คิดวางแผนว่าจะทำอะไรด้วย ดูเหมือนเป็นโอกาสที่เหมาะพอดีเลยครับ” 

 

 

“งั้นเหรอ? แต่ถ้าทำงานมันจะไม่เป็นปัญหากับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อีกใช่ไหม” 

 

 

“ถ้ามัวแต่กังวลเรื่องนั้น คงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะครับ พี่ก็รู้อยู่นี่” 

 

 

จองอูพูดออกมาเช่นนั้น พร้อมกับจ้องมองไปที่เซจุน 

 

 

“ถ้าเป็นเพลงที่ปรับทำนอง ใช่ที่ผมมาช่วยดูครั้งก่อนหรือเปล่าครับ ถ้างั้นก็คงไม่จำเป็นต้องฟังอีกรอบแล้วล่ะครับ” 

 

 

“อย่างนั้นมันก็ใช่แหละ แต่มันก็มีจุดที่ปรับเปลี่ยนที่นายยังไม่รู้ด้วยนะ” 

 

 

“เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันตอนที่อยู่พร้อมหน้ากันดีกว่าครับ แล้วจะเริ่มทำกันเมื่อไหร่ล่ะครับ” 

 

 

“เดี๋ยวพอมารวมตัวกันครบแล้วจัดการวางตารางงานเสร็จ จะติดต่อไปอีกทีแล้วกัน เรื่องสัญญาก็ค่อยมาดูตอนนั้นด้วยเป็นไง” 

 

 

“ครับ เอาตามนั้นเลยครับ” 

 

 

จองอูตอบรับกลับมาอย่างง่ายดาย พร้อมกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เขารู้สึกเป็นห่วงซองจูที่ก่อนออกมา เจ้าตัวทำท่าทางเหมือนหมดแรงแบบนั้น 

 

 

“เพิ่งมาก็จะไปแล้วเหรอ เย็นชาจังนะ” 

 

 

“มีที่ที่ต้องไปต่อน่ะครับ” 

 

 

จองอูพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเดินไปทางประตู เซจุนที่มองอีกฝ่ายอยู่ก็พลอยยิ้มขำออกมาด้วย 

 

 

“งั้นเหรอ ฝากทักทายพี่เขาด้วยล่ะ” 

 

 

“ครับ ท่าทางจะหัวเสียน่าดู ที่ผมทิ้งเขาไว้แล้วออกมาทีนี่ตอนนี้” 

 

 

“…พี่ซองจูน่ะนะ? อยู่มาตั้งนานก็เพิ่งจะเคยเห็นแบบนี้” 

 

 

คำพูดที่ไม่คาดคิดแบบนั้น ทำให้เซจุนได้แต่ยิ้มเจื่อน จองอูจึงค้อมศีรษะลงเพื่อบอกลาอีกฝ่าย 

 

 

“แล้วติดต่อมานะครับ ผมขอตัวก่อน” 

 

 

“อื้อ เดี๋ยวไว้เจอกัน” 

 

 

“ครับ” 

 

 

คำพูดของจองอูที่เอ่ยลาอย่างมีมารยาทพร้อมกับออกไปเช่นปกตินั้น เซจุนได้แต่ขบคิดมันอย่างถี่ถ้วนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ ออกมาอีกหน 

 

 

“ทำตัวซะผียังต้องร้องไห้เลยนะ ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” 

 

 

เสียงบ่นพึมพำเพียงลำพังของเซจุนดังก้องไปทั่วหน้าประตูที่เงียบสงบ ในหัวพาลนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนที่ซองจูเข้ามาที่นี่ พร้อมกับน้ำตานองหน้านั่น 

 

 

 

 

 

จองอูที่ยอมรับข้อเสนอของเซจุนก็พาลให้เจ้าตัวยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ ตอนที่บอกให้เลิกทำงานที่คาเฟ่กลับแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน พอได้เริ่มทำเพลง อีกคนก็จัดการกับงานที่คาเฟ่ตั้งแต่นั้นทันที นั่นจึงทำให้ซองจูรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก 

 

 

นอกจากนี้เขาก็ไม่ชอบใจนัก ทำไมอีกคนถึงต้องไปร่วมงานกับวงของซองฮีด้วย ถ้ามองว่าเขาผิดปกติเพราะคิดว่าโดนซองฮีแย่งจองอูไปก็คงจะอย่างนั้น เพราะซองจูคิดอย่างนั้นจริงๆ 

 

 

อีกไม่นาน ตัวเขาเองก็ต้องเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์แล้ว มันจะเป็นแบบนี้อีกหรือเปล่า หากเราต้องห่างกันในระหว่างที่ทำงาน แบบนี้จะทำให้ความรู้สึกของเรามันห่างเหินไปด้วยหรือไม่นะ พอเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ เขาก็ไม่มีสมาธิในการอ่านบทอีกต่อไป ซองจูลุกพรวดขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่ ทั้งที่ยังคงไม่อาจจัดการกับความรู้สึกไม่สบายใจที่เป็นอยู่ได้ 

 

 

“เวร ไม่ได้การแล้ว คงต้องไปสอดส่องว่าทำอะไรกันอยู่สักหน่อยแล้ว” 

 

 

เขาพึมพำกับตัวเองเช่นนั้น พร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินไปทางห้องแต่งตัว 

 

 

 

 

 

“ไม่สิ แบบนี้ไม่เหมาะกว่าแบบนั้นเหรอ กลองแจ็สจะทำให้ทำนองมันออกมาดูกระชับมากกว่านะ ถ้าเป็นไปได้ ใช้เป็นกลองไฟฟ้าก็ไม่เลวเหมือนกัน แล้วพี่เซจุนก็จะได้พักแป๊บนึงด้วยนะครับ” 

 

 

“เรื่องพักไม่พักสำหรับฉันไม่สำคัญหรอก มันไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมายขนาดนั้นด้วยนี่ ลองแบบที่ไม่ใช้กลองไฟฟ้าดูก่อนเป็นไง มันน่าจะกระชับกว่านะ” 

 

 

“ก็ถ้าพี่ว่าแบบนั้น มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่า…” 

 

 

ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง 

 

 

“ใครมาในเวลาแบบนี้นะ ฮยอนจิน นายออกไปดูหน่อยสิ” 

 

 

เสียงกริ่งที่ดังก้องไปทั่วห้องซ้อมในกลางดึก ในขณะที่กำลังประชุมกันมาถึงจุดสำคัญ เวลาในตอนนี้ได้เลยผ่านช่วงสี่ทุ่มมาแล้ว คนที่จะมาในเวลานี้ได้คงจะเป็นประธานกลุ่มแม่บ้านแถวนี้ ที่มาหาเพื่อต่อว่าเรื่องทำเสียงดังรบกวน หรือไม่ก็คงเป็นคนในละแวกใกล้เคียง หรืออาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับแจ้งความไปก็เท่านั้น บรรดาสมาชิกวงที่ตื่นตกใจกับเหตุกะทันหันนี้พากันวางมือจากงานที่ทำอยู่ แล้วก็มองตามหลังฮยอนจินที่วิ่งดุ๊กๆ ไปทางประตู 

 

 

“ใครครับ…เอ่อ? เอ้ย คือว่า เอ่อ แป๊บนึงนะครับ!” 

 

 

คนที่ได้เห็นผ่านทางจอมอนิเตอร์ทำให้ใจหายใจคว่ำ กระทั่งพูดยังตะกุกตะกักไปหมด ก่อนที่เจ้าตัวจะร้อนเปิดประตูให้อีกคนเข้ามา ในเวลาแบบนี้ใครกันที่มาที่นี่ บรรดาสมาชิกวงคราฟท์และจองอูต่างพากันจ้องมองไปที่ประตู พร้อมกับชะโงกหน้าไปดู 

 

 

“นี่ พวกนายทำไมถึงได้ทำงานกันดึกดื่นขนาดนี้ เป็นหนี้เหรอ” 

 

 

เสียงบ่นที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงปิดประตู มันช่างฟังดูคุ้นเคยอย่างมาก สีหน้าของทุกคนที่ได้ยินน้ำเสียงนี้ต่างเคร่งเครียดไปตามๆ กัน 

 

 

“ไอ้บ้านั่น ทำไมถึง…” 

 

 

ในบรรดาคนเหล่านั้นคนที่ดูจะเดือดร้อนที่สุดก็คือเจ้าของเสียงเมื่อครู่และรั้งตำแหน่งนักร้องนำของวง ซองฮีนั่นเอง เจ้าตัวขมวดคิ้วจนเป็นปม พร้อมกับเขม้นมองด้วยความไม่พอใจไปยังจองอูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตัวเอง สีหน้าของอีกคนก็เคร่งเครียดไม่ต่างกัน 

 

 

“นายเรียกมาเหรอ แยกแยะไม่ได้รึไง” 

 

 

จองอูส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายให้กับคำพูดนั้น 

 

 

“เปล่านะครับ ปกติผมไม่เคยเล่าเรื่องดนตรีให้ฟังเลยด้วยซ้ำ” 

 

 

จองอูโต้แย้งออกไปอย่างหนักแน่น พร้อมกับเบือนสายตาไปมองทางประตู ด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจนัก 

 

 

“เอ่อ พี่ครับ ทำไมถึงได้มาเอาป่านนี้ล่ะครับ ไม่ยอมโทรมาบอกกันเลย” 

 

 

เซจุนผู้ครองตำแหน่งคุณแม่ของวงคราฟท์ เป็นคนแรกที่ตั้งรับกับสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว เจ้าตัวจึงได้รีบเร่งสาวเท้าไปทางซองจู อีกคนรับถุงของกินที่ซองจูถือมาเต็มสองแขน ก่อนจะใช้เท้าเตะเข้าที่หน้าแข้งฮยอนจินที่ยืนเหม่ออยู่ด้านหน้านั่น 

 

 

“โอ๊ย!” 

 

 

“นี่ ยังไม่รีบรับไปอีก” 

 

 

พวกนั้นถือถุงไว้เต็มสองมือ เดินตามหลังซองจูเข้ามาภายในห้องซ้อม 

 

 

“พี่น่าจะโทรมาบอกกันสักหน่อยว่าจะเข้ามา ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พี่ต้องลำบากไปซื้อของพวกนี้มาให้พวกผม…” 

 

 

“มาห้องซ้อมของน้องชายทั้งที จะให้มามือเปล่าได้ยังไงล่ะ ฉันต้องหาอะไรติดไม่ติดมือมาด้วยสิ” 

 

 

เขาอมยิ้ม ขณะเฝ้ามองดูบรรดาสมาชิกวงที่ทยอยเอาต็อกบกกี ไส้กรอกเลือด ของทอดที่เป็นพวกอาหารว่างและขนมออกมาวางบนโต๊ะ ซองจูมีสีหน้าสดใสอย่างมาก แต่บรรดาสมาชิกวงคราฟท์ที่ได้เห็นท่าทางเช่นนั้น สีหน้ากลับดูตื่นตะลึงจนตาเบิกโพลง ฮันซองจูที่ไม่เคยมีท่าทางอ่อนโยนกับซองฮีเลยสักครั้ง ถึงขนาดใช้คำพูดว่าน้องชายของฉัน ทว่าพวกเขาก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่อีกคนจะดูแลซองฮี 

 

 

แววตาที่เต็มไปด้วยความข้องใจ ย้ายไปรวมกันที่จองอูทันที บรรดาสมาชิกที่ต่างก็รู้เรื่องที่ว่าจองอูคบกับซองจูแล้ว จึงได้หันไปถามหาความรับผิดชอบจากอีกคน 

 

 

“ไม่เห็นบอกว่าจะมา” 

 

 

ในที่สุดจองอูก็ยอมแพ้กับสายตาที่มองมา แล้วจึงได้เอ่ยถามซองจูออกไป 

 

 

‘พูดไม่มีหางเสียงด้วย! นายเด็กที่สุดในนี้เลยนะ! แถมยังพูดกับฮันซองจูเนี่ยนะ!’ 

 

 

สายตาตื่นตกใจของคนพวกนั้น กำลังบอกแบบนี้ออกมา แต่ซองจูกลับไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางนั้น เพียงวาดยิ้มหวานพร้อมเอ่ยตอบจองอู 

 

 

“ก็ตอนกำลังนั่งอ่านบทอยู่ที่ห้อง จู่ๆ ก็คิดได้ว่าควรจะมาที่นี่สักหน่อย พอคิดดูแล้ว เหมือนว่าจะไม่เคยซื้อพวกของกินเล่นเข้ามาฝากเลยสักครั้ง ก็เลยไปซื้อของพวกนี้มาให้ ที่จริงก็อยากจะซื้ออะไรที่ดีกว่านี้อยู่หรอก แต่ว่าแถวนี้มันไม่ค่อยจะมีอะไรเลย ย้ายมาทั้งที เลือกที่ที่มันดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง มีเหตุผลอะไรถึงได้ย้ายมาอยู่ที่ที่รอบๆ ไม่มีอะไรเลยแบบนี้กัน ราคามันถูกงั้นเหรอ” 

 

 

ก็คงจะอย่างนั้นล่ะ พูดออกมาตั้งยืดยาว พร้อมกับแสดงท่าทางเป็นพี่ชายที่แสนดีออกมา เอ่ยคำพูดที่ฟังดูใส่ใจคนอื่นอย่างเต็มที่ ขณะนั้นซองจูที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เอ่ยปากออกมาอีกครั้ง 

 

 

“มัวนิ่งทำอะไรกัน รีบกินก่อนที่มันจะเย็นสิ” 

 

 

บรรดาสมาชิกรีบยัดอาหารที่ซองจูซื้อมาตามคำสั่ง แล้วมันก็เป็นการบังคับให้หยุดพักไปในตัวด้วย 

 

 

“ช่วงนี้พี่ยุ่งๆ ไม่ใช่เหรอครับ เห็นมีข่าวว่าพี่กำลังจะร่วมแสดงหนังเรื่องใหม่” 

 

 

ในบรรดาทั้งหมด คนที่มีความกล้าที่สุดและยังได้รับความชื่นชอบจากซองจูด้วยก็คือเซจุน เขายังคงเป็นตัวแทนเผชิญหน้ากับซองจูต่อไป ซองจูมองไปยังเซจุนที่กำลังเคี้ยวต็อกบกกีอยู่ ก่อนจะเอ่ยตอบไป 

 

 

“อีกสักพักแหละกว่าจะเริ่มเปิดกล้อง ตอนนี้ก็กำลังลองอ่านบทอยู่ แต่เพราะรู้สึกว่าไม่มีสมาธิเลยไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าพักนานไปล่ะมั้ง เพราะงั้นก็เลยออกมาสูดอากาศแล้วก็มาที่นี่ด้วยเลย” 

 

 

ซองจูพูดเช่นนั้น พร้อมกับดื่มน้ำแร่ที่เซจุนส่งให้เข้าไปอึกหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ เขาเข้าสู่ช่วงคุมน้ำหนัก ต็อกบกกี ของทอด ของกินเล่นต่างๆ เขาจึงไม่สามารถหยิบมันเข้าปากได้เลย เซจุนสงสัยว่ามีเหตุผลอะไร ทำไมอีกคนถึงได้ซื้อแต่ของที่ตัวเองกินไม่ได้มาแบบนี้ แล้วเมื่อได้เห็นว่าสายตาของซองจูนั้นทอดมองไปที่ไหน เขาก็เข้าใจมันได้ทันที อาหารพวกนี้เป็นของชอบของเจ้าจองอูที่มีต่อมรับรสแบบเด็กๆ นั่นเอง 

 

 

“จะไม่กินจริงๆ เหรอครับ” 

 

 

“ขืนกินเข้าไปคำนึง ฉันต้องทนลำบากไปอีกเป็นอาทิตย์ๆ แน่ พวกนายน่ะกินเข้าไปเถอะ อย่าให้เหลือเด็ดขาด” 

 

 

ซองจูขู่ไปเช่นนั้น ก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่มอีกอึก เซจุนที่กำลังลำบากใจจากสายตากดดันของเจ้าพวกนั้นที่มองมา จึงได้เอาแต่ยัดต็อกบกกีและไส้กรอกเลือดเข้าปากอย่างแข็งขัน ในตอนนั้นเอง ซองฮีที่ยังไม่คลายสีหน้าเคร่งเครียดลง จึงได้เอ่ยปากถามซองจู 

 

 

“ที่จริงไม่มีความจำเป็นอะไรที่นายต้องสนใจ ฉะนั้นอย่าโผล่มาโดยพลการแบบนี้อีก เราทำงานกันอยู่ แล้วมันก็ขาดตอน” 

 

 

“อวดดี…ซื้อของมาให้ก็ยังไม่ยอมกิน ถือตัวขนาดนั้น เป็นพวกธุรกิจรัดตัวนักรึไงกัน” 

 

 

“นายซื้อมาให้ฉันรึไงล่ะ ซื้อมาให้จองอูต่างหาก ถ้าจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ เลย นายเคยสนใจดูแลฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นักแสดงเจ้าบทบาทแบบนาย แค่พูดตรงๆ แค่นั้นก็ทำไม่ได้รึไง” 

 

 

ซองฮีพูดแบบนั้นโจมตีซองจู ในตอนนั้นเองจองอูก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหน้ากากที่ซองจูสวมเอาไว้แตกร้าว แต่ทว่าหน้ากากนั่นดูจะแข็งแกร่งกว่าที่คิด ซองจูไม่ได้ใส่ใจกับเส้นเลือดที่ปูดโปนบนหน้าผากตัวเอง แล้วเจ้าตัวก็ยกยิ้มออกมา 

 

 

“ว้าว น้องชายฉันดูจะน้อยใจนะเนี่ย เพราะงั้นฉันเลยซื้อของว่างมาให้ยังไงล่ะ กินเข้าไปเยอะเลยนะ หืม?” 

 

 

ท่าทางซองจูที่ทำราวกับกำลังคุยอยู่กับเด็กๆ ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ในตอนนั้นเอง จองอูจึงได้หยิบคุกกี้ออกมาชิ้นหนึ่ง แล้วยัดมันใส่ในมือของซองจู 

 

 

“กินนี่สักหน่อยสิ” 

 

 

คำพูดนั้นแค่คำเดียวก็ทำให้ซองจูหุบปากและเคี้ยวคุกกี้อย่างกลัวคนจะแย่งไป ส่วนจองอูที่อยู่ข้างๆ ก็รินน้ำแร่ให้อีกคนอย่างเงียบๆ ท่าทางเช่นนั้นทำให้คนที่อยู่รอบๆ เบิกตาโพลงด้วยความตื่นตะลึง ส่วนซองฮีกลับมองไปที่พี่ชายของตัวเองด้วยสายตาเย็นชา 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset