(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนพิเศษ 1-2 สถานที่

ตอนพิเศษ 1-2 สถานที่

 

 

 

 

เจ้าตัวยื้อแขนที่ถูกพี่ชายจับไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย จนสะบัดออกมาได้ แล้วซองฮีก็ลงไปที่ชั้นหนึ่ง วิ่งตามหาแม่บ้านและพ่อแม่ในห้องทำงานของทั้งคู่ที่แยกกันคนละส่วน 

 

 

เรื่องราวหลังจากนั้นก็จำไม่ค่อยได้แล้ว 

 

 

สำลีที่ถูกยัดเข้ามามากเกินไป มันได้หลุดลงหลอดอาหารไปหรือเปล่านะ เขาถูกบังคับให้อ้าปากออกเพื่อตรวจดู กะโดยประมาณแล้วน่าจะมีสักสิบอันได้ แต่มันกลับไม่หลงเหลือร่องรอยอะไรอยู่เลย ทว่าซองฮีก็ยังคงสะอื้นไห้อยู่ ส่วนซองจูก็เดินตามมายืนดูอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย นั่นจึงทำให้ได้เห็นภาพแม่เอ่ยพูดตำหนิสองพี่น้องอย่างที่ไม่ค่อยเห็นนัก 

 

 

แน่นอนว่าจุดสนใจนั้นถูกบิดเบือนไป 

 

 

“ก็เล่นกันดีๆ อยู่ไม่ใช่หรือไง แม่อยู่บ้านแต่ก็ต้องอ่านหนังสือนะ เราสองคนพากันทำเสียงดังโหวกเหวกแบบนี้ มันใช้ได้เหรอ”   

 

 

“ขอโทษครับ พวกเรากำลังเล่นหมอกับคนไข้กันอยู่ ซองฮีคงจะรู้สึกกลัวขึ้นมาน่ะครับ แม่ครับ ผมผิดไปแล้วครับ” 

 

 

“ไม่เป็นไร ซองฮียังเด็ก คงจะกลัวหมอสินะ คราวหลังลูกๆ ก็เล่นอย่างอื่นแทนก็แล้วกัน” 

 

 

แล้วมันก็จบลงแค่นั้น 

 

 

แม่ไม่ได้สอบถามให้แน่ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา ไม่คิดจะรับรู้เลยด้วยซ้ำว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่คิดจะพยายามเข้าใจคำพูดที่วกไปวนมาของลูกชาย ส่วนพ่อที่เลิกงานกลับมา เมื่อดูแล้วคิดว่าไม่มีเรื่องสลักสำคัญอะไร จึงไม่ได้บอกอะไรไปตั้งแต่ต้น แล้วมันก็เป็นแบบนั้นเสมอ 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

ความทรงจำเนิ่นนานมากแล้วที่ผุดขึ้นมาทำให้ซองฮีได้แต่ถอนหายใจออกมา พร้อมกับยกแขนข้างหนึ่งขึ้นก่ายหน้าผาก  

 

 

หลังจากวันนั้นซองจูก็ยังคอยรังแกซองฮีอยู่ดี  

 

 

พฤติกรรมร้ายๆ ควรจบลงเมื่อเข้าสู่ชั้นประถม แต่ว่ามันก็ไม่มีทีท่าที่จะจบลงเลย แม้อีกคนจะไม่ได้รังแกซองฮีโดยตรง แต่ก็มักจะแสดงนิสัยที่เลวร้ายออกมา และแสดงท่าทางกดดันให้รู้สึกอึดอัดใจ แต่ทว่าถึงจะถูกรังแกอย่างไร ก็ไม่สามารถลบเลือนความทรงจำในวันนั้นไปได้เลย  

 

 

วันนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ซองฮีรู้สึกได้ถึงการจงใจฆ่า  

 

 

อายุเพียงแค่ห้าขวบ เขากลับตระหนักถึงมันได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะได้รับการอบรมสั่งสอนเสียอีก ความโหดร้ายนั้น จนกระทั่งเวลาผ่านมาถึงอายุสามสิบปีอย่างในตอนนี้ มันก็ยังคงติดค้างอยู่ในชีวิตของเขา  

 

 

ทุกครั้งที่ซองฮีนึกถึงเรื่องในตอนนั้นขึ้นมาทีไร สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือแววตาคู่นั้น ดวงตาสีน้ำตาลราวกับเพชรนั่น มองเพียงแวบเดียวก็จะเห็นประกายสีเขียวงดงามในแววตานั้น แต่พอนึกถึงเวลาที่มันจ้องมองมาที่เขา มันกลับทำให้รู้เสียวสันหลังวาบไปหมด  

 

 

เบื้องหลังสีหน้าที่เต็มไปด้วยความใจดี ดูน่ารักนั่น มันคือความอิจฉาและหวาดกลัว ความโกรธและความยินดีปะปนกันอยู่ในนั้น ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความรู้สึกหมองหม่นนั่น เด็กน้อยอายุเพียงเจ็ดขวบที่ยังไม่ได้เริ่มเข้าโรงเรียนกับความรู้สึกที่มีนั้น ช่างบิดเบี้ยวและมืดมนเสียเหลือเกิน  

 

 

ซองจูมักจะมองมาที่ซองฮีด้วยสายตาเช่นนั้นเสมอ  

 

 

แรกเริ่มเขาไม่เคยเข้าใจความรู้สึกนั้นของซองจูเลย หากพอโตขึ้นก็เริ่มจะเข้าใจมันขึ้นมาได้นิดหน่อย นั่นคงเพราะความรู้สึกไม่พอใจกับการไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ และเพราะหวาดกลัวว่าน้องชายที่เกิดขึ้นมาหลังจากตัวเองเพียงแค่สองปีจะมาแย่งความสนใจของพ่อแม่ไป แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็น่าปวดหัวกับการมีอยู่ของน้องชายที่น่ารักนั่น  

 

 

ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ความรู้สึกที่ซองฮีมีให้กับซองจูมันก็คล้ายคลึงกัน  

 

 

ถึงอย่างไร ประสบการณ์ในวันนั้น มันก็ได้นำความเปลี่ยนแปลงมากมายมาให้กับสองพี่น้อง 

 

 

ความน่ากลัวเกี่ยวกับความตายที่ได้สัมผัสเป็นครั้งในชีวิต มันฝังแน่นอยู่ในส่วนลึกของซองฮี และคอยทำร้ายเขาอยู่อย่างนั้น แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือการได้รับรู้ว่าพ่อและแม่ไม่เคยมีใครมองเห็นความหวาดกลัวแบบนั้นของพวกเขาเลย ยิ่งกว่าความหวาดกลัวว่าจะถูกพี่ชายทำร้าย ความกลัวที่ว่าพ่อแม่จะไม่เหลียวแลและทอดทิ้งไปนั้น มันกลับยิ่งใหญ่กว่ามาก ความไม่ลงรอยกันที่พวกท่านไม่เคยจะปรายตามามอง มันทำให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของสองพี่น้อง 

 

 

และเกี่ยวพันไปถึงปัญหาการเติบโตขึ้นมาเป็นที่เด็กดี 

 

 

พี่ชายที่ซองฮีจดจำได้นั้นต้องใช้ชีวิตมาเรื่อยๆ ด้วยการซุกซ่อนความรู้สึกอันยุ่งเหยิงเอาไว้ให้ลึกที่สุด ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ถอดผ้าอ้อม จนกระทั่งถึงในตอนนี้ 

 

 

“เทียบกับตอนนั้นแล้ว ก็ดูเป็นคนขึ้นมาบ้างละนะ” 

 

 

ซองฮีพึมพำออกมาเช่นนั้น ปล่อยแขนที่ก่ายหน้าผากอยู่ให้ตกลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง 

 

 

‘ครืดดด’ 

 

 

เจ้าตัวเพียงผงกศีรษะขึ้นมาดู ทั้งที่ร่างกายก็ยังคงนอนแผ่ไปบนโซฟาอย่างไร้แรงจะพยุงตัว แล้วจึงได้เห็นว่าโทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะมีแสงวูบวาบขึ้นมาที่หน้าจอ เซจุนเพื่อนร่วมวงนั่นเอง ซองฮีจึงได้รีบคว้าโทรศัพท์มาแนบหูทันที 

 

 

“ฮัลโหล” 

 

 

“ว่างอยู่เหรอ ถึงได้รับโทรศัพท์ทันทีเลยแบบนี้” 

 

 

“เพิ่งกินข้าวเที่ยงไป ก็เลยยังพักผ่อนอยู่น่ะ” 

 

 

“งั้นเหรอ ถ้างั้นออกมาตอนนี้เลยได้ไหม” 

 

 

เซจุนที่ยังมีน้ำเสียงร่าเริงไม่ต่างจากปกติ กลับฟังดูมีร่องรอยของความไม่สบายใจปะปนมา ซองฮีจึงได้เริ่มขมวดคิ้วมุ่น 

 

 

“ทำไม มีเรื่องอะไรหรือไง” 

 

 

“ถือว่าขอร้องละนะ ช่วยเปลี่ยนไอ้ท่าทางเหมือนเครื่องจักรแบบนี้สักทีได้ไหม” 

 

 

“ไม่ใช่เครื่องจักรสักหน่อย แล้วตกลงว่ามีเรื่องอะไร วันนี้ตอนเย็นก็ต้องเจอกันอยู่แล้วนี่ ทำไมถึงเรียกให้ออกไปตอนนี้ด้วยล่ะ” 

 

 

เขาถามซ้ำอีกเป็นหนที่สอง แล้วเสียงหัวเราะแผ่วเบาก็ดังลอดมาจากอีกฝั่งของอุปกรณ์สื่อสารนั่น 

 

 

“เจ้านี่ แสนรู้เหมือนเดิม ก็จะให้มาตกลงกันเรื่องถ่ายทำเบื้องหลังที่ระลึกของอัลบั้มนี้ยังไงละ” 

 

 

“อือ” 

 

 

“ท่านประธานอยากจะให้ทำเพิ่ม แล้วถ่ายทำแบบสารคดีน่ะ” 

 

 

“แบบนั้นมีใครอยากทำหรือไง” 

 

 

“ก็ไม่หรอก เบื้องหลังก็คือเบื้องหลังนั่นแหละ แต่เราก็แค่ใช้สื่อ SNS อะไรแบบนั้นในการอัพโหลดตัวสารคดีนี้ลงไป มันก็ไม่เลวเลยนะ” 

 

 

“ถ้ามีเวลาทำอะไรแบบนั้น สู้เอาไปทำเพลงเพิ่มไม่ดีกว่า…” 

 

 

อย่างไรเขาก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ การได้ย้ายมาสังกัดบริษัทใหญ่ มันก็มีด้านที่สะดวกสบาย แต่ว่าเวลาที่ต้องมาทำการโปรโมทอะไรแบบนี้ ที่มันนอกเหนือไปจากการทำเพลง เขาเองไม่ค่อยชอบ แล้วก็รู้สึกรำคาญนิดหน่อย ทุกครั้ง เซจุนจะเป็นคนออกหน้า แล้วก็ช่วยไกล่เกลี่ยนั่นนี่ให้ แต่ว่าเจ้าหมอนี่กลับใช้วิธีนี้มาเกลี่ยกล่อมตัวเขาเอง ไม่ต่างอะไรกับการให้เขาตัดสินใจทำไอ้สารคดีอะไรที่ว่านั่นเลย ซองฮีถอนหายใจออกมาอย่างเปิดเผย ก่อนจะเอ่ยถามเซจุน 

 

 

“กี่โมง” 

 

 

“เร็วที่สุดเท่าที่จะได้” 

 

 

“นายอยู่ไหน” 

 

 

“ตอนนี้อยู่ห้องสตูดิโอ ทางนั้นให้เราเข้าไปที่บริษัท งั้นฉันจะไปที่บ้านนาย…” 

 

 

“ไม่ต้อง ฉันต้องเอาของไปที่สตูดิโออยู่แล้ว เพราะงั้นฉันจะไปหานายเอง” 

 

 

“อ้า เอางั้นเหรอ โอเค งั้นก็รีบๆ มานะ” 

 

 

“อือ” 

 

 

พอวางสายแล้ว ซองฮีก็รีบลุกออกจากที่นั่งในทันที แล้วก็ต้องไปเร่งให้ฮเยจองรีบจัดการห่อสตูเมื่อครู่โดยด่วน 

 

 

“ให้ตาย วุ่นวายชะมัด…” 

 

 

ซองฮีขยี้หัวตัวเองอย่างแรง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของตัวเอง 

 

 

 

 

 

“ไอ้พวกนี้มันอะไรเนี่ย” 

 

 

“ไม่ใช่ของนายแล้วกัน” 

 

 

ทันทีที่เขาถือห่อผ้าที่ดูไม่เข้ากันกับตัวเองสักเท่าไรเข้ามาภายในห้องสตูดิโอ เซจุนจึงมองมาอย่างยินดีในทันที ซองฮีเค้นเสียงขึ้นจมูกเบาๆ ใส่เซจุนที่ทำท่าทางแบบนั้น ก่อนจะนั่งลงตรงมุมหนึ่งของโต๊ะที่ใช้ประชุม แล้ววางห่อผ้าลงไปเสียงดังตึงที่ตรงหน้าของจองอู 

 

 

“นี่อาหาร ไม่ต้องถามมากรีบไปกินซะก่อนมันจะเย็น” 

 

 

ซองฮีพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จองอูมองท่าทางเช่นนั้น แล้วจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง 

 

 

“จู่ๆ ทำไมเอามาให้ล่ะครับ ไม่ใช่เรื่องที่พี่จะมาดูแลผมแบบนี้สักหน่อย” 

 

 

“ให้ก็คือให้ แค่ขอบคุณ แล้วก็กินๆ ไป ทำไมต้องมาถามเซ้าซี้ด้วย” 

 

 

คำถามตรงไปตรงมาของจองอูทำให้เขาได้แต่ซ่อนความรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่ใจเอาไว้ พร้อมกับบ่นพึมพำออกมา ส่วนข้างๆ นั่นก็เป็นเซจุนที่ทำหน้าตาประหลาดและหลุดหัวเราะออกมา เขาจึงได้ถลึงตาใส่เป็นสัญญาณให้รีบหุบปากเดี๋ยวนี้ แต่แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า พร้อมกับเอนตัวลงพิงกับโซฟา เพราะว่าผ่านเรื่องราวมาด้วยกันมากมาย กระทั่งความรู้สึกที่อยากจะปกปิด คนเจ้าเล่ห์แบบนั้นก็กลับรู้ทันไปเสียทั้งหมด 

 

 

“มันน่าขำนักหรือไง” 

 

 

ซองฮีกระแทกตัวลงนั่งข้างๆ เซจุนอย่างข่มขู่ แต่ทว่าคนที่เคลื่อนไหวกลับไม่ใช่เซจุน แต่เป็นจองอูที่ลุกขึ้นจากที่นั่ง พร้อมเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำของเจ้าตัว 

 

 

“แค่ปิดเป็นความลับจากคนนั้นก็พอใช่ไหมครับ” 

 

 

ซองฮีถึงกับขมวดคิ้วจนใบหน้านั้นบิดเบี้ยวและยับย่น จนดูเหมือนเศษกระดาษที่เป็นรอย 

 

 

“ฮ่าๆๆ! คิมจองอูอย่างแรง โคตรแรงเลย ทำไมถึงถามอะไรอย่างนั้นล่ะ นายอยากจะพูดอะไรก็พูดตามใจไปได้เลย” 

 

 

เซจุนที่ได้ยินสิ่งไม่คาดคิดก็ถึงกับปรบมือพร้อมหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แต่ว่าสีหน้าของซองฮีนั้นเหมือนกับคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง จองอูมองไปยังซองฮีที่มีท่าทางเช่นนั้น พร้อมกับหลุดขำออกมา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป 

 

 

“ไอ้เด็กนั่น นายก็ด้วย…แค่บอกมาตรงๆ ว่านายเตรียมมาให้มันจะมีปัญหาอะไรหนักหนา ทำไมต้องทำท่าทางเคร่งขรึมแบบนั้นด้วย น้องชายจะดูแลพี่ชายบ้างมันผิดหรือไง” 

 

 

“หุบปากน่า” 

 

 

ซองฮีตะโกนอย่างกระแทกกระทั้นใส่หน้าเซจุนที่ยังคงขำคิกคักอยู่แบบนั้น 

 

 

“นี่ อย่าให้มันเกินไปนักเลย ห้องสตูดิโอนี่ก็ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ซองจูก็คงจะหาไม่ได้หรอกนะ”  

 

 

“ห้องนี้น่ะ ที่หาให้เพราะว่าคิดถึงพวกเรางั้นเหรอ เพราะจะหาข้ออ้างให้คิมจองอูมาอยู่ด้วยหรอก ถึงได้ลากเราเข้ามาเกี่ยวแบบนี้” 

 

 

“แบบนั้นแล้วยังไงล่ะ แบบนั้นเราถึงได้ไม่ต้องเจอกับการโดนไล่ออกจากห้องสตูดิโอเพราะไปทำเสียงดังรบกวนชาวบ้าน แล้วก็นะ พี่นายน่ะ เป็นพวกชอบแบ่งพื้นที่ของตัวเองให้ใครหรือไง ให้ยืมพื้นที่ตั้งชั้นนึง ในบ้านราคาแพง แถมอยู่ในละแวกฮงแดแบบนี้ โดยไม่มีเงินมัดจำ แล้วก็จ่ายค่าเช่าแค่สามแสนวอนเอง มันสมควรหรือไงล่ะ” 

 

 

“หนวกหูน่า! ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนนิสัยปกตินั่นแหละ!” 

 

 

“ยอมรับซะเถอะน่า ถึงมันจะเหมือนไร้สติไปสักหน่อย แต่พี่เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจนายเลยนี่ นายเองก็ด้วย ถึงแกล้งทำแบบนั้น พวกเราเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่านายเองก็ใส่ใจพี่เขาเหมือนกัน…ตอนนี้ก็ช่วยแสดงออกมาตรงๆ ซะก็ได้ไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“ก็บอกว่าหนวกหูไง” 

 

 

ซองฮีตอบกลับอย่างแผ่วเบาให้กับคำพูดแทงใจดำของเซจุน รู้จักกันมากว่าสิบปีแล้ว กระทั่งเรื่องที่คิดจะปกปิด เพื่อนคนนี้ก็รับรู้มันได้ในทันที ไม่มีทางเลยที่เขาจะหลอกอีกคนได้ เขาได้แต่หลุบตามองพื้น พร้อมกับพึมพำออกมาแผ่วเบา 

 

 

“เจ้าเด็กนั่นก็เหมือนกัน อยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังเอาแต่เรียกว่าคนนั้น อยู่ด้วยกันแต่ไม่เรียกชื่อกันเลยงั้นหรือไง” 

 

 

เสียงบ่นพึมพำไร้สาระนั่นทำเอาเซจุนหลุดขำออกมา เอาเข้าจริงฮันซองฮีก็เข้าข้างพี่ชายตัวเอง 

 

 

“คิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่องเนี่ยนะ นี่ ถ้ารู้ว่าคำเรียกมันเป็นปัญหานักก็จัดการซะเลยสิ พี่เขาก็ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย นายจะเดือดร้อนทำไม” 

 

 

“แต่แบบนั้นมันก็ไม่ควร” 

 

 

“ปัดโธ่ ทำตัวเป็นน้องสาวที่ไม่ได้เรื่องไปได้” 

 

 

ซองฮีจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ พร้อมกับจ้องเขม็งอย่างเอาเป็นเอาตายไปที่เซจุน จนขนคอลุกพรึ่บไปหมด 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset