(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนพิเศษ 1-3 สถานที่

ตอนพิเศษ 1-3 สถานที่

 

 

 

 

“อะไรอีกล่ะเนี่ย” 

 

 

ทั้งสองมักจะใช้ชีวิตด้วยเสียงเอะอะโวยวายแบบนั้นเสมอ จองอูถือห่อผ้าที่ซองฮีเอามาให้ขึ้นมาที่ชั้นสี่ซึ่งเป็นบ้านของซองจู ท่าทางของจองอูที่สองมือถือของเอาไว้ แล้วกดกริ่งอย่างยากลำบากนั่นทำให้ซองจูที่วิ่งปราดมาทางประตู พอได้เห็นเข้าก็ถึงกับโหวกเหวกโวยวายออกมา 

 

 

“พี่ซองฮีให้มาน่ะ” 

 

 

“ฮันซองฮี? อะไรล่ะนั่น” 

 

 

ซองจูคว้าถุงที่อยู่ในมือของจองอูมาถือเอาไว้ พร้อมกับชำเลืองมองดูข้างใน ข้างในนั้นมีกล่องพลาสติกใส่อาหารหลายขนาดบรรจุอยู่ ซองจูจิ๊ปากเบาๆ ก่อนจะพึมพำออกมา 

 

 

“ฮเยจองคงจะฝากอะไรมาให้ล่ะสิ” 

 

 

พูดออกมาเช่นนั้น พร้อมกับหันมามองที่จองอู 

 

 

“ไม่หนักเหรอ” 

 

 

“ไม่หรอก ฉันแรงดีกว่านายเยอะเลยนะ” 

 

 

“คำพูดคำจาไร้มารยาทจังนะ” 

 

 

ซองจูตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินไปทางห้องครัว สีหน้าของจองอูที่เดินตามหลังอีกฝ่ายไปติดๆ ก็ยังคงนิ่งเหมือนปกติ 

 

 

“ว้าว ส่งอะไรมาให้เยอะแยะเนี่ย นี่คงไม่ได้กวาดมาจนหมดตู้เย็นหรอกใช่ไหม” 

 

 

ซองจูเปิดเอาของที่อยู่ในถุงออกมาพร้อมอุทานด้วยความตกตะลึง มีตั้งแต่กิมจิที่หมักจนได้ที่ แล้วก็เครื่องเคียงอีกมากมายที่กองอยู่ในกล่องใส่อาหารขนาดใหญ่นั่น พอซองจูเปิดฝากล่องออกมาก็เลยถึงกับต้องส่งเสียงโห่ร้องออกมาเช่นนั้น 

 

 

“เอ๊ะ อันนี้มันของที่ฉันชอบนี่” 

 

 

ซองจูพูดออกมาเช่นนั้น ก่อนจะรีบร้อนหยิบช้อนที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารขึ้นมา แล้วจัดการตักสตูที่อยู่ในกล่องอาหารนั่นเข้าปาก 

 

 

“เอ๋…” 

 

 

คำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมาตอนที่กำลังโห่ร้องไปด้วยนั้นฟังไม่ชัดเจนนัก จองอูที่กำลังจัดการกับพวกเครื่องเคียงอยู่ข้างๆ นั้นก็ถึงกับชะงักไป 

 

 

“ทำไม” 

 

 

“อือ รสชาติมัน” 

 

 

“ทำไม ไม่อร่อยเหรอ” 

 

 

ซองจูส่ายหัวให้กับคำถามนั้นของจองอู 

 

 

“เปล่า แต่มันแบบ นี่ฮันซองฮีเป็นคนให้มางั้นใช่ไหม” 

 

 

“อือ” 

 

 

“….มันไม่ใช่รสชาติแบบที่เจ้านั่นชอบเลยนะ” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้จองอูเดินเดินไปทางห้องครัว แล้วถือช้อนคันใหม่ออกมา 

 

 

“ลองชิมดูไหม ฮเยจองทำอาหารอร่อยนะ” 

 

 

ซองจูค่อยๆ เลื่อนกล่องที่ใส่สตูไปตรงหน้าจองอู เขาคว้าเอวคนที่ทำตาเป็นประกายวิบวับมากอดไว้ ก่อนที่จองอูจะใช้ช้อนตักสตูนั้นเข้าปาก สตูที่มีรสจัดและกลิ่นพริกไทยเข้มข้น ค่อยๆ ไหลผ่านลำคอลงไป 

 

 

“อืม อร่อยแฮะ เป็นรสแบบที่นายชอบเลยนี่” 

 

 

จองอูพูดออกมาพร้อมกับวางช้อนลง แล้วจึงเริ่มจัดการเอาอาหารเข้าไปเก็บในตู้เย็น แต่ซองจูยังคงยืนครุ่นคิดบางอย่างหมกมุ่นอยู่ข้างๆ  

 

 

“คิดอะไรอยู่น่ะ” 

 

 

พอจัดการเอาอาหารใส่ตู้เย็นจนหมดแล้ว จนกระทั่งจองอูกลับมายืนอยู่ใกล้ๆ ซองจูก็ยังคงไม่หยุดคิด จองอูจึงรวบเอวของซองจูเข้ามากอดไว้อีกครั้ง พร้อมกับลูบหัวอีกคนอย่างแผ่วเบา 

 

 

“ถ้ามันไม่มีประโยชน์ก็เลิกคิดเถอะ” 

 

 

ซองจูพยักหน้ารับคำพูดนั้นอย่างเงียบๆ  

 

 

“เปล่า ก็แค่…” 

 

 

“หืม” 

 

 

“ฮันซองฮีไม่ค่อยชอบกินอาหารรสจัดแล้วก็เข้มข้นแบบนี้น่ะ แต่ไม่รู้ว่าเพราะฉันหรือเปล่า ถึงได้ทำรสชาติแบบนี้ออกมา” 

 

 

“อาจจะลองกินดูแล้ว เห็นว่ารสมันจัดจ้านแบบนี้เลยเอามาฝากก็ได้นะ” 

 

 

“อย่างนั้นเหรอ” 

 

 

“อือ อย่าคิดมาก มันไม่เห็นจำเป็นเลย ที่สำคัญก็คือพี่เขาใส่ใจนายต่างหาก” 

 

 

จองอูพูดออกมาแบบนั้น แล้วจึงจูงมือซองจูไปทางห้องนั่งเล่น สีหน้าของซองจูที่ปล่อยตัวไปตามแรงดึงของจองอูโดยไม่ขัดขืน ยังคงดูคิดมากและว้าวุ่นใจอยู่บ้าง 

 

 

 

 

 

“ว่าแต่ว่ามันเพราะอะไร ถึงได้เกิดเรื่องบ้าแบบนี้ได้ล่ะ ไอ้สารคดี…จำเป็นต้องทำอะไรขนาดนั้นเลยหรือไง แค่ทำวิดีโอเบื้องหลังก็พอแล้วนี่” 

 

 

“ก็ช่วงนี้เราไม่ได้เข้าร่วมพวกงานเฟสติวัลอะไรแบบนั้นเลย ก็เลยต้องมีแฟนเซอร์วิสกันบ้างไง มันก็ไม่ได้เลวร้ายนี่ นายตื่นเต้นเวลาอยู่หน้ากล้องอะไรแบบนั้นเหรอ” 

 

 

“ตื่นเต้นบ้าอะไร ทำแค่เพลงก็พอแล้วนี่ ไม่เห็นจะมีเหตุอะไรที่ต้องทำถึงขนาดนั้นเลย” 

 

 

อีกอย่างซองฮีกำลังบ่นพึมพำเกี่ยวกับเรื่องที่ห้องสตูดิโอใหม่ออกมาให้เซจุนฟังอยู่พักหนึ่ง เหมือนจะกังวลเรื่องของซองจู 

 

 

เมื่อสองปีก่อน หลังจากได้เซ็นสัญญากับบริษัทต้นสังกัดแห่งหนึ่งด้วยเหตุบังเอิญ วงคราฟท์ของซองฮีจึงถือกำเนิดขึ้นมา 

 

 

บริษัทต้นสังกัดนั้นมีสภาพไม่ต่างอะไรกับร้านขายของชำ พวกเขาจึงไม่ได้ทำเพลงอย่างที่อยากลองทำ แต่กลับเป็นเพลงที่เป็นไปตามสไตล์ของประธานและหัวหน้าของบริษัทนั้นเท่านั้น เพลง ‘เฉิ่มเชย’ ที่ไม่ได้เรื่องนั่นล่ะ และก็เพราะความเฉิ่มเชย และการขาดการโปรโมท ทำให้พวกเขามองแทบไม่เห็นอนาคตและหลงทางอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายด้วยปัญหาของยอดขายที่ตกต่ำ ทำให้ถูกไล่ออกจากบริษัทต้นสังกัดแห่งนั้น หลังจากนั้นก็ได้มาเจอกับต้นสังกัดที่อยู่ในตอนนี้ มันไม่ต่างจากการได้รับโอกาสหลังผ่านการพิสูจน์ตัวอย่างหนัก ดังนั้นอะไรที่พอทำได้ก็มักจะตามน้ำไป 

 

 

แต่ว่าสารคดี? เพื่อการโปรโมท จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ฮันซองฮีเกิดคำถามแบบนั้นอยู่เสมอ พอคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของซองฮีที่บึ้งตึงอยู่แล้วก็ยิ่งดูเคร่งเครียดขึ้น เซจุนที่เห็นท่าทางแบบนั้นของซองฮีจึงเอ่ยปากพูดขึ้น 

 

 

“นายมีเหตุผลอย่างอื่นหรือเปล่า พูดมาตรงๆ เถอะ” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้ซองฮียิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ ต่อให้พยายามขนาดไหนก็คงไม่มีทางหลอกคิมเซจุนและมินซองฮุนได้เลยสินะ เขาจึงได้ค่อยๆ พูดออกไป 

 

 

“ถ้าห้องสตูดิโอนี้ถูกเปิดเผยออกไป มันจะมีปัญหาตามมาได้” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้สีหน้าของเซจุนดูยากจะคาดเดา 

 

 

“ปัญหา? ปัญหาอะไร” 

 

 

เซจุนขยับเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยักพเยิดคางเป็นสัญญาณให้เขาพูดออกมา เห็นเช่นนั้นแล้วซองฮีจึงเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง 

 

 

“ก็ถ้าตึกมันเป็นของคนอื่น…” 

 

 

“ทำไม ไม่อยากให้เกิดผลเสียกับพี่อย่างนั้นสินะ” 

 

 

เพราะคำพูดที่กระชับตรงประเด็นของเซจุน ทำให้ซองฮีถึงกับหุบปากลง ด้วยไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรต่อไป เซจุนที่เห็นท่าทางดื้อดึงแบบนั้นของซองฮี ก็ได้แต่ชักสีหน้าออกมาอย่างไม่ห้ามได้ 

 

 

“ถ้าแค่ไม่มีเรื่องแบบนั้นก็พอสินะ” 

 

 

“ถ้ามีการถ่ายทำ ก็ต้องมีหน้าของจองอูโผล่ออกมาด้วย ยิ่งกว่านั้น ก็อาจจะต้องเข้าไปถึงห้องทำงานของจองอูเลยก็ได้ แล้วเจ้าคนที่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น ก็อาจจะโผล่เข้ามาด้วยก็ได้นี่” 

 

 

“ก็มันต้องถ่ายทำ ถึงตอนนั้นก็ห้ามไม่ให้ลงมาก็ได้นี่” 

 

 

“แล้วถ้าเกิดถามถึงเหตุผลที่ย้ายมาที่นี่ล่ะ” 

 

 

“ก็จัดการให้บทไม่มีคำถามแบบนั้นตั้งแต่แรกเสียสิ ถึงจะถามมาจริง ไม่ตอบซะมันก็จบแล้ว” 

 

 

ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ถูกสกัดเอาไว้จนหมด ซองฮีที่ไม่รู้จะเถียงอะไรต่อไป จึงได้แต่ทำหน้าบึ้งตึง เซจุนที่ทนต่อไปไม่ไหวก็ได้แต่ระเบิดหัวเราะออกมา 

 

 

“ฮ่าๆๆ! คิดมากขนาดนั้นเดี๋ยวก็ป่วยเข้าให้หรอก เรื่องที่นายห่วงฉันจะจัดการให้เอง เฮ้อ ไอ้เจ้านี่ จริงๆ เลย ลับหลังพี่ชายก็ทำท่าห่วงจนลนลาน แต่พออยู่ต่อหน้าก็ทำเป็นเย็นชา ฮ่าๆๆ!” 

 

 

เห็นท่าทางหัวเราะชอบใจแล้วทำให้เขารู้สึกกดดันแบบนั้นของเซจุน ซองฮีก็ถึงกับเผลอตะโกนแผดเสียงออกไปโดยไม่รู้ตัว 

 

 

“โว้ย หุบปากไปเลย! แล้วจะให้ทำยังไง! เกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา เรื่องที่สองคนนั้นอยู่ด้วยกันเกิดถูกจับได้ ใครจะรับผิดชอบล่ะ! ถ้าพ่อแม่รู้เข้า จะยอมอยู่เฉยๆ งั้นเหรอ แน่นอนว่าต้องโดนด่าเละแน่ แล้วจะให้ฉันปล่อยพี่ลำบากแบบนั้นหรือไง แล้วถ้าแม่รู้เรื่องจองอูขึ้นมา เกิดเรื่องใหญ่แน่! จองอูเจ็บ พี่ฉันก็เจ็บ ฉันทนให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ!” 

 

 

“ก็บอกว่าอยู่กับน้องชายคนสนิทแบบนั้นก็ได้ไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“ครอบครัวของฉันไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาทั่วไปหรอกนะ…มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ต้องมีคนสืบหาเบื้องหลังจองอูแน่ๆ จะให้มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด” 

 

 

คำพูดที่ร้ายแรงกว่าที่คิดของซองฮีทำให้เซจุนพลอยมีสีหน้าเคร่งเครียดไปด้วย 

 

 

พอลองคิดตามดูดีๆ กว่าสิบปีที่รู้จักกันมา ซองฮีคือคนที่ถูกที่บ้านคัดค้านน้อยที่สุด แต่ก็เป็นเพราะว่าการศึกษาและพื้นฐานครอบครัวของสมาชิกในวงไม่ได้น่าอายนักในสายตาของคนอื่น เซจุนรู้ดีว่าพ่อแม่ของอีกคนนั้นเป็นพวกเห็นแก่หน้าตา จึงไม่ใช่ไม่รู้ว่าซองฮีกำลังกังวลเรื่องอะไร ดังนั้นเขาจึงได้เลือกเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย 

 

 

“ท่านประธานบอกว่าเราไม่สามารถทำรายการถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์ลงใน SNS แบบพวกไอดอลได้ ก็เลยอยากให้แฟนๆ ได้เห็นการใช้ชีวิตของพวกเราตอนที่กำลังเตรียมทำอัลบั้มจนมันสมบูรณ์แบบน่ะ แล้วฉันเองก็คิดว่ามันเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลยทีเดียว เรื่องที่นายกังวล ฉันเองก็รู้ดีว่ามันคืออะไร วันนี้ตอนที่ประชุมกัน เราค่อยมาปรับแก้ในส่วนนั้นก็ได้ไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“มันไม่ใช่แบบนั้นสิ แล้วอีกอย่างถ้าต้องอธิบายส่วนนั้น มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเล่าขยายความไปอีก ถ้าต้องมาพูดอะไรที่ไม่มีประโยชน์แบบนั้น ฉันก็คงไม่เอาด้วย” 

 

 

“ส่วนนั้นฉันจะจัดการไกล่เกลี่ยให้เองนะ” 

 

 

เพราะเซจุนที่เสนอตัวออกมาด้วยท่าทางที่จริงจังกว่าที่คิด ซองฮีจึงไม่อาจปฏิเสธอะไรได้อีกต่อไป เขาได้แต่ส่งเสียงโอดครวญออกมา แล้วก้มหน้าลงมองพื้นด้านล่าง 

 

 

“เออ ไม่รู้แล้ว จัดการเองเลย งั้นตอนนี้ก็ไปที่บริษัทเลยใช่ไหม” 

 

 

“เปล่าหรอก เราต้องไปที่บริษัทของฝ่ายนั้นน่ะ ยังไงก็ไปรถฉันแล้วกัน ซองฮุนบอกว่ามีเรื่องอะไรกับ       จินซลนิดหน่อย เดี๋ยวจะตามมาน่ะ” 

 

 

“มีเรื่องอะไรกับจินซลอย่างงั้นเหรอ” 

 

 

“ไม่รู้สิจะไปรู้ได้ไงล่ะ ไอ้เจ้านั่น ถ้าเป็นเรื่องจินซลแล้วละก็ ต่อให้ต้องหันหลังให้คนทั้งโลกก็พร้อมจะวิ่งไปหาอีกฝ่าย แล้วไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งมาเป็นกันวันสองวันนี้ซะเมื่อไหร่” 

 

 

เซจุนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรบ่นพึมพำออกมา เห็นแบบนั้นก็ทำเอาซองฮีหลุดหัวเราะออกมา 

 

 

“จะยังไงก็ช่าง เจ้านั่นเป็นหัวหน้าวง ดูแลแค่จินซลจะใช้ได้เหรอ นายเองถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับจองจีฮยอนแล้วละก็ ทำได้ทุกอย่างเหมือนกันนั่นแหละ” 

 

 

“นี่! เอาฉันไปเทียบกับคนโง่แบบนั้นได้ไง” 

 

 

“ในสายตาฉัน จะนายหรือมินซองฮุนก็เป็นพวกคนโง่เหมือนกันนั่นแหละ” 

 

 

ซองฮุนจิ๊ปากพร้อมมองมาด้วยสายตาเอาเรื่อง ก็ทำเอาเซจุนได้แต่ปิดปากเงียบ แล้วจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง 

 

 

“นี่ รีบไปกันเถอะ ช้าเดี๋ยวจะรถติด” 

 

 

“อื้อ รู้แล้ว” 

 

 

ซองฮีค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเดินตามหลังเซจุนไป 

 

 

 

 

 

* * * 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset