(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย – ตอนที่ 8-2 ดอกไม้ราตรี

ตอนที่ 8-2 ดอกไม้ราตรี

 

ขณะนั้นภายในตำหนักฮวังรยงเงียบสงัด เงียบถึงขนาดได้ยินเสียงขบกรามของจาฮอน นัยน์ตาสีดำสนิทของเขาเคลือบแฝงด้วยความบ้าคลั่งและประกายอันตราย ขันทีโชตระหนักได้ว่าโทสะของฝ่าบาทอาจจะเพิ่มขึ้นจนเกิดเป็นเหตุการณ์อันตราย จึงขยับเข้าไปด้านข้างพระวรกาย ค้อมคำนับพร้อมกระซิบ 

 

 

“ฝ่าบาท โปรดเย็นพระทัยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เรา อืม ใจเย็นๆ ใจเย็น…” 

 

 

ร่างสูงพึมพำว่าใจเย็น ใจเย็นซ้ำๆ ด้วยน้ำเสียงกัดฟันคล้ายจะหัวเราะหรือไม่ก็ร้องไห้ จากนั้นก็ผลักโต๊ะตรงหน้าลงไปด้านล่างอย่างแรง โต๊ะตัวนั้นล้มครืนกลิ้งสู่เบื้องล่างบัลลังก์ พลันเกิดเสียงผู้คนขยับหลบเลี่ยงอย่างรีบร้อนผสมกับเสียงของตกกระแทกพื้น 

 

 

ทว่าจาฮอนไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย หลังจากผลักโต๊ะออก เขาก็ลุกขึ้นจากแล้วคว้าดาบจากเอวขององครักษ์ฮวังรยงที่ยืนอยู่ข้างกายออกมาภายในชั่วพริบตา จากนั้นก็วิ่งลงไปยังตำแหน่งยืนของเหล่าขุนนาง อย่าว่าแต่คำห้ามปรามของขันทีโชเลย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนเจ้าของดาบจะทันได้อ้าปากทัดทานเสียด้วยซ้ำ 

 

 

“ข้าจะหั่นแขนและขาทั้งสองข้าง เอาให้เจ้าทำได้เพียงคลานไปมาบนพื้น ลองพูดออกมาอีกสิ” 

 

 

เขาวาดปลายดาบในมือกรีดผ่านอาภรณ์ของมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการจนเกิดเป็นบาดแผลถึงผิวเนื้อบริเวณแขน แล้วขยับพาดคมดาบกับลำคอของอีกฝ่าย ไม่ใช่เพียงการตัดแขน ทว่ามันเป็นท่าทีคล้ายจะบั่นคอในทันที เหล่าขุนนางต่างพากันตัวสั่นและพร้อมใจกันคุกเข่าหมอบลงกับพื้น 

 

 

“ขอโปรดทรงเย็นพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” 

 

 

เรียวคิ้วของจาฮอนขมวดมุ่มด้วยสีหน้าเ**้ยมเกรียม ไม่หลงเหลือสติใดให้ใจเย็นลงได้ 

 

 

ใจเย็นอะไรกัน ทำไมกัน… 

 

 

หมอหลวงรายงานว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าโซกังจะเป็นอย่างไร ตนจะนั่งอยู่ห้องข้างๆ กันแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ยินเลยว่ามีคนแอบลักลอบเข้ามา 

 

 

ยามรับรู้ว่าชื่อของยูโซกังได้รับการประกาศว่าสิ้นชีพในคุกหลวง จึงคิดได้ว่าอีกฝ่ายต้องมีความลับบางอย่าง เมื่อยิ่งได้เห็นปฏิกิริยาของทุกคนเมื่อครั้นตัดสินใจรับโซกังเข้ามาเป็นสนม ก็สันนิษฐานได้ว่าเรื่องราวของโซกังกับกลุ่มเชต้องมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง ดังนั้นจึงคาดการณ์ไว้แล้วว่าอาจจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น และสั่งกำชับให้เพิ่มการคุ้มกันของตำหนักฮงฮวา 

 

 

ถึงกระนั้นก็ยังพลาด การปล่อยให้นักฆ่าลอบเข้ามาถึงวังหลวงอย่างง่ายดายเช่นนี้ นับเป็นเรื่องน่าอับอายนัก ดังนั้นเขาถึงได้โกรธและขาดสติ 

 

 

“หนวกหู วันนี้… ประชุม… พอเท่านี้” 

 

 

จาฮอนพรูลมหายใจอ่อนล้าออกมาก่อนจะโยนดาบในมือลงพื้น มันทิ้งตัวลงกระทบพื้นจนเกิดเป็นเสียงดังก้อง แต่เขาก็ไม่ได้หันหลังกลับมามองแต่อย่างใด มุ่งหน้าก้าวออกจากตำหนักฮวังรยงทันที ขันทีโชและองครักษ์ฮวังรยงได้แต่รีบร้อนติดตามไล่หลัง 

 

 

“ฝ่าบาท” 

 

 

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” 

 

 

ร่างสูงใช้มือลูบหน้าตนเองอย่างแรงพร้อมเอ่ยแผ่วเบา น้ำเสียงนั้นเปรอะเปื้อนความเศร้าเสียใจเล็กน้อย 

 

 

แม้ไม่ได้บอกกล่าวกับผู้ใด ทว่าต่างรู้แก่ใจดี เหตุผลที่ตนไม่สามารถรักษาความเยือกเย็น ไม่ใช่เพราะมีนักฆ่าลอบเข้ามาในวังหลวง ไม่ใช่เพราะโซกังอาจจะพัวพันกับแผนการลับ แต่สาเหตุเพียงเพราะตำหนิตนเองที่ปล่อยให้โซกังถูกทำร้าย แม้จะอยู่ตรงนั้นด้วย ก็ไม่อาจปกป้องอีกฝ่ายได้ 

 

 

จาฮอนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งพยายามสงบจิตใจลง ไม่รู้เลยว่าความรักที่ตนมีต่อโซกังจะมากมายถึงเพียงนี้ 

 

 

แต่ทุกอย่างมันกลับวุ่นวายไปเสียหมด เข้าใจดีว่าไม่อาจรับมือกับเรื่องราวต่างๆ ด้วยอารมณ์ร้อนเฉกเช่นก่อนหน้าได้ จึงคิดว่าหากไม่สามารถทำสุขุมเยือกเย็น ก็ควรเก็บซ่อนกดทับมันด้วยความเป็นเหตุเป็นผลแทน 

 

 

“ไปสำนักหมอหลวง” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” 

 

 

จาฮอนตรงไปยังสำนักหมอหลวงเพื่อตรวจสอบมีดสั้นที่ปักอยู่บนหลังของนักฆ่า และนึกค้นหาสาเหตุที่แพคมีกังพยายามเอาศพของแพคมูกิลคืน 

 

 

และเมื่อถึงยามโซกังได้สติฟื้นคืน เขาคิดจะบอกว่าตอนนี้ไม่มีอันตรายแล้ว ดังนั้นอย่าได้คิดจะไปจากข้างกายเขาเด็ดขาด 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

หลังจบเหตุการณ์น่าระทึก แพคมีกังก็ลุกออกจากตำหนักฮวังรยง ปล่อยเรื่องงานเอาไว้ทีหลังแล้วรีบกลับจวนทันที ก่อนจะสั่งข้ารับใช้ให้ไปเรียกใครสักคนจากบรรดานักฆ่าที่ไม่มีงานต้องรับผิดชอบในช่วงนี้มาหาตน ชายชรานั่งอยู่ในห้องตำราพลางเคาะนิ้วกับโต๊ะอย่างกระวนกระวาย ระหว่างรอคอยการกลับมาของข้ารับใช้ที่ส่งไปทำตามคำสั่ง 

 

 

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงกล่าวจากด้านนอก 

 

 

“เรียกหาหรือขอรับ” 

 

 

“เข้ามาด้านใน” 

 

 

นักฆ่าร่างเล็กสวมชุดดำทั้งตัวหมอบราบอยู่กับพื้น อีกฝ่ายตัวเล็กกว่านักฆ่าคนอื่นๆ ด้วยส่วนสูงที่ไม่มากนักส่งผลให้ดูคล้ายกับสตรีอย่างยิ่ง แพคมีกังออกคำสั่งทันทีโดยไม่แม้แต่จะปรายตามอง 

 

 

“ไปที่สำนักหมอหลวง ลอกผิวเนื้อบริเวณที่สักตราสัญลักษณ์ของทันยอบออกมาเสีย แล้วก็ตามหามีดสั้นของแม่ทัพมาด้วย” 

 

 

“ขอรับ?” 

 

 

“ข้าสั่งให้ตัดเอาตราสัญลักษณ์ออกมาเสีย เพื่อยาอึมทุกคน” 

 

 

“ทะ ทันยอบตายแล้วหรือขอรับ” 

 

 

“รีบจัดการก่อนฝ่าบาทจะพบเข้า เจ้ามิได้เรียนรู้มาหรืออย่างไรว่าห้ามถามคำถามใด!” 

 

 

เเพคมีกังเขวี้ยงถ้วยชาบนโต๊ะใส่ด้วยความโมโห ถ้วยชาปลิวกระแทกเข้ากับศีรษะของนักฆ่าผู้นั้นแล้วร่วงตกแตกกระจายบนพื้น อีกฝ่ายก้มหน้างุดแล้วเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา 

 

 

“ขออภัยขอรับนายท่าน” 

 

 

“รีบไป และหากถูกทหารหลวงพบเข้าก็จงฆ่าตัวตายเสีย” 

 

 

“ทราบแล้วขอรับ” 

 

 

นักฆ่าชุดดำหมุนตัวออกจากห้องตำราของแพคมีกัง เขาเดินไปยังมุมหนึ่งภายในจวนโดยทันที ซ่อนตัวกับเงามืดของอาคาร จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาเงียบๆ ตรงนั้นมีบุรุษสวมชุดดำเช่นเดียวกัน แต่มีส่วนสูงและร่างกายกำยำกว่าซ่อนตัวอยู่  

 

 

“พี่ฮโย ยอบตายแล้วจริงๆ หรือ” 

 

 

“อืม” 

 

 

“…ทำไมกัน ทั้งที่เขาชำนาญการวางยาพิษ อีกทั้งยังฝีมือดีที่สุด เหตุใดถึงตายได้เล่า วังหลวงนั่นก็หาใช่เพิ่งจะไปครั้งแรก” 

 

 

“ยอง…” 

 

 

ทันทีที่ถูกเรียกชื่อ ร่างบางก็ทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างไม่สามารถฝืนทนต่อได้อีก บนใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งก่อนหน้านี้ เริ่มมีหยาดน้ำตาไหลพรากลงมาราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกลวง อีกฝ่ายจึงย่อตัวลงลูบหลังปลอบคนสะอื้นจนตัวโยน 

 

 

“ทันยอง เอาไว้ค่อยร้องไห้ทีหลังเถอะ” 

 

 

“แม้ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนฆ่า แต่ข้าจะไม่อยู่เฉยแน่” 

 

 

ผู้ถูกเรียกว่าทันยอง ปาดเช็ดน้ำตาที่ยังคงรินไหลพร้อมกับผุดลุกขึ้น จากนั้นก็กระโดดเหยียบขึ้นบนต้นไม้ก่อนจะทะยานข้ามกำแพงหายตัวไป แน่นอนว่าไม่ได้เป็นที่สะดุดตาผู้คนเลย เหล่ามือสังหารของยาอึมมักจะเหยียบย่างบนหลังคามากกว่าบนพื้นดิน 

 

 

ชังฮโยพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางทุบอกตนเองหลายครั้ง ด้วยรู้ดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างทันยองและทันยอบ ทั้งยังละอายกับสิ่งเคยใช้มือคู่นี้กระทำ และด้วยความรู้สึกของตนที่มีต่อทันยอง เขาทอดถอนใจอีกคราก่อนจะซ่อนกายกับความมืดมิดเช่นเดิม 

 

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่ง ทันยองกลับไปยังร้านผ้าไหมและเตรียมตัวสำหรับเข้าไปในวังหลวง จากนั้นก็เรียกรถม้าและเดินทางออกไป 

 

 

หลังจากจอดรถม้าแถวๆ หน้าวังหลวง ทันยองก็ยื่นแผ่นป้ายให้กับทหารยามหน้าประตู เมื่อทางนั้นเอ่ยขอแผ่นป้ายชื่อยืนยันตัวตน ทหารยามตรวจสอบตัวตนเรียบร้อยแล้วก็ทำการเปิดประตูให้ทันยองเข้าไปภายในวังหลวง 

 

 

ร่างบางเก็บแผ่นป้ายสลักว่าเป็นหมอหญิงของสำนักหมอหลวงเข้าในอกเสื้อ ก่อนจะก้าวผ่านประตูแล้วตรงไปยังสำนักหมอหลวง 

 

 

สำนักหมอหลวงดูโกลาหลอย่างยิ่ง โดยไม่มีผู้ใดว่างเว้น หมอหญิงทั้งหลายต่างเคลื่อนตัวไปมาอย่างวุ่นวาย ขณะนั้นก็มีคนผู้หนึ่งแตะเข้าที่ไหล่ของทันยอง 

 

 

“อย่ามัวแต่ยืนเหม่อ รีบไปทำงานที่ได้รับมอบหมายเสียเถอะ” 

 

 

“เจ้าค่ะ” 

 

 

ตอนนี้ทันยองสวมอาภรณ์หมอหญิงฝึกหัดของสำนักหมอหลวง เขาค้อมคำนับตอบรับและเดินปะปนพร้อมกับทุกๆ คน 

 

 

สถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพร ไม่มีสักคนอยู่นิ่งอย่างว่างงาน ท่ามกลางผู้คนมากมายนั้น เขาคิดจะคว้าใครสักคนที่หลบแอบมุมและพอจะว่างงานมาล้วงถามข้อมูล ทว่าผู้คนทั้งหมดของที่นี่ล้วนแล้วแต่มีงานล้นมือ จึงไม่มีใครว่าพอให้สอบถามได้เลย 

 

 

ระหว่างเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของผู้อื่น ทันยองก็แทรกตัวเข้าไปจัดเตรียมสมุนไพรที่ดูจะเป็นงานง่ายที่สุดในบรรดางานเหล่านั้น และเมื่อเห็นบรรดาสมุนไพรตากแห้งอย่างดีก็พลันนึกถึงทันยอบขึ้นมา 

 

 

 

 

 

ตัวเขาไร้ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ สิ่งที่จดจำได้คือการดำรงชีวิตไปวันๆ ด้วยการขอทานกับทันยอบ ชายที่ได้รู้จักกันบนถนน แต่อีกฝ่ายไม่เคยละทิ้งตนไปไหน ทั้งยังแบ่งปันสิ่งที่ขอทานมาได้และคอยอดทนกับค่ำคืนที่ต้องซ่อนตัวอยู่ในป่า พวกเขาแบ่งปันความอบอุ่นแก่กันและกันตลอด กระทั่งยามเจ้าของร้านผ้าไหมต้องการจะพาตัวทันยอบไป อีกฝ่ายก็กล่าวว่าหากไม่ยอมพาเขาไปด้วย ก็ตนเองจะไม่ไปไหนเด็ดขาด แล้วในวันที่ต้องนั่งขดตัวอยู่ภายในรถม้าของเจ้าของร้านผ้าไหม ทันยอบยังลูบศีรษะปลอบเขา ทั้งกระซิบถ้อยคำที่เวลานี้ก็ยังคงแจ่มชัด 

 

 

‘มีเพียงเราสองคนที่เป็นครอบครัวของกันและกัน แม้ยามได้นอนในที่อบอุ่น ได้กินครบสามมื้อ ก็ยังจะเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่มีทางทิ้งเจ้าไว้เพียงลำพัง’ 

 

 

เป็นเช่นนั้น… ทว่าตอนนี้ทันยอบกลับจากไปโดยทอดทิ้งเขาไว้ลำพังเสียอย่างนั้น 

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

ยูโซกัง บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตขุนนางกรมราชเลขา ชีวิตต้องพลิกผันจากทายาทขุนนางชั้นสูงกลายเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อย หลังผู้เป็นบิดาได้รับการตัดสินโทษประหารด้วยข้อหากบฏ จำต้องอดทนอดกลั้นถูกเหล่าทาสข่มเหงรังแกทุกวี่ทุกวัน ทว่าวันหนึ่ง ขณะกำลังชำระล้างร่างกาย เขาบังเอิญช่วยชีวิตคนผู้นึงไว้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นคือองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮยอนวอน ยังจาฮอน ด้วยสาเหตุนั้นเอง ทำให้โซกังได้มีโอกาสเข้าวังหลวง จาฮอนตกหลุมรักโซกัง และพยายามรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือบุตรชายของอดีตนักโทษประหารข้อหาร้ายแรงต่อแผ่นดิน ความรักต่างชนชั้นของทั้งคู่จะข้ามผ่านอุปสรรคและคำครหาทั้งหลายไปได้หรือไม่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset