(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย – ตอนที่ 8-5 ดอกไม้ราตรี

ตอนที่ 8-5 ดอกไม้ราตรี

 

ไม่นานหลังจากนั้น แพคมูกิลก็เรียกยูจินมยอง ขุนนางกรมราชเลขา เข้ามาพูดคุยสนทนาเกี่ยวการไต่สวนอย่างลับๆ 

 

 

อย่างไรเสียมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการก็ได้รับอำนาจในการไต่สวน ทั้งยังไม่คิดจะไว้ชีวิตผู้ใดก็ตามในคุกหลวงอยู่แล้ว แต่คำให้การของยูจินมยองจะช่วยลดเวลาการไต่สวนลง มูกิลจึงเสนอว่าจะช่วยชีวิตยูโซกัง บุตรชายเพียงคนเดียวของอีกฝ่าย 

 

 

ยูจินมยองยินยอมรับข้อเสนอนั้น ศพที่ดูคล้ายคลึงกับยูโซกังจึงถูกส่งเข้าไปในคุกแทนยูโซกังตัวจริง และทางการก็ทำการประกาศออกมาทันทีว่า ยูโซกังสิ้นชีพในคุกหลวงแล้ว 

 

 

คยองยูลกลัวว่าแพคมูกิลเปลี่ยนใจจะฆ่ายูโซกังภายหลัง ดังนั้น ก่อนตนจะถูกประหารจึงกล่าวแก่มหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการว่าบันทึกฉบับนั้นยังอยู่ และหากทางนั้นต้องการค้นหาที่ซ่อนของบันทึก ยูโซกังก็จะไม่มีทางถูกฆ่าแน่นอน 

 

 

ได้แต่หวังให้เด็กสุภาพอ่อนโยนทั้งๆ ที่สูญเสียมารดาตั้งแต่ยังเล็กมีชีวิตอยู่ เพราะหากเป็นมูฮยอน บุตรชายของตนที่มีชาตินักรบฝังถึงกระดูก คงไม่อาจทนดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดต่อได้ อีกทั้งบุตรสาวอย่างโซยง หากยังมีชีวิตอยู่ก็คงไม่พ้นถูกข่มเหง ให้พวกเราจากไปด้วยกันจึงจะเป็นการดีกว่า 

 

 

จนกระทั่งถึงยามถูกประหาร คยองยูลก็ยังภาวนาให้โซกังมีชีวิตต่อไป 

 

 

โซกังถูกนําตัวมาปล่อยไว้ที่เรือนทาสหน่วยสาม จากนั้นก็ถูกผู้ได้รับการบงการจากแพคมูกิลบังคับให้รับการปฏิบัติอย่างหยามเหยียด ด้วยคำพูดของแพคมูกิล เขาจึงต้องมีชีวิตด้วยการตกเป็นชายบำเรอ ทว่าด้วยการกระทำเช่นนั้นของแพคพูกิล จึงทำให้ร่างบางไม่ได้ถูกทรมานอย่างไร้ความปราณีจากแพคมีกัง 

 

 

และมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ 

 

 

ทว่าความจริงทั้งหมดนั้น โซกังไม่มีทางได้รับรู้ 

 

 

 

 

 

เขากำลังยืนอยู่ในที่ที่เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว คล้ายเป็นการเตรียมพร้อมกับห้วงสุดท้ายของชีวิต จึงได้เห็นภาพยามท่านมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการเล่าเรื่องราวให้ฟัง รอยยิ้มของโซยง คุกหลวงและเรือนทาส สิ่งเหล่านั้นถูกแต่งเติมด้วยสีขาว สีดำและสีแดงจนสับสนวุ่นวาย ทว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนเหล่านั้น อดีตเหล่านั้น รวมถึงอดีตของตนเลย 

 

 

จิตใจที่สงบอย่างถึงที่สุดกำลังกระซิบว่าตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว เพียงเดินต่อไปตามทางเดินเบื้องหน้าก็พอ 

 

 

หากจุดสิ้นสุดมาถึง ก็คล้ายตนจะหายไปในแสงสว่างเปล่งประกาย และโซกังก็ปรารถนาถึงสิ่งนั้นเช่นกัน เขาละทิ้งอดีตของตน ปัจจุบัน ผู้คน ละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังเพื่อก้าวเดินไปตามหนทางสีขาว ทุกครั้งที่ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ความกลัดกลุ้มก็ปลิวหาย ความปรารถนาก็ตามไปติดๆ ท้ายที่สุดก็หวังว่าความชิงชัง โทสะ กระทั่งความคับแค้นจะหายไปเสียทั้งหมด พร้อมกับก้าวย่างต่อไปอีกหนึ่งก้าว 

 

 

ทว่าขณะนั้น หน้าอกพลันเริ่มเจ็บแปลบ ความเจ็บปวดอันน้อยนิดค่อยๆ เติบโตขึ้น สุดท้ายมันก็ปะทะเข้ามาจนหายใจไม่ออก โซกังกอบกุมหน้าอกเอาไว้พลางทรุดตัวลงกับพื้น 

 

 

“ข้าคิดถึงเจ้า มันยังไม่เพียงพอเลย ข้ายังไม่ทันได้บอกว่ารักเจ้ามากถึงเพียงใด ข้าคิดถึงเจ้า…” 

 

 

เมื่อความรู้สึกที่ติดค้างอยู่มากมายกดทับลงบนอก เขาก็หลับตาแน่นทันที ก่อนน้ำเสียงแหบแห้งจะดังขึ้น โซกังพยายามฝืนพูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง 

 

 

“…จา ฮอน” 

 

 

แม้มันจะเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่จาฮอนกลับได้ยินเสียงของโซกังอย่างแจ่มชัด เจ้าตัวนั่งอยู่ริมเตียง เอาแต่จ้องมองใบหน้าหวานพร้อมตะโกนร้องออกมา 

 

 

“โซกัง!” 

 

 

“จา ฮอน จาฮอน… จาฮอน…” 

 

 

โซกังเรียกชื่อของอีกฝ่ายอยู่เช่นนั้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ชื่อของผู้ที่เรียกตนให้หวนคืนกลับมาจากเบื้องหน้าของความตายอันสุขสงบและอบอุ่น 

 

 

ด้วยคิดว่าไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อโลกนี้อีกแล้ว หากเพียงตายได้ก็อยากจบชีวิตลงเสีย แม้จะคิดว่าอยากรักและใช้ชีวิตร่วมกับจาฮอนก็ตาม ทว่าอีกด้านหนึ่งก็ยังคงมีโซยงอยู่เสมอ มีท่านมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการกับท่านพ่อ อีกทั้งยังมีมูฮยอน ถึงตัวเขาจะไม่อาจติดตามไปพร้อมกันได้ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถลบเลือนพวกเขาเหล่านั้นออกใจได้อย่างหมดสิ้น 

 

 

แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูแห่งความตาย ทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีสิ่งอื่นใดสั่นคลอนจิตใจได้ กลับได้ยินเสียงจาฮอนอ้อนวอนต่อตัวเขา 

 

 

“จาฮอน” 

 

 

เอ่ยเรียกชื่อของอีกฝ่ายซ้ำอีกครา แม้อยู่ต่อหน้าความตายแล้ว ความห่วงหาอันน่าเศร้าก็ทำให้หวนกลับคืนมา มีเพียงเท่านี้ เพียงปล่อยวางทุกสิ่งอย่างในห้วงเวลาแสนประหลาดนั่น เพราะเพียงสิ่งเดียวที่ติดค้างอยู่ในใจ 

 

 

จาฮอนลูบไล้แก้มเนียนและแนบประทับจูบบนริมฝีปาก แม้โซกังจะยังไม่ได้ลืมตา แต่ก็รับรู้ได้ว่าริมฝีปากที่สัมผัสลงมาเป็นของผู้ใด ริมฝีปากสั่นระริกของอีกฝ่ายบ่งบอกให้รับรู้ว่าเจ้าตัววิตกกังวลใจเพียงใด 

 

 

“ข้า รักท่าน จาฮอน” 

 

 

“ข้าก็รักเจ้า โซกัง…รักสุดหัวใจ” 

 

 

แม้รอบกายจะมีทั้งทันยอง ขันทีโช หมอหลวง อีกหกองครักษ์ฮวังรยง รวมถึงเหล่าขันทีและนางกำนัล แต่จาฮอนก็ไม่ใส่ใจผู้ใดทั้งสิ้น เอาแต่เอ่ยคำว่ารักแก่อีกคน ด้วยน้ำเสียงที่แม้แต่ผู้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ก็ยังรู้สึกทราบซึ้งกินใจจนอัดแน่นไปทั้งอก 

 

 

ริมฝีปากทั้งคู่ยังคงสัมผัสไม่ละห่างอยู่เช่นนั้น จนผู้คนรอบกายต่างต้องเป็นฝ่ายหมุนตัวหันหลังหลบสายตาแทน ยกเว้นเพียงทันยองเท่านั้น ทันยองปาดเช็ดนํ้าตาของตนที่รินไหลออกมาอีกหน พร้อมกับจ้องมองการจุมพิตของฝ่าบาทกับโซอีมามาอย่างไร้มารยาท หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เปลือกตาของโซกังก็ปรือขึ้น สีหน้าเป็นกังวลของคนตรงหน้าก็ทำให้เขาพยายามฝืนยิ้ม ทันใดนั้นดวงตาคมใต้เรียวคิ้วขมวดมุ่นของจาฮอน ก็มีหยดนํ้าตาอุ่นร้อนร่วงรินลงมา 

 

 

ทั้งรอบตาลึกโหล ทั้งใบหน้าซูบตอบปรากฏสู่สายตาอย่างชัดเจน ร่างบางทำสีหน้าเศร้าโศกก่อนจะเอ่ยปากพูด 

 

 

“เหตุใดจึงทรงซูบเซียวเช่นนี้เล่า…” 

 

 

“ก็เจ้าทิ้งข้าไว้ลำพังตั้งเจ็ดวันน่ะสิ” 

 

 

“กระหม่อมนอนอยู่เช่นนี้… ตั้งเจ็ดวันเชียวหรือ” 

 

 

“ใช่ ทำไมเจ้าถึงใจร้ายนัก ในใจข้าลุกไหม้จนเหลือเพียงเถ้าถ่านแล้ว” 

 

 

“ขอโทษ” 

 

 

คำพูดของโซกังทำให้จาฮอนเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มสดใสออกมาในทันใด อีกฝ่ายค่อนข้างเถรตรง โดยปกติมักจะใช้คำว่า ‘ขอประทานอภัย’ ทว่าตอนนี้กลับพูดเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เพียงแค่เปลี่ยนระดับการพูด ก็รู้สึกว่าระยะห่างเล็กน้อยที่เคยมีระหว่างกันสลายหายไปจนสิ้น 

 

 

จาฮอนจ้องมองโซกังด้วยรอยยิ้มกว้างและไม่คิดจะเอ่ยแนะนําทันยองแต่อย่างใด ท้ายที่สุดทันยองก็ต้องกระแอมออกมาเป็นหนที่สอง จนร่างสูงพลันตระหนักได้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองรอบกาย ก็เห็นแผ่นหลังของทุกคนที่หันกลับไปเหมือนไม่ขอรับรู้สิ่งใด ยกเว้นคนผู้เดียวคือทันยอง 

 

 

“ทุกคนจงออกไปเสีย” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” 

 

 

ผู้คนที่หันหลังต่างตอบรับโดยพร้อมเพรียงและทยอยออกไปรอนอกห้องบรรทม เมื่อประตูปิดลง จาฮอนจึงเหลือบสายตามองทันยอง 

 

 

ทันยองประสานสายตา ก่อนจะหลุบสายตาลงด้านล่างและก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น คนผู้นี้รูปร่างเล็ก มีส่วนสูงเกินห้าช็อกมาเล็กน้อย จนไม่อาจแยกแยะได้ชัดเจนว่าเป็นชายหรือหญิงกันแน่ 

 

 

ตลอดช่วงเวลาที่โซกังยังไม่ฟื้น ความสนใจทั้งหมดของเขาก็อยู่กับคนรักของตนเท่านั้น จนถึงตอนนี้อย่าว่าแต่เพศของทันยองเลย กระทั่งชื่อเขาก็ยังไม่รู้ จาฮอนจับมือของโซกังพลางลูบสัมผัสอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยถามทันยอง 

 

 

“เจ้าชื่ออะไร” 

 

 

“ทันยองพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“อย่างนั้นหรือ ทันยองบอกสิ่งที่เจ้าต้องการมาสิ” 

 

 

“หา?” 

 

 

“เจ้าช่วยชีวิตโซกังเอาไว้ ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าก็จะมอบให้” 

 

 

ทันยองถึงกับตาเบิกกว้างจ้องมองอีกฝ่ายทันที ทว่าจาฮอนไม่ได้มองกลับมา ดวงตาของเจ้าตัวกำลังมองคนรักที่เพิ่งลืมตาตื่น สีหน้าผ่อนคลายพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข เมื่อได้เห็นภาพเช่นนั้น ทันยองเองก็พลอยยิ้มตามไปด้วย 

 

 

ตลอดเวลาเจ็ดวันที่ฝ่าบาทคอยดูแลโซอีมามา ทั้งไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน คอยเดินไปเดินมาอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาด้วยความว้าวุ่นกระวนกระวาย ทว่าด้วยเหตุนั้นแล้ว ก็คงไม่ใช่ว่าลืมเลือนว่าตัวเขาเป็นใคร ทั้งๆ ที่เห็นชัดว่าเขาเป็นพวกเดียวกับมือสังหารแท้ๆ 

 

 

“มิทรงทำการไต่สวนหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เหตุใดถึงได้ถามเช่นนั้นเล่า” 

 

 

“ทรงลืมแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะว่ากระหม่อมเป็นผู้ใด” 

 

 

“ข้าไม่ได้ลืม แต่เจ้าคืนโซกังให้ข้า สิ่งนั้นนับว่าสำคัญที่สุด” 

 

 

“เป็นพระกรุณาอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ทันยองรีบคุกเข่าคำนับลงกับพื้น ถึงแม้องค์จักรพรรดิจะไม่ชายตามองก็ตาม เพราะสายพระเนตรหยุดอยู่ที่โซอีมามาเพียงผู้เดียว 

 

 

แม้จะไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับนิ้วมือสักหนึ่งนิ้ว แต่ร่างบางที่เพิ่งฟื้นสติกลับคืนมาครบสมบูรณ์ก็ขยับปากไปทางอีกฝ่าย ด้วยเพราะถูกพิษขณะนอนหลับจึงย่อมจะสงสัยว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร 

 

 

จาฮอนขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างเรียบง่าย ทันยองรอคอยจนกระทั่งน้ำเสียงอ่อนโยนและทุ้มตํ่าจบลง จึงเอ่ยพูดสิ่งที่ตนต้องการ 

 

 

“โปรดส่งตัวกระหม่อมไปยังคุกหลวง และยินยอมให้หนีออกไปด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เจ้าจะกลับไปหาพรรคพวกอีกครั้งเช่นนั้นหรือ” 

 

 

“มิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีคนที่ต้องไปพบ และเพื่อโซอีมามาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“หมายความว่าอย่างไร เจ้าว่ามาให้ละเอียดสิ” 

 

 

เด็กๆ ของยาอึมถูกเลี้ยงดูอย่างไร นายใหญ่ของยาอึมคือใคร แพคมูกิลมีตำแหน่งใดในยาอึม ทันยอบได้รับมอบหมายหน้าที่เช่นไรจากผู้ใด และถูกจัดการด้วยวิธีใด ทันยองบอกเล่าออกมาเสียจนหมด 

 

 

หลังจากรับฟังเรื่องราวทั้งหมด จนถึงสาเหตุว่าทำไมถึงขอให้เขาส่งตัวไปขังในคุกหลวง จาฮอนก็ตอบรับทันยองว่าอีกประเดี๋ยวค่อยพูดถึงเรื่องนี้กัน เพราะในยามนี้สภาพร่างกายของโซกังถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก 

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

ยูโซกัง บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตขุนนางกรมราชเลขา ชีวิตต้องพลิกผันจากทายาทขุนนางชั้นสูงกลายเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อย หลังผู้เป็นบิดาได้รับการตัดสินโทษประหารด้วยข้อหากบฏ จำต้องอดทนอดกลั้นถูกเหล่าทาสข่มเหงรังแกทุกวี่ทุกวัน ทว่าวันหนึ่ง ขณะกำลังชำระล้างร่างกาย เขาบังเอิญช่วยชีวิตคนผู้นึงไว้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นคือองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮยอนวอน ยังจาฮอน ด้วยสาเหตุนั้นเอง ทำให้โซกังได้มีโอกาสเข้าวังหลวง จาฮอนตกหลุมรักโซกัง และพยายามรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือบุตรชายของอดีตนักโทษประหารข้อหาร้ายแรงต่อแผ่นดิน ความรักต่างชนชั้นของทั้งคู่จะข้ามผ่านอุปสรรคและคำครหาทั้งหลายไปได้หรือไม่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset