(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย – ตอนที่ 9-3 ไล่ล่ากระต่าย

ตอนที่ 9-3 ไล่ล่ากระต่าย

 

มหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการกัดฟันแน่น อดกลั้นโทสะจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ทว่าสีหน้าเครียดขึงของโซกังพลันผ่อนคลายลงเล็กน้อย แม้ตนจะถูกลักพาตัวมา ทว่าเรื่องนี้ก็มีจุดประสงค์แฝง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว 

 

 

โซกังไอโขลกๆ ก่อนจะเอ่ยกับชายชราที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมด 

 

 

“ข้าเองก็อยากบอกให้ทราบขอรับ จะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร ทว่านอกจากคำคำนี้ ข้าก็นึกอันใดไม่ออกแล้ว ท้องฟ้าสีครามเหนือบุปผาดอกหนึ่งท่ามกลางหมู่มวลบุปผาทั้งหลาย ด้านใต้พื้นดินมีรอยเท้าที่เจ็ดตัดผ่านรอยเท้าที่ห้า” 

 

 

“รหัสสินะ อืม ขีดตัวอักษรหรือ… นั่นเป็นคำกล่าวของคยองยูลใช่หรือไม่” 

 

 

“ขอรับ ท่านมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการย้ำข้าว่าห้ามลืมเด็ดขาด เมื่อถึงยามต้องตายอย่างไม่อาจเลี่ยง มันจะช่วยชีวิตข้าได้ขอรับ” 

 

 

“ช่างสมเป็นตาเฒ่าอสรพิษเสียจริง คงต้องตีความถ้อยคำนั้นเสียก่อน ช่วงระหว่างนี้คงจะต้องให้เจ้าอยู่ที่นี่เช่นกัน เมื่อข้าเจอบันทึกนั่นแล้ว จะปล่อยเจ้าทันที” 

 

 

“ขอบพระคุณขอรับท่านมหาเสนาบดี” 

 

 

เมื่อร่างบางค้อมศีรษะคำนับ แพคมีกังก็แสดงสีหน้ารำคาญใจ การกระทำเหมือนไม่หาเรื่องใส่ตัว ทว่าปากกลับพูดพล่ามไปเรื่อย จากนั้นมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการและเถ้าแก่ร้านผ้าไหมก็ออกจากสถานที่ซ่อนตัวอย่างรีบเร่ง พร้อมกับนักฆ่ายาอึมอีกสองสามคน 

 

 

โซกังยกยิ้มในใจ ถ้อยคำที่กล่าวมาจากคำบอกของมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการจริงๆ เพียงแต่นั่นไม่ใช่ทั้งรหัส ไม่ใช่ทั้งขีดตัวอักษร หากสนิทสนมกับท่านคยองยูล มันก็เป็นเพียงปริศนาง่ายๆ ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถแก้ได้ทั้งสิ้น ความจริงเมื่อตัวเขาลองคิดดู ก็รู้แจ้งเช่นกันว่าตำแหน่งนั้นหมายถึงที่ใด 

 

 

ทว่ามหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการคงทำเช่นนั้นไม่ได้ อย่างเร็วก็คงใช้เวลาสักสามสี่วัน อย่างช้าที่สุดก็อาจจะถึงสิบวันเลยทีเดียว หากนิสัยของอีกฝ่ายคล้ายคลึงนิสัยของผู้เป็นหลาน ก็คงไม่ยึดติดอยู่กับการถอดรหัสไปมากกว่านั้น 

 

 

‘จาฮอน ข้าคิดถึงท่าน’ 

 

 

เรียกหาคนผู้นั้นอยู่ในใจและค่อยๆ ถอนหายใจออกมาโดยไม่ให้เป็นที่สังเกต 

 

 

 

 

 

แล้วมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการก็หายเงียบไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ 

 

 

กลางดึกของค่ำคืนมืดมิดไร้แสงจันทร์ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ… รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของใครบางคนภายในสถานที่ซ่อนตัว ทั้งๆ ที่ตนอยู่เพียงลำพัง แม้จะถูกความมืดมิดบดบังจนมองไม่เห็นอะไร ทว่าอย่างไรแล้วภายในพื้นที่เงียบสงัดเช่นนี้ก็ไม่สามารถปกปิดเสียงได้ 

 

 

เหล่าทหารของมหาเสนาบดีและเหล่านักฆ่ายาอึมรับรู้ได้ทันทีว่าสถานที่ซ่อนตัวถูกล้อมแล้วจากการเคลื่อนไหวด้านนอก แต่ละคนจึงถืออาวุธที่ตนถนัดและเตรียมพร้อมอยู่ด้านใน ด้วยความเป็นนักฆ่า ประสาทสัมผัสทั้งห้าจึงว่องไวกว่าผู้อื่น คนเหล่านั้นฝากโซกังไว้กับทันยอง หลังจากอีกฝ่ายเพิ่งได้รับโทษและกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน 

 

 

“พวกข้าไม่ได้ฝากเพราะเชื่อใจเจ้าหรอกนะ” 

 

 

“มือก็เป็นเช่นนั้น จงทำหน้าที่ให้ดีล่ะ” 

 

 

พวกนั้นมัดรวบแขนของโซกังไพล่หลัง ทันยองมองข้ามและเมินสายตาจาบจ้วงและเต็มไปด้วยความใคร่ที่ส่งมาทางตน ก่อนจะกระชับดาบในมือข้างขวาอย่างทะมัดทะแมง 

 

 

โซกังจึงเหลือบมองมือของทันยองแล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น นักฆ่าคนอื่นเล่าว่าอีกฝ่ายถูกลงโทษ ‘การลงโทษ’ คงหมายถึงการตัดนิ้วสินะ ดูจากโลหิตที่ไหลซึมออกมาจากผ้าพันแผลแล้ว คงสูญเสียนิ้วจากมือข้างซ้ายไปสองนิ้ว 

 

 

อันที่จริง ทันทีที่ได้เห็น เขาก็เกือบหลุดปากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทว่าเนื่องจากอยู่ท่ามกลางศัตรู จึงไม่พลาดเอ่ยทักเพราะตอนนี้ถือว่าเป็นศัตรูเช่นกัน แม้มันจะน่าเศร้าใจ แต่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์อันใดจะฟูมฟายกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว 

 

 

ทันยองกลับเข้ามารวมกับพวกยาอึมอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติและไม่มีพิรุธใดๆ แน่นอนว่าทุกอย่างแตกต่างจากเมื่อครั้นมีทันยอบอยู่เป็นอย่างมาก 

 

 

ตอนนี้การเคลื่อนไหวด้านนอกเปลี่ยนเป็นไอสังหารเข้มข้นราวกับต้องการบ่งบอกให้ด้านในรับรู้ หลังจากนั้นครู่หนึ่งประตูไม้บานหนาก็เปิดออก โดยมีเหล่าบุรุษสวมชุดองครักษ์ฮวังรยงกรูเข้ามาด้านใน 

 

 

“ห้ามปล่อยให้หลุดไปแม้แต่คนเดียว พาไปพบฝ่าบาททั้งหมด” 

 

 

“ทราบแล้วขอรับ!” 

 

 

นี่คือจุดประสงค์แท้จริงของโซกังและทันยอง ซึ่งเป็นคำแนะนำจากทันยองเอง 

 

 

ด้วยการจดจ่อแกะรอยตำแหน่งของบันทึก ความรอบคอบของมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการจึงหละหลวม ช่วงเวลานั้นมือสังหารของกลุ่มยาอึมทั้งหมดจึงถูกจับในยามอิน หลังจากทำการไต่สวนเหล่ามือสังหาร ตรวจสอบบรรดาเหตุกาณ์การลอบฆ่าที่เริ่มต้นจากฝ่ายเช จากนั้นถึงก้าวเข้าจับกุมเหล่าบรรดาผู้สั่งการ 

 

 

หากกล่าวว่ามันสมอง หัวใจ เป็นอวัยวะสำคัญของมนุษย์ ยาอึมก็เป็นเหมือนแขนและขาของบรรดาผู้เกี่ยวข้องของฝ่ายเช หากแทงหัวใจตรงๆ สามารถทำให้มนุษย์ตายได้อย่างง่ายดายก็จริง แต่เนื่องจากหัวใจห่อหุ้มเกราะเอาไว้หลายชั้นจนไม่รู้สึกหวาดหวั่น จึงต้องเริ่มจากตัดแขนและขาทั้งสองข้างก่อน ให้ตกอยู่ในสภาพไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้ แน่นอนว่าเป็นความเห็นของทันยองอีกเช่นกัน  

 

 

ส่วนบันทึกลับอันเป็นหลักฐานสำคัญนั้น ระหว่างที่ไม่ได้ย่างกรายมาเยือนตำหนักฮงฮวา จาฮอนก็สั่งให้องครักษ์ฮวังรยงออกค้นหาอย่างลับๆ แล้วนำมาส่งให้กับมือตน ซึ่งสถานที่เก็บรักษามันก็มาจากคำบอกเล่าอย่างละเอียดของโซกังนั่นเอง 

 

 

มหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการคยองยูลรักภรรยามาก ไม่ว่าเวลาใดก็มักจะกล่าวว่านายหญิงอิลฮวางดงามเป็นหนึ่งในมวลบุปผาเสมอ ด้วยเหตุนั้นนายหญิงอิลฮวาจึงเป็นหนึ่งในมวลบุปผา 

 

 

นายหญิงอิลฮวาไม่ค่อยชื่นชอบการทำงานอดิเรกในเรือนนอน ดังนั้นภายในจวนของมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการจึงมีพื้นที่เฉพาะสำหรับนางแยกต่างหาก โดยมีตะกร้าอุปกรณ์เย็บปักของนายหญิงอิลฮวา ผ้าไหมที่ถูกปักแล้ว ทั้งสะดึง[1]และกี่ทอผ้า หลังคาของที่แห่งนั้นก็คือเหนือหนึ่งในมวลบุปผา แต่กลับอยู่ใต้ฝืนฟ้าคราม 

 

 

คาดเดาเอาว่าหากอยู่ยอดบนหลังคาแล้วร่วงตกลงมาด้านล่าง ทว่าด้านขวาของสถานที่แห่งนั้นเป็นบันไดหิน ส่วนด้านซ้ายเป็นพื้นดิน ดังนั้น มันคือกระเบื้องแผ่นที่เจ็ดของฝั่งซ้าย ตั้งแต่ยังเยาว์วัยนั้นทิศทางการนับที่ได้เรียนรู้มา มักจะเริ่มจากด้านขวาไปด้านซ้ายเสมอ จึงนับตั้งแต่ไล่ไปจากกระเบื้องห้าแผ่น 

 

 

ใต้นั้นย่อมเป็นบันทึกลับที่ว่าอย่างแน่นอน โซกังบอกกล่าวตำแหน่งอย่างละเอียด องครักษ์ฮวังรยงจึงใช้จังหวะยามดึกสงัดออกตามหาบันทึกลับ ณ ที่แห่งนั้นและนำมาถวายแด่องค์จักรพรรดิ 

 

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่ง เหล่าองครักษ์ฮวังรยงก็วิ่งวุ่นเข้าจู่โจมเหล่ามือสังหารยาอึมทันทีภายในสถานที่ซ่อนตัว แต่ฝ่ายตรงข้ามเตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้ว ไม่มีทางยินยอมโดนจับแต่โดยดี คมดาบจึงเข้าปะทะกัน คนชุดดำทั้งสองฝั่งต่างผสมปนเป และชั่วพริบตาเสียงหวีดร้องก็ดังระงม 

 

 

ทันยองลากโซกังออกมาและให้ยืนหลบติดกับกำแพง เพราะเผลอๆ ทั้งอีกฝ่าย ทั้งตนเองอาจจะได้รับบาดแผลจากคมดาบที่มองไม่เห็น เขาจ้องมองสองฝ่ายปะทะกันอย่างชุลมุน โซกังเองก็มองทันยองอีกที 

 

 

สักพักทันยองก็เริ่มขยับตัวอย่างเงียบๆ ขยับโดยไม่ให้เป็นที่สังเกตพร้อมสะกิดโซกังด้วยแขนข้างที่พันผ้าพันแผลเอาไว้ ร่างบางเข้าใจสัญญาณของอีกฝ่ายจึงขยับตัวตามทีละนิดทั้งๆ ที่ร่างกายแนบติดกับกำแพง แม้ว่าแขนจะถูกมัดอยู่ด้านหลังจนไม่สามารถเอาหลังแนบสนิทได้ก็ตาม 

 

 

ระหว่างฟาดฟันรุกไล่กับองครักษ์ฮวังรยงผู้หนึ่ง ชังฮโยก็จ้องมองมาที่ทันยอง สายตาของทั้งคู่สบประสานกันชั่วขณะหนึ่ง ทันยองมีสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่งและจ้องมองกลับไม่หลบสายตา โซกังที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สังเกตเห็นจึงพยักหน้าให้เพียงเล็กน้อย ชังฮโยขมวดคิ้วแน่น 

 

 

ก่อนเข้าไปหานายท่านกับท่านใต้เท้า ทันยองมาพบตนและบอกเล่าแผนการล่วงหน้าทั้งหมดแล้ว 

 

 

‘หากได้เห็นคนพวกนั้นตาย ไม่ว่าจะเพียงนิ้ว หรือจะเป็นฝ่ามือนี้ ข้าก็เต็มใจสละมัน’ 

 

 

ถ้าหากเข้าไปหานายท่านเช่นนั้น อย่างไรทันยองจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน ชังฮโยจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลองคิดดูอีกที ทว่าอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาเช่นนั้น และตามด้วยการบอกเล่าถึงแผนการจงใจให้ถูกลักพาตัว 

 

 

เพราะมั่นใจว่ามีหูตาคอยเฝ้าระวังสืบข่าวอยู่ภายในวังหลวง หลังจากเข้านอนแล้ว โซกังก็ทำเป็นละเมอเอ่ยถึงเรื่องราวเกี่ยวกับบันทึกลับ และหลังจากนั้นไม่นาน จาฮอนก็แสร้งเบื่อหน่ายต่ออีกฝ่าย ไม่ยอมมาเหยียบตำหนักฮงฮวา แม้กระทั่งเหล่าองครักษ์ฮวังรยงก็มีรับสั่งให้ถอนกำลังจากตำหนักฮงฮวาทั้งหมดเช่นกัน แสดงท่าทางราวกับมิได้ใส่ใจต่อให้จะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายก็ตาม 

 

 

เพราะหากเฝ้าคอยอารักขาอยู่ เหล่าองครักษ์ย่อมเคลื่อนไหวทันที ทันยองกับโซกังจึงต้องร้องขอความร่วมมือจากจาฮอนอย่างจริงจัง แน่นอนว่าร่างสูงไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่อย่างไรเสียเรื่องราวมันก็ดำเนินมาเช่นนี้แล้ว 

 

 

เป้าหมายแรกคือฝ่ายเช พวกเขาทำการจู่โจมและเข้าจับกุมเหล่ามือสังหารยาอึม ผู้เป็นเสมือนแขนขาของมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการ กำจัดคนเหล่านั้นให้สิ้นซาก 

 

 

‘ข้าจะไปเจอยอบที่นั่น พี่จงใช้ชีวิตอยู่ต่อไป ข้าไม่อนุญาตให้พี่ติดตามมา พี่กล่าวว่าจะมอบทุกอย่างให้ข้าแล้ว จงเชื่อฟังข้า’ 

 

 

ครานั้นชังฮโยไม่เข้าใจความหมายของทันยอง แต่เวลานี้เหมือนจะเข้าใจมันแล้ว อีกฝ่ายกุมชีวิตของตนเอาไว้และสั่งให้ทำตามคำพูดนั้น ก็ประจักษ์ชัดแล้วว่าทันยองกำลังบอกให้เขาชดใช้บาปต่อการฆ่าทันยอบ ด้วยวิธีอันโหดร้ายอย่างถึงที่สุด ก็คือทิ้งให้เขาใช้ชีวิตเพียงลำพังในโลกที่ไม่มีอีกฝ่าย 

 

 

และตอนนี้ทันยองก็กำลังบอกลากันด้วยการก้มคำนับอย่างเชื่องช้า และมอบรอยยิ้มอันเลือนรางมาให้ เพราะไม่อาจละสายตาจากอีกฝ่าย ชังฮโยจึงถูกคมดาบกรีดลึกเข้าที่แขนจนต้องเบนสายตากลับมาอย่างกะทันหัน 

 

 

 

 

 

[1] สะดึง กรอบไม้หรือไม้แบบสำหรับขึงผ้าในเวลาปักดิ้นหรือไหม

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

ยูโซกัง บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตขุนนางกรมราชเลขา ชีวิตต้องพลิกผันจากทายาทขุนนางชั้นสูงกลายเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อย หลังผู้เป็นบิดาได้รับการตัดสินโทษประหารด้วยข้อหากบฏ จำต้องอดทนอดกลั้นถูกเหล่าทาสข่มเหงรังแกทุกวี่ทุกวัน ทว่าวันหนึ่ง ขณะกำลังชำระล้างร่างกาย เขาบังเอิญช่วยชีวิตคนผู้นึงไว้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นคือองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮยอนวอน ยังจาฮอน ด้วยสาเหตุนั้นเอง ทำให้โซกังได้มีโอกาสเข้าวังหลวง จาฮอนตกหลุมรักโซกัง และพยายามรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือบุตรชายของอดีตนักโทษประหารข้อหาร้ายแรงต่อแผ่นดิน ความรักต่างชนชั้นของทั้งคู่จะข้ามผ่านอุปสรรคและคำครหาทั้งหลายไปได้หรือไม่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset